Thursday, 26 June 2025
NewsFeed

ส่อง 5 จังหวัดนำร่อง!! เปิดสถานบริการถึงตี 4

เมื่อวันที่ (28 พ.ย. 66) คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยสาระสำคัญ คือ เป็นการกำหนดและแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดวันเวลาเปิดปิดสถานบริการในเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ตั้งสถานบริการ

ด้วยเหตุว่า ‘เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ’ และการท่องเที่ยวของประเทศที่เพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด-19 จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการ ที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมาย และสถานบริการที่ตั้งอยู่ท้องที่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่และ เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี

โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่อง ขยายเวลาเปิดสถานบริการ ถึงเวลา 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่วนพื้นที่อื่นที่มีความประสงค์จะขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 04.00 น. ให้เป็นไปตามประกาศของจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำหนด

‘ไทย’ ปิดจ๊อบ!! 7 บิ๊กเนม ‘มะกัน’ ปักธงลงทุน ‘Landbrigde’

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้นำโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (ชุมพร-ระนอง) หรือแลนด์บริดจ์ (Landbridge) วงเงินลงทุนโครงการ 1 ล้านล้านบาท ไปนำเสนอในงานเอเปค ครั้งที่ 30 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12-19 พ.ย.66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจมากมาย และมี 7 บริษัทยักษ์ใหญ่ชื่อดังของสหรัฐฯ ที่ตกลงร่วมลงทุนในโครงการนี้แล้ว 

วันนี้ THE STATES TIMES ได้รวบรวมมาให้แล้ว จะมีบริษัทไหนบ้าง มาดูกัน!!

ศาล รธน. ลงมติเอกฉันท์ ‘พรบ.คอมฯ’ ไม่ขัด รธน. ส่งผล ‘ไอซ์ รักชนก’ ต้องต่อสู้คดี 112 ในศาลอาญา

(29 พ.ย.66) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาในคดีที่ศาลอาญา ส่งคำโต้แย้งของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่า น.ส.รักชนก แสดงเหตุผลประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง 

สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เป็นคดีที่ น.ส.รักชนก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่มคลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาล ประเด็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และกรณีรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุม 16 ตุลาไปแยกปทุมวัน ปี 2563 ซึ่งมีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบัน

โดยความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘แสนสิริ’ ท็อปฟอร์ม!! กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกแตะ 4.7 พันลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

(29 พ.ย.66) ปี 2566 เป็นปีของ ‘แสนสิริ’ จริง ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การประกาศเดินหน้าลงทุน 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นช่วงโค้งท้ายปีที่คู่แข่งขันจำนวนหนึ่งกำลังอ่อนแรง

หากแต่ผลประกอบการ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2566) สามารถทำผลงานโดดเด่น ทำให้บริษัทพกความมั่นใจว่าจนถึงสิ้นปีนี้ แสนสิริจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

โดย ‘วิชาญ วิริยะภูษิต’ ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยผลประกอบการรอบ 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 4,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันของปี 2565

โดยเป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3/66 จำนวน 1,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

คำอธิบายส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุน โดยเฉพาะการร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น การควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งแสนสิริมีแผนพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นในอนาคต

จุดโฟกัส คือ กำไรในงวด 9 เดือนปีนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และมากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2565 ที่มีจำนวน 4,280 ล้านบาท

สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต และนับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตาม business direction ที่วางไว้

รายละเอียดรัว ๆ รายได้รวมรอบ 9 เดือนอยู่ที่ 28,047 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยเป็นรายได้รวมเฉพาะไตรมาส 3/66 ที่ 9,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 เป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง

“เป้ารายได้ทั้งปี 40,000 ล้านบาท ซึ่งงวด 9 เดือนเราบันทึกรายได้รวมไปแล้ว 28,047 ล้านบาท รายได้ที่เหลืออีก 12,000 ล้านบาท จะมาจาก backlog ของบ้านและคอนโดมิเนียมที่ขายแล้ว และกำลังทยอยส่งมอบ รวมถึงการขายโครงการใหม่ อาทิ เนีย บาย แสนสิริ และเศรษฐสิริ 5 โครงการใหม่”

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ SIRI ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ในระดับ AA และติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สะท้อนถึงแนวคิดของแสนสิริในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

โดยการลงทุนในหุ้นยั่งยืนนี้ เป็นเทรนด์การลงทุนที่สำคัญของนักลงทุนทั่วโลกที่ใช้เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้น ควบคู่ไปกับผลประกอบการทางธุรกิจ

ไฮไลต์ยังไม่หมด ล่าสุด แสนสิริ ได้รับความไว้วางใจให้เป็น Most Valuable Real Estate Brand 2023 หรือแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าแห่งอนาคตสูงสุดประจำปี 2023

โดยมีมูลค่าแบรนด์สูงสุดของวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท

โดยเป็นความร่วมมือของบารามีซี่ กรุ๊ป (Baramizi Group) และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าแบรนด์ ด้วยชุดเครื่องมือร่วมกันคิดค้นชุดใหม่ เรียกว่า Brand Future Valuation (BFV) ที่สามารถประเมินมูลค่าแบรนด์ได้รอบด้าน ทรงพลัง และสามารถประเมินไปถึงมูลค่าแบรนด์ในอนาคต

‘เฉกอะหมัด กุมมี’ ข้าราชการชาวอิหร่าน ผู้มีบทบาทสำคัญในราชสำนักกรุงศรีอยุธยา

พิธีรำลึกถึง ‘ท่านเฉกอะหมัด กุมมี’ ชาวอิหร่าน ซึ่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ถูกจัดขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี ฯพณฯ ไซยิดเรซา โนบัคติ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำราชอาณาจักรไทยเข้าร่วมงานด้วย

ผู้เข้าร่วมพิธีรำลึกดังกล่าวประกอบไปด้วย ชาวไทยผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากท่านเฉกอะหมัด, ตัวแทนจากญามิอะตุ้ลมุศฏอฟา และที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมของสถานเอกอัครราชทูตอิหร่าน-กรุงเทพฯ เข้าร่วม โดยเริ่มต้นพิธีด้วยการอัญเชิญโองการจากคัมภีร์อัลกุรอ่านและมีการพวงหรีดที่สถานที่ฝังศพของท่านเฉกอะหมัด

ในปี 1605 ท่านเฉกอะหมัด เดินทางยังกรุงศรีอยุธยา หลังจากนั้นท่านก็เป็นหนึ่งในข้าราชการระดับสูงในราชสำนักแห่งกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากความสามารถในการบริหารจัดการและไหวพริบของท่าน และได้เข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของพระมหากษัตริย์ถึง 6 พระองค์ นับตั้งแต่รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเนื่องจากท่านได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างมาก จึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ระดับสูงที่สำคัญ รวมทั้งตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์อีกด้วย

ท่านเฉกอะหมัด ได้รับพระราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี (ชัยคุลอิสลาม) คนแรกแห่งกรุงศรีอยุธยา จึงถือเป็นท่านแรกของราชอาณาจักรไทย โดยมีหน้าที่ในการเป็นผู้นำชาวมุสลิมและดูแลกิจการของชาวมุสลิมทั้งปวงในราชอาณาจักร

ในสมัยของท่านเฉกอะหมัด เหล่าข้าราชบริพารและขนบธรรมเนียมของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากชาวอิหร่าน พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาก็ทรงรับเอาวัฒนธรรมอิหร่านในเรื่องการแต่งกาย, การรับประทานอาหาร และรูปแบบสถาปัตยกรรม และบรรดาชาวอิหร่านมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวอยู่เป็นประจำ

ท่านเฉกอะหมัด สมรสกับสตรีคนหนึ่งจากราชวงศ์ และผลของการแต่งงานครั้งนี้ ท่านจึงมีทายาท คือ บุตรชาย 2 คนและบุตรสาว 1 คน ซึ่งในปัจจุบันลูกหลานของท่านนั้นยังคงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในประเทศไทย เช่น ตระกูลอะห์หมัดจุฬา และบุนนาค เป็นต้น

ท่านเฉกอะหมัด ถึงแก่อนิจกรรมในปี 1631 สิริรวมอายุ 88 ปี และหลุมฝังศพของท่านตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมอิสลาม-อิหร่าน ตั้งอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

จะมีการสร้างภาพยนตร์สารคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของบุรุษชาวอิหร่านผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ เมื่อกว่าสี่ร้อยปีที่แล้วท่านได้เดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรไทย และมีบทบาทสำคัญในราชสำนักของไทย นับเป็นสิ่งสำคัญในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่มีร่วมกันของอิหร่านและไทย และยิ่งทำให้ผู้คนของทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันและรู้จักกันมากขึ้น

‘นายกฯ’ เยือนสันกำแพง สร้างแรงบันดาลใจสินค้า OTOP ลั่น!! ต้องพาสู่ตลาดโลก ใต้ ‘มูลค่า-ราคา’ ที่กำหนดได้เอง

(29 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีชาวสันกำแพง ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งผู้ร่วมงานทราบว่าน.ส.แพทองธาร ส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน เนื่องจากติดภารกิจ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ "คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯ ช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณนายกฯ ทำให้มีอากาศหายใจ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์พาวเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย"

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายชาวสันกำแพงที่มารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายรูปน.ส.แพทองธาร  ทำให้ชาวสันกำแพงโห่ร้องดีใจ นอกจากนี้ ชาวสันกำแพงยังระบุอีกว่า "เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ" เรียกเสียงปรบมือจากผู้มาร่วมงาน โดยนายกฯ ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ และแวะทักทายถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านที่สวมผ้าสันกำแพงมาต้อนรับ 

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปของชาวสันกำแพง โดยช่วยหนึ่งนายกฯ ได้เขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มผ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม ‘กางจ้อง’ ให้กับช่างภาพสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก อย่างอารมณ์ดี

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งได้มีการนำเครื่องปั้นดินเผาช้าง มาให้นายกฯ เขียนชื่อ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล พร้อมอธิบายถึงลวดลายบนตัวช้าง ซึ่งมีตัว S บนตัวช้าง ซึ่งมีความหมายคือ ‘เศรษฐา’ และช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อที่ท่านจะได้นำความสุขให้กลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้มีความสง่างาม และภายหลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าเชียงใหม่ไปให้นายกฯ จากนั้นได้มอบข้าวต้มมัด โดยระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯ ได้ชิม”

จากนั้นนายกฯ ได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power โดยนายกฯ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมสปีดให้ 2 หน้า ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่พวกท่านไม่ค่อยอยากได้ยิน เราพูดความเป็นจริงดีกว่า การที่ได้มานั่งฟังตรงนี้ ทีมงานจัดระดับงานได้ดีมาก เดินเข้ามาแล้วมาเจอพิพิธภัณฑ์ ได้มาดู พูดคุยทราบวิธีการผลิต ซึ่งแตกต่างจากหน้าทำเนียบฯ ได้มาฟังเด็กรุ่นใหม่ เยาวชน ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และจังหวัดเชียงใหม่ก็เหมือนเมืองหลวงของเพื่อไทย 

นายกฯ กล่าวว่า การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เดินเข้ามาผลิตภัณฑ์สวยมาก โดยดูจากแววตาและสีหน้าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างดีเลิศ และเข้าใจความต้องการของตลาดด้วย แต่การที่เราเข้าใจตลาดและทำสินค้าที่ดีออกมาบางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคนที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำทุก ๆ ประเทศ เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นคู่พาณิชย์ทั้งหลาย ความสำคัญของการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเรามีสินค้าดีเราควรต้องเอาไปเผยแพร่ ไปขาย ไปสร้างตลาดสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราจะมีดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่ชัดเจนต่อไปนี้ จะต้องไปขายของเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือพวกท่านให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยคุยกับรัฐมนตรีอยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัด OTOP ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี ซึ่งคงจะต้องพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มีการมาแสดงสินค้าของพวกท่านเผยแพร่สินค้าเหล่านี้จะติดต่อไปอาจจะมีการเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่ท่านกลับมาจะได้มาดูและอาจจะต้องมีการใช้ดัชนีชี้วัด วัดความสำเร็จด้วย หากเอาเสื้อไปขายเอากระเป๋าไปขายจะต้องขายเท่าไหร่ มีช้างที่ทำจากเซรามิกจะต้องขายกี่ตัว อันนี้เป็นความหวังและเป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ที่เราอยากให้มีเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ จนมั่นใจว่าสินค้าพวกท่านเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ แต่ยังมีการสนับสนุนด้านการตลาดเปิดตลาดน้อยไป 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งพวกท่านจะได้ขายสินค้าเป็นความหวังคุ้มกับแรงบันดาลใจของทุกคน รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้พวกท่านมีศักยภาพในเวทีโลก ได้มีพื้นที่บนเวทีโลก และสำหรับเรื่องของแหล่งทุนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆแล้วต้องเอาหลักการคิด การแข่งขันมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่นเอาเงินให้อย่างเดียว พวกท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องมีการแข่งขัน หากสินค้าดีก็ต้องมีการแข่งขัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ หรือเงินนอก ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำตรงนี้ให้ได้ อีก 2 สัปดาห์ตนจะไปญี่ปุ่น เราก็จะไปนั่งดูและเชิญอาจจะต้องมีการเชิญตัวแทนผู้ประกอบการไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พวกท่านทราบอยู่แล้วว่า แพ็กเกจจิ้งของประเทศญี่ปุ่นสวยมาก 

นายกฯ กล่าวว่า หลายคนอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้อยู่ที่นี่สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ตรงนี้เท่าที่สามารถจะทำได้ และเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องสร้างอนาคตและแรงบันดาลใจให้กับพวกท่านอยากอยู่ในพื้นที่ เพราะคงไม่มีใครรู้ประเพณีวัฒนธรรมและสินค้าของพวกเราเท่ากับทุกท่านที่เกิดและโตที่นี่ จึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกท่านทุกคนในการที่จะทำต่อไป รวมถึงเรื่องของการดีไซน์ต้องเข้าใจถึงความต้องการตลาดโลกจึงอยากให้มีการช่วยเหลือตรงจุดนี้ ฉะนั้นการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจะช่วยดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกท่านให้ดูดีสามารถไปแข่งขันในเวทีโลกได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการสะดุดจากสถานการณ์โควิดโลก เหล่านี้ไม่สามารถการันตีได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก ถือเป็นการทำลายโอกาส ฉะนั้นความพร้อมทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องทำให้พวกท่านมีความหวังและแรงบันดาลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องหนึ่งของรัฐบาลนี้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือนก็จะพยายามกลับมาอีก ด้วยมีข้อเสนอแนะและอยากจะพาท่านไปสู่เวทีโลกในอีกหลาย ๆ ประเทศ หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

ส่องผลงาน ‘รมว.พิมพ์ภัทรา’ ก.อุตสาหกรรม ดึงทุนนอกปักหมุดฐานผลิตในไทย

ประเทศไทยยังเนื้อหอม!!

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ภาคอุตสาหกรรมการผลิต’ ยังคงเป็นกำลังหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และภายใต้การบริหารงานเชิงรุกของ ‘พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หลังรับตำแหน่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เร่งดึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาปักหมุดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อผลักดันไทยไปสู่เป้าหมายศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน

ขณะที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นภาพการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตของไทยชัดเจนมากขึ้น เมื่อกลุ่มทุนจากต่างประเทศ ต่างทุ่มเม็ดเงินก้อนโตปักหมุดลงทุนสร้างโรงงานในไทย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิต จำหน่ายและส่งออก หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นหลาย ๆ อย่าง ไล่เลียงตั้งแต่ มาตรการอุดหนุนให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นฮับในการส่งออก โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ที่สนับสนุนการลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิต EV ในประเทศอย่างต่อเนื่อง

‘หัวเว่ย’ เดินหน้ารุดอุตสาหกรรม ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ในจีน อาศัย ‘เทคโนโลยี’ ที่เชี่ยวชาญเป็นจุดขายร่วมธุรกิจ

(29 พ.ย.66) ‘หัวเว่ย’ บริษัทโทรคมนาคมและสมาร์ตโฟนยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน กำลังขยายการจำหน่ายเทคโนโลยีหัวเว่ยในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และย้ำว่าบริษัทไม่ได้ผลิตรถยนต์ แต่ขายส่วนประกอบด้านเทคโนโลยี เช่น ระบบปฏิบัติการ Harmony OS และผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือการทำงานร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อสร้างแบรนด์อีวีใหม่ ๆ

โดยเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) หัวเว่ยยืนยันว่า บริษัททำงานร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ในท้องถิ่นเพื่อผลิตรถยนต์รุ่นใหม่อย่างน้อย 4 รายในจีน หลังมีข่าวว่าหัวเว่ยร่วมทุนกับฉางอัน ออโตโมบิลเพื่อผลิตเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์

หัวเว่ยยังทำงานร่วมกับ Chery เพื่อผลิตเทคฯยานยนต์ให้กับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า Luxeed ที่เปิดตัวซีดาน S7 เมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) รวมถึง BAIC Motor และ JAC Motor ซึ่ง BAIC เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Arcfox ใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยเรียบร้อยแล้ว แต่ JAC ยังไม่ตอบคำขอแสดงความเห็น

‘ทู เล่อ’ ผู้ก่อตั้งซิโน ออโต้ อินไซด์ บริษัทที่ปรึกษาในปักกิ่ง เผยว่า ผู้ผลิตรถยนต์จีนที่ผลิตภัณฑ์ยังขาดเทคโนโลยีสำคัญ พึงพอใจที่จะใช้เทคฯ ของหัวเว่ยมากกว่าที่อื่น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าโซลูชันของหัวเว่ยดีกว่าคู่แข่งอย่างไร และหัวเว่ยก็เหมือนบริษัทเทคฯ อื่น ๆ ที่เห็นโอกาสในตลาดยานยนต์อีวีและลงมือทำทุกอย่างเต็มที่

ด้าน ‘เทนเซ็นต์’ ที่บริหารจัดการแอปพลิเคชันวีแชท วางแผนเปิดตัวรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 และประกาศเมื่อปลายเดือน ต.ค. ว่าบริษัทมีระบบปฏิบัติการเป็นของตนเองแล้ว เรียกว่า HyperOS

>> ธุรกิจอีกส่วนหนึ่งของหัวเว่ย

หลังสหรัฐขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย และห้ามให้บริษัทซื้อซัพพลายเออร์จากสหรัฐ รวมถึงใบอนุญาตเข้าถึงกูเกิลเวอร์ชันล่าสุดของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ หัวเว่ยจึงสร้างระบบปฏิบัติการ Harmony OS ขึ้นมาแทน

ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หัวเว่ยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเทคโนโลยี 103,500 ล้านหยวน ขณะที่โซลูชันยานยนต์อัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) มีรายได้ 1,000 ล้านหยวน

‘ริชาร์ด ยู’ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภค เผยแนวทางการร่วมงานกับผู้ผลิตรถยนต์ไว้ 3 แนวทาง ได้แก่

1.บริษัทปฏิบัติตนเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนประกอบ
2.บริษัทจำหน่ายชุดผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีรถยนต์ที่เรียกว่า ‘Huawei Inside’ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ออกแบบยานยนต์เอง
3.บริษัทควบคุมการออกแบบ Huawei Inside ส่วนใหญ่ รวมถึงการจำหน่าย และการทำการตลาด ขณะที่ผู้ผลิตยานยนต์ผลิตรถยนต์เอง

ตร. แนะนำ 3 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ “แจ้งความ รีพอร์ต บอกเพื่อน”

วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2566) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก ซึ่งคนร้ายมักจะใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอแนะนำ 3 สิ่งที่ต้องทำ เมื่อรู้ตัวว่าถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ นั่นคือ “แจ้งความ รีพอร์ต บอกเพื่อน” โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.“แจ้งความ” เมื่อรู้ตัวว่าถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ จะต้องรีบดำเนินการรวบรวมหลักฐานเบื้องต้น เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้ใช้งานบัญชีดังกล่าว โดยข้อมูลสำคัญที่ต้องใช้ประกอบการแจ้งความคือ ชื่อบัญชีปลอม ภาพบันทึกหน้าจอ และ URL ของบัญชีปลอม

2.“รีพอร์ต” ให้ทำการรายงาน (Report) บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมดังกล่าว ไปยังผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ดำเนินการตรวจสอบและปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีปลอม เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายนำบัญชีปลอมดังกล่าวไปหลอกลวง สร้างความเสียหายกับผู้อื่น

3.“บอกเพื่อน” ให้รีบแจ้งเพื่อน ๆ ในสื่อสังคมออนไลน์และทุกช่องทางให้รู้ว่า ท่านถูกปลอมบัญชี และยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ใช้งานบัญชีปลอมดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนของท่าน ตกเป็นเหยื่อของคนร้าย อีกทั้งการบอกให้เพื่อนช่วยรีพอร์ตบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม จะช่วยให้ผู้ให้บริการปิดกั้นการเข้าถึงบัญชีปลอมดังกล่าวรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ซึ่งหากพี่น้องประชาชน ทำตาม 3 สิ่งที่ต้องทำ ที่ได้กล่าวมาข้างตน ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ช่วยให้สามารถปิดกั้นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมได้อย่างรวดเร็ว ลดโอกาสที่คนร้ายจะสามารถนำบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอมไปหลอกผู้อื่น หรือบุคคลใกล้ตัว

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงทางสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top