Friday, 27 June 2025
NewsFeed

‘จีน’ ก่อสร้างสถานีตรวจวัด ‘ก๊าซเรือนกระจก’ 117 แห่ง อาศัย ‘ดาวเทียม’ ที่มีความแม่นยำสูง ดักจับคาร์บอนฯ

(2 ธ.ค.66 ) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งประเทศจีน รายงานว่าปัจจุบันนั้น มีการก่อสร้างสถานีตรวจวัดก๊าซเรือนกระจกที่มีความแม่นยำสูงรวม 117 แห่งแล้ว

จางซิ่งอิ๋ง เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ เผยว่าจีนได้ส่งดาวเทียมที่สามารถเฝ้าติดตามคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโลก จำนวน 5 ดวง เพื่อเพิ่มความสามารถตรวจวัดก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ปี 2016 รวมถึงจัดตั้งเครือข่ายสังเกตการณ์ชั้นบรรยากาศอันประกอบด้วยสถานีระดับโลก 1 แห่ง และสถานีระดับภูมิภาค 6 แห่ง

นอกจากนั้นสำนักงานฯ เผยแพร่แถลงการณ์เกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกในงานแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ (1 ธ.ค.) ซึ่งระบุว่า การเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศโดยเฉลี่ยต่อปีในพื้นที่ดินของจีนในปี 2022 ต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2013-2022 อย่างมีนัยสำคัญ

‘เพจดัง’ แฉ!! ‘สส.ก้าวไกล’ อ้างชื่อ กมธ.แรงงาน หาผลประโยชน์ สร้างซีนหล่อให้ ‘พิธา’ ประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 เรื่องร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของนายสุเทพ อู่อ้น กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ได้สอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า นายสุเทพ อู่อ้น ดำรงตำแหน่งรองประธาน กมธ.แรงงาน คนที่ 2 แต่การกระทำดังกล่าวของนายสุเทพ เป็นการกระทำส่วนบุคคล มิได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมาธิการ หรือเป็นไปตามที่ที่ประชุมมอบหมายแต่อย่างใด

โดยระบุว่า ทุกคนคะ กรณีคุณพิธาได้โพสต์ลงโซเชียล มอบหมายให้ สส.สุเทพ อู่อ้น อดีต กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงาน ‘กรณีช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล’

คุณสุเทพได้ติดต่อกับผู้ประสานงานคนไทย และสัญญาว่าจะให้ตำแหน่งอนุกรรมาธิการหรือให้รางวัล เพื่อต้องการได้ข้อมูลจากผู้ประสานงานไปให้คุณพิธา

ทีมงานเพจได้สอบถามไปทาง กมธ.แรงงาน พบว่า เรื่องที่คุณพิธาและคุณสุเทพดำเนินการต่างๆ ‘เป็นการกระทำส่วนบุคคล ไม่ได้มีส่วนและอำนาจหน้าที่ของ กมธ. แต่อย่างใด’

หนูขอประกาศว่า หากท่านใดถูกแอบอ้างหรือสัญญาว่าจะให้จากบุคคลทั้ง 2 แจ้งร้องทุกข์มาที่เพจได้ค่ะ ทางเรายินดีช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ตัวแทนชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรื่อง ร้องเรียนพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ชุดที่ 25 กรณีแรงงานไทยในอิสราเอล

เนื่องจากอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ซึ่งเป็น สส.พรรคก้าวไกล และขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะ กมธ.การแรงงาน คนที่ 2 ได้ติดต่อไปยังผู้ประสานงานแรงงานไทยในอิสราเอล และขอข้อมูลทั้งรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ โดยอ้างว่าจะนำไปหาทางช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่าได้มีการส่งมอบให้กับกระทรวงแรงงาน

ทั้งนี้ ผู้ประสานงานได้ขอร้องให้อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงานทราบว่า อย่าโทรศัพท์หาแรงงานโดยตรง ให้ประสานผ่านผู้ประสานงาน เพื่อป้องกันการติดตามสัญญาณมือถือจากผู้ก่อการร้าย ที่อาจรู้พิกัดของแรงงานไทยได้ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามและได้มีการติดต่อไป จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิตของแรงงานไทย อีกทั้งผู้ประสานงานยังพบว่าอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้นำข้อมูลของแรงงานไทยไปมอบให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น) เพื่อให้นำไปแจ้งต่อสื่อมวลชนว่าอดีตหัวหน้าพรรคเป็นผู้ประสานงานแรงงานไทย ทั้งที่แรงงานไทยไม่ได้รับการประสานงาน และให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด

นอกจากนี้ อดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ได้มีการเชิญชวนบุคคลภายนอก โดยอ้างว่าสามารถแต่งตั้งให้ผู้ประสานงานดำรงตำแหน่งอนุ กมธ.การแรงงานได้ ดังนั้น จึงขอให้นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามกลไกรัฐสภาต่อไป

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า การกระทำของอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน เป็นการกระทำในนามส่วนตัว อย่างไรก็ตาม คณะ กมธ.การแรงงานได้ประสานกับกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับแรงงานไทยในอิสราเอลตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว ส่วนการเชิญชวนบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นคณะอนุ กมธ.นั้น คณะ กมธ.จะนำไปพิจารณาเพื่อรับฟังข้อเท็จจริงต่อไป

‘พี่ดี้ นิติพงษ์’ แชร์โมเมนต์ประทับใจจากผู้ใช้บริการ ‘บีควิก’ ปะยางให้ไม่คิดตังค์ ให้ทิปก็ไม่รับ พนง.บอก ดูแลฟรีทุกคน

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 66 นายนิติพงษ์ ห่อนาค หรือ ‘ดี้’ นักแต่งเพลงชื่อดัง ได้แชร์โพสต์ภาพและข้อความของเฟซบุ๊ก ‘พึงเนตร อติแพทย์’ เรื่องความประทับใจในการให้บริการของศูนย์ให้บริการรถยนต์ ‘บีควิก’ (B-Quik) ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nitipong Honark’ โดยระบุว่า…

ฉันเคยใช้บริการของ ‘บีควิก’ ปะยาง… แล้วก็พบประสบการณ์เดียวกันกับคุณที่ฉันแชร์มานี่ พนักงานปะยางให้อย่างกุลีกุจอ… แล้วก็ไม่เอาตังค์สักบาท หน้าตาน้องคนทำงานก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ภูมิใจมาก

หลังจากนั้น… เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางรถทั้งสี่เส้น ฉันไม่นึกถึงที่อื่นเลย ฉันไปจ่ายเงินหลายหมื่นให้บีควิกด้วยเต็มใจ…

เป็นตัวอย่างนโยบายที่ใช้คุณธรรม ไมตรีจิต นำการตลาดที่ได้ผลทางการตลาดอย่างยอดเยี่ยมด้วย… และทำให้พนักงานภาคภูมิใจมาก ที่ได้เห็นความประทับใจจากลูกค้า…

อยากให้ผู้บริหารบริษัทใหญ่ ๆ ทุกสาขา ทั้งประเภทอุปโภคบริโภค สื่อสาร พลังงาน ธนาคาร ประกัน ฯลฯ ได้มีนโยบายน่ารักแบบนี้ให้มากที่สุด บริการมิตรจิตมิตรใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คนเขาประทับใจ… เป็นการตลาดที่น่ารักและยั่งยืนที่สุด พวกที่ได้เงินจากลูกค้าไปแล้วเป็นพันหมื่นแสน ยังจะมาตามเก็บค่าธรรมเนียมยุบยิบ นั่นนี่… ลูกค้าก็ได้แต่จำไว้… มีคู่แข่งเมื่อไหร่ กูหนีมึงแน่นอน

อ๋อ… พวกที่บังคับให้พนักงานหายอดเงินให้ได้ โดยเที่ยวโทร.ไปหาผู้คนเปะปะ เสนอสิทธิพิเศษนั่นนี่… ไม่ว่าจะธนาคารหรือบริษัทประกัน… ขอบอกว่าคุณเป็นผู้บริหารรับจ้างที่สี่เหลี่ยมแห้งแล้งมาก ๆ จ้ะ

‘นายกฯ’ ขอบคุณสังคมไทยทุกภาคส่วน เปิดใจให้โอกาสคนพิการ ฟาก รบ.ยัน!! มุ่งมั่นให้ความสำคัญทุกกลุ่ม ภายใต้สวัสดิการแห่งรัฐ

(3 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเนื่องในวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 ว่า…

3 ธันวาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในปัญหาความทุพพลภาพ และระดมการสนับสนุน เพื่อศักดิ์ศรี สิทธิ และสวัสดิภาพของคนพิการ โดยในปี 2566 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลัก คือ ‘รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ’ (United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities)

นายกฯ กล่าวว่า ตัวเลขจากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอกย้ำความเปราะบางสถานการณ์คนพิการของไทย ที่มีอุปสรรคนอกเหนือความสามารถในการใช้ชีวิตอิสระแล้ว ยังถูกซ้อนทับด้วยความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา และมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้นในสภาวะความสูงอายุ โดยมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาความยากจน คนพิการในประเทศไทยจำนวน 2.2 ล้านคน เป็นผู้พิการในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี 1.29 ล้านคน หรือเกินครึ่ง และมีคนพิการที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 1.4 ล้านคน ซึ่งเกินครึ่งอีกเช่นกัน ส่วนคนพิการในวัยแรงงาน 860,000 คน ได้รับการจ้างงานที่ 54,000 คน จากสถานประกอบการ 2 หมื่นแห่ง

ขอบคุณประชาชน สถานประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ที่ให้โอกาสคนพิการ ได้แสดงศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจ ผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ต่างจากเรา ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ และ “สวัสดิการโดยรัฐ” ที่เราพยายามทำอย่างยิ่งคือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ต้นตอ คือการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน ลดรายจ่ายภาครัฐ ใช้ทรัพยากรที่จำกัดยิงศรให้ตรงเป้า ให้ได้ผลเท่าทวีคูณ ซึ่งหวังผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขจัดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากลง สร้างสังคมที่หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียม

“เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Leave no one behind)”

เปิดเหตุผล ‘พอลลีน’ กรณีดึง ‘วิโรจน์ ก้าวไกล’ มาช่วยพัฒนาบอลไทย เชื่อ!! ช่วยเปิดมุมมองที่ไม่คาดคิด วอน!! แยกแยะ ‘กีฬา-การเมือง’

เมื่อไม่นานนี้ ‘คุณพอลลีน งามพริ้ง’ ได้ออกมาชี้แจง หลังจากที่ ได้ประกาศว่าได้ดึงตัว ‘คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ เข้ามาเป็นทีมงานเตรียมช่วยพัฒนาฟุตบอลไทย

สำหรับ คุณพอลลีน แสดงตัวชัดเจนว่าจะลงสมัคร และได้ทาบทาม คุณวิโรจน์ ก้าวไกลมาร่วมทีมด้วย โดย คุณพอลลีนได้ ชี้แจงเหตุผลที่เชิญชวนคุณวิโรจน์มาร่วมด้วยช่วยกันในวงการฟุตบอล ไว้ดังนี้

1.) การที่มีคนนอกวงการกีฬาเข้ามา อาจจะช่วยให้เปิดมุมมองที่เราไม่คาดคิดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่ได้รู้จักคุณวิโรจน์ ที่เป็นแฟนฟุตบอลตัวตึง และตัวยงไม่แพ้ใคร

2.) ศักยภาพคุณวิโรจน์ ค่อนข้างเป็นที่ประจักษ์ในการตรวจสอบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

3.) คุณวิโรจน์ มีประสบการณ์วิศวกรรม อาจจะสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับวงการกีฬา เพื่อขับเคลื่อนได้

4.) ประสบการณ์จากการทำงานเป็น ผจก.ทรัพยากร หากนำมาปรับโครงสร้าง และติดตามปัญหาของนักฟุตบอลภายใต้สมาคมได้อีก

“ที่สำคัญพอลลีนเพียงแต่พูดคุยไปที่คุณวิโรจน์ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปหรือตอบรับแต่อย่างใด เพราะเกรงเรื่องภารกิจในสภาฯ มีหลายคนพยายามโยงว่า พอลลีน เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยว ก็อยากจะบอกว่า ที่ทำฟุตบอลสโมสรกันอยู่เวลานี้ หรือ มีอิทธิพลในสมาคมฯกันอยู่เวลานี้ ก็นักการเมือง หรือสังกัดพรรคการเมืองกันทั้งนั้น อย่าเถียงว่าไม่จริง” คุณพอลลีน กล่าว

“วงการฟุตบอลไม่ควรมาตั้งแง่กันว่า ใครรวยใครจน ใครอยู่ภาคไหน หรือมีแนวคิดการเมืองเป็นอย่างไร ที่สำคัญพรรคการเมืองรัฐบาลก็ไม่ควรแสดงตัวสนับสนุนใคร… เพราะนั่นคุณกำลังเอา ‘การเมืองมายุ่ง’ ของจริง ด้วยความเคารพ” คุณพอลลีน กล่าวทิ้งท้าย

‘เทพไท’ เผย ‘ลุงตู่’ ลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม ปิดฉากทางการเมืองไทย พร้อมขึ้นหิ้งสู่ ‘องคมนตรี’

(3 ธ.ค. 66) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ‘เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง’ ดังนี้…

ลุงตู่ ลงจากหลังเสือ อย่างสง่างาม

หลังจากผมได้โพสต์เพลง ‘สดุดีลุงตู่’ ในสื่อโซเชียลช่องยูทูปได้ไม่นาน ปรากฏว่า มียอดผู้เข้าชม 1 แสนคนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และรวมจากสื่อทุกช่องทาง มียอดผู้เข้าชมนับล้านวิว ในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระแสความนิยมในตัวลุงตู่ ยังมีอยู่ไม่น้อย ไม่ได้ลดต่ำลงไปเลย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้นำประเทศ ซึ่งมาจากการรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้ง เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสุดท้ายได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เป็น ‘องคมนตรี’ ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุด

การได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ของพลเอกประยุทธ์ในครั้งนี้ นับว่าเป็นการวางมือทางการเมืองแบบเด็ดขาด ถือได้ว่าได้ก้าวลงจากตำแหน่งแบบสง่างามหรือสมูทที่สุด

ก่อนหน้านี้ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เมื่อลงจากตำแหน่ง หรือที่เรียกกันว่าลงจากหลังเสือ อาจจะถูกเสือแว้งกัดได้ แต่กรณีของลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ได้ลงจากตำแหน่งอย่างมีเกียรติ และส่งไม้ต่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากขั้วอำนาจใหม่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ นับว่าเป็นนิมิตหมายใหม่ ที่รัฐบาลเก่ากับรัฐบาลใหม่เปลี่ยนผ่านอำนาจ ส่งมอบงานกันอย่างมีไมตรีต่อกัน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ปิดฉากทางการเมืองอย่างเป็นทางการ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘ขึ้นอยู่บนหิ้ง’ แล้ว คงไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับการเมืองอีกแน่นอน

ผมขอแสดงความชื่นชมยินดีกับตำแหน่งองคมนตรีของลุงตู่อีกครั้งหนึ่ง หวังว่าท่านคงได้นำความรู้ความสามารถ ความซื่อสัตย์สุจริต และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติต่อไป

‘รมว.ปุ้ย’ ลุยใต้ เปิดงาน ‘MIND : Your Industrial Power’ หนุนผู้ประกอบการ-ยกระดับการลงทุน-เสริมศักยภาพอุตฯ ไทย

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ค 66 นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการสัมมนา ‘การส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรม ในพื้นที่ภาคใต้ MIND : Your Industrial Power’ โดยมี นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, นายศุภกิจ บุญศิริ รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม รักษาการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รักษาการแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม, นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมรักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, นางสาวณิรดา วิสุทธิชาติธาดา ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ โรงแรม แกรนด์ ฟอร์จูน จังหวัดนครศรีธรรมราช

ปลัดฯ ณัฐพล กล่าวว่า สํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกมิติ สร้างธุรกิจให้เข้มแข็งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นําไปสู่ความสําเร็จอย่างยั่งยืน ภายใต้กรอบความแนวคิดและทิศทางการทํางานด้วย ‘MIND’ ใช้ หัว และ ใจ เพื่อบรรลุเป้าหมาย การสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชน เปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่

ซึ่งการดําเนินงานภายใต้กรอบแนวคิด ‘MIND’ ของกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น มุ่งเน้นความสําเร็จ 4 มิติ ประกอบด้วย มิติที่ 1 ความสําเร็จทางธุรกิจ, มิติ ที่ 2 ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม, มิติที่ 3 ความลงตัวกับกติกาสากล และมิติที่ 4 การกระจายรายได้สู่ชุมชนที่ตั้ง ผ่านการดําเนินการพัฒนาอุตสาหกรรม ไปสู่อุตสาหกรรมศักยภาพสูงและการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยการจะสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนได้นั้น จําเป็นต้องมีความเข้มแข็งของผู้ประกอบการในพื้นที่เป็นองค์ประกอบสําคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สําคัญอย่างยิ่ง ในการร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม จึงให้ความสําคัญกับการเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ อุตสาหกรรมในประเด็นที่จะช่วยยกระดับการดําเนินธุรกิจอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ประกอบการ

รัฐมนตรีฯ พิมพ์ภัทรา กล่าวเพิ่มเติมว่า พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีความโดดเด่นในหลากหลายมิติ เช่น ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก เป็นทางเลือกในการพักผ่อนระยะยาว หรือ ‘Long Stay’ ของชาวต่างชาติที่มีกําลังซื้อสูง ในด้านการเกษตร ภาคใต้มีความโดดเด่นเช่นเดียวกัน โดยมีพืชเศรษฐกิจที่สําคัญมากมาย เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และโกโก้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ภาคใต้ ยังเป็นศูนย์กลางการแปรรูปอาหารทะเล รวมทั้งอาหารฮาลาล และมีความโดดเด่นในด้านการค้าและโลจิสติกส์ เนื่องจากทําเลที่ตั้งของ ภาคใต้เป็นประตูสู่ตลาดมาเลเซียและสิงค์โปร์ ซึ่งการดําเนินงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่จะสอดคล้องกับนโยบายล่าสุดของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมฮาลาล ต่อยอดสู่สากล ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลให้ความสําคัญกับภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการกําหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยได้มีการประกาศระเบียงเศรษฐกิจ ภาคใต้ หรือ ‘SEC’ ที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จังหวัดระนอง ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ซึ่งรัฐบาลไทยต้องการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค เพื่อรองรับการขนส่งทางทะเลและทางบก

นอกจากนี้ ยังกําหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สําหรับดําเนินโครงการ ‘Land Bridge’ ซึ่งเป็นโครงการสร้างท่าเรือน้ําลึกเชื่อมทะเลอ่าวไทยและอันดามัน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการขนส่งและการค้าของไทย ซึ่งจะทําให้มีความสะดวก และสามารถเชื่อมต่อกับเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าภาคใต้เป็นพื้นที่ศักยภาพและเต็มไปด้วยโอกาสด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานหลักในการสนับสนุนผู้ประกอบการในการดําเนินธุรกิจอุตสาหกรรม จึงมีความจําเป็นที่จะต้องส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านการเพิ่มขีดความสามารถ การประกอบการและการผลิตอย่างรอบด้าน เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในภาพรวม

การดําเนินงานในปัจจุบันของกระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งเน้นไปที่การสร้างธุรกิจ ให้เข้มแข็งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นําไปสู่ความสําเร็จอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพเชิงพื้นที่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการสร้างงานและ อาชีพให้แก่ผู้คน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง ผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรม มีการดําเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และชุมชน สร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่สังคมและอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี

สำหรับ การสัมมนา ‘การส่งเสริมและยกระดับอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ : MIND Your Industrial Power’ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ แนะนําช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จะเป็นประโยชน์ในการดําเนินธุรกิจ เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ให้เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ทั้ง 14 จังหวัด จํานวนกว่า 150 คน โดยมีกิจกรรม 3 กิจกรรม ประกอบไปด้วย

1.) การบรรยาย เรื่อง ‘การส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้’ โดยผู้แทนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ ‘BOI’

2.) การอภิปราย เรื่อง ‘การแนะนําช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน’ โดยผู้แทนจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากธนาคารออมสิน

3.) การเสวนา เรื่อง ‘การส่งเสริมและยกระดับ อุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ : แนวคิดและประสบการณ์’ โดย ผู้แทนจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้แทนภาคการศึกษา ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยร่วมเสวนา

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำความสําคัญทางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ สํานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้มีการจัดกิจกรรมพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม สู่ต้นแบบอัจฉริยะ หรือ ‘MIND STAR’ เพื่อดําเนินการสร้าง ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมในพื้นที่อีกด้วย

แต่งตั้ง ‘องคมนตรี’ คุณสมบัติที่มิใช่แค่ ‘คนเก่ง-ผลงานดี’ ก็ได้ดำรงตำแหน่ง แต่ต้อง ‘ซื่อสัตย์-ไว้ใจได้’ คอยเป็นผู้ช่วยเหลืองานข้างกายพระมหากษัตริย์

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกท่านหนึ่ง ชื่อบัญชี @flukepatsmile ได้โพสต์คลิปตอบกลับความคิดของผู้ใช้ติ๊กต็อกอีกท่านหนึ่ง ที่ได้มาแสดงความคิดถึงการตั้งแต่งอดีตนายกรัฐมนตรี ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ ขึ้นเป็น ‘องคมนตรี’ ระบุว่า…

“ปกติครับ เห็นมีอยู่แค่ไม่กี่คนที่เป็นนายกฯ แล้วไม่ได้เป็นองคมนตรี เช่น คุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ เพราะว่าโดนรัฐประหาร”

โดยเจ้าของบัญชี ได้ตอบกลับว่า…

“ผมคิดว่าคุณอคติไม่หาข้อมูลนะครับ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วได้เป็นองคมนตรี มีอยู่ไม่ถึง 5-6 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากนะครับ เพราะนายกรัฐมนตรีในประเทศเรา ที่เคยมีมานั้น มีอยู่ประมาณ 30 คน ถามว่าทุกคนจะได้เป็นองคมนตรีหมดเลยเหรอครับ?

มันเป็นไปไม่ได้นะครับ มันเป็นหลักการที่ไม่สมเหตุสมผลครับ

การจะแต่งตั้งใครเป็นองคมนตรีนั้น เกิดจากการที่พระมหากษัตริย์ท่านทรงไว้ใจ จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งขึ้น เพื่อให้องคมนตรีคอยช่วยเหลืองาน คอยเป็นที่ปรึกษาให้กับพระมหากษัตริย์

การที่คุณจะเลือกใครสักคนมาเป็นที่ปรึกษา มาอยู่ใกล้ชิดนั้น คุณก็ต้องเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่คุณไว้ใจ คนที่คุณเชื่อถือ ถูกไหมครับ? ไม่ใช่แค่เพียงเพราะว่าคนคนนั้นเขามีแค่ผลงานดีอย่างเดียว หรือว่ามีตําแหน่งที่สูงอย่างเดียว

และตั้งแต่อดีต หากองคมนตรีทําผิดพลาด ก็เปรียบเหมือนเสนาบดีทําผิดพลาดครับ เพราะจะส่งผลเสียไปถึงตัวของพระมหากษัตริย์ด้วย

เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา เวลาแต่งตั้งใครเป็นเสนาบดี หรือแต่งตั้งองคมนตรี พระมหากษัตริย์ท่าจะทรงเลือกคนที่ซื่อสัตย์ คนที่ไว้ใจได้ คนท่านที่คิดว่า จะไม่ทําให้พระองค์ท่านเสื่อมเสียครับ

ดังนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วจะได้ขึ้นเป็นองคมนตรีนะครับ”

‘น้องเทนนิส’ คว้าแชมป์ที่ 51 เป็นของขวัญส่งท้ายปีให้คนไทย  พังสถิติโลก ขึ้นแท่นแชมป์ ‘เวิลด์ กรังด์ปรีซ์’ สูงสุด 12 สมัย!!

(3 ธ.ค. 66) พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือ ‘น้องเทนนิส’ ยังคงสร้างผลงานไร้เทียมทาน คว้าแชมป์ที่ 6 ในปี 2023 สำเร็จ ย้ำแค้นคู่ปรับเก่าชาวสเปน ผงาดแชมป์เทควันโด ‘กรังด์ปรีซ์ ไฟนอลส์’ ส่งท้ายปีที่สหราชอาณาจักร

เส้นทางแชมป์ เริ่มต้น รอบ 16 คน ชนะ ‘ฟีนิกซ์ กู๊ดแมน’ (อังกฤษ) 2-0, รอบ 8 คน ชนะ ‘ยิลเดริม รูกิเย’ (ตุรกี) 2-0, รอบรองฯ ชนะ ‘กานิเอลา ซูซ่า’ (เม็กซิโก) 2-0 และรอบชิง ชนะ ‘อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส’ (สเปน) 2-0

‘เทนนิส’ คว้าแชมป์ที่ 51 ให้กับตัวเธอเอง พร้อมจารึกประวัติศาสตร์เป็นสถิติโลกด้วยการเป็นนักกีฬาหญิงที่ได้แชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์สูงสุดถึง 12 สมัย

‘อินเตอร์ลิ้งค์’ จัดมื้อพิเศษ ‘LINK THANK YOU VIP 2023’ แทนคำขอบคุณคู่ค้าภาคอีสาน พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

ม่วนอีหลี ส่งความสุขท้ายปี!! ให้ลูกค้าภูมิภาคอีสาน บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงาน ‘LINK HAPPY EVERYWHERE THANK YOU VIP 2023’ เลี้ยงขอบคุณชุดใหญ่ริมฝั่งโขง ณ เวลาดี นครพนม (VELA Dhi Nakhon Phanom) เพื่อสานสัมพันธ์อันดีร่วมกัน พร้อมกับนำพาลูกค้าทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์กับ LINK กว่าที่เคย เมื่อวันที่ 2 – 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

สำหรับค่ำคืนในบรรยากาศสุดเย็นสบาย ท่ามกลางวิวลุ่มแม่น้ำโขงที่แสงจันทร์สาดส่องกระทบผิวน้ำอันแพรวพราวแห่งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการตอบแทนคำขอบคุณแก่ลูกค้า และพันธมิตรทั่วภูมิภาคอีสาร ที่ให้การสนับสนุนสินค้า ‘LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE’ ด้วยดีตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

งานนี้ คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ พร้อมด้วย ดร.ชลิดา อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ร่วมกล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ จำนวนกว่า 100 ท่าน และดูแลลูกค้าอย่างอบอุ่น พร้อมกับร่วมพูดคุย อัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีนวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบโจทย์แก่งานระบบโครงสร้างพื้นฐานแห่งยุคดิจิทัล แนะนำถึงสินค้าใหม่ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติริมฝั่งแม่น้ำโขง โอบล้อมไปด้วยอากาศสบาย ๆ พร้อมชมวิวแห่งสายน้ำ และท้องฟ้าที่ทอประกายด้วยแสงดาว ที่ทุกท่านจะได้ดื่มด่ำกับอารยธรรมอันน่าหลงใหล ในการแสดงพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น และงดงาม ตระการตาอีกด้วย ควบคู่ไปกับรับประทานอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษที่จัดให้ไม่มีอั้นยามค่ำคืน จัดเตรียมมามอบให้ลูกค้าทุกท่านได้ลิ้มรสชาติโดยเฉพาะ

ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอีสาน บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนาน เต็มอิ่มกับความบันเทิง รื่นเริงกับเสียงเพลงท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมรับลมโชยเย็นสบายที่พัดผ่านอย่างสุขสมประทับใจ อีกทั้งงานนี้มีกิจกรรม ที่คัดสรรมาให้ทุกท่านได้ร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลสุดพรีเมียม จากอินเตอร์ลิ้งค์ฯ ตลอดทั้งค่ำคืนอีกด้วย

และในรุ่งเช้า วันฟ้าใหม่ ลูกค้าทุกท่านร่วมตักบาตร ทำบุญ ริมฝั่งโขงนครพนม เพื่อเสริมศิริมงคลในยามเช้าอย่างอิ่มเอมใจ พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้น เห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงาม มองเห็นฝั่งประเทศเพื่อนบ้านสุดขอบชายแดนอีกด้วย

สำหรับงานเลี้ยงส่งมอบความสุข ขอบคุณลูกค้าส่งท้ายปีในภูมิภาคอีสาน นับเป็นการตอบแทนคำขอบคุณที่ลูกค้าทุกท่าน เชื่อมั่น ไว้วางใจในสินค้า ‘LINK AMERICA & GERMAN RACK EVERYWHERE’ ด้วยดีตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการสร้างโอกาส สานสัมพันธ์กระชับมิตรอันดีให้แก่กันมากยิ่งขึ้น เพื่อหนุนสร้างฐานทัพธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งเพิ่มไปอีกขั้น และนำพาให้ธุรกิจเติบโตไปด้วยกัน อย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top