Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘บิ๊กต่อ’ เผย ‘นายกฯ’ กำชับขจัดช่องว่าง-ยกระดับกฎหมายอาวุธปืน พร้อมขอบคุณสื่อ ช่วยนำเสนอวิธีเอาชีวิตรอดยามเกิดเหตุฉุกเฉิน

(4 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุยิงในห้างพารากอนหลังจากนี้ว่า คนทำความผิดเป็นเด็ก จึงขอว่าอย่าไปแตะตรงนั้น ตอนนี้ตำรวจกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ เนื่องจากผู้ต้องหา ไม่อยู่ในสภาพที่จะให้ปากคำได้ จึงมีส่วนที่จะต้องไปดำเนินการต่อ

ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับ คือ ให้ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน ซึ่งที่จริงเราทำกันมาแล้ว สถิติอาชญากรรมทางอาวุธปืน ในช่วงก่อนหน้านี้ 2 เดือน ตำรวจก็ได้มีการปิดล้อมตรวจค้นหลายร้อยที่หมาย จับผู้ต้องหาได้ 2,000 กว่าคดี ได้ปืน 900 กว่ากระบอก ซึ่งในช่วงที่ตนดูแลงานปราบปราม ยืนยันมีการดำเนินการจับอย่างจริงจัง ไม่ใช่การเมคขึ้นมา แต่ดูจากสถิติที่มีการส่งขึ้นมา ปืนที่เป็นปืนจริงแทบจะไม่ได้ถูกนำมาก่อเหตุ แต่สถิติที่เห็นว่าปืนที่นักเรียนมักจะนำมาใช้ในการทะเลาะวิวาทกัน เป็นปืนชนิดแบลงค์กัน

โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ส่งรายละเอียดมาให้ แต่การใช้ปืนแบลงค์กันไม่มีกฎหมายที่จะไปบังคับการนำเข้า ผ่านพิธีทางศุลกากร คนขายแค่ขออนุญาตแต่คนซื้อไม่มีใบอนุญาต นี่คือช่องว่างทางกฎหมาย แล้วก็นำไปดัดแปลง ซึ่งปืนที่ใช้ก่อเหตุเมื่อวานเป็นปืนแบลงค์กัน และนำไปดัดแปลงตาม youtube โดยในขั้นแรกตนได้สั่งการไปที่ สอท. ให้เจาะเว็บไซต์ของกลุ่มพวกนี้ให้ได้ ตั้งเป็นทีมจับกุมเว็บที่ขายปืนเถื่อนทางออนไลน์โดยเฉพาะ โดยมีการสั่งตั้งทันที

ขณะที่ประเด็นทางข้อกฎหมาย ตนได้ประสานทางกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ทำให้ปืนแบลงค์กันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถซื้อขายกันได้ ให้ตีว่าเป็นอาวุธยกระดับข้อกฎหมายขึ้นไปเลย เพราะการนำเข้ามาแบบสิ่งเทียมอาวุธปืน ทำให้สิ่งของเหล่านี้หลุดมาในตลาด เราจะไม่ใช่แค่ดำเนินการจับกุมแต่จะเป็นการยกระดับให้มีข้อกฎหมาย ห้ามนำเข้าเลยให้ถือว่าเป็นปืนจริง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่าจะทำตรงนั้น

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  ยังขอร้องสื่อมวลชนอย่าให้มีการนำเสนอถึงพฤติกรรมการก่อเหตุ เพราะจะเป็นการสร้างจุดสนใจ เป็นเป้าและถูกมองว่าเป็นฮีโร่ ทำให้อาจจะเกิดเป็นพฤติกรรมการเลียนแบบขึ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา และเหตุการณ์ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ตนก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ไม่นำเสนอข่าวในจุดนี้ เป็นสิ่งที่ดีมาก และตนก็ฝากเผยแพร่คลิป ‘วิ่ง-ซ่อน-สู้’ เพื่อนำไปกระจายให้กับประชาชน เป็นแนวทางวิธีปฏิบัติขณะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน หลังจากนี้จะมีการมอบโล่รางวัลให้กับนายตำรวจที่เข้าไปดำเนินการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเป็นขวัญกำลังใจ ซึ่งถือว่าตำรวจนครบาลทำได้อย่างดี

หลีกการกระทำ 'กดขี่-แบะท่าทีความเป็นใหญ่' ของผู้นำครอบครัว ก่อนสร้างรั้วอันตราย ให้คนรอบข้างเข้าสู่กรอบแห่งความซึมเศร้า

(4 ต.ค.66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'ฝายวารี ประภาสะวัต' ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่ตนเคยสอน ไว้ดังนี้...

เด็กคนหนึ่งที่ครูฝายเคยสอน มีคุณพ่อเป็น ผศ. อยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง 

(บทความนี้ยาว แต่รับรองว่าควรค่าแก่การอ่านให้จบค่ะ)

น้องมักมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจอยู่เสมอ มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่ครูฝายสอนอยู่ น้องลงไปนอนราบกับพื้น เตือนครั้งนึงก็ลุกขึ้นมา จนถึงคำถามที่ครูฝายถามเด็ก ๆ ทุกคนในกลุ่มนั้นด้วยความภูมิใจที่เด็ก ๆ ทำผลงานสำเร็จว่า "โอ้โหหห หนูทำได้ยังไง เล่าให้ครูฟังหน่อยสิคะ" เด็กคนนั้นตอบว่า...

ก็ ค ว ย ง่ะ

ครูฝายหันหน้าไปมอง แล้วถามต่อว่า หมายความว่ายังไงคะ

น้องบอกว่า ก็ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ไง 

ฝายเลยมองหน้า เพื่อให้เขารู้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรทำอีก ยังไม่ทันจะเอ่ยปากสอนอะไร 

เด็กคนนั้น ลงไปนอนดิ้นกับพื้น โวยวาย อาละวาดและร้องไห้ ครูฝายงงมาก จนต้องให้ครูผู้ช่วยพาออกไปสงบสติข้างนอก

ครูผู้ช่วย เอาคลิปมาให้ครูฝายดูหลังเลิกคลาส พบว่า เด็กคนนั้นร้องไปพูดไป ประโยคที่เค้าบอกคือ...

"ครูฝายเห็นผมเป็นกิ้งกือ ไส้เดือน เป็นขยะที่อยู่ในถังขยะ"

วินาทีที่ได้ยินนั้นตกใจมาก เพราะสิ่งที่เค้าพูดมา ไม่ใช่สิ่งที่ครูฝายมอง แต่เป็นสิ่งที่เค้า ‘มองตัวเอง’

และนี่คือสัญญาณของเด็กที่ low self-esteem และอาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า และฆ่าตัวตายได้ เมื่อโตขึ้น

อะไรทำให้น้องคิดกับตัวเองได้แย่ขนาดนี้นะ!! 

ครูฝายหาข้อมูลต่อ เย็นวันนั้นเลยโทรถามคุณแม่ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้คุณแม่ฟัง คุณแม่สะอื้นเล็กน้อย พร้อมเล่าว่า คุณพ่อ เป็น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ดูถูกและกดทุกคนในบ้านว่าโง่ และไม่เก่ง น้องถูกว่าแทบทุกการกระทำ รวมถึงแม่ด้วย

ครูฝายจึงเข้าใจของเหตุการณ์ทั้งหมด อย่างที่เคยบอกไป คำพูดพ่อแม่ สร้าง ‘self concept’ หรือ ตัวตนของลูก

เคสนี้ น้องไม่ได้เรียนกับครูฝายต่อ เพราะคุณพ่อเป็นคนจ่ายค่าเรียนทั้งหมด เลยฝากคุณแม่ (ที่ก็ low self-esteem เช่นกัน) บอกรักน้อง กอด หอม บอกว่าแม่ภูมิใจในตัวเค้าแค่ไหน และเรื่องอะไรบ้าง❤️❤️

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวว่าพ่อมียศ ตำแหน่งอะไร ทำงานที่ไหน รวยหรือจน ไม่เกี่ยวอะไรเลย อย่างเดียวที่เกี่ยวคือ mindset ของพ่อ ที่มีต่อตัวเอง ต่อครอบครัว จนความคิดนั้นแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมและคำพูด แถมด้วยความเป็นใหญ่ของบ้าน พ่อจึงมีอิทธิพลมากกว่าแม่

คนที่ดูถูกคนอื่น คือคนที่รู้สึกว่าตัวเองต่ำ ไม่เก่ง ไม่มีดีอยู่ตลอดเวลา จึงต้องดูถูกผู้อื่น เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าตัวเองสูงขึ้นแล้ว

ดังนั้นหากเจอคนที่ดูถูกเรา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร พี่น้อง สามีภรรยา หรือเพื่อนก็แล้วแต่ ขอให้เมตตาและสงสาร ช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์นั้น หากช่วยไม่ได้ ออกมาให้ไกล เพราะผลที่ตามมาเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะรุนแรงแค่ไหน

แค่ลูกฆ่าตัวตาย หรือจะลามไปถึงฆ่าคนอื่น...เราไม่มีทางรู้เลย

ปล. มีการปรับเนื้อหาตัวละครเล็กน้อย เพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ แต่สาระสำคัญเป็นไปตามเหตุการณ์จริงค่ะ

กางตารางเก้าอี้ ผบ.ตร. ‘บิ๊กต่าย’ ต่อคิว ‘บิ๊กต่อ’ อนาคต ‘บิ๊กโจ๊ก’ พร่ามัว!! ส่วน ‘บิ๊กราญ’ โชติช่วง!!

แม้ว่าไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่า...แนวรบสีกากี ณ ปทุมวัน จะจบลงด้วยแฮปปี้ เอ็นดิ้ง…แต่ดูจากบรรยากาศการนั่งล้อมวงกินข้าวหน้าไก่ ไข่ดาว ของ 6-7 บิ๊กตำรวจ โดย ผบ.ตร.คนใหม่ ‘บิ๊กต่อ’ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล คอยหยอดมธุรสวาจาด้วยแล้ว ก็น่าจะเอ็นจอยกันพอประมาณ…

รับตำแหน่งได้เพียงสองวัน ‘บิ๊กต่อ’ ออกคำสั่งทันควัน ตั้งให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. 3 คนที่อาวุโสตามลำดับเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ และ รองผบ.ตร.ที่ตำแหน่งว่างลง อีกคำสั่งแบ่งงานกันใหม่ใน 6 คน คือ 3 คนเก่ากับ 3 คนใหม่...หวยออกมาดังนี้…

ในส่วนของ 3 รอง ผบ.ตร.เก่า
- พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ เปลี่ยนจากคุมงานความมั่นคง เป็น กฎหมายและคดี
- พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล จากงานสืบสวนสอบสวน เป็น งานด้านความมั่นคง
- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ‘บิ๊กต่าย’ จากงานบริหารเป็นงานป้องกันและปราบปราม

ส่วน 3 คนใหม่
- พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ดูงานจเรตำรวจแห่งชาติ
- พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ดูงานบริหาร
- พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ดูงานสืบสวนสอบสวน

พินิจพิเคราะห์จากการแบ่งงาน บวกกับดูอายุราชการแล้ว…‘บิ๊กรอย’ พล.ต.ท.สราวุธ และ ไกรบุญ จะเกษียณปีหน้า พร้อม ‘บิ๊กต่อ’   

ต้องบอกว่าโอกาสของ ‘บิ๊กต่าย’ ซึ่งจะเกษียณปี 2569 จะขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.มีสูง…สูงกว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ ที่จะเกษียณปี 2574 และปีนี้ส่งท้ายปลายปีด้วยความบอบช้ำ แผลลึก…

ดังนั้นโดยสรุปถ้า ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยังมีวาสนาในอนาคต ก็ต้องรอต่อคิวเป็น ผบ.ตร.คนที่ 16 ต่อจากคนที่ 15ซึ่งน่าจะเป็น ‘บิ๊กต่าย’ …แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรมองข้าม พล.ท.ท.สำราญ นวลมา ผช.ผบ.ตร.น้องเลิฟ ‘บิ๊กต่อ’ ที่ปีนี้ถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้าสำนักงาน ผบ.ตร.และปีหน้า ก็จะขึ้น รองผบ.ตร.เพื่อรอคั่ว ผบ.ตร.ต่อจาก ‘บิ๊กต่าย’ เหมือนกัน...

พล.ต.ท.สำราญนั้น จะเกษียณปี 2576 เป็นอดีต ผบช.น. เป็น นรต.รุ่น 50 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.จักรภพ  ภูริเดช ‘บิ๊กก้อง’ ผบช.สอบสวนกลาง ซึ่งจะเกษียณปี 2579

ในแวดวงสีกากีเขาขานชื่อกันล่วงหน้าว่า… ทั้ง พล.ต.ท.สำราญ และ พล.ต.ท.จิรภพ จะเป็น ผบ.ตร.ทั้งคู่ …บรรทัดนี้บอกได้คำเดียวว่าอนาคต ‘บิ๊กโจ๊ก’ ไม่สดใสกาววาวเหมือนอีกแล้ว…

ส่งท้ายการเมืองสั้น ๆ โดยในวันที่เขียน เลียบการเมือง 4 ต.ค.นี้ เป็นวันครบรอบ 66 ปี ของครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ได้รู้จักมักจี่ แต่ขอแฮปปี้เบิร์ทเดย์มา ณ โอกาสนี้ ขอให้นักเตะ ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ครูใหญ่กำลังนำไปตะลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ประสบความสำเร็จ…

ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะเป็นอย่างไรในสมัยหน้า รอฟัง ‘ลุงเน’ ประกาศหลังกลับจากญี่ปุ่นช่วงเสาร์อาทิตย์นี้… ‘มท.หนู อนุทิน’ จะได้เป็นนายกฯ เมื่อไหร่ คงจะได้รู้แนว…แต่ที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ พอจะรู้แล้ววันนี้ก็คือ…ภูมิใจไทยน่าจะเข็ดแล้วสนาม กทม. เจาะเท่าไหร่ไม่เข้า…สมัยหน้าคงจะต้องเท…

วันนี้เห็นอดีตผู้สมัครเมืองหลวงของพรรคหลายต่อหลายคนกำลัง หาสำนักใหม่กันให้วุ่น..!!

สวัสดี

‘ปากีสถาน’ ไล่ตะเพิด ‘ชาวอัฟกัน’ ลี้ภัยผิดกฎหมาย 1.7 ล้านคน เหตุไม่พอใจกลุ่มติดอาวุธ จี้!! ออกนอกประเทศภายใน 1 พ.ย.นี้

รัฐบาลปากีสถานประกาศเส้นตายให้ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานที่เข้ามาอยู่ในประเทศปากีสถานอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งคาดว่ามีมากถึงราว 1.7 ล้านคนนั้น ให้ออกจากประเทศไปในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากปากีสถานมีความไม่พอใจที่กลุ่มติดอาวุธเข้ามาก่อเหตุโจมตีรุนแรงตามแนวชายแดนปากีสถานติดกับอัฟกานิสถานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปากีสถานโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รัฐบาลทาลิบัน ผู้ปกครองอัฟกานิสถานปฏิเสธ

นายซาร์ฟราซ บักติ รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน ประกาศมาตรการข้างต้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมว่า ผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานราว 1.7 ล้านคน ที่อยู่ในปากีสถานอย่างผิดกฎหมาย จะมีเวลาถึงวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ในการเดินทางออกนอกประเทศไปโดยสมัครใจหรือไม่จะถูกเนรเทศออกไป แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นไปอย่างไร

นอกจากนี้ เขายังประกาศตั้งคณะทำงานที่มุ่งพิสูจน์และยึดธุรกิจและทรัพย์สินของชาวอัฟกานิสถานที่ลี้ภัยอยู่ในปากีสถานอย่างผิดกฎหมาย พร้อมประกาศว่าจะดำเนินมาตรการเข้มงวดมากขึ้นกับชาวอัฟกานิสถานที่จะเดินทางเข้ามาในปากีสถาน ที่จะต้องเป็นนักเดินทางที่มีวีซ่าและหนังสือเดินทางเท่านั้นถึงได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้

ในการประกาศมาตรการกวาดล้างผู้อพยพลี้ภัยในประเทศอย่างผิดกฎหมาย รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน ไม่ได้กล่าวถึงเหตุโจมตีรุนแรงที่เกิดขึ้นในปากีสถานโดยตรง ที่สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลและนำมาสู่การดำเนินการในครั้งนี้ เพียงแต่กล่าวมามีเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้นตามแนวชายแดนปากีสถานแล้วถึง 24 ครั้งนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเขากล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธที่ปฏิบัติการจากอัฟกานิสถาน

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่งเกิดเหตุระเบิดโจมตีมัสยิดในเมืองมัสตัง ในจังหวัดบาโลชิสถานของปากีสถาน ติดชายแดนอัฟกานิสถาน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย โดยจังหวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มักเกิดเหตุโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่ม รวมถึง กลุ่มเตห์รีค-อี ตาลีบัน ปากีสถาน (ทีทีพี) หรือ กลุ่มทาลิบันปากีสถาน และกองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส (บีบีซี)

ยกเลิกส่วนต่อขยายสายสีเหลืองเชื่อมเขียว ดับฝัน ‘ชาวลาดพร้าว-รัชดา’ เศรษฐาทบทวนให้ดี

เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 นายภูวสิทธิ์ พนมสิงห์ อาจารย์พิเศษ คณะสถาปัตยกรรมและการผังเมือง สาขาสถาปัตยกรรมเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เจ้าของเพจ ‘ขอบอสัง’ และ TikTok ‘สพีทโรเจอร์’ อดีตทีมพัฒนาธุรกิจและจัดซื้อที่ดินบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ได้ออกมาแสดงมุมมองความคิดเห็น กรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ประกาศยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยระบุว่า…

“รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ประกาศยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีเขียว กระทบชีวิตคนกรุงฯ งานนี้ชาวลาดพร้าวโดนหนักสุด”

นายภูวสิทธิ์ กล่าวว่า ‘รถไฟฟ้าสายสีเหลือง’ เป็นสายที่วิ่งรถผ่านตั้งแต่สำโรง เทพารักษ์ ศรีนครินทร์ แยกบางกะปิ-ลำสาลี เข้าเส้นลาดพร้าว และสิ้นสุดการเดินรถอยู่ที่บริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งจากเดิมรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีแผนจะสร้างส่วนต่อขยายการเดินรถไปจนถึงแยกรัชโยธิน ที่จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งประชาชนกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการยกเลิกโครงการส่วนต่อขยายครั้งนี้ คือ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลาดพร้าว ทั้งทางด้านค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทาง

โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ถูกบริหารโดย บริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด (Eastern Bangkok Monorail : EBM) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ ‘BTS’ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ ‘MRT’ ถูกบริหารโดย EBM เช่นกัน

ซึ่งในปัจจุบัน หากประชาชนต้องการนั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินไปต่อสายสีเขียว จำเป็นต้องนั่งเพิ่มอีก 1 สถานี เพื่อเดินทางไปส่วนต่อขยายสถานีระหว่างสายสีน้ำเงินและสายสีเขียว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มต้นทุนชีวิตคนกรุงเทพฯ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาในการเดินทางที่จะต้องรอต่อขบวนรถไฟในส่วนต่อขยาย อยู่ที่ประมาณ 15-30 นาทีต่อรอบ นับเป็นการสูญเสียที่เปล่าประโยชน์อย่างสิ้นเชิง

“ในส่วนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนหลากหลายกลุ่ม ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นทั้งหมด อาทิ สถานศึกษาอย่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม หน่วยงานราชการอย่างศาลอาญา สำนักการเจ้าหน้าที่ สำนักงานศาลยุติธรรม หรือแม้แต่คอนโดมิเนียมในเส้นทางรัชดา ลาดพร้าว-วังหิน ตลอดจนบริเวณลาดพร้าว-โชคชัย 4 ถึงบางกะปิ ที่ประชาชนจำนวนมากอาศัยอยู่ และมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นอย่างมาก จึงอยากให้รัฐบาลและคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทบทวนในเรื่องนี้ดูอีกครั้ง” ภูวสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั่วโลกจับตา!! ความสัมพันธ์ ‘ลิซ่า-เฟรเดอริก’ หนุ่มมหาเศรษฐี หลังพบทั้งคู่ ‘ปาร์ตี้-ดินเนอร์’ ที่ปารีส แฟนๆ ลุ้น หรือรักกำลังผลิบาน?

หลังจากที่ ‘ลิซ่า แบล็กพิงก์’ ได้เข้าร่วมแสดงที่ ‘เครซีฮอร์ส คาบาเร่ต์’ เมื่อวันที่ 28-30 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นเวลา 3 คืน ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

โดย หลังจากจบการแสดงรอบสุดท้าย ลิซ่าได้เข้าร่วมปาร์ตี้หลังการแสดงกับเพื่อนๆ ซึ่งมีคลิปหลุดที่แชร์กันทั่วโลกออนไลน์ ที่เห็นลิซ่ากำลังเต้นรำอย่างสนุกสนาน และที่น่าสังเกตคือ ‘เฟรเดอริก อาร์โนลต์’ หนุ่มที่มีข่าวลือกับเธอก็อยู่ในงานเช่นกัน และยืนอยู่ใกล้กับลิซ่าในปาร์ตี้นี้ด้วย

ต่อมา ในคืนวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา แฟนคลับผู้โชคดีบางส่วนได้มีโอกาสเห็น ลิซ่า แบล็กพิงก์ และเฟรเดอริก อาร์โนลต์ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงปารีส โดยที่ทั้งคู่ปรากฏตัวแบบดูสบายๆ ในระหว่างที่พวกเขากำลังออกเดต และไม่ได้วิ่งหนีกล้องถ่ายรูป หรือดูจะไม่กลัวคนสนใจที่จะมองเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของพวกเขา

เรื่องนี้เริ่มทำให้หลายคนสงสัยว่า นี่อาจเป็นสัญญาณที่พวกเขาทั้งสองกำลังพิจารณาเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะ

นอกจากนี้ ยังมีคนเห็นเฟรเดอริกไปรับลิซ่าที่สนามบินในฝรั่งเศส และมีคลิปหลุด เป็นภาพของพวกเขาร่วมในงานปาร์ตี้ล่าสุดยังได้รับความสนใจมากมายจากแฟนๆ ทั่วโลกโซเชียลมีเดีย
อีกทั้ง เฟรเดอริก อาร์โนลต์ ยังไปดูการแสดงของลิซ่าทุกวัน กับเพื่อนๆ และครอบครัวของเขาที่คลับ เครซีฮอร์สคาบาเร่ต์

ซึ่งก่อนหน้านี้ แฟนๆ เชื่อว่าลิซ่าได้ไปท่องเที่ยวพักผ่อนที่กรีซกับครอบครัวของอาร์โนลต์มาแล้วอีกด้วย

ถึงแม้ลิซ่าและเฟรเดอริกจะยังไม่ได้ยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างเป็นทางการ รูปภาพและคลิปหลุดที่แสดงความรักของพวกเขา ได้ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นและมีความสุขที่จะเชียร์คู่รักคู่นี้ มีบรรดาแฟนคลับของลิซ่าได้แสดงความยินดีกับพวกเขาบนโซเชียลมีเดีย หลังจากเห็นลิซ่าและเฟรเดอริก อาร์โนลต์ มารับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารในกรุงปารีส

แม้จะยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการจากทั้งจากลิซ่าและเฟรเดริก แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายเป็นเรื่องฮอตในโลกออนไลน์ และดึงความสนใจจากแฟนๆ ทั่วโลกอย่างมาก

งานครบรอบ 27 ปี โรงพยาบาลพญาไท 3

เมื่อวานนี้ 4 ตุลาคม 2566โรงพยาบาลพญาไท 3 ครบรอบ 27 ปี นพ.สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 เพชรเกษม 19 นำทีมคณะผู้บริหารโดยมี คุณศุภกร พะวันนา ผู้อำนวยการสายบริหารการตลาดเครือ รพ.พญาไท - เปาโล คุณณัฐชานันท์ นิธิโชติวรภัทร์ ผอ.ฝ่ายการตลาด คุณนิตยา กฤตธนเวท ผอ.ฝ่ายบริหาร นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผช.ผอ.แพทย์ พว.ภาวิณี วัยปัทมะ ผอ.ฝ่ายการพยาบาล พร้อมแพทย์ พยาบาล พนักงาน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แก่พระภิษุสงฆ์ ตลอดบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล 

เพื่อเป็นศิริมงคลกันทั่วหน้า  เนื่องในโอกาสที่โรงพยาบาลพญาไท 3 ครบรอบ 27 ปี  ท่ามกลางภาพลักษณ์ใหม่ทุกโซนพื้นที่ ขยายกว้างขวางเพื่อรองรับผู้ใช้บริการอย่างสะดวกสบาย พร้อมเครื่องมือที่ทันสมัย คับคั่งไปด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางที่คอยให้เอาใจใส่ดูแล

นายกสมาคมแม่บ้าน นำความห่วงใยจาก ผบ.ตร. พร้อมมอบดอกไม้ และให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ยิงที่สยามพารากอน

วันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เปิดเผยว่า คุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ยิงที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน พร้อมมอบดอกไม้ ในนามผู้บัญชาการตำรวจ และนายกสมาคมแม่บ้าน และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้บาดเจ็บ ที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 2 ราย 

เบื้องต้น ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร เปิดเผยข้อมูลว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รวมทั้งสิ้น 7 คน โดยพบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน และผู้บาดเจ็บกระจายส่งโรงพยาบาลตำรวจ 2 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 คน นำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 3 คน และ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน 1 คน ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 2 คน คงรักษาตัวในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และยังคงอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต (ไอซียู)

‘บังกลาเทศ’ เจอ ‘ไข้เลือดออก’ เชื้อเด็งกีระบาดหนัก คร่าชีวิตไปกว่า 1,000 ศพ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

(5 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของบังกลาเทศเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกจำนวน 11 รายเมื่อวานนี้ ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตตั้งแต่ต้นปีนี้อยู่ที่ 1,017 ราย ขณะที่มีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้นอีก 2,564 ราย

จำนวนผู้เสียชีวิตในปีนี้สูงกว่าเกือบ 4 เท่าของปีที่แล้ว ซึ่งมีจำนวน 281 ราย และทำให้ปีนี้เป็นปีที่บังกลาเทศได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากไข้เลือดออกนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดในปี 2543

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบังกลาเทศ กล่าวว่า การระบาดระลอกล่าสุดเล่นงานพวกเขาโดยไม่ทันตั้งตัว มีสาเหตุจากเชื้อเด็งกีสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งหมอหลายคนระบุว่า อาการของผู้ป่วยไข้เลือดออกในช่วงไม่นานมานี้ทรุดลงเร็วกว่าเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา โดยทั้ง 64 เขตทั่วประเทศตรวจพบผู้ติดเชื้อเด็งกีครบทั้งหมดแล้ว

ขณะเดียวกันผู้ป่วยจำนวนมากกำลังล้นทะลักโรงพยาบาล เช่น ในกรุงธากามีผู้ติดเชื้อเด็งกีหลายร้อยคนกำลังรอรับการรักษา ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนสารละลายสำหรับให้ทางหลอดเลือดดำ ซึ่งสำคัญมากต่อการรักษาผู้ป่วยเด็งกีที่มักเกิดอาการขาดน้ำ

ร้อยเอ็ด…จังหวัดร้อยเอ็ดมอบถุงยังชีพพระราชทาน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด

วันนี้(4 ตุลาคม 2566) เวลา 13.30 น. ณ วัดโพธิ์ศรีวนาราม ตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานในพิธีมอบถุงยังชีพพระราชทาน มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด 

โดยมี นายชูศักดิ์ ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด, พลตรีประเสริฐ ข่าทิพย์พาที ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27, พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดร้อยเอ็ด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม 

โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราช ทรงห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ตำบลนางาม อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมมอบถุงยังชีพพระราชทาน จำนวน 1,138 ถุง และถุงยังชีพสำหรับพระภิกษุ จำนวน 56 ถุง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในพื้นที่ สำหรับการให้ความช่วยเหลือ สืบเนื่องมาจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา 

โดยส่งผลทำให้ประชาชนในพื้นที่ ประสบอุทกภัย ทั้งหมด 11 อำเภอ และได้รับผลกระทบหนักสุดคือ อำเภอเสลภูมิ มีจำนวน 13 ตำบล 118 หมู่บ้าน 2,300 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตร กว่า 18,800 ไร่ 

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top