Thursday, 26 June 2025
NewsFeed

‘แม็คโคร’ ยัน!! รับซื้อหมูถูกต้อง ตรวจสอบย้อนหลังได้ 100% พร้อมจ่อเอาผิดสื่อรายงานข่าวคลาดเคลื่อน เหตุทำเสื่อมเสีย

(30 พ.ย. 66) รายงานข่าวจาก บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์เรื่องหมูเถื่อนว่า บริษัทขอยืนยันถึงจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนและประณามการซื้อ-ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย กรณีข่าวที่ปรากฎในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขอเข้าตรวจสอบเอกสารการซื้อ-ขาย บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการตรวจสอบด้วยความโปร่งใส ทั้งที่สำนักงานใหญ่และคลังสินค้าทุกแห่ง มิได้เป็นการเข้าจับกุม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในบางสื่อแต่อย่างใด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การรับซื้อสินค้ามีกระบวนการที่รัดกุม โดยการตรวจสอบเอกสารจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคู่ค้าต้องนำมาแสดงเมื่อนำส่งสินค้าทุกครั้ง จึงมั่นใจได้ว่าเป็นการรับซื้อโดยเปิดเผย ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าเถื่อนแต่อย่างใด

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีขั้นตอนการคัดเลือกและประเมินคู่ค้า การตรวจสอบคุณภาพก่อนการรับสินค้า รวมถึงการมีมาตรการในการหยุดรับซื้อและยกเลิกสัญญา หากพบว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ที่สำคัญ บริษัทฯ ยึดมั่นในการสนับสนุนเกษตรกรไทย และให้ความสำคัญกับการรับซื้อสินค้าที่ผลิตจากเกษตรกรในประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้จากปริมาณสินค้ากลุ่มเครื่องในสุกรแช่แข็งนำเข้า เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณสินค้ากลุ่มเนื้อสุกรและเครื่องในสุกรโดยรวมที่บริษัทมีการจัดจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม การที่มีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงจากบางสื่อ ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบ และความเสียหายต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์องค์กร ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจากสาธารณชนและนักลงทุน บริษัทจึงขอชี้แจงและจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ

ทั้งนี้ เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล และยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจสอบอย่างเต็มที่

พร้อมกันนี้ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยหนังสือฉบับดังกล่าวลงนามโดยนางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้แม็คโครได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องหมูเถื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 โดยระบุใจความสำคัญว่า “แม็คโคร ร่วมประณามการนำเข้าหมูเถื่อนทำลายเกษตรกร ย้ำความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100% พร้อมสนับสนุนภาครัฐเต็มที่”

และถัดมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า “แม็คโครให้ความร่วมมือ DSI เข้าตรวจหลังหน่วยงานภาครัฐเข้าตรวจคลังสินค้า พบการรับซื้อสินค้าถูกต้อง ยืนยันไร้หมูเถื่อน ขั้นตอนมีมาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100%”

‘เศรษฐา’ โวย!! รับไม่ได้ค่าไฟฟ้าขึ้น 4.68 บาท ลั่น!! สูงเกินไป ต่อให้ขึ้นก็ต้องไม่แตะตัวเลขนี้

(30 พ.ย. 66) ที่โรงแรมสีหราช จังหวัดอุตรดิตถ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่าไฟเป็น 4.68 บาท ว่า “4.68 บาท โอ้ย!! รับไม่ได้หรอกครับสูงเกินไป” ตนในฐานะประธานจะต้องมีการเรียกประชุม ไม่ยอมหรอกครับ

เมื่อถามย้ำว่าการปรับขึ้นดังกล่าวสูงกว่าเพดานที่รัฐบาลเคยตั้งไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าก็จะเข้าไปพูดคุยรายละเอียดทั้งหมดในฐานะประธาน กกพ. 

เมื่อถามว่าจะเป็นมาตรการต่อเนื่องหรือไม่สำหรับเรื่องของการลดราคาไฟฟ้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องไปนั่งดูก่อนเพราะเป็นเรื่องของงบประมาณด้วย แต่ขึ้นไปถึง 4.68 บาทคงไม่ไหวเยอะเกินไป

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีแนวโน้มที่จะขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวโน้มจะขึ้นจาก 3.99 บาท แต่ไม่ถึง 4.68 บาทแน่นอน

เมื่อถามว่าจะทำในลักษณะวิน-วินคือทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องทำให้ได้ซิครับ ต้องทำให้ได้

ส่วนจะต้องมีการรื้อโครงสร้างพลังงานเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คงเป็นจุดหนึ่งที่ต้องมีการพูดคุยกัน

‘อีอีซี’ ผนึกกำลัง ‘บิทคับ เวิลด์เทค’ ลงนาม MOU พัฒนาพื้นที่อีอีซี ก้าวสู่ศูนย์กลางแข่งขัน e-Sport

(30 พ.ย. 66) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
(สกพอ.) หรืออีอีซี ได้ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ระหว่าง สกพอ. และบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด โดย นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค และ นายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมลงนาม โดยมีนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ อีอีซี เป็นพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ณ สำนักงานอีอีซี ชั้น 25 อาคารโทรคมนาคม กรุงเทพฯ

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี เปิดเผยว่า การลงนาม MOU กับ บิทคับ เวิลด์เทค ในครั้งนี้ อีอีซี ได้สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพ และความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นฐานสำคัญผลักดันการลงทุนคลัสเตอร์ดิจิทัล ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของอีอีซี โดยเกิดความร่วมมือ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับกีฬา e-Sport ซึ่งเป็นที่นิยมสูงของโลก สนับสนุนให้อีอีซีโดยเฉพาะในโครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่อัจฉริยะ เป็นพื้นที่ศึกษาและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระดับสากล ที่จะดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมกีฬา และ e-Sport การส่งเสริมระบบนิเวศการลงทุนที่เหมาะสมให้กลุ่มธุรกิจ Startup เพื่อให้เกิดกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต (Future Business Cluster) และการสนับสนุนให้ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบกิจการในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะส่งเสริมให้อีอีซี เป็นพื้นที่แห่งอนาคต ดึงดูดและรับกิจกรรมการลงทุนด้านดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่อง  

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า Digital Transformation เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันในสภาพตลาดในปัจจุบัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและรวดเร็ว รวมถึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ประกอบธุรกิจที่จำเป็นต้องปรับตัวตาม เพื่อช่วงชิงโอกาสและสามารถใช้พัฒนาการประกอบธุรกิจให้เติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีศักยภาพในรองรับการลงทุนของนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการช่วยพัฒนาและยกระดับธุรกิจการค้าการลงทุนในเขตพื้นที่นี้ให้ขยายขีดความสามารถ รวมถึงส่งเสริมให้คนในประเทศมีความสามารถที่จะแข่งขันในระดับสากล และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค กล่าวว่า บิทคับ เวิลด์เทค เป็นบริษัทที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้มีความรู้และมีทักษะที่เหมาะสม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความร่วมมือระหว่างบิทคับ เวิลด์เทค กับ สกพอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Sport) เข้ามาพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและวางระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลมาใช้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจ (Digital Transformation) เพื่อให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเกิดการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

ด้านนายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบิทคับ เวิลด์เทค ที่มีเป้าหมายเพื่อ ‘สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต’ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัลภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้าน Digital Transformation ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และจะได้ใช้องค์ความรู้ที่บิทคับ เวิลด์เทคมีร่วมพัฒนาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติไปพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยพร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงความร่วมมืออื่นๆ ที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต 

'พีระพันธุ์' ไล่บี้ 'กกพ.' ลดค่าไฟเหลือไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท พร้อมเร่งหาวิธีลดภาระปชช. ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่

(30 พ.ย. 66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศค่าไฟงวดใหม่ 4.68 บาทต่อหน่วย งวดมกราคม-เมษายน 2567 ว่า ราคานี้เป็นแค่ตัวเลขเสนอแนะ คำนวนเบื้องต้นจากกกพ.ยึดตัวแปรหลักตัวแปรเดียว คือการชำระหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ส่วนราคาสุดท้ายอยู่ที่ฝ่ายบริหาร กระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเคาะอย่างไร ขอยืนยันว่าราคาขายไฟฟ้าจริงจะไม่ใช่ตัวเลขนี้ และประชาชนผู้ใช้ไฟจะไม่ต้องรับภาระ จนหน้ามืดอย่างแน่นอน

"นายพีระพันธุ์ กำลังหาแนวทางลดภาระค่าไฟประชาชน ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่ และจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ใกล้เคียงความเป็นจริงที่กระทรวงจัดการได้ ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย ใช้กลไกจัดการผสมผสาน หลายขั้นตอนกว่าการลดราคาค่าไฟปกติทั่วไป ไม่ได้ใช้แค่เรื่องประวิงหนี้กฟผ.อย่างเดียว" นายพงศ์พล กล่าว

นายพงศ์พล กล่าวว่า ราคานี้เป็นการบริหารลดค่าครองชีพระยะสั้นให้ประชาชนเท่านั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันจะแก้ไขเชิงโครงสร้าง ก๊าซธรรมชาติ ต้นตอของปัญหาราคาไฟฟ้า และสนับสนุนพลังงานไฟฟ้าสะอาดระยะยาวต่อไป

ส่อง 3 ยักษ์เทคฯ 'Google-Microsoft-Amazon' ปักหมุดไทย ความฝันสู่ศูนย์กลาง 'เทคโนโลยี-นวัตกรรม' แห่งเอเชีย ไม่ไกล!!

(29 พ.ย. 66) เพจ ‘BOI News’ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้เปิดเผยถึงกรณี ‘ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคเอเชีย’ ระบุว่า…

ด้วยการลงทุนจากยักษ์ใหญ่ของวงการเทคโนโลยีระดับโลก เช่น #Google #Microsoft และ #Amazon Web Services หรือ #AWS ที่อาจพูดได้ว่า เป็นการพาประเทศไทยเข้าสู่ #DigitalTransformation เพื่อสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างทันโลก 

#ไทยผนึกกำลังกับ 3 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลก 🌎
1️⃣ #Google

🔺 แผนลงทุน Data Center ในไทย: ประเทศไทยเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ Google กำลังพิจารณาสร้าง Data Center เป็นประเทศที่ 11

🔺Google Cloud Region ในกรุงเทพฯ: แผนก่อตั้ง Cloud Region แห่งแรกในไทย ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้มากกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท) และสร้างงานได้อีกกว่า 50,000 ตำแหน่งในปี พ.ศ. 2573

🔺การนำเทคโนโลยี Google Cloud ที่รวดเร็วและปลอดภัยมาใช้กับองค์กรภายในประเทศ: ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการก่อตั้ง National CyberShield Alliance เพื่อป้องกันการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศทางไซเบอร์

🔺การพัฒนาด้าน AI ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม: โดยเบื้องต้นบริษัทได้เซ็น MOU เป็นที่เรียบร้อยเพื่อส่งเสริมการใช้งาน AI ในการบริการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้านการเงิน การพัฒนาภาคสาธารณสุข การศึกษา การขนส่งมวลชน

🔺การพัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศไทย: มอบทุนการศึกษา Google Career Certificate ให้กับคนไทย 

โดย Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลฯ และบีโอไอมอบทุนการศึกษาสำหรับใบรับรองทักษะอาชีพของ Google เพิ่มเติมจำนวน 12,000 ทุน ภายใต้โครงการ Samart Skills เพื่อพัฒนาทักษะอาชีพในสาขาที่มีความต้องการสูง อาทิ การรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ อีคอมเมิร์ซและหลักสูตร ‘Introduction to Generative AI Path’ จาก Google Cloud Skills Program ที่เปิดให้เรียนออนไลน์ฟรี

2️⃣ #Microsoft

🔹โครงการ Microsoft Data Center ไทย: ศึกษาความเป็นไปได้ของแผนการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ในไทยเพื่อสนับสนุนการให้บริการภาครัฐสาธารณะด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล

🔹การพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ในประเทศไทย: พัฒนาทักษะทางดิจิทัลผ่านโครงการและการฝึกอบรมต่าง ๆ

🔹การสนับสนุนด้านพลังงานสะอาดและ ESG: สนับสนุนพลังงานสะอาดและนโยบาย ESG ในการดำเนินธุรกิจ และปรับปรุงการให้บริการสาธารณะด้วยเทคโนโลยีที่ยั่งยืน

3️⃣ #Amazon Web Services (#AWS)

🔸AWS Asia Pacific (Bangkok) Region: สร้างศูนย์ข้อมูล #Hyperscale ระดับโลกแห่งแรกในไทยด้วยงบประมาณกว่า 190,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 15 ปี เพื่อให้เกิดการใช้ Cloud ให้ครบในทุกภาคส่วนของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาการบริการด้านดิจิทัลให้แก่ประชาชน

🔸 การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล: เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

🔸 การพัฒนาเทคโนโลยี AI, Machine Learning, Data Analytics และ IoT: ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่สำคัญที่จะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ 

#บีโอไอ ได้มีส่วนในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและส่งเสริมการลงทุน รวมถึงยังสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมทั้งมุ่งเน้นที่จะส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัลของคนไทยเพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงงานที่อาศัยทักษะทางดิจิทัลให้กับคนไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีให้กลายเป็นแรงดึงดูดอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากทั่วโลกมาลงทุนในไทย

‘ชัยวุฒิ’ ชมรัฐบาลลุงตู่ หลังความสามารถด้านดิจิทัลไทยพุ่ง 5 อันดับ พร้อมให้กำลังใจรัฐบาลปัจจุบันสานต่อให้ดียิ่งขึ้น

จากผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศโดย World Competitiveness Center ของ International Institute for Management Development หรือ IMD สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2566 ที่เพิ่งประกาศออกมาล่าสุด ผลปรากฏว่า ปีนี้ไทยมีอันดับดีขึ้น 5 อันดับมาอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 64 เขตเศรษฐกิจ โดยปรับตัวดีขึ้นทั้ง 3 ด้าน

ด้านเทคโนโลยี (Technology) เป็นปัจจัยที่มีอันดับดีที่สุด โดยอยู่ในอันดับที่ 15 ดีขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 5 อันดับ ในขณะที่ด้านความรู้ (Knowledge) และด้านความพร้อมสำหรับอนาคต (Future Readiness) มีอันดับดีขึ้น 4 และ 7 อันดับ ตามลำดับ แม้ว่าจะยังคงอยู่ในอันดับที่ไม่สูงนัก คือ อันดับที่ 41 และ 42 ตามลำดับ แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ IMD เผยอันดับขีดความสามารถการแข่งขันไทย ปี 66 ไต่ขึ้น 3 อันดับ พบปัจจัยบวกทุกด้าน เศรษฐกิจ ประสิทธิภาพภาครัฐและภาคธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีเป็นบวก เป็นข่าวดีและความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนครับขอบคุณรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผลักดันโครงการสำคัญมากมายและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขับเคลื่อนประเทศของเรามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยปีนี้ ขยับดีขึ้นครับต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจ ทุ่มเทกำลังช่วยกันทำงานอย่างหนัก 

ที่น่าสนใจคืออันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศไทยดีขึ้นถึง 5 อันดับ World Digital Competitiveness Ranking ปรับดีขึ้นจาก 40 ในปีที่ผ่านมา เป็นลำดับ 35 ในปีนี้ ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่กระทรวงดีอีเอสได้ทุ่มเทกันไปนั้นไม่สูญเปล่า และเชื่อว่า อันดับของประเทศไทยจะดีขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เพราะเราได้มีการวางรากฐานด้านดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องและเริ่มปรากฎผลลัพธ์ออกมาให้เห็นแล้วครับ

“ผมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้บริหารกระทรวงดีอีเอสเเละรัฐบาล ชุดปัจจุบัน รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลให้เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นทุก ๆ ปีครับ”

‘ททท.’ ในคุนหมิง จัดมหกรรม ‘เที่ยวไทย’ ดึงดูดใจชาวจีน พร้อมเดินหน้าแลกเปลี่ยนข้อมูลสองชาติให้ลึกซึ้งมากขึ้น

เมื่อวานนี้ (29 พ.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า “ไทยคือหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน” ซู่หง ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำนครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนกล่าว

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประจำนครคุนหมิง ได้จัดงานมหกรรมการท่องเที่ยวไทยในนครคุนหมิง ซึ่งมีบริษัทผู้ประกอบการเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวของจีนและไทยมากกว่า 40 แห่ง เข้าร่วมเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจและแลกเปลี่ยนข้อมูลการท่องเที่ยว

ซู่เผยว่าอวิ๋นหนาน กุ้ยโจว และกว่างซี มีศักยภาพด้านตลาดการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันมีเที่ยวบินโดยสารจากทั้ง 3 ภูมิภาคนี้ ไปยังกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ มากกว่า 70 เที่ยวต่อสัปดาห์แล้ว

รายงานระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเยือนไทยทางอากาศ ช่วงเดือนมกราคม-กันยายนของปีนี้ สูงกว่า 150,000 คน ขณะเดียวกันมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยเลือกนั่งรถไฟจีน-ลาว หรือขับรถไปยังไทยด้วยตนเอง

ซู่แสดงความเชื่อมั่นว่าการพบปะกันระหว่างบริษัทผู้ประกอบการของจีนและไทยครั้งนี้จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

อนึ่ง ข้อมูลสถิติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเยือนไทยในปีนี้สูงแตะ 2.86 ล้านคนแล้ว เมื่อนับถึงวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา

เรื่องที่ไม่อยากให้เกิด!! ‘อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์’ ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย จากอุบัติเหตุรถชน ทำคู่กรณีหญิง ‘พิการอย่างถาวร’

หลายคนคงรู้จัก ‘Arnold Schwarzenegger’ นักแสดงชื่อดังก้องโลกจากผลงาน Terminator หรือคนเหล็ก ซึ่ง ‘Arnold Schwarzenegger’ ถูกฟ้องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเดือนมกราคม 2022 และมีรายงานว่าเขาทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ‘พิการอย่างถาวร’ 

ในเอกสารของศาลระบุว่า Cheryl Augustine อ้างว่า เธอกำลังขับรถใกล้สี่แยก Sunset Boulevard และ Allenford Avenue ในนครลอสแองเจลิส ตอนที่เธอถูกรถของ Schwarzenegger ชน 
 

คดีดังกล่าวถูกฟ้องในศาลของนครลอสแองเจลีส Arnold Schwarzenegger ถูกตัดสินว่าขับรถ 'โดยประมาทและประมาทเลินเล่อ' ส่งผลให้ Cheryl Augustine ได้รับบาดเจ็บ มีอาการช็อกและบาดเจ็บต่อระบบประสาท และอาการบาดเจ็บของเธอ ส่งผลให้เธอมีอาการทุพพลภาพถาวรโดยสิ้นเชิง
 

รายละเอียดของคดีความยังอ้างอีกว่า หญิงสาวรายนี้ไม่สามารถทำงานได้นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และได้รับความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ต้องรับ

ผิดชอบเอง รถยนต์ของเธอเสียหาย รวมทั้งเหตุอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ค่ากระเป๋าที่ไม่ได้ระบุจำนวนเงิน และตอนนี้เธอกำลังเรียกร้องค่าเสียหายจากพระเอกคนเหล็ก เพื่อชดเชยค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายต่อทรัพย์สินของเธอ 

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุที่เป็นสาเหตุของการฟ้องร้องนี้ เกิดขึ้นเกือบสองปีที่แล้ว หรือเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2022 ตอนที่ Schwarzenegger กำลังขับรถ Yukon SUV บนถนนห่างจากบ้านของเขาประมาณครึ่งไมล์ 

จากรายงานข่าวระบุว่ารถ SUV ของ Schwarzenegger ชนกับรถ Prius สีแดง เมื่อเวลาประมาณ 16.35 น. ของบ่ายวันนั้น แหล่งข่าวบอกว่า Schwarzenegger ได้เลี้ยวซ้ายก่อนที่ลูกศรเลี้ยวซ้ายที่ไฟจราจรจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว แต่ไม่มีการจับกุม และตำรวจไม่เชื่อว่ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาเสพติดเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง 
.
นอกจากนี้ ภาพจากที่เกิดเหตุแสดงให้เห็นรถยนต์ขนาดใหญ่คันหนึ่งอยู่บนฝากระโปรงหน้ารถ Prius ที่พังยับเยิน พยานยังอ้างอีกว่า พวกเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมีเลือดไหลออกมาจากศีรษะก่อนที่เธอจะถูกพาไปโรงพยาบาล 
 

คดีความลักษณะนี้เป็นที่ชื่นชอบของทนายความในสหรัฐฯ เพราะคดีไม่ได้ยากหรือซับซ้อนมากนัก และสามารถฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยได้เป็นจำนวนสูงมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่อคู่กรณีอ้างว่า ได้รับอุบัติเหตุจนมีอาการทุพพลภาพถาวรโดยสิ้นเชิง 

แต่ทาง Schwarzenegger น่าจะทำประกันรถยนต์ของเขาเอาไว้ และทนายของบริษัทประกันต้องต่อสู้รักษาผลประโยชน์ของบริษัทประกันอย่างสุดฤทธิ์เช่นกัน 
 

'อานนท์' โวย!! ศาลอาญา ไม่อนุญาตให้เป็นทนายจำเลยช่วย 'ทอปัด' อ้าง!! ทั้งที่ยังมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะเป็นทนายความ เหตุคดียังไม่ถึงที่สุด

'อานนท์' ยื่นคำร้องคัดค้าน ภายหลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้เบิกตัวมาทำหน้าที่ทนายจำเลยในคดี 112 ของ 'ทอปัด' ระบุ ยังมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะเป็นทนายความ เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 นายอานนท์ นำภา ทนายความและผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของศาลอาญาที่ไม่อนุญาตให้เบิกตัวอานนท์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาทำหน้าที่ทนายจำเลยในนัดสืบพยานคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ของ ทอปัด อัฒอนันต์ อายุ 28 ปี ศิลปินนักวาดภาพอิสระ จากการวาดภาพรัชกาลที่ 10 เผยแพร่ในอินสตาแกรม ซึ่งจะมีการสืบพยานในวันที่ 1, 15 ธ.ค. 2566 และ 31 ม.ค. 2567  

การยื่นคำร้องคัดค้านเกิดขึ้นภายหลังเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 ศาลอาญามีคำสั่ง ‘ยกคำร้อง’ ต่อคำร้องในคดีของทอปัด ที่อานนท์ยื่นขอให้เบิกตัวมาทำหน้าที่ทนายความของจำเลย ร่วมกระบวนการพิจารณาสืบพยานในวันที่ 1, 15 ธ.ค. 2566 และ 31 ม.ค. 2567

ทั้งนี้ อานนท์ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2566 หลังศาลอาญามีคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยในการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ให้จำคุก 4 ปี และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ แม้จะยื่นประกันแล้ว 3 ครั้ง รวมถึงศาลฎีกาก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันหลังทนายความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่ให้ประกัน จนถึงปัจจุบัน (30 พ.ย. 2566) อานนท์ถูกคุมขังมาแล้ว 66 วัน

🔴 คำร้องคัดค้านคำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้เบิกตัวทนายอานนท์มาในคดีของทอปัดมีเนื้อหาดังนี้...

คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 1 ธ.ค. 2566 ทนายความจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเบิกตัวทนายจำเลย ซึ่งถูกขังโดยอำนาจของศาลนี้มาปฏิบัติหน้าที่ทนายความ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องและไม่เบิกตัวทนายความจำเลยมาปฏิบัติหน้าที่โดยให้เหตุผลว่า ทนายความจำเลยถูกพิพากษาว่ามีความผิดในคดีอาญา (คดีมาตรา 112) มีโทษจำคุก 4 ปี จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทนายได้ 

ทนายจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้...

1. ทนายความจำเลยยังมีศักดิ์และมีสิทธิ์ในวิชาชีพทนายความอย่างสมบูรณ์ตาม พ.ร.บ.ทนายความ เพราะคดีการเมืองที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ยังไม่ถึงที่สุด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญย่อมถือว่าทนายความจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ทั้งการสิ้นสุดลงของการเป็นทนายความย่อมเป็นไปตามกฏหมายว่าด้วยทนายความ ซึ่งทนายความจำเลยยังมีชื่อเป็นทนายความ ไม่ได้ถูกเพิกถอนการเป็นทนายความแต่อย่างใด ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งการใดๆ อันเป็นการขัดขวางไม่ให้ทนายความได้ปฏิบัติหน้าที่ในคดีได้

2. การที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ทนายความจำเลยมาศาลเพื่อทำหน้าที่ ทั้งที่ทนายความจำเลยถูกขังโดยอำนาจศาล ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ในการสืบพยานโจทก์จะไม่มีทนายความที่จำเลยไว้วางใจและแต่งตั้งมาทำหน้าที่ กระบวนการพิจารณาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีมาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดในหมวดความมั่นคงและเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ ย่อมไม่อาจดำเนินไปด้วยความยุติธรรมได้ 

ทั้งนี้ กระบวนพิจารณาคดีมาตรา 112 ได้ถูกจับตาโดยประชาคมโลกมาโดยตลอด รวมทั้งเนติบัณฑิตแห่งสหภาพยุโรปได้เคยทำหนังสือแสดงความกังวลในการปฏิบัติหน้าที่ของทนายความจำเลย ซึ่งถูกละเมิดจากการแสดงออกอย่างสันติทางการเมืองจนกระทบต่อการทำหน้าที่ ซึ่งหนังสือดังกล่าวถูกส่งไปยังสภาทนายและถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 โดยตรง

การออกคำสั่งของศาลในคดีนี้ยังตอกย้ำถึงกระบวนการยุติธรรมในคดีมาตรา 112 อย่างชัดเจนว่า มีความไม่ปกติ และอาจเกิดความไม่ยุติธรรมในการพิจารณาคดี

3. หากศาลเห็นว่า การแต่งกายในชุดนักโทษไม่เหมาะสมที่จะสวมครุยเนติบัณฑิตว่าความในห้องพิจารณา เหมือนในการพิจารณาคดีของศาลนี้ในหลายคดี หากศาลมีคำสั่งห้ามสวมชุดครุย ทนายความจำเลยก็ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งแม้จะไม่เห็นด้วย 

การที่ทนายความจำเลยไม่อาจแต่งกายด้วยชุดสุภาพแบบสากลนิยม แต่ต้องสวมชุดนักโทษ ก็เพราะศาลนี้และศาลอุทธรณ์ ตลอดจนศาลฎีกา ไม่ได้มีคำสั่งให้ประกันทนายความจำเลย ไม่ใช่เรื่องที่ทนายความแต่งกายไม่ถูกระเบียบเอง ทั้งการไม่อาจสวมครุยก็ไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ ถึงขนาดจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะหากทนายความปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยความยุติธรรม แม้อยู่ในชุดนักโทษก็สามารถทำให้เกิดความยุติธรรมได้ แต่หากทำหน้าที่ไปด้วยอคติหรือมิจฉาทิฐิ แม้จะสวมชุดครุยที่ทอด้วยไหมก็คงไม่มีค่าอันใด

ด้วยเหตุผลที่ทนายความจำเลยกล่าวมาข้างต้นทนายความจำเลยจึงขอแถลงคัดค้านคำสั่งศาลดังกล่าวไว้ 

อานนท์ นำภา
ทนายความจำเลย

‘ชัยธวัช’ อ้าง!! นิรโทษกรรมคดี ม.112 นำไปสู่ความปรองดอง พร้อมธำรงรักษาให้พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ

(1 ธ.ค. 66) นายธชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง ‘นิรโทษกรรม 112’ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ข้อเสนอการนิรโทษกรรมให้แก่ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอันเนื่องมาจากการแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง หรือการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อถกเถียงสำคัญสำหรับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองในปัจจุบันคือ เราควรนิรโทษกรรมผู้ที่ถูกดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 ด้วยหรือไม่

เหตุผลของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งเราควรนำมาพิจารณาร่วมกันคือ หากเรานิรโทษกรรมคดี 112 ไปแล้ว จะเป็นการไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ หรือจะเป็นการปล่อยให้เกิดการแสดงความคิดเห็น หรือการแสดงออกทางการเมืองที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปอีกหรือไม่

สำหรับประเด็นนี้ ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า สถาบันพระมหากษัตริย์จะสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ได้ ก็ด้วยความรักความศรัทธาหรือความยินยอมพร้อมใจของประชาชน ไม่ใช่ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับหรือการสร้างความกลัว ดังนั้น การบังคับใช้ ม.112 อย่างรุนแรงดังที่เป็นอยู่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่ใช่การปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน ซ้ำร้ายยังจะส่งผลบ่อนทำลายสายใยความสัมพันธ์อันดี ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนในระยะยาวอีกด้วย

ในสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ปรารถนาดีหรือจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจ ควรต้องร่วมกันตั้งหลักในการพิจารณากุศโลบาย ที่สอดคล้องกับสถานการณ์และพลวัตของสังคมไทย เราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดเงื่อนไขที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ เข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งทางการเมืองได้ จัดวางพระราชสถานะอย่างประณีตภายใต้รัฐธรรมนูญ ระมัดระวังอย่าให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างพระราชอำนาจกับหลักการ ‘ปกเกล้า แต่ไม่ปกครอง’ ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ผมเชื่อมั่นว่า มีแต่หนทางนี้เท่านั้น ที่จะธำรงรักษาให้องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะตามรัฐธรรมนูญอย่างมั่นคง สังคมไทยในห้วงยามนี้ต้องการทุกคนมาร่วมกันคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมีสติ มิใช่การอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์และ ม.112 มาคุ้มครองผลประโยชน์หรืออำนาจของตนเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top