Friday, 27 June 2025
NewsFeed

'หมอปลาย' เตือน 3 วันก่อนปีใหม่ 2567 มีเหตุที่ต้องระวังให้ดี ส่วนปีหน้ามีเรื่องใหญ่

(4 ธ.ค.66) เฟซบุ๊ก 'ตีสิบเดย์ At Ten Day' เผยคลิปวิดีโอ สัมภาษณ์ หมอปลาย พรายกระซิบ ซึ่งมีการเปิดคำทำนายในรายการตีสิบเดย์ เมื่อถามถึงคืนปีใหม่จะมีอะไรไหม หลังปีใหม่ ปีหน้าจะมีอะไร

หมอปราย ระบุว่า "ให้ระวังดีกว่า อย่างแรกช่วงก่อนวันที่ 1 วันเลขคู่ ประมาณ 28-29-30 ทั้ง 3 วันนี้ จะมีเหตุเรื่องเกี่ยวกับเวที หรือเครื่องเสียงที่มีปัญหา และมีคนเจ็บ เน้นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร...

"สำหรับในประเทศจะมีเรื่องเปลวไฟ ไฟไหม้ แต่เป็นเขตปริมณฑลมากกว่า ไม่ใช่ในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องของโรงงาน หรือสถานที่เก็บของที่เป็นเชื้อไฟ จะมีเรื่องไฟเป็นหลักก่อนที่จะเข้าปีหน้า"

เมื่อถามถึงปีหน้า (2567) ทั้งปี หมอปลาย ตอบว่า "ปีหน้าเรื่องใหญ่ หลังมกราคมจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆ อะไรที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ ของที่มาจากของมีปีก ของบินได้ อะไรมีปีกเป็นสิ่งที่ค่อนข้างอันตรายเกือบทั้งหมด ระวังเรื่องเชื้อโรค ถ้าหลังจากนี้มีวัคซีนใหม่ต้องฉีด"

‘ภาษาอังกฤษ’ ไม่ได้มีไว้เพื่อ ‘วัดความฉลาด’

‘ภาษาอังกฤษ’ ไม่ได้มีไว้เพื่อ ‘วัดความฉลาด’

ภาษามีไว้สื่อสาร!!

ประโยคเด็ดกินใจคนไทย ที่พยายามฝึกภาษาอังกฤษ แต่กลับถูกบูลลี่ เหยียบย่ำ ดูแคลนว่าโง่ ซึ่ง Mohamad Safa นักสิทธิมนุษยชน UN เคยทวีตข้อความเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้เมื่อปี 2018 โดยระบุว่า…

“I hope one day people will understand that English is a language. Not a measure of
intelligence.” หรือแปลว่า…

“ผมหวังว่าสักวันหนึ่ง ผู้คนจะเข้าใจว่าภาษาอังกฤษเป็นแค่ภาษา ไม่ใช่สิ่งที่วัดความฉลาดของคน”

‘รมว.ปุ้ย’ โปรยข่าวดีรับปีใหม่ ครม. อัดฉีดงบ 8 พันล้าน ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย 140,000 ราย ตัดอ้อยสดคุณภาพดี รับเงินเพิ่มตันละ 120 บาท

(4 ธ.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดหนองบัวลำภู กรณีกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอวาระพิจารณาเรื่องโครงการเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุม ครม.สัญจรวันนี้ โดยในการประชุมพิจารณาที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ คือเกษตรกรพี่น้องชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดคือการเก็บตัดอ้อยสดมีคุณภาพ

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยชุดนี้จะมีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมประมาณ 140,000 ราย ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ และเป็นผลสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตัวแทนสมาพันธ์ สมาคมชาวไร่อ้อยที่ได้ประสานงานเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนเห็นตรงกันคือเกษตรกรต้องควบคุมคุณภาพการตัดอ้อยสดมีคุณภาพดีไม่มีการเผาที่ก่อให้เกิด PM2.5 ต้นตอของปัญหาทางอากาศที่เกิดขึ้นในแทบทุกปี เมื่อเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดจะมีการช่วยเหลือวงเงินสนับสนุนตันละ 120 บาท วงเงินส่วนนี้จะกระจายไปยังเกษตรกรชาวไร่อ้อย ราว 8 พันล้านบาท และยังส่งผลต่อการสร้างสมดุลทางกลไกราคาน้ำตาลทราย ปริมาณน้ำตาลในตลาดภายในประเทศ และตลาดส่งออก ให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

“ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อยทุกพื้นที่ ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ที่ได้กรุณาร่วมกันพิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอ การสนับสนุนในกรอบที่ได้มีมติจะทำให้ชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบรรเทาภาระความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพให้มีการตัดอ้อยสดคุณภาพดี คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถือเป็นข่าวดีของเกษตรกรชาวไร่อ้อยรับปีใหม่” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว 

'อดีตทูตนริศโรจน์' โพสต์!! ส่วนตัวไม่ขัดสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ช่วย 'อำนวยความสะดวก-ดูแลจราจรมนุษย์-ธรรมชาติไม่เสื่อม'

(4 ธ.ค.66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงครับ ด้วยเหตุผล...

1.กระเช้าไม่ได้ทำลายธรรมชาติ ต้นไม้ก็ยังขึ้นได้ด้านล่าง ยกเว้นแค่ที่ตั้งเสาเท่านั้น National Park ในต่างประเทศเขามีมานานแล้ว

2.ข้างบนภูกระดึงมีชุมชน มีคนอาศัย มีสำนักสงฆ์ ที่ต้องการเดินทางโดยสะดวก

3.การมีกระเช้าสามารถควบคุมการบริหารจัดการจำนวนคนได้ดีกว่าปล่อยให้เดินขึ้นไปแบบสะเปะสะปะ แบบควบคุมไม่ได้

4.กรณีมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องขนย้ายคนก็สามารถทำได้รวดเร็วกว่า

5.ถ้ามีรถกระเช้าขนส่งสิ่งของเหลือใช้ / ขยะก็สามารถขนย้ายระบายนำมาฝังกลบ / กำจัดด้านล่างได้แทนที่จะทิ้งบนยอดภู

‘สว.วีระศักดิ์’ ปลุกพลังทุกภาคส่วนในเชียงใหม่ ร่วมป้องกัน - หยุดเผา คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ชาวเชียงใหม่

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา รองประธานกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษในเวทีการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 ครั้งที่ 1 (Thailand National PM2.5 Forum) หัวข้อ ‘อากาศสะอาด : ความรับผิดชอบร่วมของรัฐ เอกชน และประชาสังคม’ ซึ่งจัดขึ้นที่อาคารศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดเชียงใหม่ 

โดยมีผู้บริหารและตัวแทนหน่วยงานของรัฐ เครือข่ายอากาศสะอาด สภาลมหายใจ และสถาบันการศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน ตลอดจนนักวิชาการต่างๆเข้าร่วมอย่างคับคั่ง กว่าหนึ่งพันคน

การจัดการประชุมระดับชาตินี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ และสภาลมหายใจเชียงใหม่ พร้อมกับอีกกว่า 50 ภาคีเครือข่ายร่วมจัด

นายวีระศักดิ์ ชี้ว่า แม้จะกำลังมีร่างกฎหมายอากาศสะอาดเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสมัยประชุมที่จะมาถึงนี้ แต่ฤดูเผา ฤดูฝุ่นก็กำลังจะเกิดก่อน รวมทั้งเป็นปีแล้งจากผลของปรากฏการณ์เอลนีโญ่ ป่าจะแห้ง เชื้อเพลิงใบไม้และทุ่งหญ้าจะเป็นเชื้อเพลิงที่อ่อนไหวมาก การร่วมมือทำความเข้าใจเหตุที่ทำให้เกิดการเผาทั้งในแปลงเกษตรและในพื้นที่ตามกฎหมายป่าไม้จึงต้องเร่งใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ลดการจุดเผาลงให้ได้มากที่สุด การทำความเข้าใจเพื่อสร้างความรู้ในการวิเคราะห์จากข้อมูลดาวเทียม จะช่วยให้แต่ละพื้นที่จับทิศทางลม และที่ตั้งจุดเริ่มการเผาได้จากสถิติที่ดาวเทียมบันทึกไว้มาตลอด 20 ปีย้อนหลัง 

นอกจากนี้ ภาคประชาสังคมควรสื่อสารร่วมกับรัฐไปยังผู้ประกอบการนำเข้าเมล็ดข้าวโพดและอ้อยที่มาจากประเทศข้างเคียง ให้เร่งใช้มาตรการตรวจสอบย้อนกลับเพื่อปฏิเสธการรับซื้อผลผลิตที่มาจากพื้นที่เผา เพราะในหลายปีที่ผ่านมา จุดความร้อนในไทยลดลงเป็นลำดับแต่ในประเทศข้างเคียง ยังมีอัตราการพบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นสวนทางกัน

“เราทุกฝ่ายควรเดินหน้าแก้ปัญหาร่วมกัน เพราะปอดของเราก็รอไม่ได้ อัตราตายจากโรคทางเดินหายใจทะยานสูงขึ้นมาก รอบบ้านทั้งภูมิภาคก็มีอัตราเร่งเผาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การบูรณาการใช้พลังหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคชุมชน ภาคท้องถิ่น ภาควิชาการที่มีฐานทางวิทยาศาสตร์ และพลังสื่อสารที่เข้าถึงทั้งคนทั่วไป และลึกถึงกลุ่มที่ไม่ใช้ภาษาไทยจะมาจากไหน และจะไปถึงกลุ่มชายป่า ในไร่ ในโรงกลั่น และในรถยนต์ รถเก่า ตลอดถึงคนข้ามชายแดนกลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างไร ผมคาดหวังว่า งานประชุมระดับชาติครั้งนี้ จะช่วยหาคำตอบ และแบ่งบทบาทการต่อสู่เพื่อสิทธิในอากาศสะอาดของเรา ที่ต้องใช้ความรู้รอบ และตอบสนอง อย่างมีระบบและทุ่มเท เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จให้ได้ครับ”

สำหรับการประชุมระดับชาติ เรื่องมลภาวะทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 นี้ จัดขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคมนี้ โดยจะมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มารับข้อสรุปข้อเสนอจากการประชุมระดมข้อคิดที่มาจากกลุ่มผู้ติดตามสถานการณ์เรื่องฝุ่นในวันที่ 4 ธันวาคมเพื่อนำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป

‘มาดามเดียร์’ แลกเปลี่ยนมุมมอง ผู้นำฯ นักศึกษา มข.  รับฟังไอเดีย ‘ศก.-การเมือง’ เพื่อปรับสู้เลือกตั้งหนหน้า

‘มาดามเดียร์’ ล้อมวงคุย ผู้นำองค์การนักศึกษา ม.ขอนแก่น แลกเปลี่ยนมุมมองเศรษฐกิจ-การเมือง-ความคาดหวัง พร้อมนำปรับใช้ทำนโยบายสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะนักศึกษาเชียร์นั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ 

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 66 ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ พบปะแลกเปลี่ยนรับฟังความคิดและข้อเสนอแนะกับกลุ่มผู้นำองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย นายวรเชษฐ์ อสิพงษ์ ประธานกลุ่มเลือดสีอิฐ มหาวิทยาลัยขอนแก่น น.ส.บุญยานุช อ่อนนางใย อุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีนายวีระยุทธ งามจิตร อดีตผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมด้วย ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนถึงมุมมองของนักศึกษาที่มีต่อการเมืองระดับชาติ มุมมองด้านเศรษฐกิจและสังคม สิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ขับเคลื่อนหรือปรับเปลี่ยน เช่น เรื่องของระบบการศึกษา เรื่องของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมถึงยังได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองในการบริหารงานขององค์การนักศึกษา 

โดย น.ส.วทันยา ได้อธิบายถึงเรื่องของ กยศ. ว่า เมื่อการเลือกตั้งในปี 2566 พรรคประชาธิปัตย์ได้มีนโยบายในเรื่องของการเรียนฟรีถึงปริญญาตรีเพื่อเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้นักศึกษาจะได้ไม่ต้องกู้ยืมเงินในกองทุน กยศ.เพื่อนำมาเป็นค่าเทอมอีกต่อไป และจะปรับกองทุน กยศ. ให้นักศึกษาสามารถกู้ยืมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันแทน 

น.ส.วทันยา ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาพูดคุยกับน้องนักศึกษาที่เป็นองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ช่วยเสนอมุมมองแลกเปลี่ยนในหลายเรื่องที่ทำให้เข้าใจในเรื่องของปัญหาในแต่ละช่วงวัย รวมถึงความคาดหวังของพวกเขาต่ออนาคตที่อยากจะเห็นในรูปแบบของการเมืองไทย และเศรษฐกิจที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ซึ่งการพูดคุยนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจุดหนึ่ง ที่จะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้แล้วทำให้เราเข้าใจในมุมมองของแต่ละช่วงวัยได้อย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น รวมถึงทำให้เราเข้าใจถึงสภาพปัญหาและความคาดหวังขอเขาเพิ่มมากขึ้น โดยสิ่งที่วันนี้ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยจะได้นำกลับไปปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการที่จะนำเสนอต่อประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายของการพูดคุย น.ส.วทันยา ได้ให้กำลังใจน้องนักศึกษากลุ่มเลือดสีอิฐให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะลงรับเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษาที่จะเกิดในช่วงเดือนมกราคม 2567 ขณะที่น้องนักศึกษาก็ได้ให้กำลังใจกับ น.ส.วทันยา ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ด้วย

อีอีซี ชูศักยภาพพลังคนรุ่นใหม่ ร่วมโครงการ “อีอีซี สแควร์” เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน พร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนผลักดันสร้างโอกาสขยายผลโครงการจริง

​เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นางธัญรัตน์ อินทร รองเลขาธิการสายงานพื้นที่และชุมชน สกพอ. หรือ อีอีซี เป็นประธานพร้อมมอบรางวัลในงานประกาศรางวัลโครงการ อีอีซี สแควร์ ประจำปี 2566 (EEC2 : Environmental Empowerment CAMP & CONTEST) ณ โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน อาทิ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านพื้นที่และชุมชน นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายชัยพร  แพภิรมย์รัตน์ ปลัดจังหวัดชลบุรี 

นายฉัตรชัย ทิมกระจ่าง นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา นายณัฏฐ์ธน สาตรจีนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ผศ.ดร.ณยศ คุรุกิจโกศล ผู้รักษาการแทนรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยบูรพา ธนาคารกรุงไทย จำกัดบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้าร่วมชมผลงานและแสดงความยินดีแก่เยาวชน โดยโครงการ อีอีซี สแควร์ ประจำปี 2566 ได้สร้างการมีส่วนร่วม และสิ่งเสริมให้เยาวชนใน อีอีซี แสดงศักยภาพผ่านการประกวดการสร้างสรรค์โครงงานนวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นในมิติต่างๆ ตามบริบทของพื้นที่ พร้อมสร้างโอกาสการขยายผลจริงในชุมชน 

​ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากคณะกรรมการประเมินผลงานเยาวชนซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจาก EECi. NECTEC สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพื้นที่ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยศิลปากร PTTGC และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยผลงานดีเด่น รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนเซนต์หลุยส์ฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา กับการออกแบบและพัฒนาถังดักไขมันในน้ำเสียเพื่อใช้ในครัวเรือน รองชนะเลิศอันดับ 1 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา กับโครงการ Smart farm feeding เครื่องให้อาหารปลาอัตโนมัติและติดตามอุณหภูมิน้ำผ่าน Application และรองชนะเลิศอันดับ 2 โรงเรียนหมอนทองวิทยา จังหวัดฉะเชิงเทรา กับผลงานโครงการกระถางจากธรรมชาติ โดยนำฟางข้าวมาแปรรูปเป็นกระถางเพื่อลดมลภาวะทางอากาศจากการเผาฟางข้าว  
​นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษแห่งความประทับใจ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย อีก 5 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Content Creator ได้แก่ โรงเรียนมกุฎเมืองราชวิทยาลัย จังหวัดระยอง รางวัล Best Impact ได้แก่ โรงเรียนแปลงยาวพิทยาคม จังหวัดฉะเชิงเทรา รางวัล School Supporter ได้แก่ โรงเรียนบ้านสวน (จั่นอนุสรณ์) จังหวัดชลบุรี รางวัล Young EEC Square Courage ได้แก่ โรงเรียนวัดป่าประดู่ จังหวัดระยอง และรางวัล Start Up DNA ได้แก่ โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง จังหวัดระยอง 

​สำหรับโครงการ อีอีซี สแควร์ นับเป็นโครงการสำคัญที่ อีอีซี สร้างการมีส่วนร่วมและพัฒนาศักยภาพเยาวชน ซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 โดยในปี 2566 นี้ได้เปิดรับสมัครเยาวชนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่อีอีซี มีเยาวชนเข้าร่วมจำนวน 17 โรงเรียน และได้รับการเรียนรู้เกี่ยวกับ อีอีซี การนำเทคโนโลยีนำเทคโนโลยี board Kidbright มาปรับใช้ในการทำโครงงาน ซึ่งตั้งใจให้เยาวชนที่เรียนเรื่อง coding ในโรงเรียนอยู่แล้วได้เข้าใจว่าสิ่งที่เรียนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาผลงานที่เป็นประโยชน์ได้อย่างไร รวมถึงมีการพัฒนาทักษะต่าง ๆ เช่น การทำงานเป็นทีม การศึกษาดูงานกระบวนการผลิตแบตตารีลิเทียมในอุตสาหกรรมจริง เป็นต้น และที่สำคัญ อีอีซี ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนหลายหน่วยงาน ให้ความสนใจนำผลงานเยาวชนไปพัฒนาต่อยอดขยายผลจริงในชุมชน ในโรงงาน และสร้างโอกาสต่อยอดเชิงพาณิชย์อีกด้วย

ไทย สมายล์ บัส มอบหมวกกันน็อค ในกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ปี 2566

วันที่ 4 ธันวาคม 2566 

คุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ประธานกิตติมศักดิ์ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ พร้อมด้วย
นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ ประธานมูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์  และ ทีมงานมวลชนสัมพันธ์ (CSR) ไทย สมายล์ บัส 

ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานต่างๆ จัดกิจกรรมจิตอาสา แจกหมวกกันน็อค  ในนามของ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด 
เพื่อสนับสนุนงานด้านจราจรและความปลอดภัย เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 ณ วัดปากน้ำภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

ซึ่งบรรยากาศของการจัดกิจกรรมจิตอาสาในจุดนี้มีพี่น้องประชาชน นักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่จากภาคส่วนต่างๆ และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

'แบงก์ชาติ' เปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน 'ไทย-ฮ่องกง' ผ่าน QR เอื้อประโยชน์ผู้ที่เดินทางระหว่าง 2 ประเทศกว่า 1.5 ล้านคนต่อปี

(4 ธ.ค.66) ธนาคารกลางฮ่องกง (Hong Kong Monetary Authority: HKMA) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดตัวการให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ระหว่างฮ่องกงและประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและประเทศไทยได้รับบริการชำระเงินที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเข้าถึงได้ง่าย

บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ดังกล่าว จะทำให้ผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและประเทศไทยสามารถทำรายการชำระเงินกับร้านค้าได้โดยง่าย โดยผู้ใช้บริการที่มาจากฮ่องกงสามารถใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสแกน QR มาตรฐานของไทย (Thai QR code) และผู้ใช้บริการที่มาจากไทยสามารถใช้แอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือสแกน QR ของฮ่องกง (Hong Kong FPS QR code) ที่ร้านค้าได้แสดงไว้ ทำให้ผู้ใช้บริการมีช่องทางชำระเงินที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ขณะที่ร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้าในทันที ทั้งยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของฮ่องกงและประเทศไทยด้วย

นาย Eddie Yue ผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกง กล่าวว่า ธนาคารกลางฮ่องกงมีความยินดีอย่างยิ่งต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาช่องทางการชำระเงินข้ามพรมแดนรายย่อย ที่สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ โดยการเปิดตัวบริการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบ Fast Payment System ในการขยายบริการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาค

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ความร่วมมือกับฮ่องกงในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาด้านดิจิทัลของไทย และสะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาค ให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและไทยจำนวนประมาณ 1.5 ล้านคนต่อปี และต่อร้านค้าที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม

โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งการผลักดันจากธนาคารกลาง คือ HKMA และ ธปท. ผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน ได้แก่ Hong Kong Interbank Clearing Limited (HKICL) และ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ (NITMX) ผู้ให้บริการชำระดุลระหว่างประเทศ ได้แก่ HSBC Hong Kong และธนาคารกรุงเทพ รวมทั้งผู้ให้บริการชำระเงินหลายรายที่เข้าร่วมให้บริการแอปพลิเคชัน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง และ Non-bank 2 แห่งของฮ่องกง และธนาคารพาณิชย์ 3 แห่งของไทย และอีกหลายแห่งของทั้งสองฝ่ายที่ร่วมให้บริการ QR แก่ร้านค้า โดยมีรายชื่อตามเอกสารแนบ

ธนาคารกลางทั้ง 2 แห่งเชื่อว่าการเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนครั้งนี้ ให้ทางเลือกการชำระเงินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม และจะส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการเงินในภูมิภาคมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

นักเคลื่อนไหว 'แอกเนส โจว' หนีประกันไปเรียนต่อที่แคนาดา  ลั่น!! 'เครียด-ซึมเศร้า' อาจไม่กลับฮ่องกงอีก 'ตลอดชีวิต' 

(4 ธ.ค. 66) แอกเนส โจว (Agnes Chow) หนึ่งในแกนนำนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกง ประกาศว่าตัวเธอเองได้หนีการประกันตัว และเดินทางไปศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่แคนาดาแล้ว

โจว ถูกศาลฮ่องกงสั่งจำคุก 10 เดือนเมื่อปี 2020 ในความผิดฐานเข้าร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2019 ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2021 โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้ารายงานตัวกับตำรวจอย่างสม่ำเสมอ

สถานีโทรทัศน์ TVB ของฮ่องกงรายงานวันนี้ (4 ธ.ค.) ว่า ตำรวจฮ่องกงได้แถลง ‘ประณามอย่างรุนแรง’ ต่อการละเมิดเงื่อนไขประกันตัวของ โจว และเรียกร้องให้เธอ ‘อย่าเลือกเดินเส้นทางที่ไม่อาจหวนกลับในการเป็นผู้ลี้ภัยตลอดชีวิต’

ก่อนหน้านั้น โจว ได้โพสต์อินสตาแกรม 2 ครั้งในวันอาทิตย์ (3 ธ.ค.) เพื่อฉลองวันเกิดปีที่ 27 ของเธอ พร้อมเปิดเผยว่ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองโทรอนโตของแคนาดารับเธอเข้าศึกษาต่อแล้ว และเธอตัดสินใจเดินทางออกจากฮ่องกงไปยังแคนาดาเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา

โจว เล่าว่าเพื่อที่จะได้หนังสือเดินทางคืน เธอต้องยอมถูกตำรวจ 5 นายคุมตัวไปยังจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อเดือน ส.ค. โดยไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา” เธอโพสต์ข้อความ

โจว ถูกนำตัวไปเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของจีนภายหลังการปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อช่วงปลายทศวรรษ 1970 ก่อนจะถูกพาไปที่สำนักงานใหญ่ของเทนเซนต์ (Tencent) และถูกขอให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย

“ถ้าฉันไม่ออกมาพูดอะไร ภาพถ่ายเหล่านั้นอาจจะถูกใช้เป็นหลักฐานแสดงความรักชาติ (patriotism) ของฉันไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันกลัวจริง ๆ” เธอกล่าว

โจว เล่าต่อว่า เมื่อเดินทางกลับถึงฮ่องกงเธอถูกบังคับให้ลงนามในจดหมายแสดงความ ‘สำนึกผิด’ ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ‘ขอบคุณ’ ตำรวจที่ช่วยจัดทริปให้เธอได้เดินทางไปเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘การพัฒนาอันแสนยอดเยี่ยมของประเทศบ้านเกิดเมืองนอน’

โจว มีกำหนดต้องเข้ารายงานตัวกับตำรวจอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ธ.ค. เนื่องจากเธอยังคงถูกสอบสวนฐานสมคบคิดต่างชาติบ่อนทำลายความมั่นคงจีน โดยเชื่อมโยงกับคดีของ จิมมี ไล (Jimmy Lai) มหาเศรษฐีและเจ้าพ่อวงการสื่อที่สนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยฮ่องกง

สาวนักเคลื่อนไหวรายนี้บอกว่า เธอได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วเกี่ยวกับ ‘สถานการณ์ในฮ่องกง รวมถึงความปลอดภัยและสุขภาพจิตของตัวเอง’ ก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปศึกษาต่อที่แคนาดา

“บางทีฉันอาจไม่กลับไปฮ่องกงอีกเลยตลอดชีวิต” โจว กล่าว

โจว ยอมรับว่า แรงกดดันจากการถูกดำเนินคดีทำให้เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (depression) และยังมีอาการของโรคเครียดภายหลังเผชิญเหตุการณ์สะทือนขวัญ หรือ PTSD (Post-traumatic stress disorder)

แอกเนส โจว เป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวฮ่องกงซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุด และถึงขั้นได้รับฉายาว่า ‘มู่หลานตัวจริง’ โดยอ้างอิงกับตำนานวีรสตรีจีน ‘ฮวา มู่หลาน’ ที่ปลอมตัวเป็นชายออกไปจับอาวุธปกป้องครอบครัวและชาติบ้านเมือง

โจว เคยได้รับคัดเลือกจาก BBC ให้เป็นหนึ่งใน 100 ผู้หญิงทรงอิทธิพลของโลกประจำปี 2020

ทางการฮ่องกงยังคงเดินหน้าปราบปรามนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ในปี 2019 ซึ่งนำมาสู่การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2020


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top