Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘ทีน สราวุฒิ’ แวะบุรีรัมย์เยี่ยมสุสาน ‘ปอ ทฤษฎี’ บอกเล่าภาพรวมประเทศไทย ‘เละเทะทุกวงการ’

เพื่อนรักเพื่อนกันตลอดกาลจริง ๆ สำหรับ ‘ทีน สราวุฒิ พุ่มทอง’ กับพระเอกดังที่จากโลกนี้ไปนานแล้วอย่าง ‘ปอ ทฤษฎี’ ซึ่งหลายครั้งที่หนุ่ม ‘ทีน’ เดินทางไปบุรีรัมย์ก็จะต้องแวะเวียนไปเยี่ยมเพื่อนที่สุสานเสมอมา ล่าสุดเจ้าตัวได้ไปหา ‘ปอ’ พร้อมบอกกล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้ว่า…

“ตามสัญญา ถ้ามาบุรีรัมย์ กูต้องแวะมาหามึง : Wrap up สั้น ๆ ของปี 66 ทุกวงการ ทุกสายงานอาชีพอย่างกับหนังสงครามเลยนะมึง ตีกันไปตีกันมา ละคงละครแทบไม่ต้องดูแล้ว แค่ตามข่าวในแต่ละวันแต่ละเรื่องก็เหนื่อยแย่แล้วววว เละเทะบอกเลย คิดถึงเหมือนเดิมเพิ่มคือกูแก่ขึ้น #ว่าแล้วก็ไป”

‘ชัยวุฒิ' ปัดข่าวนั่งเก้าอี้ สส.แทน 'บิ๊กป้อม' ยัน พปชร.ไม่ระส่ำ หลังมีข่าวเลขาธิการย้ายพรรค

ที่พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ตนเองจะมาเป็นสส.แทน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หาก พลเอกประวิตร ลาออก ว่า ยังไม่มีการทาบทามจากพลเอกประวิตร และพลเอกประวิตรเองก็ยังเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นสส. อยู่ ทำงานการเมืองต่อ 

เมื่อถามว่า ถ้ามีโอกาสเข้าไปในสภาก็จะทำงานสภาต่อใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่าอย่าไปพูดเลยยังไม่ถึงเวลา

เมื่อถามว่าตัวตึงจะกลับมาหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่าไม่มีตัวตึง  หมดยุคไปแล้ว วันนี้ไม่มีใครเป็นตัวตึงสบาย ๆ การเมืองยุคใหม่ เท่าที่ดูก็สร้างสรรค์

ส่วนความเป็นไปได้ที่พลเอกประวิตร จะลาออกสส.นั้น ตนไม่ทราบ ต้องถามหัวหน้าพรรคดีกว่า อย่าถามเรื่องนี้เลย ไม่มีผลทางการเมือง ถามเรื่องสำคัญ ๆ ดีกว่า 

เมื่อถามว่าอาจจะอยากให้นายชัยวุฒิ เข้าไปขับเคลื่อนในสภา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนก็ช่วยอยู่แล้ว เป็นรองหัวหน้าพรรคมาประชุม สส.และประสานงานต่างๆในสภาอยู่แล้ว พรุ่งนี้ตนก็เข้าสภาไปประชุมกรรมาธิการวิสามัญ

ทั้งนี้ ตนก็ยังทำหน้าที่ในสภาอยู่แม้จะไม่ได้เป็นสส. ก็ต้องช่วยทำงานเพราะเราเป็นรองหัวหน้าพรรค โดยวันนี้มีสัมมนาประชุมพรรคเตรียมความพร้อมสส. ในการทำงานทุกๆด้านทางการเมือง

ส่วนกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐอาจจะอยู่ได้แบบระส่ำ หลังมีข่าวลือว่าเลขาธิการพรรคอาจจะย้ายพรรคนั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า "เขาย้ายพรรคแล้วหรอ ตนยังไม่รู้ ยังไม่ถึงเวลาหรอก พรรคเพิ่งเลือกตั้งเสร็จ เพิ่งจะตั้งรัฐบาลคงทำงานร่วมกันไปในนามพรรคพลังประชารัฐยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดเรื่องพวกนี้"

เมื่อถามว่ายังมั่นคงหรือไม่กับ 40 เก้าอี้สส. นายชัยวุฒิกล่าวว่าก็ยังดีอยู่ ส่วนบรรยากาศก็ยังราบรื่นดี

สำหรับกรณีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากสมาชิกพรรคนั้น ตนไม่ทราบน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว มีเหตุผลน่าจะไปทำงานอะไรบางอย่างที่ต้องลาออกจากพรรคการเมือง ต้องถามนางนฤมล

พร้อมกันนี้ นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึง คณะกรรมการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ที่แต่ละพรรคการเมืองจะส่งตัวแทนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการนั้น ว่า  เท่าที่ทราบคือจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกพรรคคุยกันอยู่ว่าเป็นแนวทางนี้แต่ข้อสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอให้คณะกรรมการหรือกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นคุยกันอีกที

ทั้งนี้ ในนามพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ เป็นเรื่องของทุกพรรคการเมือง และมองว่าพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ขับเคลื่อนเรื่องนี้พรรคการเมืองเดียวไม่ได้ เป็นเรื่องของทุกฝ่าย ทุกพรรคและ สมาชิกวุฒิสภา (สว.)เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ต้องคุยกันทุกกลุ่มทุกฝ่าย และคงจะใช้เวลา ไม่ได้ข้อสรุปเร็วๆนี้  นายชัยวุฒิกล่าว

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 25 - 29 ก.ย. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ ชี้แนวโน้ม 2 - 6 ต.ค. 66

ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสัปดาห์สิ้นสุด 29 ก.ย. 66 เพิ่มขึ้น จากความกังวลด้านอุปทาน หลัง EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ ที่คลัง Cushing ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมันดิบ NYMEX WTI สัปดาห์สิ้นสุด 22 ก.ย. 66 ลดลง 0.94 MMB WoW อยู่ที่ 22 MMB ต่ำสุดตั้งแต่ ก.ค. 65 และใกล้ระดับต่ำสุดที่สามารถดำเนินการ (Minimum Operating Level) ที่ 20 MMB ขณะที่ตลาดน้ำมันโลกยังคงมีแนวโน้มตึงตัวจากมาตรการควบคุมอุปทานของกลุ่ม OPEC+

รัฐบาลสหรัฐฯ รอดจากสภาวะหยุดดำเนินงาน (Government Shutdown) หลังวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายชั่วคราวสำหรับงบประมาณปี 2023 (1 ต.ค. 2566 - 30 ก.ย. 2567) ด้วยคะแนน 88 ต่อ 9 เสียง และสภาผู้แทนราษฎรผ่านด้วยคะแนน 335 ต่อ 91 เสียง สามารถให้ประธานาธิบดี นาย Joe Biden ลงนามเป็นกฎหมาย ก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 ต.ค. 66 (เวลาท้องถิ่น) อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวยังไม่จบ เพราะกฎหมายนี้ใช้สำหรับงบประมาณชั่วคราวจนถึงวันที่ 17 พ.ย. 66 เท่านั้น

คาดการณ์ราคา ICE Brent สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 90 - 98 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จับตาสหภาพแรงงานปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติแห่งไนจีเรีย (Nigeria Union of Petroleum and Natural Gas Workers: NUPENG) ประกาศนัดหยุดงานทั่วประเทศเพื่อประท้วงรัฐบาล ร่วมกับสหภาพแรงงานใหญ่อีก 2 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 66 และติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC+ (Joint Ministerial Monitoring Committee: JMMC) วันที่ 4 ต.ค. 66

‘นายกฯ’ ลั่น!! ปัญหา ‘บิ๊กโจ๊ก-บิ๊กต่อ’ แค่ลิ้นกับฟัน ย้ำ เห็นต่างได้แต่งานอย่าเสีย เตือนอย่ามีข่าวลบ

‘เศรษฐา’ เผยสไตล์ทำงานแบบมิติใหม่ เน้นคุยวงเล็กต้องพร้อมทุกเมื่อ ไม่ต้องซีเรียส หวังให้กระตือรือร้น ลั่นปัญหา ‘โจ๊ก-ต่อ’ แค่ลิ้นกับฟัน เห็นต่างได้แต่งานอย่าเสีย เตือนอย่ามีข่าวลบ จ่อตั้งอดีตตำรวจช่วยงานปราบยาเสพติด

(3 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มาหารือภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องการพบปะกับข้าราชการระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินการคลัง ฝ่ายความมั่นคง จากนี้ต่อไปจะเป็นการทำงานในลักษณะแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปประชุมใหญ่ที่มีองคาพยพขนาดใหญ่ ในลักษณะการประชุมหลาย 10 คน แต่อย่างการมาประชุมวันนี้ก็ประชุม 3-4 คน หรือ 6 คนเต็มที่ จากนั้นเป็นเรื่องการสั่งการและรับฟังความคิดเห็น จากเหตุการณ์ปัจจุบันอย่างเรื่องการให้วีซ่าฟรีของชาวจีนว่าจากการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง มีการบริหารจัดการกันอย่างไร และมีข้อเรียกร้องกันอย่างไร เพราะบางข้อเรียกร้องก็เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้ภาษีต่างๆ ซึ่งเราก็ได้รับฟังและจะมีการหารือในกลุ่มอื่นต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการพบปะกันธรรมดา ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่มีอะไรผิดปกติ เรื่องแบบนี้เราทำกันมาอยู่แล้วและภาคส่วนอื่นก็ทำเช่นนี้ เพราะถ้าไม่มีการพูดคุยส่วนตัวคิดว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า การประชุมต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นทางการมาก ไม่ต้องมีการเตรียมงาน แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กับทุกคนและตัวตนเองว่าข้อมูลต้องพร้อม ต้องเตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา ไม่ต้องไปเตรียมตัว 2-3 วัน บอกเช้ามาบ่ายก็ได้ จึงอยากให้ผู้ร่วมงานทุกคนและหน่วยงานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ต้องซีเรียสมากที่จะมาพูดคุยกัน ถ้าหากไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ก็กลับไปหาข้อมูลกันมาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการพบกันครั้งนี้ ได้มีการเคลียร์ปัญหาในวงการตำรวจหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายเศรษฐากล่าวว่า คิดว่าตั้งแต่ช่วงที่มีการแต่งตั้งออกไป ทั้ง ผบ.ตร. และรอง ผบ.ตร.สุรเชษฐ์ ก็มีภาพข่าวออกไปแล้วว่ามีการพูดคุยกันในเชิงบวก

“คนเราอยู่ด้วยกันก็มีลิ้นกับฟันเป็นธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าความตั้งใจจริงของทั้งสองท่าน และอาจจะยังมีอีกหลายๆคู่ที่อาจเป็นคู่กรณีกัน ซึ่งผมไม่ทราบ แต่เรามีนโยบายชัดเจนว่าเรามีภารกิจใหญ่ คือความมั่นคงของประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องทำงานให้ได้ ต้องไม่มีข่าวเชิงลบ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชนได้ตลอดเวลา” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ามีความขัดแย้งกันเองจริงๆ และยังมีอีกหลายคู่ที่มีความขัดแย้งกันใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาในทุกวงการ แม้แต่วงการสื่อมวลชน อยู่ที่นี่ก็อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา บางคนไม่พูดคุยกันก็มี ถือเป็นธรรมดา

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีพร้อมจะห้ามศึกใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า “ ผมคิดว่าเราไม่ต้องห้าม เรามีการพูดคุยกันอย่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นที่ว่าการพูดคุยแล้วจะต้องมีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่จำเป็น เราผิดใจกันได้ แล้วก็กลับมาสมานใจกันได้ใหม่ สังคมอยู่ด้วยกันมาจากหลายที่หลายทาง จะให้เห็นตรงกันทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องมีการพูดคุยกันในภาษาที่น่าฟัง ไม่ใช่ไปด้อยค่าซึ่งกันและกัน ต้องไม่มีการดูถูกดูแคลนกัน ที่ผ่านมาสังคมแตกแยกกันเยอะแล้ว ก็ขอให้มีมิติใหม่ ในการพูดคุยกันดีกว่า” นายเศรษฐา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลบที่ออกไปประชาชนมีความคาดหวังอยากให้มีการปฏิรูปตำรวจ นายกรัฐมนตรีมองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกองค์การทุกสถาบัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การดูแลทุกข์สุขของประชาชน การพัฒนาความสัมพันธ์ มีการแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าทุกคนตระหนักดี และรู้ว่าอะไรไม่ดีก็ต้องมีการแก้ไข

เมื่อถามว่าได้มีการสั่งการอะไรพิเศษกับ ผบ.ตร. คนใหม่บ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันวันนี้ได้ขอให้มีการติดตามในเรื่องวีซ่าฟรีคนจีนเข้ามาต้องไม่มีปัญหา เรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองต้องอำนวยความสะดวกให้ดี แต่อย่าให้สะดวกเกินไปจนกระทั่งลืมเรื่องของความมั่นคง นอกจากนี้ยังได้สั่งการในเรื่องยาเสพติด ต้องดูให้ดี เพราะปัจจุบันเหมือนจะมีเข้ามาเยอะ ตนลงพื้นที่ไปเพราะมีประชาชนมาพูดคุยและแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก ก็ได้กำชับกับ ผบ.ตร.คนใหม่ไป และอีก 2-3 วัน ตนจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่จะไปช่วยดูแลตรงนี้ ซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไป

‘ขันเงิน’ เปิดตัว ‘ซาเล็คต้า’ หลังเปลี่ยนชื่อจาก MPIC เตรียมลุยธุรกิจบันเทิง-มุ่งสร้างไลฟ์สไตล์แนวใหม่ในเมืองไทย

(3 ต.ค.66) หลังจากที่ ‘นายขันเงิน เนื้อนวล’ หรือ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม แรปเปอร์ชื่อดังได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ (MAJOR) ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) หรือ ZALEKTA Public Company Limited

ล่าสุด ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม ได้เปิดตัว ‘ซาเล็คต้า’ อย่างเป็นทางการแล้ว มุ่งสู่การเป็นผู้สร้างสรรค์เอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์แนวใหม่ในคอนเซ็ปต์ ‘Vibes Setter’ ของเมืองไทย

ขันเงิน ในฐานะกรรมการบริษัท ซาเล็คต้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ชื่อบริษัท ซาเล็คต้า มาจากคำว่า ‘ซีเล็คเตอร์’ ที่แปลว่า เราจะเป็นผู้คัดสรรสิ่งต่าง ๆ ตามเทรนด์โลกที่น่าตื่นเต้น และนำบรรยากาศด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์รวมทั้งไลฟ์สไตล์ที่อาจจะยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมาให้คนไทยได้เสพ ตามคอนเซ็ปต์ Vibes Setter

โดยร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ชั้นนำด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และไลฟ์สไตล์ของประเทศไทยเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์งานให้สนุกและตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเฟสติวัลต่าง ๆ ทั้งมิวสิคเฟสติวัล อาร์ตเฟสติวัล ทอยเฟสติวัล ภาพยนตร์ ตลอดจนการจับไลฟ์สไตล์และเรื่องที่คนไทยและทั่วโลกกำลังสนใจ

อีกสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้สำเร็จ คือการกรุยทางเปิดโอกาสให้ศิลปินและเอ็นเตอร์เทนเนอร์ไทยได้ไปโชว์ความสามารถในเวทีระดับสากลมากขึ้น เพราะคนไทยเป็นคนที่มีความสามารถ โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เหล่านี้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของผม ขันเงินกล่าว

‘ตำรวจ’ คุมตัว ‘มือปืนอายุ 14’ ไล่ยิงคนในพารากอนแล้ว พบผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บกำลังตรวจสอบ

(3 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระทึกกลางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ทำให้ประชาชนที่อยู่ภายในห้าง ต่างวิ่งแตกตื่นหนีตายกันออกมา เจ้าหน้าที่ของห้างได้รีบอพยพคนออกมาภายนอกห้างอย่างเร่งด่วน

ขณะที่คนร้ายแต่งกายมิดชิด สวมหมวกแก๊บเดินถือปืนอยู่ในห้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเข้าพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์

สำหรับผู้บาดเจ็บล่าสุด พบว่ามี 4 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้าง ถูกนำตัวส่ง รพ.หัวเฉียว ส่วนอีก 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนร้ายได้แล้ว เป็นเด็กชาย อายุ 14 ปี โดยคนร้ายยอมมอบตัวภายในโรงแรมชื่อดัง ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างนำตัวไปสอบปากคำ พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบหาตัวผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิตล่าสุดมีรายงานว่า ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ และกำลังตรวจสอบหาผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมภายในห้างพารากอน

‘ญี่ปุ่น’ ทุบสถิติ!! เผชิญอากาศร้อนที่สุดในรอบ 125 ปี คาด เป็นผลพ่วงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนฉับพลัน

(3 ต.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ญี่ปุ่นเผชิญอากาศร้อนที่สุดของเดือน ก.ย. นับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติเมื่อ 125 ปีที่แล้ว ทั้งยังเกิดขึ้นในปีที่คาดว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เนื่องจากเกิดการเร่งของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือน ก.ย.ของปีนี้สูงกว่าปกติ 2.66 องศาเซลเซียส นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในปี ค.ศ. 1898 หรือปี พ.ศ. 2441 ซึ่งวัดอุณหภูมิจากสถานที่ 385 แห่งจาก 914 แห่งทั่วประเทศมีอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียสหรือสูงกว่า

และอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1.6 องศาเซลเซียส นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในปี ค.ศ. 1982 หรือ ปี พ.ศ. 2525

“เรารู้สึกเหลือเชื่อที่อุณหภูมิสูงถึงขนาดนี้” เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นกล่าวและว่า กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำลายสถิติ หลังจากหลายปัจจัยทับซ้อนกันนอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

นอกจากนี้ หลายประเทศต่างเผชิญอากาศร้อนที่สุดของเดือน ก.ย. รวมถึงออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี โปแลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์

ในฝรั่งเศส อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือน ก.ย. 2566 อยู่ที่ราว 21.5 องศาเซลเซียส สูงกว่า 3.5-3.6 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับช่วงที่ใช้ในการอ้างอิงปีค.ศ.1991-2020 และในสหราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน เจออากาศร้อนที่สุดของเดือนก.ย.นับตั้งแต่บันทึกสถิติในปีค.ศ.1884

ด้าน Copernicus Climate Change Service หรือ ‘C3S’ ซึ่งเป็นหน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป หรือ ‘อียู’ รายงานว่า อุณหภูมิโลกเฉลี่ยในเดือน มิ.ย., ก.ค.และ ส.ค. คือ 16.77 องศาเซลเซียส ซึ่งเกินสถิติในปี ค.ศ. 2019

ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติหรือ ‘ยูเอ็น’ กล่าวกับผู้นำโลกในห้วงการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศได้เปิดประตูสู่นรก

และในการกล่าวเปิดการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ นายกูแตร์เรส กล่าวปลุกใจถึงความร้อนที่น่ากลัวในปีนี้ แต่เน้นย้ำว่า “เรายังคงสามารถจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส” เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางสภาพอากาศในระยะยาว

‘ทส.’ กำชับเฝ้าระวัง ‘บ่อขยะ-ระบบบำบัดน้ำเสีย’ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม พร้อมสั่งเร่งป้องกัน หวั่นเหตุอุทกภัยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

(3 ต.ค. 66) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีข้อสั่งการให้หน่วยงานใน ทส. ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

โดยให้ คพ. สำรวจสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย และระบบบำบัดน้ำเสีย ในพื้นที่น้ำท่วม หรือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อเตรียมการรับมือ พร้อมเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเหตุอุทกภัย โดยเฉพาะน้ำเน่าเสีย และน้ำเสียจากบ่อขยะ

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า คพ.ได้ปรับปรุงรายชื่อสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อติดตามและให้คำแนะนำทางวิชาการ และได้จัดส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด และผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำวันเพจ แจ้งเตือนภัยสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบน้ำท่วม และอยู่ระหว่างการติดตามและเฝ้าระวังพายุลูกใหม่ต่อไป เพื่อแจ้งเตือนเป็นระยะ

อธิบดีคพ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 – 16 ติดตามและรายงานข้อมูลเชิงพื้นที่และรายงานส่งให้ คพ. ทุกวัน

ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่า มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ได้แก่

1.) สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ทม.เมืองสวรรคโลก ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีข้อแนะนำให้ก่อสร้างคันดินและปรับปรุงการระบายน้ำฝนภายในพื้นที่ รวมถึงปรับปรุงถนนเพิ่มเติม

2.) สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของ อบต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก มีคำแนะนำให้หาพื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว ประสานขอทิ้งร่วมกับ อปท. ใกล้เคียง และดำเนินการดักกั้นขยะมูลฝอยที่ลอยไม่ให้ออกสู่ภายนอก

ตำรวจ ปส. สกัดขบวนการม้งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ซุกไอซ์ 600 กก. ในห้องโดยสาร และกระบะท้าย ขณะเตรียมส่งลูกค้าในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่าการปราบปรามยาเสพติดยังคงเดินหน้าต่อเนื่องอย่างเข้มข้นตามนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ล่าสุด วันที่ 1 ต.ค. 66 เวลาประมาณ 22.00 น.  นำโดย พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 และ ตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดเชียงราย บก.ปส.3 จับกุม 4 ผู้ต้องหา คือ นายสุทธิศักดิ์, นายฉัตรชัย, นายไพรัฐ และ นายทินภัทร 

สืบเนื่องจากตำรวจ ปส. จับกุมยาเสพติดไอซ์ และเฮโรอีน จำนวนมากใน กทม. และทางภาคใต้ จากการขยายผลพบว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดของ นายอุดมศักดิ์ กับพวก ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง
จึงได้สืบสวนและติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด จนพบความเคลื่อนไหวว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดอีก โดยนายอุดมศักดิ์ จะใช้รถกระบะสีขาว หมายเลขทะเบียน xx-4191 ส่วนเครือข่าย คือ นายทินภัทร ใช้รถกระบะสีส้ม หมายเลขทะเบียน xx-6426 เชียงราย ลำเลียงยาเสพติด,  นายไพรัฐ ใช้รถกระบะบรรทุก สีขาว หมายเลขทะเบียน xxx-9325 กรุงเทพมหานคร เป็นรถ    นำทางและคุ้มกัน ส่วน นายสุทธิศักดิ์ และ นายฉัตรชัย จะขับขี่รถจักรยานยนต์ เวฟ 110 ไอ ทำหน้าที่ไปรับรถกระบะบรรทุกยาเสพติด ต่อจากนายทินภัทร และ นายไพรัฐ เพื่อขับไปส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายอีกทอดหนึ่ง 

กระทั่งวันที่ 1 ต.ค. 66 พบกลุ่มดังกล่าวได้ลำเลียงยาเสพติด มุ่งหน้าไปทาง อ.เชียงคำ  จ.พะเยา ตำรวจ ปส. จึงแบ่งกำลังกันติดตามและสามารถสกัดจับกุมได้ผู้ต้องหา 4 ราย บริเวณถนนภายในหมู่บ้านม่วงไพรวัลย์ หมู่ 16 ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย ต่อเนื่อง ลานจอดรถ รพ.เทิง อ.เทิง จ.เชียงราย ตรวจค้นรถพบยาเสพติด 30 กระสอบ ภายในเป็นไอซ์ น้ำหนัก 591 กก.ซุกซ่อนอยู่ในห้องโดยสารและกระบะท้ายของรถ  จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือ ไอซ์) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ  หรือความปลอดภัยต่อประชาชนทั่วไป” จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน ปส.3 สอบสวนขยายผลจับกุมตัวมาดำเนินคดี และยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อตัดวงจรของขบวนการค้ายาเสพติดอย่างเด็ดขาด

สำหรับนายอุดมศักดิ์ ผู้สั่งการ ตำรวจ ปส. จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับ และติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

สเตป!! ธุรกิจเพลงไทย ในจังหวะที่ไม่พ้นเงื้อมมือนักฟอกเงิน ผลงานถี่-มีแต่เพลงไร้คุณภาพ-ไม่ถูกจดจำ-ปิดตัวแยกย้าย

ถ้านับย้อนกลับไปสัก 15-20 ปีก่อน ฉากหลังของ ‘นักธุรกิจสีเทา’ หรือ ‘มาเฟียต่างชาติ’ ที่ซุกตัวทำมาหากินอยู่ในเมืองไทยมานาน มักจะสร้างเงินได้มหาศาลจากการค้ามนุษย์, ยาเสพติด และรถยนต์หรูนำเข้าแบบหนีภาษี โดยมีตำรวจ และนักการเมืองไทยขี้ฉ้อมีเอี่ยวตามเคย และการเปิด “ค่ายเพลงไทย” ในห้วงเวลานั้น ก็หนีไม่พ้นเป็นหนึ่งในวิธีบังหน้าเพื่อจะฟอกเงินให้ขาวใส เพราะด้วยการทำธุรกิจค่ายเพลงไทยในช่วงเวลาขาลง เป็นจังหวะเวลาที่ดูน่าเชื่อถือ และน่ายกย่องในสายตาสังคมที่สุด ประหนึ่งเป็นพ่อพระผู้ใจดี ที่แม้วงการเพลงไทยกำลังถอยหลังลงคลอง ความคึกคักเริ่มจะหดหายไป กลับมีคนรวยที่มีน้ำใจเดินเข้ามาหวังจะปลุกวงการเพลงไม่ให้เงียบสงัด

แต่ ‘ความน่าเชื่อถือขององค์กร’ จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัย ‘คนที่น่าเชื่อถือ’ ในวงการเพลงมาออกหน้านั่งแท่นบริหารงาน คอยดีลทีมงาน ชวนศิลปินนักร้อง ดึงนักดนตรี เข้าสังกัด เพื่อมาช่วยกันสร้างผลงานเพลงที่มาจากการ ‘ถลุงเงินบาป’ แบบไม่อั้นในการผลิต 

เงินหนา ๆ ของผู้ลงทุนในคราบโจร เป็นที่หอมหวานของเหล่านักแต่งเพลงไส้แห้ง และโปรดิวเซอร์ทางดนตรีที่ไม่สนว่าจะได้เงินมาจากคนประเภทไหน รวมศิลปินนักร้องมีชื่อจำนวนหนึ่งที่อยากได้ค่าทำงานแพงลิบเพื่อจะยกระดับตัวเองโดยไม่เคยฉุกคิดว่า ที่เขาจ่ายในราคาสูงเกินจริง มันสมเหตุสมผลหรือไม่? ก็เลยทำให้เกิด ‘ค่ายเพลงจากนักฟอก’ ก่อตัวขึ้นไม่น้อยในสังคมดนตรีไทย เวลาเปิดค่ายจะแถลงข่าวใหญ่โต มีเหล่า ‘คนดังที่คิดน้อย’ แทบจะทุกวงการขึ้นเวทีไปยืนถ่ายรูปช่วยกันฟอกโจรด้วยความชื่นมื่น แต่เมื่อถึงคราวสังคมรู้ถึงกลิ่นที่ผิดปกติ ก็จะแอบปิดตัวไปแบบเงียบ ๆ ในเวลาเพียงปีสองปีเสมอ

ค่ายเพลงจากเงินเทาเหล่านี้ มักจะมีผลงานออกมาถี่ ๆ แต่มักจะเป็นผลงานเพลงที่ไร้คุณภาพ ไม่เป็นที่จดจำ หลังปิดตัวแยกย้ายกันไปไม่นานนักสังคมก็จะลืมทั้งชื่อค่าย และชื่อของศิลปินแต่ละเบอร์ที่เคยออกผลงานมา

แต่ถ้าพูดถึง 5-6 ปีที่ผ่านมาถึงชั่วโมงนี้ ‘กลุ่มทุนเทา’ คือผู้อยู่เบื้องหลัง ‘บ่อนพนันออนไลน์’ เป็นหลัก และแน่นอนยังคงเลี้ยงดูปูเสื่อนายตำรวจใหญ่ ๆ สายโฉด รวมถึงนักการเมืองสายดาร์กบางคน เพื่อการทำมาหารับประทานที่คล่องตัว ส่วนอีกหนึ่งวิธีที่ยังคงใช้ ‘ฟอกตัวตน’ ก็คือการดำเนินธุรกิจเพลงไทยเพื่อใช้เป็นฉากบังหน้าเหมือนเคย เพียงแต่ไม่ใช่วิธีเปิดค่ายเพลงทื่อ ๆ ตรง ๆ เหมือนแต่ก่อน ครั้งนี้หันไปใช้วิธีให้สังคมรู้จักในนาม ‘ผู้ห่วงใยวงการเพลง’ ประกาศจ่ายค่าทำเพลงในอัตราสูง ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนทำงานเพลงทุกแขนงตื่นตาตื่นใจ ที่สุดปลาที่ว่ายไปงับเบ็ดธงที่โจรปักหลอกไว้ก็มีแต่คนหน้าตาเดิม ๆ 

ถ้าการเมืองไทยยังไม่ไปถึงไหน วงการเพลงไทยก็..ไม่ต่างกัน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top