Friday, 27 June 2025
NewsFeed

‘รมว.พีระพันธุ์’ โพสต์รำลึกถึงคุณพ่อ ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ ผู้ก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย

(5 ธ.ค. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘วันพ่อแห่งชาติ’ ระบุว่า...

ก่อนนี้ วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ชาวไทยร่วมกันเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิธ พร้อมไปกับเป็นวันแสดงออกถึงความรักกับพ่อเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ

วันนี้ วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวันที่เราชาวไทยทั่วแผ่นดินร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พ่อของแผ่นดินที่สถิตอยู่กลางใจของปวงชนของพระองค์ชั่วนิจนิรันดร์ ไม่เสื่อมคลาย และขอถวายความจงรักภักดียิ่งชีวิตตลอดไป และยังเป็นวันพ่อแห่งชาติ ให้เรารำลึกถึงพ่อผู้ให้กำเนิดอีกด้วย

ผมขอใช้โอกาสนี้ บันทึกถึงพ่อที่เป็นที่เคารพรักยิ่ง ผู้ให้กำเนิดและวางรากฐานชีวิตของผมจนถึงวันนี้

เป็นที่ทราบกันในหมู่ญาติและคนใกล้ชิดว่าผมเป็นคนที่รักคุณพ่อและรักคุณแม่มาก ทุกอย่างในชีวิตของผมมาจากท่าน ผมซาบซึ้งในความรักและบุญคุณของท่านเป็นที่สุด

คุณพ่อของผม ‘พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค’ เป็นอดีตเจ้ากรมการพลังงานทหาร และผู้อำนวยการองค์การเชื้อเพลิง เป็นผู้บุกเบิกการสำรวจและผลิตน้ำมันในยุคเริ่มต้นด้านพลังงานของประเทศตั้งแต่ยุคก่อน พ.ศ. 2500 เป็นผู้สร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของไทย ที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ สามารถขุดและผลิตน้ำมันเพื่อกองทัพ และยังมีเหลือมากพอที่จะนำมาให้คนไทยได้ใช้น้ำมันราคาถูก โดยการก่อตั้งปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ปั๊มน้ำมันแห่งแรกของคนไทย เพื่อคนไทย สามารถให้บริการขายน้ำมันราคาถูก ให้คนไทยใช้มานานนับสิบๆ ปี เพราะเป็นน้ำมันที่ผลิตเองในประเทศ ก่อนที่รัฐบาลจะเปลี่ยนองค์การเชื้อเพลิงของกรมการพลังงานทหารมาเป็น การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ‘ปตท.’ เมื่อ พ.ศ. 2521 แล้วในที่สุดก็กลายมาเป็น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันว่า เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องหากำไรให้องค์กรและผู้ถือหุ้น 

ผมผูกพันกับเรื่องพลังงานมาโดยไม่รู้ตัว

ตอนเด็กๆ ผมชอบคุยกับคุณพ่อเรื่องทหาร และผมก็ซนมากด้วย ซนจนคุณพ่อไปไหนต้องหนีบเอาผมไปด้วยเสมอ เพราะกลัวจะหัวร้างข้างแตกหรือไม่ก็ทำของที่บ้านพัง ผมเลยมีโอกาสนั่งคุยกับคุณพ่อในรถไปตลอดทางบ้าง ได้ยินการประชุมการหารือเรื่องน้ำมันและพลังงานของคุณพ่อบ้าง เพราะวิ่งป้วนเปี้ยนอยู่ข้างคุณพ่อตอนคุณพ่อประชุมมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนนั้นจะไม่เข้าใจมากนักเพราะความเป็นเด็ก แต่ผมก็ได้รับทราบถึงความมุ่งมั่นของคุณพ่อและรัฐบาลในสมัยนั้น ที่มีความตั้งใจสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศและคนไทย โดยไม่มีเรื่องการทำมาหากินกับพลังงาน และไม่มีเรื่องหากำไรจากประชาชนด้านพลังงานเลย 

ครอบครัวเราเห็นคุณพ่อทำงานหนัก เดินทางไปที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อเสาะแสวงหาและขุดเจาะน้ำมันให้ได้ตามที่รัฐบาลมอบหมาย

ระหว่างทางพวกเราได้ยินคุณพ่อเล่าเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ครอบครัวเราที่รับรู้ แต่คนที่นั่นต่างก็รับทราบกันถ้วนหน้า จนถึงวันนี้ยังมีตำนานเล่าขานเรื่อง ‘เจ้าพ่อข้อมือเหล็ก’ ที่เป็นที่มาของศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็กที่โรงกลั่นน้ำมันฝางจนทุกวันนี้

ในปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่เก้าและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงกลั่น คุณพ่อคุณแม่ของผมรวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวข้องเฝ้ารับเสด็จด้วยความปลาบปลื้ม ในพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการพลังงานไทยเป็นที่สุด

ความสำเร็จของการขุดเจาะน้ำมันและกลั่นน้ำมันใช้เองครั้งนั้น เป็นการปลดแอกการผูกขาดของบริษัทน้ำมันต่างชาติ ยกเลิกข้อผูกพันที่ทำไวักับบริษัทต่างชาติ เรื่องห้ามมิให้รัฐบาลจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแก่ประชาชน สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ให้กับกองทัพ ไม่ต้องง้อต่างชาติหากเกิดศึกสงครามและต่างชาติบีบไม่ส่งน้ำมันให้ ขณะเดียวกันก็สร้างทางเลือกให้กับประชาชนมีน้ำมันใช้ในราคาถูก

พลังงานเพื่อผลประโยชน์ชาติและประชาชน คือ จิตวิญญานพื้นฐานของการจัดการพลังงานไทย ในยุคตั้งต้นที่ผมซึมซับจากพ่อเสมอมา

ต่อมา ในปี พ.ศ.2521 องค์การเชื้อเพลิงได้ถูกเปลี่ยนมือจากกองทัพมาเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ปั๊มน้ำมัน ‘สามทหาร’ ทุกแห่งทั่วประเทศถูกปลดป้ายชื่อเปลี่ยนเป็นปั๊ม ‘ปตท.’ หลังจากนั้นจิตวิญญาณของปั๊ม ‘สามทหาร’ และ ‘องค์การเชื้อเพลิง’ ที่มุ่งมั่นตั้งใจผลิตน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศ และเพื่อให้คนไทยได้ใช้น้ำมันในราคาถูกก็ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นธุรกิจการค้าเพื่อหากำไรเต็มรูปแบบ โดยรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทกำกับควบคุมได้น้อยมากอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  

ผมไม่คิดไม่ฝันว่า วันหนึ่งต้องมารับผิดชอบดูแลพลังงานของชาติเหมือนคุณพ่อในอดีต 

สิ่งที่ต่างไป คือ วันนี้พลังงานกลายเป็นเรื่องธุรกิจ เป็นเครื่องมือทำมาหากินของคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง บริหารน้ำมันและพลังงานในเชิงธุรกิจการค้า ทำมาหากินกับน้ำมันและพลังงาน ไม่มีการบริหารจัดการพลังงานในด้านความมั่นคงของประเทศอย่างจริงจัง 

ผมต้องยอมรับว่าผมตกใจและแปลกใจ ที่มีหลายต่อหลายเรื่องที่ถูกปล่อยให้เป็นมาแบบนี้ ภาระทุกอย่างมาตกที่รัฐบาลและประชาชน ขณะที่กำไรมหาศาลตกอยู่กับผู้ประกอบการ ประชาชนแบกรับภาระกันไป ความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศทั้งก๊าซและน้ำมันก็มีปัญหา และไม่มีระบบรองรับ  

ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่มีการสำรองน้ำมัน เพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ หรือ ‘SPR’ (Strategic Petrolium Reserve) น้ำมันสำรองที่มีอยู่ก็ไม่ใช่ของรัฐบาลและที่มีสำรองอยู่ก็เพื่อการค้า ไม่ใช่เพื่อความมั่นคงทางด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ (SPR) การจัดสัดส่วนก๊าซและรายได้ของรัฐฯ จากก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยก็ไม่เหมาะสม 

แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจครับว่า ตราบใดที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำจิตวิญญาณของพลังงาน เพื่อความมั่นคงของประเทศและประชาชน เหมือนในอดีตยุคคุณพ่อผมกลับคืนมาให้ได้ 

เพราะในยามคับขันไม่มีใครช่วย เราต้องเตรียมความพร้อมและยืนบนขาตัวเองให้ได้

ปัญหาพลังงานของประเทศวันนี้จึงไม่ใช่เป็นเพียงแค่ปัญหาโครงสร้าง ตามที่หลายคนชอบพูดชอบเรียกร้องเอาเท่ๆ ว่าให้ปรับโครงสร้างๆๆ ทำไมไม่ทำสักที ทำไมช้าจัง

ผมขอเรียนว่า ผมคงไม่ทำแค่ปรับโครงสร้างหรอกครับ เพราะปัญหาในภาพรวมมันไกลเกินกว่าจะทำเพียงแค่ปรับโครงสร้างแล้ว แต่มันต้อง ‘รื้อ’ ทั้งระบบ และเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ครับ 

เพราะมันจะเป็นการ ‘รื้อครั้งใหญ่’ ไม่ใช่แค่ปรับโครงสร้าง จึงต้องรอบคอบ และแก้ทุกอย่างอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ตรงนี้แล้วไปสร้างปัญหาตรงโน้น หากแต่ต้องแก้ตรงนี้แล้วตรงโน้นได้รับการแก้ไขต่อกันไปด้วย ตอนนี้ผมและทีมงานได้ข้อมูลเกือบเพียงพอที่จะเริ่มเดินหน้าเรื่องนี้ได้แล้ว อีกไม่นานครับ… เมื่อถึงเวลานั้น ผมจะเป็นผู้นำ ‘รื้อครั้งใหญ่’ นี้เอง 

ผมไม่ค่อยชอบพูด ไม่ชอบให้สัมภาษณ์ แต่ชอบลงมือทำ ขอให้เชื่อมั่นครับ ว่าเรื่องนี้ผมทำจริงแน่นอน และจะทำเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประเทศและประชาชนทุกคน 

สุดท้ายนี้ ผมขอให้คุณพ่อทุกคนมีความสุขในวันพ่อแห่งชาติ และขอให้ลูกทุกคนเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ รัก เคารพ และเชื่อฟังพ่อแม่ตลอดไปทุกๆ วันครับ

‘เถ้าแก่โรงสี’ เมืองนครพนม ตั้งโรงทาน-มอบทุนการศึกษา เป็นปีที่ 18 ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ชาวบ้านแห่ต่อแถวเพียบ

(5 ธ.ค. 66) ที่หน้าร้านเทียมศักดิ์พาณิชย์ เลขที่ 385-7 อยู่ตรงข้ามสำนักงานยาสูบฯ ถนนอภิบาลบัญชา เยื้องทางออกตลาดสดฯ เขตเทศบาลเมืองนครพนม ‘นายเทียมศักดิ์ เวียงศรีประเสริฐ’ อายุ 76 ปี และ ‘นางเกตุวดี เวียงศรีประเสริฐ’ อายุ 74 ปี คู่สามีภรรยาเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ร่วมกับลูกหลาน และบริษัทในเครือโรงสีเทียมศักดิ์พาณิชย์ พร้อมด้วยบริษัทวิทยาอิเลคทริคเซ็นเตอร์ ได้จัดตั้งโรงทานมอบข้าวกล่อง ขนมหวาน ข้าวสาร ข้าวเหนียว และ มอบทุนการศึกษาแก่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยครอบครัวนายเทียมศักดิ์จัดมาแล้วเป็นปีที่ 18 เพื่อน้อมระลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ่อของแผ่นดินปวงชนชาวไทย โดยมีประชาชนจูงลูกเล็กเด็กแดง มายืนรอรับสิ่งของเป็นแถวยาว

นายเทียมศักดิ์เปิดเผยว่า บิดามารดาเป็นชาวเวียดนาม อพยพหนีไฟสงครามมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทำงานรับจ้างทุกอย่าง จนมีฐานะดีขึ้นตามลำดับ โดยตั้งโรงสีผลิตข้าวสารตราเรือไฟ ส่งจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เวียดนาม และขยายกิจการโรงสีเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีโรงสีอยู่ 4 แห่ง ซึ่งตนได้โอนกิจการให้ลูกๆ ไปบริหารกันเองหมดแล้ว และพวกเขาได้ขยายตลาดส่งข้าวสารไปยังแถบยุโรปด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ตนกำชับลูกทั้ง 5 คน ถือเป็นคำสั่งของพ่อว่า “ให้สำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน” ดังนั้นวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติให้ตั้งโรงทานรวมถึงมอบทุนการศึกษาข้าวสาร ฯลฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

สืบเนื่องวันที่ 5 ธันวาคมเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ประชาชนน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน ทั้งนี้กิจกรรมวันพ่อ ได้จัดติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2523 โดยการริเริ่มของคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา

เนื่องจากพ่อถือเป็นบุคคลผู้มีพระคุณ และมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัว สังคม ที่ผู้เป็นลูกต้องเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นวันพ่อแห่งชาติ นอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันชาติอีกด้วย

วัตถุประสงค์ของวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวามหาราช เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ

‘สพฐ.ตร.’ จัดแข่ง ‘CSI Challenge’ หาทีมชำนาญด้านการตรวจที่เกิดเหตุ หนุนพัฒนาทักษะ-เพิ่มพูนความรู้ มุ่งยกระดับสู่มาตรฐานความเป็นเสิศ

(5 ธ.ค. 66) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายพิเศษ โครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มพูนทักษะและพัฒนาศักยภาพนักวิทยาศาสตร์ ที่ปฏิบัติงานด้านการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

ดำเนินการจัดการแข่งขัน ‘CSI Challenge’ เพื่อเฟ้นหาทีมที่เป็นเลิศด้านการตรวจสถานที่เกิดเหตุ โดยให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐานทั่วประเทศที่ผ่านการตรวจ ‘Internal Audit’ ตามระบบมาตรฐานหน่วยตรวจ ISO/EC 17020 คัดเลือกทีมที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละด้าน โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านคดีลักทรัพย์, คดีชีวิต และคดีระเบิด เข้าแข่งขันรอบสุดท้าย เพื่อหาทีม ชนะเลิศรับเงินรางวัล พร้อมโล่และประกาศเกียรติคุณ

โดยพล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “CSI Challenge เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้แสดงศักยภาพของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ เป็นการพัฒนาและเพิ่มพูนความรู้ด้านการตรวจสถานที่เกิดเหตุ มุ่งสู่มาตรฐานความเป็นเสิศ รวมทั้งเป็นการสร้างความรัก ความสามัดคีในหน่วยงาน”

ทั้งนี้ การตรวจ Internal Audit ทุกศูนย์ทั่วประเทศ จะเริ่มการตรวจในวันที่ 13 ธันวาคม 66 ถึงวันที่13 กุมภาพันธ์ 67 โดยเสมือนเป็นการ Audition และจะจัดการแข่งขันในวันที่ 23-25 เมษายน 67 ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ฝึกอบรมทางยุทธวิธีค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อหาทีมที่มีความเป็นเลิศ พร้อมทั้งการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำ สามารถเชื่อมโยงกับคดีได้ รวมไปถึงทักษะส่วนบุคคลที่โดดเด่น

โดยการแข่งขันมีเกณฑ์การวัดที่ชัดเจน และมีคณะกรรมการระดับผู้บังคับบัญชาของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจเป็นผู้ตัดสินตามวิสัยทัศน์ของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นหน่วยงานด้านพิสูจน์หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ และทะเบียนประวัติอาชญากร ที่มีมาตรฐานสากลของกระบวนการยุติธรรม

‘ท่านอ้น’ ถวายเพล วัดปทุมฯ เนื่องในวันพระบรมราชสมภพ ในหลวง ร.9 พร้อมถวายเงินสมทบทุนโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

(5 ธ.ค. 66) ที่อาคารเสนาสนะสงฆ์ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร แขวงปทุมวัน ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพล พระสงฆ์ 9 รูป โดยมี พระพรหมวชิรเวที กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และถวายเงินสมทบทุนโรงพยาบาลพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นโรงพยาบาลชุมชน สังกัดกระทรวงสาธารณสุขสำนักงานปลัดกระทรวง

ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลอำเภอบ้านม่วง เลขที่ 299 หมู่ที่ 2 บ้านโพนไค ถนนราชบัณฑิต ต.ม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566

จากนั้น ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ ได้เข้ากราบสักการะพระอัฐิ และพระราชสรีรางคาร ของพระบรมวงศานุวงศ์ พระประยูรญาติราชสกุลมหิดล

ต่อมาได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ทางวัดปทุมวนาราม ได้มอบหนังสือประวัติหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ตอน จำพรรษาวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร หนังสือ พระภูริทัตโต (หมั่น) พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต วัดปทุม วนาราม และภาพถ่ายพระภูริทตฺโต (หมั่น) วัดสระปทุม แก่ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์

ท่านอ้น วัชเรศร วิวัชรวงศ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าได้ไปถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาแล้ว จึงได้มาทำบุญที่วัดปทุมวนารามเนื่องจากเป็นวัดที่มีความสำคัญกับครอบครัว และได้มาทำบุญถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจดวงใหม่ สู่วงโคจรสำเร็จ พัฒนาความร่วมมือเทคโนโลยีการบิน-อวกาศระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, จิ่วเฉวียน รายงานข่าว ‘จีน’ ช่วย ‘อียิปต์’ ส่งดาวเทียมสำรวจระยะไกลขึ้นสู่วงโคจร จากศูนย์ปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

รายงานระบุว่า ‘ดาวเทียมมิสร์แซท-2’ (MISRSAT-2) ถูกขนส่งด้วยจรวด ‘ลองมาร์ช-2ซี’ (Long March-2C) เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 12.10 น. ตามเวลาปักกิ่ง และจะถูกใช้เพื่อประโยชน์ด้านที่ดินและทรัพยากร การอนุรักษ์น้ำ การเกษตร และอื่นๆ ของอียิปต์

องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน เผยว่า ดาวเทียมดวงนี้ เป็นโครงการสำคัญของความร่วมมือเชิงลึกระหว่างจีนและอียิปต์ ในด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศขั้นสูง และถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความร่วมมือด้านการบินและอวกาศระหว่างสองประเทศ

อนึ่ง การส่งดาวเทียมครั้งนี้นับเป็นภารกิจการบินที่ 499 ของจรวดขนส่งตระกูลลองมาร์ช โดยมีดาวเทียมสำรวจระยะไกล ‘สตาร์พูล 02-เอ’ (Starpool 02-A) และ ‘สตาร์พูล 02-บี’ (Starpool 02-B) ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในช่วงเวลาเดียวกัน

อาลัย ‘รองฯ นิ้ง’ อดีตรองโฆษก ศบค.ภาคภาษาอังกฤษ เสียชีวิตแล้ว หลังทุ่มเททำงานเพื่อประชาชน ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

(5 ธ.ค. 66) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะอดีต โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ‘ศบค.’ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว อาลัยต่อการจากไปของ นายณัฐภาณุ นพคุณ หรือ ‘รองฯ นิ้ง’ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะ รองโฆษก ศบค.ภาคภาษาอังกฤษ

โดยยอมรับว่า รู้สึกตกใจ และใจหาย ที่ รองฯ นิ้ง ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เผชิญหน้ากับสถานการณ์โควิด-19 มาด้วยกันได้จากไปแล้ว รองฯ นิ้ง เป็นน้องที่น่ารัก สุขุม พูดน้อย แต่ชัดเจน ทั้งภาษาไทย ยิ่งภาษาอังกฤษนี่สุดยอด ทำให้การสื่อสารของ ศบค. ที่ตนต้องรับผิดชอบในภาพรวม แทบไม่ต้องช่วยอะไรรองฯ นิ้งเลย มีแต่รองฯ นิ้งที่มาช่วยในทุกด้านที่ร้องขอ

แม้งานยุ่งขนาดไหน จะเห็นรองฯ นิ้ง ห่วงงานมากกว่าตัวเอง เห็นได้จาก เวลาเรียกมากินข้าวกล่องที่เรามีกินกัน เขาจะบอกว่าจะขอกลับไปทำงานก่อนทุกที ทั้งที่เลยเที่ยง เลยบ่าย เลยเวลาอาหารมามาก แต่เรียกเท่าไรไม่เคยได้กินข้าวกะน้องชายคนนี้เลย

ยังคิดว่า โชคดีที่กระทรวงการต่างประเทศ มีคนคุณภาพคนนี้ และมารับผิดชอบงานใหญ่ระดับประเทศ เพื่อสื่อสารกับคนต่างประเทศในไทยและ ทั่วโลกได้เป็นอย่างดี เป็นโชคดีของประเทศไทย ที่มีคนนี้ยามวิกฤต และช่วยประเทศเราตลอดสถานการณ์จนผ่านพ้นมาด้วยดี

และในช่วงท้ายของข้อความ นพ.ทวีศิลป์ ระบุอีกว่า “ขอนิ้ง...หลับให้สบาย จิตที่สูงส่งของนิ้ง ขอจงส่งให้นิ้งสู่สัมปรายภพ ภพภูมิที่ดี ความดีของนิ้งจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราและเป็นประวัติศาสตร์ตลอดไป”

ทั้งนี้ นายณัฐภาณุ นพคุณ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2566 หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยมาระยะหนึ่งแล้ว

‘นายกฯ’ ถก ‘ผบ.ทสส.’ เร่งแก้ปัญหาชายแดนใต้-ปราบยาเสพติด หนุนลดช่องว่างทหารและประชาชน เป็นที่พึ่งพิงได้ทุกสถานการณ์

(5 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า โดยปกติตนจะพบปะกับ ผบ.ทสส.เป็นประจำอยู่แล้ว โดยวันนี้เป็นเรื่องรับทราบข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แนวทางการทำงานกับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย รวมถึงปัญหายาเสพติดที่จะทะลักเข้ามาจากพม่า ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทางทหารจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปราบปรามยาเสพติดและสกัดการนำเข้าอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงค่อนข้างมาก

“อีกเรื่องที่คุยกันในภาพรวม คือผมอยากให้ทหารมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องที่ดินทำกิน ช่วยดูแลปัญหาน้ำไม่ให้ท่วม ไม่ให้แล้ง รวมทั้งดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคงที่ท่านดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ

‘งานบอลธรรมศาสตร์-จุฬาฯ’ ครั้งที่ 75 เลื่อนอย่างไม่มีกำหนด หลังฝั่งพระเกี้ยว แจง ‘ไม่พร้อม’ เหตุกระชั้นชิดกับวันสถาปนาจุฬาฯ

(5 ธ.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์’ เพจทางการที่ตั้งไว้เพื่อสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 ที่มีฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ ได้ออกประกาศ ‘เลื่อน’ การจัดงานออกไป

โดยระบุว่า ตามที่ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องการกลับมาจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมานั้น

เนื่องจาก สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฯ ได้มีหนังสือแจ้งขอให้ทางสมาคมธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 พิจารณาเลื่อนการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 ออกไปก่อน โดยให้มีการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดวันที่เหมาะสมในการจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ได้ข้อสรุปว่างานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 คาดว่าจะไม่ถูกจัดภายในปีการศึกษา 2566

ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนิสิตนักศึกษาผู้ได้รับมอบหมายให้จัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เข้าใจดีว่า งานฟุตบอลประเพณีฯ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและติดตามจากประชาคมชาวธรรมศาสตร์ ประชาคมชาวจุฬาฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน แต่เมื่อมีเหตุดังกล่าวขึ้น ชุมนุมเชียร์ฯ และองค์การบริหารสโมสรนิสิตฯ จึงมีความจำเป็นต้องเรียนแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า การแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 จะไม่ถูกจัดขึ้นภายในปีการศึกษา 2566

ทั้งนี้ ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องขออภัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านในความไม่สะดวกนี้ และหวังว่าในอนาคต กิจกรรมงานฟุตบอลประเพณีฯ จะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านดังเช่นที่ผ่านมา
จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ส่วนสาเหตุการเลื่อนนั้น อ้างอิงจากจากที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ตามที่สมาคมธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ ได้กำหนดวันแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2567 เป็นช่วงที่กระชั้นชิดกับวันจัดงานในโอกาสครบรอบการสถาปนาจุฬาลงกรณ์ฯ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มีนาคมของทุกปี ทำให้ไม่พร้อมจัดงานในวันดังกล่าว

เปิดจดหมาย ‘ลูกสาวทนายอานนท์’ เขียนถึงพ่อ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ พร้อมถาม “พ่อทำไมถึงอยู่ในคุก?” ขณะเจ้าตัวต้องโทษมาแล้ว 70 วัน

(5 ธ.ค. 66) นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ‘ลูกเขียนจดหมายถึงพ่อ’

โดยภายในภาพเป็นรูปเด็กกำลังกอด นายอานนท์ พร้อมมีข้อความที่เขียนด้วยมือว่า…

“พ่อทำไมถึงอยู่ในคุก แล้วพ่ออยู่ที่ห้องไหนของเรือนจำ แล้วหนูต้องรออีก 10 ปีใช่ไหม?”

สำหรับ นายอานนท์ อยู่ระหว่างถูกจับคุกในเรือนจำเป็นเวลา 4 ปี หลังจากศาลอาญาพิพากษา ในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากการปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ขณะนี้ต้องโทษอยู่ในเรือนจำมา 70 วัน

สำนักพระราชวัง เชิญชวนร่วมลงนามถวายพระพร  'เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา' ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ

เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.66) สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 7 ธันวาคม 2566 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 6 - 8 ธันวาคม 2566


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top