Thursday, 3 July 2025
NewsFeed

เพชรบูรณ์ ศูนย์คุณธรรม เดินหน้าขับเคลื่อนสร้างเครือข่าย “นักส่งเสริมคุณธรรมเชิงพื้นที่” 6 จังหวัดภาคเหนือ

ที่ ห้องชันไชน์ ฮอลล์ ชั้น 2 โรงแรมเอสอาร์ เรสซิเดนซ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ นายจีรวัตร์ มณีโชติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพ "นักส่งเสริมคุณธรรมเชิงพื้นที่ "ภายใต้โครงการส่งเสริมเครือข่ายทางสังคมต่อต้านการทุจริตด้วยมิติทางวัฒนธรรม และมิติด้านสังคม (กลุ่มภาคเหนือ)โดยมีผู้นำศาสนาทุกศาสนา วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์/จังหวัดแพร่/จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดลำปาง หัวหน้าหรือผู้แทนส่วนราชการในจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้แทนหน่วยงานองค์กรเครือข่ายทางสังคม สื่อมวลชน และผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 93 คน มีนายอภินันท์ มุสิกะพงษ์ วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการฝึกอบรม

นางสาวสุขุมาล มลิวัลย์ หัวหน้ากลุ่มงานส่งเสริมคุณธรรมเครือข่ายทางสังคม ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)กล่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี ในแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยมีพฤติกรรมที่สะท้อนการมีคุณธรรมเพิ่มขึ้น 

มุ่งสู่สังคมคุณธรรมที่คนไทยอยู่ร่วมกัน ด้วยความสมานฉันท์ ภายใต้หลักธรรมทางศาสนา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงวิถีวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม และประเทศไทยปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อเป็นแนวทางส่งเสริมคุณธรรมนำสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โดยมีตัวชี้วัดดัชนีคุณธรรม 5 ประการ "พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา กตัญญู" เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี จากชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรม ทั่วประเทศ จำนวน 38,102แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570

ทั้งนี้ ศูนย์คุณธรรมได้ดำเนินการส่งเสริม และขับเคลื่อนจังหวัดคุณธรรม จนเกิดเป็นจังหวัดคุณธรรมต้นแบบที่โดดเด่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนการอบรมวิทยากรส่งเสริมคุณธรรมพัฒนาแกนนำเพื่อติดตามเสริมพลัง และการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โชว์ แชร์ เชื่อมให้สามารถเป็นกลไกส่งเสริมคุณธรรมในองค์กร และในพื้นที่จังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 มีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ) รวม 6 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัดลำปาง แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุตรดิตถ์และเพชรบูรณ์ ที่แสดงความพร้อมในการขยายผล และขับเคลื่อนการพัฒนาเป็นจังหวัดคุณธรรม 

เพื่อยกระดับขีดความสามารถกลไกการขับเคลื่อนคุณธรรมของเครือข่ายทางสังคมในจังหวัดคุณธรรมขยายผล ให้เป็นกำลังสำคัญร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ศูนย์คุณธรรม จึงได้ดำเนินการจัดฝึกอบรมนักส่งเสริมคุณธรรมเชิงพื้นที่ ภาคเหนือขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจหลักการ แนวทาง วิธีการ ในการขับเคลื่อนคุณธรรมเชิงพื้นที่แบบมีส่วนร่วม และสร้างเครือข่ายนักส่งเสริมคุณธรรมเชิงพื้นที่ในจังหวัดคุณธรรมใหม่ในกลุ่มภาคเหนือขึ้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ระหว่างวันที่ 10-11มกราคม2567 

โดยมี รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรมบรรยายพิเศษ เรื่อง Moral Fight Corruption คุณธรรมกับการป้องกันการทุจริตในสังคมไทย นายอุทิศ บัวศรี รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปช. บรรยายพิเศษเรื่องการแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม รวมทั้งการศึกษาฐานเรียนรู้พื้นที่ต้นแบบชุมชนคุณธรรม ชุมชนบ้านนายม ป่าช้าคาเฟ่ องค์กรคุณธรรม รพ.สมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า อำเภอคุณธรรม อำเภอเมืองเพชรบูรณ์และจังหวัดคุณธรรม จังหวัดอุดรธานีโดยผู้เข้ารับการอบรมได้รวมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฐานเรียนรู้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่จะนำไปปฏิบัติได้จริง การขับเคลื่อนคุณธรรมด้วยพลังทางสังคมสู่มิติสมัชชาคุณธรรมจังหวัดและนำไปสู่การปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

‘NASA’ เร่งพัฒนา ‘หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์’ ทำงานเสี่ยงภัยในอวกาศ ช่วยทุ่นแรงงานอันตราย-มนุษย์สามารถโฟกัสภารกิจได้เต็มที่

(10 ม.ค. 67) ข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในภารกิจสำรวจและวิจัยของมนุษย์อย่างเราในพื้นที่อวกาศนั้น ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพราะในพื้นที่อวกาศไม่มีอากาศให้หายใจ และยังมีรังสีมากมายที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา

เพื่อลดความเสี่ยงในภารกิจต่างๆ ในพื้นที่นอกโลก องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA จึงได้มีการพัฒนา ‘หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์’ (Humanoid robot) หรือ หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ เพื่อส่งไปใช้งานบนอวกาศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยลดงานของมนุษย์อวกาศในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงอันตรายของอวกาศอันกว้างใหญ่

ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์ของ NASA กล่าวว่า หากการพัฒนาสำเร็จ ในอนาคตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ หรือหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ จะสามารถช่วยมนุษย์ทำงานที่มีความเสี่ยงในพื้นที่อวกาศได้ เช่น ทำความสะอาดแผงโซลาร์เซลล์นอกอวกาศ ช่วยตรวจสอบอุปกรณ์ที่ทำงานผิดปกตินอกยานอวกาศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับมนุษย์อวกาศได้อย่างมาก

ก่อนหน้านี้ นอกจากหุ่น ’วัลคิรี’ ที่กำลังพัฒนา NASA เคยส่งหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ไปยังอวกาศมาแล้ว คือ โรโบนอส ทู (Robonaut 2) หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ตัวแรกที่เข้าสู่อวกาศ โดยหุ่นยนต์ได้ถูกส่งขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ในปี มีหน้าที่ช่วยงานพื้นฐาน เช่น ช่วยประสานการควบคุม ช่วยวัดการไหลของอากาศ ก่อนจะถูกส่งกลับมายังโลกในปี 2018

ในการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ของ NASA ทางทีมวิศวกรได้ให้ข้อมูลว่า ไม่ได้พยายามทำให้หุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์ แต่อยากให้งานที่อันตราย หรืองานน่าเบื่อให้หุ่นยนต์ทำแทนในพื้นที่อวกาศ เพื่อให้มนุษย์อวกาศที่ออกไปทำภารกิจนอกโลก มีเวลาที่จะสามารถทำภารกิจต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ เพราะนอกอวกาศนั้นมีทรัพยากรในการอาศัยและเดินทางที่จำกัด

นราธิวาส-กำลังใจคนสู้ชีวิต เสียขา..แต่เข้มแข็ง เหยื่อกับระเบิด 'ปาดี'

มาตามสัญญา... 'พ.ต.อ.ทวี' ไม่ทอดทิ้ง 'ป้านิ่ม' เหยื่อกับระเบิดสุไหงปาดี คนร้ายใจเหี้ยมวางดักในสวนยาง เจ้าตัวกำลังใจดี แม้เสียขาแต่ยังยิ้มได้ ใช้ชีวิตไม่ต่างคนปกติ ทั้งกวาดบ้าน ถูกบ้าน ซื้ออาหาร ทำกับข้าวกินเอง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ไปที่บ้านของ “ป้านิ่ม” นางประทุม นักทอง ที่บ้านโคกโก ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อเยี่ยมอาการคุณป้าวัย 55 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเหยียบกับระเบิด ต้องถูกตัดขาทั้งสองข้าง 

เรื่องราวสุดเลวร้ายไม่ต่างจากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในชีวิต เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2565 ป้านิ่มไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า การออกไปทำงานที่สวนยางพาราตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งเธอทำเป็นปกติทุกเมื่อเชื่อวัน จะทำให้เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป 

06.35 น.วันนั้น ป้านิ่มเหยียบกับระเบิดที่คนใจร้ายนำไปวางดักไว้ในสวนยางพารา หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าช่วยเหลือและตรวจพื้นที่ คนร้ายที่ซุ่มรออยู่ได้กดระเบิดลูกที่ 2 จนเกิดระเบิดขึ้่นอย่างรุนแรง แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่อีโอดีเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย

ป้านิ่มเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.ทวี เคยไปเยี่ยมให้กำลังใจเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2565 ซึ่งในวันนั้นแทบจะไม่มีบุคคลสำคัญคนใดเคยแวะเวียนไปหา ทำให้ป้านิ่มและครอบครัวมีใจ พ.ต.อ.ทวี รับปากว่าจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้ง...

“เราไม่ทิ้งกัน ทางหน่วยราชการก็มาเยี่ยมและดูแลทุกหน่วย ก็เป็นห่วงทุกคน ขอเป็นกำลังใจ” พ.ต.อ.ทวี กล่าว ณ เวลานั้น ขณะดำรงตำแหน่งเป็น สส.ฝ่ายค้าน และเลขาธิการพรรคประชาชาติ 

ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน วันนี้ พ.ต.อ.ทวี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ก็ไม่ลืมคำสัญญา กลับมาเยี่ยมป้านิ่มอีกครั้งจริงๆ 

ปัจจุบัน ป้านิ่มกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านโคกโกแล้ว แม้ตนเองจะถูกตัดขาทั้งสองข้าง ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้เหมือนเดิม แต่ป้านิ่มก็ยังสู้ชีวิต ท่ามกลางกำลังใจเต็มเปี่ยมจากครอบครัวและญาติพี่น้อง 

ทันทีที่ พ.ต.อ.ทวี ไปถึงบ้าน ทั้งป้านิ่มและคนในบ้านได้พากันออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ ทุกคนยิ้มแย้มมีความสุข โดยเฉพาะป้านิ่มที่นั่งรถเข็นออกมาหาด้วยตัวเอง ทำให้ พ.ต.อ.ทวี อาสาเข็นรถเข็นให้ป้านิ่มพาชมรอบบ้าน 

ป้านิ่มเล่าชีวิตประจำวันของเธอให้ฟังว่า การนั่งรถเข็นไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เธอยังทำกิจวัตรต่างๆ ทุกอย่างได้เหมือนเดิม โดยป้านิ่มเล่าไปยิ้มไป หัวเราะไป แสดงให้เห็นถึงหัวใจอันเข้มแข็งของหญิงวัย 55 ปี แม้สูญเสียขาทั้งสองข้าง แต่กำลังใจไม่เคยเสียไป

“ป้าไปซื้อกับข้าวเอง เวลาไปก็จะนั่งรถเข็นสามล้อไฟฟ้า อยู่ในบ้านก็จะนั่งรถเข็น ใช้ชีวิตประจำวันบนรถเข็นตลอด ครอบครัวได้ปรับพื้นบ้านและอุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านให้เหมาะกับการนั่งรถเข็น ป้าก็จะพยายามหาอุปกรณ์หรือตัวช่วยพิเศษเพื่อให้สามารถช่วยตัวเองได้ ทำอะไรเองได้หมด เช่น เวลาจะเปิดน้ำ ก็จะมีท่อพีวีซียาวๆ ไว้ใช้ดันหัวก๊อกน้ำ เพื่อเปิดก๊อก น้ำก็จะไหล ก็สามารถล้างจานเองได้ ในห้องครัวจะปรับเตาแก๊สให้ทำกับข้าวสะดวกขึ้น ทำอะไรเองได้หมดทุกอย่าง” 

คุณป้าวัย 55 ปี บอกอีกว่า ตอนกลางวันจะอยู่บ้านคนเดียวเกือบตลอด เพราะทุกคนจะเข้าสวนยาง ตั้งแต่เช้าประมาณ 6 โมงจะลงไปกวาดขยะ ถูพื้นข้างล้างก่อน แล้วค่อยขึ้นมาทำความสะอาดข้างบน เวลาอาบน้ำก็จะเข็นรถไปห้องน้ำ อาบน้ำเอง หิวก็จะทำอาหารกินเอง

“เราอยู่แบบไหนก็ได้ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข ที่สำคัญจะไปวัดตลอด วันนี้ก็ไปวัดโบราณฯ (วัดโบราณสถิตย์) เมื่อวานก็ไปช่วยที่วัดประชุมชลธารา (ใน อ.สุไหงปาดี)” ป้านิ่มเล่าด้วยรอยยิ้ม 

ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับป้านิ่มว่า “ยังเป็นห่วงตลอด คิดถึงตลอด วันนี้จึงถือโอกาสมาเยี่ยมและมาให้กำลังใจ ได้มาเห็นการใช้ชีวิตแล้ว สามารถทำงานบ้านเหมือนเดิม ทำครัวได้เองทั้งหมดเลย ก็ขอให้มีความสุข สมหวัง และโชคดีตลอดไป” 

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ท่ามกลางสถานการณ์ร้ายที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งใครได้เห็นและรับรู้เรื่องราว ก็จะมีแต่รอยยิ้มเฉกเช่นเดียวกันทุกคน

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 เด็กเที่ยวชมสวนฟรี

สวนนงนุชพัทยา โดยนายกัมพล ตันสัจจา มอบของขวัญในวันเด็กแห่งชาติปีนี้ เด็กเที่ยวชมสวนฟรีทุกคน แล้วมีจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่  2 วันเต็ม วันเสาร์ที่ 13 และวันอาทิตย์ ที่ 14 มกราคม 2567 และพิเศษสุดสำหรับวันเด็ก เด็กสามารถพาผู้ปกครองเข้าชมพิพิธภัณฑ์พระพุทธคุณฟรี เฉพาะ2วันนี้เท่านั้น        

เด็กที่มากับผู้ปกครอง มีความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร เข้าชมสวนสวยฟรีทุกวัน ในส่วนของกิจกรรมทางสวนนงนุชพัทยาได้จัดเวทีการแสดงให้น้องๆ หนูๆ ได้ร่วมสนุก พร้อมรับของรางวัลเตรียมไว้แจกฟรีมากมายและสามารถเข้าชมสวนที่ติด1ใน10 สวนที่สวยที่สุดในโลก มีโซนไดโนเสาร์ที่มีมากกว่า 1,300 ตัว รอให้การต้อนรับเด็กๆ

ส่วนโปรโมชั่นอื่น เดือนมกราคม 2567 สำหรับบัตรผ่านประตูมา 5 ท่าน จ่าย เพียง 4 ท่าน ผู้สูงอายุเข้าชมสวนฟรีทุกวันศุกร์ และผู้พิการพร้อมผู้ติดตามเข้าฟรีทุกวัน สวนนงนุชพัทยาเปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. -18.00 น. สามารถตรวจสอบ รายละเอียดเพิ่มเติมและสอบถามโปรโมชั่นอื่นๆได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

‘พีระพันธุ์’ เล็ง ‘รื้อระบบพลังงานไทย’ หลังวางแผนผิดมาหลาย 10 ปี

อยากรู้ อยากเคลียร์เบื้องลึก ว่าทำไม ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ถึงกล้าที่จะประกาศ ‘รื้อ’ โครงสร้างพลังงานทั้งระบบอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน!! ติดตามต่อเต็ม ๆ ได้ที่ >> ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ 👉 https://youtu.be/WoVPPtVOM0c 

'สื่อมะกัน' หักหน้า 'สีจิ้นผิง' เต้าข่าว!! กองทัพจีนโกงกันยับ คอร์รัปชันยันเชื้อเพลิง จนต้องเติมขีปนาวุธด้วยน้ำเปล่า

(10 ม.ค. 67) กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันใด เมื่อสำนักข่าว Bloomberg ของสหรัฐฯ ได้รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ว่า ตอนนี้จีนกำลังเจอปัญหาคอร์รัปชันเรื้อรังภายในกองทัพที่โกงกันสนั่น จนล่าสุดจับได้ว่ามีการแอบกรอกน้ำเปล่าแทนน้ำมันเชื้อเพลิงในขีปนาวุธที่ฐานทัพในมณฑลซินเจียง จนขีปนาวุธไม่อยู่ในสถานะพร้อมยิงได้เลย หากมีคำสั่งด่วนขึ้นมา

ปัญหานี้ ทำให้ สี จิ้นผิง เสียหน้ามาก และมีคำสั่งให้สังคายนากองทัพจีนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะหน่วย 'Rocket Force' หรือ 'กองทัพขีปนาวุธของจีน' ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลตั้งแต่ขีปนาวุธนิวเคลียร์ ไปจนถึงขีปนาวุธพิสัยใกล้-ไกล และข้ามทวีปที่ติดตั้งในเขตยุทธศาสตร์ต่างๆ เช่นฐานทัพที่เมืองฮามิ ในมณฑลซินเจียง หรือขีปนาวุธในปฏิบัติการซ้อมรบบริเวณช่องแคบไต้หวัน ที่กำลังตึงเครียดกันอยู่ในขณะนี้

และหากข่าวกรองเป็นจริง อาจต้องมีการประเมินศักยภาพกองทัพจีนใหม่ทั้งหมด เพราะข้อมูลขีปนาวุธของกองทัพจีนที่มีและถูกนำมาโชว์อย่างยิ่งใหญ่ในงานพิธีสวนสนามที่สำคัญ ตอนนี้ไม่อาจรู้ได้เลยว่าพร้อมใช้ยิงจริงๆ ได้กี่เปอร์เซ็นต์?

ว่าแต่ข่าวเรื่องกองทัพจีนแอบกรอกน้ำเปล่า แทนน้ำมันในขีปนาวุธ ตามที่สื่อชั้นนำของสหรัฐอ้างนั้น เป็น Fact News หรือ Fake News กันแน่? วันนี้มาลองถกประเด็นกันหน่อยดีกว่า 

สำหรับข่าววงในของจีนที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชันนั้นมีให้เห็นบ่อยๆ ยิ่งในยุคของผู้นำ สี จิ้นผิง ที่ชูนโยบายปราบโกง กวาดล้างคอร์รัปชันในทุกองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา 

แต่ข่าวการคอร์รัปชันในกองทัพ โดยเฉพาะในกองกำลังขีปนาวุธนั้น มีความแปลกที่ไม่เหมือนเคสอื่นๆ ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะรูปแบบการคอร์รัปชันที่พิสดารกว่าองค์กรอื่น แต่เพราะ กองกำลังขีปนาวุธถือเป็นหน่วยลับ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางทหารและความมั่นคงของชาติ ที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ในหลายๆ เรื่อง 

อีกทั้งยังเป็นหน่วยที่ สี จิ้นผิง ฝากความหวังไว้ค่อนข้างมาก ที่จะเป็นหน้าเป็นตาของกองทัพจีน ว่ามีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธระดับสูงทันสมัย ไม่แพ้ชาติมหาอำนาจใดๆ ในโลก ถ้าหากวันนี้จีนจำเป็นต้องออกศึกจริงๆ ลุงสีแกก็มั่นใจแหละว่าสู้ได้ 

แต่ทว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวการปลดฟ้าผ่า ผู้บังคับบัญชาระดับสูงแห่งกองทัพขีปนาวุธออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่มีข่าวการตรวจสอบทุจริตของหน่วยงานต่อต้านคอร์รัปชันในกองทัพ และคนที่หลุดจากตำแหน่งคนแรกคือ หวัง เฟิงเหอ รัฐมนตรีกลาโหม และ ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพขีปนาวุธ ที่ประกาศลาออกอย่างกะทันหัน และถูกเก็บตัวเงียบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2023 

หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน ผู้บังคับบัญชาของกองทัพจรวดถูกปลดฟ้าผ่าอีก 3 คนรวด คือ หลี่ หยูเชา, สู จงโป๋ และ จาง เจิ้งจง พร้อมข่าวลือสะพัดเรื่องการยักยอก ฉ้อโกง และการขายความลับของกองทัพจีนผ่านลูกชายของ หลี่ หยูเชา ที่ไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา  

ตามมาด้วยข่าวการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของ อู่ กั๋วฮวา อดีตรองผู้อำนวยการกองกำลังขีปนาวุธและหัวหน้าแผนการลับที่สาม ที่ทางการจีนประกาศว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว แต่อดีตเพื่อนร่วมงานออกมาเปิดเผยว่าเขาฆ่าตัวตายจากความเครียดที่เกิดจากหน้าที่การงาน 

ต่อมาเดือนตุลาคม ก็มีคำสั่งปลด หลี่ ฉางฝุ รัฐมนตรีกลาโหมที่มาแทนตำแหน่งของ หวัง เฟิงเหอ ได้ไม่ทันข้ามปี และถูกสั่งเก็บตัวเงียบ ไม่ออกสื่อให้เห็นหน้าอีกเลย

การสังคายนากองทัพขีปนาวุธ ยังไม่จบแค่นั้น วันที่ 29 ธันวาคม ก่อนปิดสิ้นปี ก็มีคำสั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพรวดเดียวอีก 9 คน แถม 5 ใน 9 คนที่ถูกเด้ง ก็ยังเป็นคนของกองทัพขีปนาวุธเสียด้วย 

ข่าวลือจึงยิ่งสะพัดว่า น่าจะมีความไม่ชอบมาพากลภายในกองทัพขีปนาวุธจีนอยู่เยอะมากทีเดียว ที่ทำให้เกิดการสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสูงในหน่วยนี้ ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการ 'ล้างบาง' ก็ว่าได้ จนกระทั่งสื่อมะกันออกมาแฉหนึ่งในปัญหาการคอร์รัปชันในกองทัพขีปนาวุธ คือ การยักยอกน้ำมันเชื้อเพลิง จนต้องกรอกน้ำเปล่าเข้าไปในถังน้ำมันแทน 

สื่อตะวันตกยังขยายความว่า ทหารในกองทัพแอบยักยอกเอาน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้เองบ้าง เอาไปใช้แทนแก๊ซหุงต้ม เติมหม้อไฟบ้าง จนไม่มีน้ำมันจริงไว้เติมขีปนาวุธ

*** แต่ทั้งนี้ สื่อสายเอเชียบางแห่งตั้งข้อสงสัยว่า ข่าวเรื่องเติมน้ำเปล่า แทนน้ำมันในขีปนาวุธตาม ที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ อ้าง น่าจะเป็น Fake News มากกว่า เพราะกองทัพจีนไม่น่าเติมน้ำมันเต็มถังทิ้งค้างไว้ในตัวขีปนาวุธนานๆ อยู่แล้ว และก็ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำลงไปในถังเชื้อเพลิงแทนก็ได้ 

เพราะหากทำเช่นนั้น จะกลายเป็นความผิดร้ายแรงยิ่งกว่าการยักยอกน้ำมันเสียอีก เพราะเข้าข่ายการก่อวินาศกรรม บ่อนทำลายชาติ กลายเป็นคดีความมั่นคงร้ายแรงที่จะไม่จบแค่การถูกปลด ถูกเด้งจากตำแหน่งแน่นอน

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในแง่มุมนี้ ข่าวเรื่องการแอบเติมน้ำเปล่าแทนน้ำมันไม่น่าจะจริง แต่ถ้าเป็นประเด็นเรื่องคอร์รัปชัน ยักยอกเชื้อเพลิง ทรัพย์สิน หรือการขายความลับให้ชาติคู่อริ น่าจะมีมูลมากกว่า ที่สั่นสะเทือนกองกำลังขีปนาวุธจีนอยู่ในตอนนี้

และยังถือเป็นการหยามสี จิ้นผิง อย่างไม่น่าให้อภัย เนื่องจากสี จิ้นผิง เป็นคนอนุมัติงบประมาณมหาศาลให้กับกองทัพขีปนาวุธ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำจีนเพื่อขยายแสนยานุภาพทางทหาร ให้ครอบคลุมไปไกลทั่วโลกด้วย เมื่อหวังมากย่อมแค้นมากเป็นธรรมดา 

อีกทั้งปัญหานี้มันไม่ได้มีแค่มิติการคอร์รัปชัน แต่เป็นเรื่องของความจงรักภักดีต่อชาติ และรัฐบาลจีนด้วย จึงเชื่อได้ว่า การล้างบางภายในกองทัพขีปนาวุธ รวมถึงกองกำลังหน่วยอื่นๆ จะมีตามมาอีกระลอกใหญ่อย่างแน่นอนในไม่ช้านี้

‘มทส.-ปตท.-สุรเทค’ ผสานกำลังเดินหน้าพัฒนาพื้นรองเท้า AI ช่วยประเมินความเสี่ยงต่อการล้มของผู้สูงวัย ให้รพ.เกษมราษฎร์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท สุรเทค จำกัด เดินหน้าขยายผลนวัตกรรมทางการแพทย์ พื้นรองเท้า AI วิเคราะห์ความเสี่ยงต่อการล้มของผู้สูงอายุ ส่งมอบโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์

(10 ม.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ ทองระอา อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยว่า แพลตฟอร์มบ่มเพาะและเร่งสร้างเติบโตนวัตกรรมเชิงลึก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (SUT Horizon) ได้สนับสนุนและเป็นพี่เลี้ยงด้านธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญาให้กับ บริษัท สุรเทค จำกัด โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นรองเท้า AI (Surasole) สำหรับวิเคราะห์การทรงตัวและประเมินความเสี่ยงต่อการล้มของผู้สูงอายุโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเครื่องสแกนแรงกดใต้ฝ่าเท้า (Surapodo) ในการกระจายแรงกดใต้ฝ่าเท้าสำหรับออกแบบรองเท้าที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับใต้ฝ่าเท้าของผู้ป่วย

นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดแผลกดทับใต้ฝ่าเท้าของผู้ป่วยเบาหวาน รวมถึงช่วยในการออกแบบรองเท้าสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงในการถูกตัดเท้าเนื่องจากการเกิดแผลใต้ฝ่าเท้า

การส่งมอบ Surasole และ Surapodo ให้กับ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ครั้งนี้ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญที่จะนำนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เกิดจากการวิจัยพัฒนาของนักวิจัยไทยมาขยายผลและนำมาใช้ได้จริง ทดแทนการนำเข้าจากต่างชาติและทำให้เกิด ‘ไทยทำ ไทยใช้ ไทยแบรนด์’

ทั้งนี้ งานวิจัยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารงานและจัดการทุนด้วยการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ให้คำปรึกษาเรื่องการยื่นจด IP การทำ Licensing Agreement, การทำสัญญาซื้อขาย รวมถึงให้คำแนะนำในการดำเนินงานนวัตกรรมทางธุรกิจ ส่งผลให้งานวิจัยในห้องปฏิบัติการ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สู่งานนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากนั้นยังได้รับการสนับสนุนเงินทุนวิจัยจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการพัฒนาเซ็นเซอร์วัดแรงกดจากท่อนาโนคาร์บอน (Carbon nanotubes: CNTs) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง พร้อมส่งออกจำหน่ายในต่างประเทศทั่วโลก

รองศาสตราจารย์ ดร. สุดเขตต์ พจน์ประไพ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเซรามิก สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และหัวหน้าโครงการวิจัยผู้คิดค้นนวัตกรรม กล่าวว่า Surasole และ Surapodo เป็นผลงานการคิดค้นและพัฒนาโดยคณะนักวิจัย ภาควิชาวิศวกรรมเซรามิก ภาควิชาวิศวกรรมโทรคมนาคม วิศวกรรมพอลิเมอร์ สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ภายใต้ความร่วมมือของคณะวิจัยทดสอบภาคสนาม และคณะห้องปฏิบัติการงานวิจัยจาก โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สำนักวิชาแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี, ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ โรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชและพยาบาล

โดยชุดวิเคราะห์แรงกดใต้ฝ่าเท้าและวิเคราะห์การเคลื่อนไหว มีอุปกรณ์หลัก ประกอบด้วย 1. แผ่นพื้นรองเท้าอิเล็กทรอนิกส์ Surasole เป็นแผ่นพื้นรองเท้า หรือ insole ที่ฝังเซ็นเซอร์วัดแรงกดและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไว้ภายใน สามารถที่จะประเมินรูปแบบการเดิน (gait pattern) การทรงท่า (balance) และประเมินความเสี่ยงในการหกล้มในผู้สูงอายุ (fall risk) นอกจากนั้นยังสามารถใช้วิเคราะห์และฝึกการเดิน การทรงตัว ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) พากินสัน (Parkinson) และผู้ป่วยหลังการผ่าตัดสะโพกหรือข้อเข่า 2.เครื่องสแกนฝ่าเท้าแบบดิจิตอล Surapodo มีเซ็นเซอร์วัดแรงกดจำนวน 2,500 จุด สำหรับตรวจวัดแรงกดใต้ฝ่าเท้าแบบละเอียดและใช้ในการวิเคราะห์ลักษณะของฝ่าเท้า ประเมินความเสี่ยงแผลกดทับใต้ฝ่าเท้าของผู้ป่วยเบาหวาน และใช้ในการออกแบบแผ่นรองเท้าสุขภาพที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดจะทำในรูปแบบ cloud computing และแสดงผลได้แบบ real time ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้กับระบบการเฝ้าติดตามสุขภาพระยะไกลได้ (tele-health monitoring)

คุณสรไนย เลิศอักษร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แยกก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้สนับสนุนทุนวิจัยและร่วมมือทำงานกับคณะวิจัยของ มทส. และ พัฒนาเซ็นเซอร์วัดแรงกดแบบฟิล์มหนา (Thick Film) อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 2 ปี โดยใช้ส่วนผสมของท่อนาโนคาร์บอน (Carbon nanotubes: CNTs) ซึ่งเป็นผลพลอยได้และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการในอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันของบริษัท มาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญของ Surasole นวัตกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเทคโนโลยีเซ็นเซอร์และ AI สำหรับการแพทย์

ด้านคุณกล้า จิระสานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สุรเทค จำกัด เปิดเผยว่า Surasole และ Surapodo เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ได้รับการพัฒนาและถ่ายทอดสิทธิบัตรจากงานวิจัยของ มทส. พร้อมทั้งยังได้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา หัวใจของเทคโนโลยีของนวัตกรรมนี้คือ การวิเคราะห์ข้อมูลจากการเดิน การทรงตัวและแรงกดใต้ฝ่าเท้าจาก Surasole และ Surapodo ที่ถูกประมวลผลด้วยเทคโนโลยี AI และแสดงผลในรูปแบบรายงานเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจของบุคลากรทางการแพทย์

คุณกันตพร หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนโรงพยาบาล เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับมอบนวัตกรรม ‘ชุดวิเคราะห์แรงกดใต้ฝ่าเท้าและวิเคราะห์การเคลื่อนไหว’ Surasole และ Surapodo ซึ่งมีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ตรวจวัดที่ทันสมัยและเป็นนวัตกรรมของนักวิจัยไทย ทางโรงพยาบาลยินดีที่จะทำงานร่วมกับ มทส. บริษัท สุรเทค และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการเป็นจุดเริ่มต้นที่นำนวัตกรรมทางการแพทย์มาใช้ได้จริงและทำให้เกิด ‘ไทยทำ ไทยใช้ ไทยแบรนด์’ ตามที่ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้กล่าวไว้

‘เมืองไทย’ ไม่หลุดโผ!! ประเทศที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ปี 2023

หลังจากโควิด-19 ซาลง ‘นักท่องเที่ยว’ ส่วนใหญ่มั่นใจที่จะเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย สำหรับ ‘ประเทศไทย’ ของเรา เดิมทีก็ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘หมุดหมาย’ สำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเยือนอยู่แล้ว และเมื่อมรสุมเชื้อโรคอย่างโควิดเบาบางลง ก็ไม่แปลกที่ต่างชาติจะรีบ ‘ตรงดิ่ง’ มาเที่ยวไทยทันที เฉกเช่นเดียวกับหลาย ๆ ประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลก

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวม 20 ประเทศที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก ประจำปี 2023 มาไว้ให้แล้ว แน่นอนว่ามี ‘ประเทศไทย’ ติดโผอยู่ด้วยแน่นอน แต่จะอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่ มาดูกัน!!

“เลิศศักดิ์” บี้ กรมสรรพากร ร้อง “ป.ป.ง.” ฟันคดียักยอกเงินภาษีกว่าสองพันล้านบาท

“เลิศศักดิ์” ป.กมธ.ป.ป.ง. บี้ กรมสรรพากร ส่งคดี ข้าราชการ-จนท. สรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง จ.สมุทรปราการ ยักยอกเงินคืนภาษีสองพันกว่าล้าน ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ชี้ กมธ.ป.ป.ง. สงสัยมีขาใหญ่อยู่เบื้องหลังฮั้วกับผู้ประกอบการหรือไม่

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่รัฐสภาเกียกกาย ห้องประชุมกรรมาธิการ N407 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.)สภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกประชุมคณะกรรมาธิการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขาฯ  พิจารณาติดตามความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากรร่ำรวยผิดปกติจากการทุจริตยักยอกเงินคืนภาษีอาการในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ กรมสรรพากร เข้าชี้แจงประกอบด้วย นายสุกฤษฎิ์ ผอ.สนง.ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ,นายรัฐพลพนักงานไต่สวนระดับสูง,น.ส.ฐปกรณ์ พนักงานไต่สวนระดับกลาง และ นายพงษ์ศักดิ์  รองอธิบดีกรมสรรพากร,นายอภิชัย นิติกรชำนาญการพิเศษ,นายเสกสรร นิติกรชำนาญการพิเศษ ,นายกาญจน์  นิติกรชำนาญการ

การประชุมมีการโต้ตอบกันระหว่าง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและผู้แทนจากกรมสรรพากร และ คณะกมธ.ป.ป.ง. เป็นไปด้วยความเข้มข้น ในประเด็นผลการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. ที่ตรวจพบยอดเงินในบัญชีเงินฝากของข้าราชการและเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สาขาบางเสาธง จ.สมุทรปราการ ถูกชี้มูลความผิดกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สรรพากร รวม 4 ราย ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฏหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เป็นเงินจำนวนรวมกว่า 2,085,348,581.53 บาท จาก 8 บัญชีที่ถูกตรวจพบ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตัวเลขความเสียหายที่แท้จริงในคดีนี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวเลข 160 ล้านบาท ตามที่กรมสรรพากรให้ข้อมูลกับทาง กมธ.ป.ป.ง.ในที่ประชุมนี้ จนมีข้อสงสัยว่าจะมีบุคคลที่สามหรือบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่านี้อยู่เบื้องหลังหรือไม่

นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล กล่าวว่า กรณีนี้ กมธ.ป.ป.ง. ได้รับรู้จากข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อมวลชนในหลายแขนง การชี้แจงข้อมูลยังติดขัดหลายประเด็น โดยเฉพาะในส่วนของ กรมสรรพากร ซึ่งสรุปยอดเงินคงค้างผู้ประกอบการที่ขอคืนภาษี เพียง 160 ล้านบาท และการทุจริตจากเจ้าหน้าที่ 4 รายนี้ ก็เป็นลักษณะของการหมุนเงินเท่านั้น ขณะที่ ป.ป.ช. สรุปยอดเงินจาก 8 บัญชี มีความเสียหายรวมกว่าสองพันล้านบาท และผู้ทุจริตก็ยังไม่สามารถชี้แจงเหตุนี้ได้จึงได้ขอให้ทาง กรมสรรพากร ซึ่งถือเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ โดยเฉพาะอธิบดีกรมสรรพากร ร้องไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ง.ให้ตรวจสอบตามกฏหมายฟอกเงิน เพื่อเช็คเส้นทางการเงินหมุนเวียนหลายพันล้านบาทนี้เพราะ กมธ.ป.ป.ง. ไม่เชื่อว่าจะมีแค่เพียงการยักยอกเงินภาษี แต่อาจจะมีการฮั้วกับผู้ประกอบการหรือไม่ที่อาจจะมีบุคคลที่ใหญ่กว่านี้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ เพื่อให้ชัดแจ้งที่มองไปถึงกระบวนการควบคุมป้องกันความเสียหายต่อไปในอนาคต

“กรณี กมธ.ป.ป.ง.สภาผู้แทนฯ เรียกร้องให้ อธิบดีกรมสรรพากร ส่งเรื่องนี้ไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ง. ก็เพื่อเร่งติดตามเส้นทางการเงิน เพราะเป็นความผิดมูลฐานตามกฏหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อจะได้รู้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือมีขบวนการเครือข่ายอีกหรือไม่ ที่ถึงแม้ว่าจะมีคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะชี้มูลและดำเนินคดีไปแล้วอาจจะมีความล่าช้า ซึ่ง กมธ.ป.ป.ง. จะติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพื่อความโปร่งใสและปกป้องเงินภาษีของแผ่นดินต่อไป” นายเลิศศักดิ์ กล่าวในที่สุด 

บิ๊กต่อ ผบ.ตร.ส่งตำรวจโคราช จิตอาสา ร่วมกับ สมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ ส่งความสุข มอบของขวัญวันเด็ก ประจำปี 2567  ให้เด็ก 14 โรงเรียนกว่า 1,500 คน

วันที่ 10 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนนิคมสร้างตนเองลำตะคอง 2 ต.วังไทร อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พ.ต.อ.ศุภชัย วิบูรณ์สุขสันต์ ผกก.สภ.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จิตอาสา 904 ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา สมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ ชมรมฮักเขาใหญ่ เครือข่ายจิตอาสา นำของขวัญ เดินทางไปมอบให้กับเด็กนักเรียนจำนวน 2 โรงเรียน เนื่องในสัปดาห์วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 คือ โรงเรียนนิคมสร้างตนเองลำตะคอง 2  และโรงเรียนสอนคนตาบอดมกุฏคีรีวัน(เขาใหญ่) 

โดยเป็นกิจกรรม จิตอาสาวันเด็กออนทัวร์ 2024 ปีนี้ ผบ.ตร.ได้สนับสนุนของขวัญ อาหาร ขนม ไปร่วมสนับสนุนจัดเลี้ยงในงานวันเด็กใน 10 โรงเรียนของเขาใหญ่ และปากช่อง รวมถึง 4 โรงเรียนในอำเภอวังน้ำเขียว โดยมีนักเรียนกว่า 1,500 คน จะได้รับของขวัญดังกล่าว

ขณะในช่วงนี้ พื้นที่อีสานยังมีอากาศหนาวเย็น อุณภูมิลดลงเหลือ 18-19 องศา ประกอบกับหลายโรงเรียนอยู่ในพื้นที่ธุระกันดาร ผู้ปกครอง และครอบครัวเด็กนักเรียนมีฐานะยากจน ส่วนมากจะมีอาชีพเกษตรกรทำไร่มัน และไร่อ้อย รวมถึงรับจ้างทั่วไป รายได้ในครอบครัวจะน้อย และปัญหาเศรษฐกิจ 

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ทีมงานตำรวจจิตอาสา และเครือข่ายจิตอาสา ลงสำรวจพื้นที่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฤดูหนาว พร้อมสนับสนุนผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ยารักษาโรค เป็นการแสวงหาความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อทำงานร่วมกัน อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top