Wednesday, 2 July 2025
NewsFeed

‘นายกฯ เศรษฐา’ ย้ำ!! ไม่เห็นด้วย ‘แบงก์ชาติ’ ขึ้นดอกเบี้ย เหตุสวนทางเงินเฟ้อ - ห่วงกระทบราคาพืชผลการเกษตร

(8 ม.ค.67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ออกมาติงหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทยติดลบติดต่อกันหลายเดือน และหลังจากนี้จะไปพูดคุยอย่างไรบ้าง ว่า ความจริงแล้วเราก็พูดคุยกันตลอดอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จุดยืนของตนก็ชัดเจนว่า ‘ผมไม่เห็นด้วย’ แต่ท่าน (แบงก์ชาติ) ก็มีอำนาจในการขึ้น ซึ่งนัยที่ตนได้โพสต์ข้อความไปเมื่อคืนนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องสินค้าการเกษตร พืชผลต่างๆ ที่ตนอยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้ต่ำลงไป เพราะถ้าต่ำเกินไปก็จะลำบาก

เมื่อถามถึงการขึ้นดอกเบี้ยอยู่ในสถานการณ์เงินเฟ้อที่ต่ำมาก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า "บอกว่าต่ำมากครับ ดังนั้นอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ย ตนก็ฝากไว้" เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไปคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "มีอยู่แล้วครับ”

‘ออสเตรเลีย’ ออกกฎหมายแบน ‘การชูมือแบบนาซี’ ในประเทศ หวังไม่ให้มีที่ยืนสำหรับคนที่เชิดชู ฝ่าฝืน!! จำคุกสูงสุด 12 เดือน

(8 ม.ค. 67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียได้ออกกฎหมายแบนการชูมือคารวะแบบนาซี ตลอดจนการแสดงหรือการจำหน่ายสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ (8 ม.ค.) เป็นต้นไป กฎหมายนี้เกิดขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ต่อต้านชาวยิวเพิ่มขึ้นจากสงครามระหว่างอิสราเอล-กาซา

กฎหมายดังกล่าวระบุว่า การชูมือคารวะแบบนาซี หรือการแสดงสัญลักษณ์สวัสติกะหรือสัญลักษณ์ประจำหน่วยชุทซ์ชตัฟเฟิล (SS) ในที่สาธารณะ ตลอดจนการจำหน่ายและแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์เหล่านี้ ถือเป็นความผิดต้องโทษจำคุกสูงสุด 12 เดือน

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังห้ามการแสดงหรือค้าขายแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้ายที่ถูกแบน เช่น กลุ่มรัฐอิสลาม (IS), ฮามาส หรือพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้มีข้อยกเว้นสำหรับการใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางวิชาการ การศึกษาหรือศิลปะ

นายมาร์ก เดรย์ฟัส อัยการสูงสุด กล่าวในแถลงการณ์ว่า กฎหมายนี้ส่งสารชัดเจนว่า ในออสเตรเลียไม่มีพื้นที่ให้สำหรับผู้ยกย่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวหรือการก่อการร้าย

“นี่เป็นกฎหมายฉบับแรกในลักษณะนี้ และจะทำให้แน่ใจว่า ไม่มีใครในออสเตรเลียสามารถยกย่องหรือแสวงหาผลกำไรจากการกระทำและสัญลักษณ์ที่เชิดชูพวกนาซีและอุดมการณ์ชั่วร้ายของพวกมัน”

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวได้รับการเสนอในเดือนมิ.ย.และผ่านความเห็นชอบในเดือนธ.ค. 2566 โดยกฎหมายนี้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นท่ามกลางกระแสต่อต้านชาวยิวและศาสนาอิสลามที่เพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์การโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งทางการอิสราเอลรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย และถูกจับเป็นตัวประกัน 240 ราย

ตัวอย่างกระแสเกลียดชังชาวยิวที่ปรากฏในออสเตรเลียได้แก่กรณีคลิปวิดีโอแสดงภาพชายกลุ่มเล็ก ๆ ในม็อบสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ที่ชุมนุมกันนอกซิดนีย์โอเปราเฮาส์เมื่อเดือนต.ค. โดยมีการตะโกนว่า ‘gas the Jews’ (จับพวกยิวไปรมแก๊ส)

กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมส่งมอบกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัย พร้อมลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 2 - 5 มกราคม 2566,พันเอก ธนวัฒน์ สายสกุลรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 พร้อมด้วยกำลังพลของหน่วย และสมาชิกสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคที่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ผ้าอนามัย ของใช้เด็กอ่อน อุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็น ฯลฯ จากกำลังพลและครอบครัวภายในหน่วย ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ รวมทั้งประชาชนชุมชนรอบค่ายได้ร่วมบริจาคสิ่งของสมทบรวม 1 คันรถบรรทุก 6 ล้อ เพื่อนำไปส่งมอบให้กับพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่มบ้านพังเสียหาย ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ในห้วงที่ผ่านมา 

โดยเมื่อวันที่ 6 - 7 มกราคม 2566,พ.อ.ธนวัฒน์ สายสกุลรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 ร่วมกับเข้าหน้าที่ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ได้นำสิ่งของที่รับบริจาคไปมอบให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านไอกาบู และพื้นที่ หมู่ 6 บ้านลีนานนท์ ต.สุคีริน อ.สุคีริน จ.นราธิวาส โดยคุณชฎาภรณ์ แจ่มแจ้ง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 5 ได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นในพื้นที่ต่อไป

ข้อมูลข่าว / ภาพ 
มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน 

สาวร้อง “บิ๊กโจ๊ก” ล่าตัวหนุ่มอเมริกันที่รู้จักในแอปหาคู่ หลอกให้รัก ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม แอบถ่ายคลิปไปขาย

เวลา 10.30 น. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาหญิงสาว 1 ใน 3 ราย เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูก หนุ่มอเมริกันล่าแต้มในแอปฯ หาคู่ หลอกคบหาสร้างฝันมีครอบครัวที่อบอุ่น ก่อนมีความสัมพันธ์แอบถ่ายคลิป ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม และเอาคลิปไปเผยแพร่ขายในกลุ่มต่างๆ โดยขอให้ติดตามตัวหนุ่มอเมริกันรายนี้มาดำเนินคดี เพราะถือเป็นภัยร้ายของผู้หญิง หวั่นเอาคลิปสาวๆ ไปขายกลุ่มลับ คาดยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายไม่กล้าออกมาแจ้งความ 

เหยื่อเล่าว่า รู้จักนายโทมัส อายุ 34 ปี อ้างเป็นทหารปลอดประจำการ ผ่านทางแอปหาคู่ เมื่อ 6 ธันวาคม มีการใช้ภาพเป็นทหาร หน้าตาดี เข้ามาพูดคุย อยากสร้างครอบครัว และ อนาคตด้วย จึงขอแต่งงาน แต่ยังไม่ตัดสินใจ จึงคบหาเป็นแฟนกัน และเคยไปพบฝ่ายชาย ที่บ้านเช่าย่านนนทบุรี แต่ระหว่างคบหากัน พบฝ่ายชายมีอารมณ์ร้อน ถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนสุดทน เมื่อขอเลิกก็ถูกทำร้ายร่างกาย กระทั่งโทรไปขอให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ มาช่วยเหลือ นอกจากนี้ฝ่ายชายยังได้เอาโทรศัพท์มือถือของเธอไป แต่ไม่แน่ใจว่ากรณีของเธอถูกแอบถ่ายคลิปไว้ขาย เหมือนกับผู้เสียหาย 2 รายก่อนหน้านี้หรือไม่ 

โดยหลังเกิดเหตุไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายโทมัสในข้อหาทำร้ายร่างกาย ที่ สภ.บางใหญ่ ทั้งนี้ นายโทมัสจะเน้นหลอกผู้เสียหายเป็นสาวที่อยู่ในประเทศแถบเอเชีย มีการศึกษาดี หน้าตาดี และฐานะดี


นอกจากนี้ เหยื่อยังเล่าถึงผู้เสียหายรายอื่นอีก 2 ราย ที่ถูกกระทำคล้ายกัน เพราะหลังเกิดเหตุ ได้รวมกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งผู้เสียหายรายแรก ถูกนายโทมัสหลอกลวงผ่านแอปฯ หาคู่ เช่นเดียวกันในปี 2565 

โดยนายโทมัสเดินทางมาที่ประเทศไทยช่วงเดือนเมษายน และคบหากัน 4 เดือน ผู้เสียหายได้เช่า โรงแรมย่านพระโขนง และระหว่างนั้นนายโทมัสได้ทำร้ายพร้อมถ่ายคลิปไว้ ก่อนนำไปประจานผ่านทางโซเชียล ด้วยการสร้างแอคเคาท์ปลอม และส่งคลิปไปยังกลุ่มต่างๆ ซึ่งผู้เสียหายรายที่ 2 ก็ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน แต่รายนี้ถูกหลอกให้จดทะเบียนสมรสด้วย และยังถูกขโมยสร้อยคอทองคำน้ำหนักสองสลึงไปด้วย จึงได้แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยายามขอฟ้องหย่า ทำให้นายโทมัสไม่พอใจและเอาคลิปไปประจานในพื้นที่ส่วนตัวและที่ทำงาน ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ที่ภูเก็ต นอกจากนี้ยังพบผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติ เช่น ชาวอินโดนีเซีย และญี่ปุ่น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า คนร้ายจะใช้แผนประทุษกรรมเดิมๆ ในลักษณะคล้ายกับแก๊งโรแมนสแกม หลอกให้รักออนไลน์ กรณีนี้เป็นการรู้จักกันผ่านทางแอปหาคู่ เนื่องจากรู้จุดอ่อน กลุ่มคนที่อยู่ในแอป เป็นคนโสดและต้องการผู้ชายมาดูแล มีการสร้างสตอรี่ต่างๆ หลอกสร้างอนาคต หลอกมีความสัมพันธ์ ถ่านคลิปไปขายในเว็บโป๊ 

ล่าสุดมีรายงานว่านายโทมัส เดินทางออกนอกประเทศแล้ว ปลายทางที่เวียดนาม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จึงสั่งการให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ เร่งรัดในการออกหมายจับ พร้อมประสานอินเตอร์โพลในการล่าตัวมาดำเนินคดี ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เฝ้าระวังการเดินทางเข้าของนายโทมัส หากพบตัวให้จับกุมทันที 

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้เตือนภัยสาวไทย ให้ตรวจสอบประวัติของชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านแอปหาคู่ ให้ดีก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะอาจตกป็นเหยื่อถูกหลอก ถูกถ่ายคลิปไปประจานเพื่อเรียกร้องทรัพย์สิน หรือถูกนำคลิปแบล็กเมลไปขายในช่องทางต่างๆ

ทั้งนี้ จากการตรวจประวัติ พบนายโทมัส เดินทางเข้าออกไทยตั้งแต่ปี 2565 ใช้วีซ่าท่องเที่ยว เฉลี่ยเดินทางเข้าออกไทย ปีละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สหรัฐ พบว่ามีประวัติลักทรัพย์

‘FAA’ สั่งระงับบิน!! โบอิ้ง 737 แม็กซ์ 9 จำนวน 171 ลำ หลังชิ้นส่วนหลุดกลางอากาศ เพื่อตรวจเช็กความปลอดภัย

(8 ม.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อะแลสกา แอร์ไลน์ กล่าวว่า ได้ยกเลิกเที่ยวบิน 170 เที่ยวเมื่อวานนี้และอีก 60 เที่ยวบินในวันนี้ หลังจากที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ เอฟเอเอ สั่งให้พักการใช้งานเครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 9 จำนวน 171 ลำเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย

อะแลสกา แอร์ไลน์ ซึ่งมีสำนักงานในนครซีแอตเติ้ล กล่าวว่า การยกเลิกเที่ยวบินจะดำเนินต่อไปตลอดช่วงครึ่งแรกของสัปดาห์นี้ การยกเลิกเที่ยวบินเมื่อวานนี้ กระทบกับผู้โดยสารเกือบ 25,000 คน อะแลสกา แอร์ไลน์ มีเครื่องบิน 737 แม็กซ์ 9 ใช้งานจำนวน 65 ลำ

เอฟเอเอ สั่งการเมื่อวันเสาร์ ให้ระงับการบินเครื่องบินรุ่นนี้ 171 ลำ ที่ติดตั้งแผ่นด้านข้างลำตัวเครื่องบินแบบเดียวกัน หลังจากเครื่องบินของอะแลสกา แอร์ไลน์ ต้องลงจอดฉุกเฉินเมื่อแผ่นผนังของลำตัวเครื่องบินชิ้นหนึ่งหลุดปลิวหล่นจากตัวเครื่องบิน ทำให้เครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองออนแทริโอ ต้องกลับไปลงที่สนามบินในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนและลงจอดฉุกเฉินแต่ผู้โดยสาร 171 คนและลูกเรือ 6 คน ปลอดภัย

เอฟเอเอ กล่าวว่า จะยังคงพักใช้งานเครื่องบินต่อไปจนกว่าเอฟเอเอจะพอใจว่า เครื่องบินมีความปลอดภัย

เอ็นดู!! ‘เด็กชายวัย 11 ขวบ’ ถูกเบ็ดเกี่ยวขา พร้อมปลาตัวโต แถมอ้อนคุณหมอ “ขอปลาคืนนำเด้อครับ” ก่อนผ่าตัดช่วยเหลือ

(8 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘ชุมชนข่าวขอนแก่น’ โพสต์ภาพขาเด็กชาย 11 ขวบ ที่มีปลาติดอยู่ที่ขา โดยที่ปากปลามีเบ็ดแหลมเกี่ยวเอาไว้ และยังเกี่ยวเข้าที่ขาของเด็กชายคนดังกล่าวด้วย โดยระบุว่า

“หนึ่งวันพันเรื่องในห้องฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น

เด็กชาย 11 ขวบ ถูกนำส่งโรงพยาบาลพร้อมกับปลาขาวสูตรตัวโตเกือบเท่าขาเด็กชาย หลังจากไปตกปลากับเพื่อนแล้วดึงเบ็ดแรงจนเบ็ดเกี่ยวติดกับขาตัวเอง

ซึ่งก่อนที่หมอจะทำการผ่าตัดช่วยเหลือเอาเบ็ดที่ติดขาออก น้องได้บอกหมอว่า “คุณหมอครับผมขอปลาคืนนำเด้อครับสิเอาไปเฮ็ดกินแลงครับ”

ตอนนี้น้องปลอดภัย และได้กินปลากับครอบครัวในมื้อเย็น

#ชุมชนข่าวขอนแก่น”

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

- “ทั้งสงสารทั้งขำเอ็นดูววว”
- “ปลาตัวนี้โหดมากครับกระโดดกัดขาด้วย”
- “ก็น่าเห็นใจค่ะกว่าน้องจะตกได้บางวันยืนตกทั้งวันไม่ได้สักตัวก็มี”
- “น่าเอ็นดูจัง หายไวๆ นะลูก”
- “นึกว่าลายสักทีแรกเหมือนเกิ๊น”
- “ใจหนึ่งก็สงสารใจหนึ่งก็”
- “กินฮอดก้างเลยบักหล่า มันทำให้เราเจ็บ”

เป็นต้น

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบโล่เกียรติคุณ อาสาสมัครดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566 ให้แก่อาสาสมัครมูลนิธิฯ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ  นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบโล่เกียรติคุณ อาสาสมัครดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2566 ให้แก่อาสาสมัคร ประกอบด้วย อาสาสมัครกู้ภัย-กู้ชีพ อาสาสมัครบริการ อาสาสมัครศิลปิน อาสาสมัครจราจร อาสาสมัครหน่วยแพทย์  อาสาสมัครอินทรี อาสาสมัครแจ้งข่าว (คำรพ) รวม 191 ท่าน เพื่อเป็นรางวัล แทนคำขอบคุณ และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานร่วมกับมูลนิธิฯให้ดียิ่งขึ้นไป ซึ่งการคัดเลือกอาสาสมัครดีเด่น คณะอนุกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ ได้กำหนดคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา และได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกอาสาสมัครทั้ง 7 ประเภท โดยมี นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ เป็นผู้กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายสดใส โรจนวิชัย อาสาสมัครศิลปินเป็นผู้แทนกล่าวขอบคุณ โดยบรรยากาศเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ยินดี ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ได้กล่าวให้โอวาท และกล่าวชื่นชมในความเสียสละ ที่ได้ช่วยกันทำงานตามแนวทางของหลวงปู่ไต้ฮง ในการทำกุศลสงเคราะห์แก่ผู้ยากไร้และผู้ประสบภัย โดยไม่เลือกชั้น วรรณะ เชื้อชาติ ศาสนา เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ที่จะ “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” และเพื่อเป็นการทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน  รวมทั้งกล่าวขอบคุณอาสาสมัครมูลนิธิฯ ทุกท่าน ที่ได้เสียสละกำลังกาย กำลังใจและกำลังทรัพย์ ปฏิบัติงานสาธารณกุศลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นความภาคภูมิใจและเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ให้กับตัวท่านเองและครอบครัว

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง “อาสาสมัคร” เป็นกำลังสำคัญหนึ่งที่ทำให้มูลนิธิฯ ได้รับการยอมรับและศรัทธาจากประชาชน  ด้วยภารกิจของมูลนิธิฯ ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” 
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

วันจันทร์ที่ 8 ม.ค.67 เวลา 11.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ตามโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจที่มีจิตอาสา ได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ รวมถึงการเสียสละเลือดเนื้อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และบรรเทาผลกระทบภาวะโลหิตขาดแคลน

สำหรับกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิตครั้งนี้ มีกำลังพลจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมบริจาคโลหิต จำนวนทั้งสิ้น 350 นาย โดยแบ่งเป็นกำลังพลจิตอาสาในสังกัดกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 120 นาย, กองบังคับการตำรวจจราจร จำนวน 100 นาย และ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน จำนวน 130 นาย

ซึ่งในโอกาสดังกล่าว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจเยี่ยมและมอบขวัญกำลังใจแก่กำลังพลจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความเสียสละ ถึงแม้ว่าจะมีกำลังพลบางส่วน
ที่ร่างกายไม่พร้อมเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ จึงทำให้ไม่สามารถบริจาคโลหิตในครั้งนี้ได้ แต่มีความตั้งใจที่จะมาเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘เศรษฐา’ มอบสาร เนื่องใน ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ประจำปี 67 หวังให้เด็กไทยมีโลกทัศน์กว้าง เรียนรู้สิ่งใหม่ ก้าวทันยุคดิจิทัล

(8 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบสารเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2567 วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 ความว่า เด็กและเยาวชนมีความสำคัญในการร่วมกำหนดอนาคตของสังคมและประเทศชาติ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและเยาวชนที่จะต้องได้รับการพัฒนาความรู้ ทักษะ และการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทุกมิติอย่างเหมาะสม ทั้งด้านสุขภาวะทางกาย จิตใจ รวมทั้งมีประสบการณ์และทักษะการดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบัน และมีความพร้อมสำหรับการโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต โดยรัฐบาลมุ่งมั่นสร้างโอกาสในทุกด้านให้แก่เด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัย มีคุณธรรมและจริยธรรม ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม

วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมได้มอบคำขวัญว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เพื่อให้เด็ก เยาวชน รวมถึงผู้ปกครองทุกคนตระหนักว่า โลกปัจจุบันเชื่อมโยงกันไร้พรมแดนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีมุมมองที่กว้างขวางเป็นสากล มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมทั้งเป็นผู้ที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับตัวให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเป็นพลเมืองที่เคารพและยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายในทุกมิติ มีความคิดและจิตใจที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อันเป็นรากฐานในการสร้างสังคมแห่งประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและเป็นพลังในการพัฒนาสังคมและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เหนือสิ่งอื่นใดเป็นผู้ที่ธำรงไว้และนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยไปสู่สากล

เนื่องในโอกาส ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคน ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเพียบพร้อมไปด้วยความสุขและความมั่นคงในการดำรงชีวิต เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top