Saturday, 28 June 2025
NewsFeed

'เก็ต ชินภัสร์' ลาออกสมาชิกพรรค 'รทสช.' ชี้ทำงานแบบนี้เปลี่ยนประเทศไม่ได้ เตือน!! ฝ่ายอนุรักษ์ หากไม่ปฏิรูปตัวเอง จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคต

(14 ธ.ค. 66) เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา อดีตรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความลาออกจาก รทสช. ระบุว่า...

— จดหมายลาออกสมาชิกพรรค 

10 ปีที่ผ่านมาโลกเปลี่ยนแปลงไปในทุกมิติ 

ผมสัมผัสได้ว่าคนไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง ประชาชนไม่ต้องการการเมืองเดิม ๆ นักการเมืองรุ่นเก่าเดิม ๆ ชุดความคิดเดิม  =ๆ อีกต่อไป 

ผมอยู่สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติมา 10 เดือน บินไปเข้าประชุมพรรคจากเชียงใหม่ทุกสัปดาห์ ทุ่มเทพลังกายและพลังใจทํางานกับพรรคมาตลอด ผมจึงกล้าพูดได้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศได้ ตราบใดที่ยังไม่เปลี่ยนระบบภายใน และยังทํางานแบบเดิม 

ผู้บริหารพรรคในอุดมคติของผมต้องกล้าชน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เข้าถึงง่าย ฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรค ใจถึง ทํางานเชิงรุก ทำงานมีระบบ และกล้าเปลี่ยนแปลง

หากฝ่ายอนุรักษ์ไม่ปฏิรูปตัวเอง ฝ่ายอนุรักษ์จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคต

ส่วนสถาบันกษัตริย์ยังคงต้องมีอยู่ จุดยืนข้อนี้ของผมชัดเจน แต่ฝ่ายอนุรักษ์ต้องมีมากกว่า ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ห้ามเเตะ 112’ ไปวัน ๆ 

ผมจึงตัดสินใจลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และขอยุติบทบาทรองโฆษกพรรค ณ บัดนี้

ด้วยความเคารพ

เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา
14 ธันวาคม 2566

‘รมว.ปุ้ย’ ผุดแผนยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งระบบ มุ่งส่งเสริมการลงทุนกว่า 359,000 คันต่อปี พร้อมชูรียูสแบตฯ 

'รมว.พิมพ์ภัทรา' นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ครั้งที่ 1/2566 เผยที่ประชุมรับทราบ และเห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน หลัง สศอ. ในฐานะเลขานุการฯ นำเสนอ พร้อมเตรียมรับเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 ตามแผนส่งเสริมการลงทุนรวม 359,000 คันต่อปี 

(14 ธ.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ครั้งที่ 1/2566 เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้รับทราบ และเห็นชอบแนวทางการดำเนินงานที่สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ นำเสนอ ได้แก่ ความคืบหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, แนวทางการส่งเสริมการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (EV Conversion), แนวทางการส่งเสริม System Integrator (SI) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงแนวทางการส่งเสริมและจัดการแบตเตอรี่ในประเทศ 

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียด ข้อกฎหมาย และรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามระเบียบขั้นตอน เพื่อกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภททั้งรถขนาดเล็ก เช่น รถจักรยานยนต์, รถยนต์, รถกระบะ ไปจนถึงรถขนาดใหญ่ เช่น รถโดยสาร, รถบรรทุก และการส่งเสริมการผลิตและการจัดการซากตลอดช่วงชีวิตการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า หรือ End of Life Vehicle (ELV) 

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการสร้างเครือข่ายผู้ผลิตเครื่องจักรกลอัตโนมัติในกระบวนการผลิต และ EV Conversion อาทิ รถขนขยะมูลฝอย, รถบรรทุกน้ำ รวมถึงแนวทางการส่งเสริมกระบวนการจัดการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อขยายความต้องการลงทุนผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

ด้าน นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในฐานะเลขานุการฯ ได้นำเสนอความคืบหน้าของการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้านการผลิต การใช้ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามแผน 30@30 เช่น มาตรการส่งเสริมการลงทุน และ มาตการ EV3 ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 มียอดจดทะเบียนรถไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle : BEV) รวม 67,056 คัน ซึ่งเติบโตมากกว่าร้อยละ 690 หรือ 7.9 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 8,483 คัน ทำให้ตลาด EV ไทยเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน มีผู้เข้ามาลงทุนผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนในประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนผลิต BEV คิดเป็นมูลค่า 39,579 ล้านบาท กำลังผลิตรวม 359,000 คันต่อปี และผู้ที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนผลิตชิ้นส่วน คิดเป็นมูลค่า 35,303 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริมการดัดแปลงรถยนต์ (EV Conversion) โดยเป็นการสร้างต้นแบบการดัดแปลงรถขนาดใหญ่ให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า เช่น รถขนขยะมูลฝอย และรถบรรทุกน้ำ เพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ ในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้ โดยให้คำนึงถึงการพัฒนาต้นแบบยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย รวมไปถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและสร้างมาตรฐานในการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการ โดยมอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดำเนินการกำหนดมาตรการ และกลไกในการขับเคลื่อนการส่งเสริมยานยนต์ดัดแปลงประเภทต่างๆ ผ่านคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติต่อไป

ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริม System Integrator (SI) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิต ครอบคลุมมาตรการทางภาษีและมิใช่ภาษี โดยมีมาตรการที่มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ System Integrator (SI) ผ่านการดำเนินงาน เช่น พัฒนาบุคลากร System Integrator (SI) จำนวน 1,301 คน และบุคลากรในสถานประกอบการ จำนวน 3,665 คน รวมทั้งพัฒนาต้นแบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 185 ต้นแบบ 

โดยปัจจุบันมี System Integrator (SI) ที่ขึ้นทะเบียนรายกิจการ จำนวน 121 กิจการ ผ่านกลไกศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ Center of Robotics Excellence (CoRE) มีผู้ประกอบการขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 271 กิจการ มูลค่ารวม 27,710 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ทางคณะกรรมการฯ ยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อแนวทางการส่งเสริม System Integrator (SI) ให้มีศักยภาพและเพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีของ SI ไทยที่จะสามารถเชื่อมโยงอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของไทย เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในประเทศได้

ขณะเดียวกัน ยังได้นำเสนอแนวทางการส่งเสริม และจัดการแบตเตอรี่ในประเทศ สร้างมูลค่าจากการจัดการแบตเตอรี่ใช้แล้วเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ตามนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ประกอบด้วย กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการนำมาใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เนื่องจากแบตเตอรี่มีมูลค่าสูง ซึ่งจากผลการศึกษาที่ได้ประเมินว่าแบตเตอรี่จากยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แล้ว ยังสามารถนำมาใช้ซ้ำในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือ การผลิตอุปกรณ์สำรองไฟฟ้า (Energy Storage System: ESS) และส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น Cloud Service โดยคณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องในการควบคุม และติดตามการจัดการแบตเตอรี่ให้เหมาะสม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อศึกษารายละเอียด และกำหนดแนวทางการส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมต่อไป 

สำหรับการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 มีนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้ทรงคุณวุฒิจาก หลายหน่วยงานเข้าร่วมการประชุม โดยมีนางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นกรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุมชุณหะวัณ กระทรวงอุตสาหกรรม

บิ๊กโจ๊ก ฟิตจัด นัดผู้ช่วยฑูตตำรวจ 50 ประเทศ จิบกาแฟ แลกเปลี่ยนข้อมูลอาชญากรรมข้ามชาติ ชี้ภัยออนไลน์ ยังเป็นมหัตภัยคุกคามคนไทย ขณะที่คนร้ายย้ายประเทศหลังก่อเหตุ เร็วกว่านินจา 

หลังกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่ตำรวจสากล (INTERPOL) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกกว่า 195 ประเทศ ที่ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุม เสนอให้ใช้หมายสีเงิน (Silver Notice) เพื่อประสานและแจ้งเตือนประเทศสมาชิกในการช่วยติดตามยึดอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการเงิน ซึ่งจะมีประโยชน์ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

เพื่อให้แนวทางนี้ถูกนำมาใช้ต่อเนื่องในประเทศไทย พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เชิญเจ้าหน้าที่นายตำรวจประสานงานประจำสถานเอกอัครราชทูตในราชอาณาจักรไทย ประมาณ 100 คน จาก 54 ประเทศ เข้ามาร่วมจิบกาแฟ หารือแนวทางการจัดการปัญหา และกระชับความสัมพันธ์ ส่งเสริมความร่วมมือในการประสานงานกันอย่างอย่างใกล้ชิด อันจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง และแนวทางการปฎิบัติที่ดีที่สุดระหว่างกัน เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ณ ชั้น 32 ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม เวลา 08.30 น. – 10.30 น. 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า แต่ละปี จะมีนายตำรวจประสานงานสถานฑูต สลับสับเปลี่ยนเข้ามาทำหน้าที่ เพื่อให้การทำงานสอดประสานกันใกล้ชิด จึงจำเป็นต้องเชิญทุกคนมาทำความรู้จัก และแลกเปลี่ยนข้อมูล การติดต่อสื่อสาร และ ข้อมูลของคนร้ายข้ามแดน ซึ่งเป็นที่ต้องการของแต่ละประเทศ จะได้ช่วยกันติดตามและจับกุม มาดำเนินคดี ไม่ปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปก่อเหตุได้อีก

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยอมรับว่าปัจจุบันไทยตกเป็นเป้าหมายของการก่ออาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะมหันตภัยจากออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คลิปอนาจาร ไปจนถึงการค้ามนุษย์ ซึ่งหลังจากที่มีการก่อเหตุแล้ว ภาพของเหยื่อมักถูกส่งเข้าไปใน โซเชียล แม้ว่าเหยื่อจะโตเป็นผู้ใหญ่ภาพก็ยังปรากฏชัดโดยลบออกได้ไม่หมด กลายเป็นการกระทำซ้ำกับเหยื่อ ขณะที่เหยื่อจากการถูกหลอกลวงอีกไม่น้อย โดยเฉพาะเหยื่อออนไลน์ ไม่เพียงจะหมดเนื้อ หมดตัว หลายครอบครัวตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองและคนในครอบครัว ไมก็ทิ้งบุตรหลาน ไว้กับญาติมิตร นี่จึงเป็นมหันตภัยคุกคาม ที่ต้องเร่งแก้ไข ด้วยการใช้พลังความร่วมมือของตำรวจสากล ร่วมกันขจัดปัญหาให้หมดไป

‘ป้าอยุธยา’ ฝากถึง ‘เก็ต’ หลัง ‘ลาออก-ทิ้งระเบิด’ รทสช. ต่างอะไรกับก้าวไกล ที่ความคิดตนถูกปัดตก ก็ไม่ถูกใจ

(14 ธ.ค.66) นางกัลยานี จูปรางค์ หรือ ป้าอยุธยา ประธานกลุ่มปกป้องสถาบันอยุธยา ได้ออกมาอัดคลิปพูดถึงกรณีที่ ‘เก็ต ชินภัสร์ กิจเลิศสิริวัฒนา’ อดีตรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความลาออกจาก รทสช. โดยมองว่าการทำงานของพรรคฯ ในลักษณะนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ และหากฝ่ายอนุรักษ์ยังมีอะไรที่ไม่มากกว่าการ ‘ปกป้องสถาบัน’ และ ‘ห้ามเเตะ 112’ ไปวันๆ ก็จะไม่มีพื้นที่เหลือในอนาคตอีกต่อไป โดย ‘ป้าอยุธยา’ กล่าวว่า...

นี่หรือความคิดของเด็กรุ่นใหม่ ป้ามองเก็ตมาตลอด มองเห็นเด็กคนหนึ่งที่ได้รับการศึกษามาจากเมืองนอก และพยายามบอกว่าตนเป็นคนรุ่นใหม่ 

แน่นอนว่า เก็ต จะลาออกจากพรรค หรือไม่ชอบใจพรรค บอกว่าการบริหารงานของพรรคไม่ถูกใจบ้าง มองว่าเป็นอนุรักษ์นิยมแบบนี้ ไปได้ไม่ถึงไหนบ้าง ป้าอยากบอกว่า จุดยืนของพรรค รทสช. เขาก็บอกมานานแล้ว ว่า จะยึดมั่นภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ และไม่แตะต้องเรื่องที่จะทำให้สะเทือนสถาบันฯ นี่คือหลักการของพรรค

ต้องถาม เก็ต ก่อนว่าเข้าใจบทบาทพรรคตรงนี้หรือไม่ ตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคแห่งนี้

ขณะเดียวกัน ในแง่หลักการทำงานของพรรคนี้ ก็อยู่ในหลักเกณฑ์ และจุดยืนที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อปากท้องประชาชนตามผลงานที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบัน และตัวพรรค รทสช. เอง ก็มีอุดมการณ์อย่างชัดเจน ภายใต้ตัดสินใจและกระทำการใดๆ บนกลไกของรัฐธรรมนูญ

ฉะนั้นคำว่า ‘เด็กรุ่นใหม่’ ของ ‘เก็ต’ คืออะไร? การเมืองสมัยใหม่ของเก็ตคืออะไร? ต้องเป็นเด็กรุ่นใหม่แบบก้าวไกล หรือ เก็ต เป็นคนแบบพรรคก้าวไกล? เห็นทราบมาว่าน้องชายอยู่พรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ

อย่างไรก็ตาม จากนี้ เก็ต จะไปอยู่พรรคใดก็ตามสะดวก แต่ก็ไม่น่าจะโจมตีพรรคที่ตนเองเคยอยู่มา ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่ว่า ไม่ถูกใจ และอย่างน้อยก็อยากให้ตระหนักว่า พรรค รทสช. ก็เป็นพรรคที่ทำให้เก็ตมีคนรู้จัก ได้คะแนนจากการเลือกตั้งเกือบหมื่นคะแนน จากแต่ก่อนที่มีคะแนนหลักร้อย 

ในฐานะที่ป้าเป็นผู้บุกเบิกและหาเสียงให้พรรค รทสช. เก็ต จะไปสู่พรรคที่ทันสมัยนิยมกว่า ก็เป็นสิทธิ แต่การโจมตีพรรคที่เคยสังกัด เพียงเพราะแค่คิดว่าตัวเองทำถูก พอผู้ใหญ่สั่งสอนก็ขัดใจ จนนำมาสู่การตัดสินใจและกล่าวโทษเช่นนี้…

สรุปว่า ‘คนรุ่นใหม่’ เขาชอบทำกันแบบนี้งั้นหรือ?

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดสัมมนาโฆษกหน่วยระดับกองบัญชาการและกองบังคับการทั่วประเทศ เสริมประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างตำรวจกับพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.ต.ต.หญิง สมพร พูลเกษม ผู้บังคับการกองสารนิเทศ เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ธ.ค.66) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการพัฒนางานด้านการประชาสัมพันธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร./โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโฆษกหน่วยระดับกองบัญชาการและกองบังคับการทั่วประเทศ เข้าร่วม 

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2566 ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ชั้น 2 ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีข้าราชการตำรวจในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ปฏิบัติหน้าที่โฆษกระดับกองบัญชาการ เข้าร่วมสัมมนา 30 หน่วย และระดับกองบังคับการ 3 หน่วย รวมจำนวน รวม 74 นาย มีวิทยากรที่มีความรู้และประสบการณ์ตรง ร่วมบรรยายพิเศษในการสัมมนาครั้งนี้ อาทิ คุณหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย นักแสดงและพิธีกรข่าวชื่อดัง , คุณกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ดร.สุภนันท์ ฤทธิ์มนตรี ผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เป็นต้น เพื่อให้ผู้เข้ารับการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะด้านการสื่อสาร มีทักษะการเป็นโฆษก ตลอดจนได้รับทราบแนวทางและมาตรฐานในการปฏิบัติงาน การสร้างเครือข่าย เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสัมฤทธิ์ผล 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการสื่อสารงานรัฐ ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนและเป็นความจริงให้กับประชาชนได้อย่างทันต่อสถานการณ์ ประกอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีภารกิจที่เกี่ยวข้องประชาชนหลายมิติ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตลอดจนภาพลักษณ์ขององค์กร จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสามารถสื่อสารได้หลากหลายในทุกช่องทางและทันต่อสถานการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดทำโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการด้านการประชาสัมพันธ์ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะให้โฆษกของหน่วยต่างๆ ได้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารหน่วยของตน เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

‘รพ.ตำรวจ’ ยัน!! ไม่เปิดเผยอาการป่วย 'ทักษิณ' โยนราชทัณฑ์แจง หากใครอยากส่องสถานะชั้น 14

(14 ธ.ค. 66) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พ.ต.อ.หญิงศิริกุล ศรีสง่า โฆษก รพ.ตร. กล่าวถึงอาการของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจใกล้ครบ 120 วัน ว่า ในส่วนของอาการคนไข้เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่สามารถเปิดเผยหรือให้ข้อมูลกับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติคนในครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ 

ส่วนกรณีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท.บุกยื่นหนังสือถึงแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจเรียกร้องให้รักษาจรรยาบรรณแพทย์ และความยุติธรรมโดยการทำความเห็นอย่างตรงไปมากับทางราชทัณฑ์เรื่องอาการป่วยนายทักษิณ หลังบุตรสาวของ น.ช.ทักษิณ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า น.ช.ทักษิณ อยู่ในช่วงพักฟื้นตัวเท่านั้น และกลุ่ม คปท.เห็นว่าแพทย์ควรทำความเห็นและส่งตัว น.ช.ทักษิณ ไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบนั้น ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานมายื่นหนังสือ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็รับไว้และทำรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน แต่การให้ข้อมูลคนไข้ ย้ำว่าไม่สามารถเปิดเผยได้

“ส่วนคนไข้หรือญาติจะมอบหมายใครให้ข้อมูลก็เป็นสิทธิ์ พร้อมยืนยันว่าคนไข้ที่ทางราชทัณฑ์ส่งมาโรงพยาบาลตำรวจ มีระบบรักษาตามมาตรฐานอยู่แล้วในการดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียม ส่วนการทำความเห็นเรื่องอาการคนไข้ให้ราชทัณฑ์ก็มีช่วงระยะเวลาอยู่ และจะมีเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์มาคอยดูแลที่โรงพยาบาล โดยทั่วไปหากคนไข้หายดีหรือสามารถกลับไปเรือนจำได้ ทางแพทย์และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ใช่แค่กรณีใดกรณีหนึ่ง” โฆษก รพ.ตร. กล่าว

พ.ต.อ.หญิงศิริกุล กล่าวถึงกรณีกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ จะไปตรวจสอบที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา สถานที่รักษาตัวของ น.ช.ทักษิณ นั้น ว่า หากมีการแจ้งมาทางโรงพยาบาลตำรวจ ก็จะต้องประสานไปยังกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นเรื่องเพื่อให้พิจารณาและดำเนินการตามระเบียบ ส่วนจะอนุญาตหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้

‘กลุ่มเพื่อน’ เล่า!! เด็ก 17 เลือกไปโรงแรมกับ 'สมรักษ์' พอถาม “จะไปกับเขาจริงๆ เหรอ?” ก็ชักสีหน้าใส่

(14 ธ.ค.66) ภายหลังจาก ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา หลังตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา พรากผู้เยาว์ กระทำอนาจาร เด็กอายุต่ำกว่า 15 แต่ยังไม่ถึง 18 ปี พยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย พร้อมทั้งปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้วนั้น ก็มีอีกเหตุการณ์จากผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ไลฟ์สดเล่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวให้สังคมต้องติดตามต่อ

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค.66 วัยรุ่น 2 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ กับเด็ก 17 ได้ไลฟ์สดเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าที่ออกมาพูด เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง เพราะถูกนำภาพไปแชร์ในโซเชียล ทำให้คนเข้าใจผิด ทั้งยังถูกสังคมด่าทอว่า ทอดทิ้งเพื่อน ไม่ช่วยเพื่อน ไม่รักเพื่อน ไม่ห้ามเพื่อน จึงขออธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะไม่พูดเกี่ยวกับคดีของผู้เสียหาย 

โดยเล่าว่า เพิ่งรู้จักกับผู้เสียหาย วันที่ไปเที่ยวสถานบันเทิง เนื่องจากเป็นเพื่อนของเพื่อนในกลุ่ม และเป็นคนจังหวัดเดียวกัน โดยเพื่อนที่รู้จักกับผู้เสียหาย ได้ชักชวนมาเที่ยวด้วยกัน โดยที่พวกตนไม่รู้มาก่อน จากนั้นก็กินดื่มในร้านกันตามปกติ 4 คน ขณะที่พวกตน เดินไปเข้าห้องน้ำ ออกมาก็เห็น ผู้เสียหาย ไปอยู่ที่โต๊ะของสมรักษ์แล้ว พอเข้าไปสอบถามว่า ทำไมมาอยู่โต๊ะนี้ ผู้เสียหายไม่ตอบ พวกตนจึงพากันกลับไปที่โต๊ะ

กระทั่งร้านปิด ได้เดินไปถามผู้เสียหายว่า “จะไปกับเขาจริงๆ เหรอ” และยังมีเพื่อนผู้ชายอีกคน ที่อาสาจะไปส่งผู้เสียหายกลับห้องพัก โดยพาซ้อนรถจักรยานยนต์กลับไปกับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย แต่ผู้เสียหายชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะต้องการจะไปกับสมรักษ์

ทั้งเล่าอีกว่า เห็นผู้เสียหายเดินไปหาสมรักษ์ แล้วนั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ออกไปด้วยกัน เพื่อนทุกคนก็งงกันหมด และทุกคนก็เมาด้วย จึงพากันแยกย้ายกลับ กระทั่งเพื่อนผู้ชาย ที่รู้จักกับผู้เสียหาย ส่งข้อความแชทมาถามตนว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้เสียหายจึงให้พาไปแจ้งความ พวกตนก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกคนก็งงกันหมดเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังบอกอีกว่า เพิ่งรู้จักกันกับผู้เสียหายเป็นวันแรก ช่วงที่เข้าผับไม่ได้สนใจว่าใครจะเข้าได้ไม่ได้ แต่ทุกคนก็เข้ามาในร้านได้ และเที่ยวกันตามปกติ พวกตนก็ไม่ได้อายุ 17 ปี พร้อมขอให้ทุกคนที่นำภาพของพวกตนไปโพสต์ไปแชร์ จนเกิดความเสียหาย ขอให้ลบและหยุดแชร์ หากไม่หยุดจะดำเนินการตามกฎหมาย

อุทาหรณ์!! เกือบเสียแม่จากไลน์กลุ่ม 'สวัสดีวันจันทร์' หลังแม่หยุดยาลดความดัน-ลดไขมัน ตามคำแนะนำกลุ่ม

(14 ธ.ค.66) เฟซบุ๊ก ‘Dava NaUbon’ ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยหลังคุณแม่หยุดทานยาลดความดัน และลดไขมันเนื่องจากไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์ โดยระบุข้อความว่า “เกือบเสียแม่ ‘เพราะไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์’ ปกติแม่จะเป็นโรคความดัน ไขมัน อยู่แล้วต้องกินยาควบคุมประจำ อยู่มาวันหนึ่งมีไลน์กลุ่มเพื่อน ๆ แม่ส่งข้อความต่อ ๆ กันมาว่า ‘ถ้ากินยาลดความดัน ลดไขมัน’ มาก ๆ เป็นเวลานาน ๆ จะเสี่ยงเป็นมะเร็ง หลังจากได้อ่าน แม่ผมหยุดกินยาเองเลยโดยไม่ปรึกษาใครทั้งสิ้น เมื้อคืน 9 ธันวาคม 2566 เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออกถูกนำส่ง รพ” วัดความดันได้เกือบ 250 และมีอาการหัวใจขาดเลือดกระทันหัน (ถ้าส่ง รพ. ช้าไป มีสิทธิ์หัวใจล้มเหลวเสียชีวิตได้) ปัจจุบันต้องอยู่ในห้อง icu เพราะความดันยังไม่ลงอันตรายมาก”

ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้มีชาวเน็ตจำนวนมาก ให้ความสนใจและเข้ามาแห่แสดงความคิดเห็นร่วมทั้งส่งกำลังใจให้คุณแม่หายไว ๆ บางรายระบุว่าอาจต้องตรวจสอบไลน์กลุ่มต่าง ๆ ที่ผู้สูงอายุเข้าร่วม เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอยากให้ผู้สูงอายุปรึกษาลูกหลานหลังได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มา เพื่อป้องกันอันตรายในลักษณะนี้

‘กระแต อาร์สยาม’ ทุ่มเงิน 2 ล้าน ถอย ‘รถดับเพลิง-รถกู้ภัย’ ปลื้มใจ!! ได้ทำดีเพื่อสังคม สร้างกุศลช่วยชีวิตผู้ที่เดือดร้อน

(14 ธ.ค.66) อิ่มบุญอิ่มสุขกันยกใหญ่ สำหรับ ‘กระแต อาร์สยาม’ นักร้องลูกทุ่งสุดแซ่บ จัดหนักจัดเต็ม ประกาศดำเนินโปรเจกต์ใหญ่ ‘โครงการบุญ 10 ล้าน 10 ที่’ ร่วมกับแฟนคลับ เพื่อสมทบทุนเงิน มอบให้กับหน่วยงานที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นการสร้างบุญกุศลใหญ่ให้กับทุกคน

โดยเริ่มต้นด้วยที่แรกกับการส่งมอบรถดับเพลิงและรถกู้ภัย เพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัยให้กับประชาชน รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท แถมยังเตรียมสร้างทั้งอาคารเรียน ห้องคลอด ลานเอนกประสงค์อีกหลายที่

พร้อมโพสต์ระบุว่า “นำบุญใหญ่มาฝากทุกท่านนะคะ #อยากให้ดูคลิปนี้จนจบ แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘บุญที่ทำแล้วเห็นผลทันตา’ คืออะไร?

#โครงการบุญ10ล้าน10ที่ วันนี้แตรและทีมงาน KATHY Cosmetics มาส่งมอบรถดับเพลิงและรถกู้ภัย รวมถึงอุปกรณ์ดับเพลิง ถังออกซิเจน ชุดป้องกันไฟ รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท ให้กับพี่ ๆ อาสาฐานธนภพ จุดบางกรวย นนทบุรี เป็นที่เรียบร้อยนะค้า

นอกจากนี้จะมีการเตรียมสร้างทั้งอาคารเรียน ห้องคลอด ลานเอนกประสงค์อีกหลายที่เลย แตรจะมาอัปเดตในแต่ละที่เรื่อย ๆ นะคะ

วันนี้ภูมิใจมากๆ ปลื้มปิติและอิ่มในบุญใหญ่ครั้งนี้มาก ๆ เลย ที่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่ ๆ เหล่าวีรชนนักผจญเพลิงที่ เสียสละชีวิตมามากมาย ที่ทำด้วยใจบริสุทธิ์ มีจิตอาสาช่วยเหลือจากใจจริง ๆ พี่ ๆ เอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพลิงไหม้ทุกครั้ง โดยไม่เคยมีเซฟตี้จากหน่วยงานใด ทุกคนใช้เงินตัวเองซื้ออุปกรณ์ เพื่อมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกครั้ง

ตอนนี้พี่ ๆ ได้นำไปใช้ออกเหตุในหลาย ๆ ที่ แล้วค่ะ นี่คือบุญที่ทำแล้วเห็นทันตา ทำแล้วเกิดประโยชน์จริง ๆ ขอกราบอนุโมทนาสาธุในทุก ๆ บุญที่ร่วมกันสั่งหนังสือสวดมนต์ สวดพลิกชีวิต @plickcheevit และลูกค้าแบรนด์ @kathycosmetics_th ทุกท่าน ที่ได้มีส่วนร่วมในบุญอันเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ ในการช่วยชีวิตผู้คนครั้งนี้ด้วยกันนะคะ"

‘รัฐมนตรีญี่ปุ่น’ แห่ลาออก เซ่นปมทุจริต-รับเงินใต้โต๊ะ 500 ล้านเยน ด้าน ‘นายกฯ ฟูมิโอะ’ เร่งกู้ภาพลักษณ์ รบ.-เรียกความเชื่อมั่น ปชช.

(14 ธ.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าวความคืบหน้า กรณีฉาวแวดวงการเมืองของญี่ปุ่นว่า นายยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม, นายจุนจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน และ นายอิจิโร่ มิยาชิตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง

รายงานระบุ คาดว่า นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมถึงรัฐมนตรีช่วยอีก 5 คนจะยื่นเรื่องลาออกในวันเดียวกัน หลังเกิดประเด็นกล่าวหาว่ามีการรับสินบนรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านเยน หรือราว 123 ล้านบาท

ภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) พรรครัฐบาล รวมถึงนายมัตสึโนะที่ถูกครหาว่ารับเงินใต้โต๊ะกว่า 2.4 ล้านบาทจากการจัดงานระดมทุนที่ฝ่ายเสียงข้างน้อยในพรรคจัดขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมและนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในรัฐบาล ขณะที่อัยการเริ่มต้นการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องรับเงินสินบน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top