Monday, 16 June 2025
NewsFeed

‘BEC Studio’ ส่ง 2 ซีรีส์คุณภาพเข้า ‘Prime Video’ ผลงานจากนักแสดงมากฝีมือ เตรียมฉาย พ.ย. - ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา คุณบอย อภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง กรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจ BEC Studio นำทีมผู้กำกับและนักแสดงร่วมงาน ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ โดย Prime Video ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลก เป็นแหล่งรวบรวมภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ และคอนเสิร์ตสุดประทับใจ พร้อมส่งตรงความบันเทิงแบบครบทุกอารมณ์ 

โดยทาง BEC Studio ได้ผลิตผลงานคุณภาพมาเสริมทัพความบันเทิง และพร้อมนำเสนอซีรีส์เรื่องใหม่สู่สายตาแฟน ๆ ทั่วโลกผ่าน Prime Video 2 เรื่อง ได้แก่

1.เรื่อง ‘ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ’ นำแสดงโดย มิ้นต์ ชาลิดา, นนกุล ชานน เริ่มฉาย 23 พฤศจิกายน 2566 เป็นเรื่องราวของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในแต่ละวัน โดยใช้สารพัดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จ ‘อลิศ’ (ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง) นักขายปากแจ๋วที่แบกโลกทั้งใบภายใต้คำว่าความอยู่รอดของครอบครัว เมื่ออาชีพเซลล์ขายรถไปต่อไม่ได้ ครอบครัวกำลังจะไม่มีที่อยู่ เธอจึงต้องนำพาชีวิตให้รอด ไม่ต่างกับ ‘เมษ’ (ชานน สันตินธรกุล) วิศวกรหนุ่มชีวิตพัง เพราะตึกที่เขาออกแบบดันถล่มลงมา เขาทั้งคู่จึงเดินเข้าสู่โลกใหม่ที่ท้าทายด้วยการมาเป็นพนักงานขายกองทุนให้กับธนาคารไทยธนา ที่เป็นดั่งสมรภูมิรบและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลโกงเพื่อแย่งชิงยอดขาย ไม่มีคำว่าเพื่อนหรือพี่น้อง แต่แล้วเมื่ออลิศและเมษพบว่า ทั้งหมดเป็นเพียงหลุมพรางของนักฉ้อฉลทางการเงินที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากนักบริหารที่ประสบความสำเร็จ และเมื่อเป้าหมายเดียวในชีวิตคือความอยู่รอดของครอบครัวมันไม่มีค่าอีกแล้ว เมษจึงช่วยอลิศกระชากหน้ากากเปิดโปงจอมบงการที่ทำลายชีวิตของเธอ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมกลับมา

2.เรื่อง ‘มือปราบกระทะรั่ว’ นำแสดงโดย เต้ย จรินทร์พร, เต๋อ ฉันทวิชช์ เริ่มฉาย 21 ธันวาคม 2566 เป็นเรื่องราวของ ‘มาวิน’ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) มือปราบหัวร้อน ถูกพักงานเพราะความบุ่มบ่าม ทำให้เอเย่นต์ค้ายาหลุดรอดไปได้ มาวินยังมุ่งมั่นตามล่าเอเย่นต์คู่ปรับ จนมาพบว่าแหล่งผลิตยาเสพติดซ่อนอยู่ในชุมชนสันติสุข โดยมี ‘เฮียหมา’ เป็นหัวหน้าแก๊งขาใหญ่ พวกมันมักมารวมตัวกันที่ร้านเภาโภชนา มาวินจึงวางแผนแฝงตัวเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านเพื่อจับเฮียหมาเข้าคุก แต่มันไม่ง่ายเพราะ ‘ขิง’ (จรินทร์พร จุนเกียรติ) ยูทูบเบอร์สาว หลาน ‘ป้าเภา’ เจ้าของร้าน ไม่ชอบขี้หน้ามาวิน ขิงคอยแกล้งไม่ให้มาวินทำภารกิจสำเร็จเพราะตัวเองต้องการให้ป้าเภาปิดร้านและออกจากชุมชนที่เต็มไปด้วยอาชญากร แต่ป้าเภาซึ่งผูกพันกับคนในชุมชนมาทั้งชีวิตไม่อยากทิ้งชุมชนไป มาวินจำต้องพิสูจน์ให้ขิงเห็นว่าการหนีไม่ใช่ทางออกของปัญหา ขิงจึงตัดสินใจร่วมมือกับมาวินเปลี่ยนย่านอาชญากรรมให้กลายเป็นย่าน Street Food เพื่อให้ชุมชนน่าอยู่อีกครั้ง มาวินจากมือปราบหัวร้อนจำต้องกลายเป็นมือปราบกระทะรั่ว

‘ธนกร’ แนะ ‘มท.-ตร.’ ร่วมกันกวาดล้างมาเฟีย-อาวุธเถื่อน-ยาเสพติด ถอดบทเรียนกราดยิงห้างดัง ป้องกันเหตุเกิดซ้ำ-พฤติกรรมเลียนแบบ

‘ธนกร’ เรียกร้อง มหาดไทย แท็กทีม ตร.เปิดปฏิบัติการปูพรมค้นพื้นที่เป้าหมายผู้มีอิทธิพล  กวาดล้างอาวุธเถื่อน-ยาเสพติดทุกพื้นที่ หวั่น เกิดเหตุซ้ำกราดยิงในห้างดังกลางกรุง เชื่อ สร้างความอุ่นใจให้ประชาชน มั่นใจ ‘บิ๊กต่อ’ เอาจริง ทำสำเร็จแน่

(5 ต.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุรุนแรงในห้างดังที่ผ่านมา ว่า ขอเรียกร้องไปยังกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายปกครอง ให้เร่งร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เปิดปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายผู้มีอิทธิพลแต่ละพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกัน ปราบปรามและกวาดล้าง ทั้งอาวุธเถื่อน ยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิด

พร้อมกันนี้ เห็นควรให้มีการตั้งด่านความมั่นคงเพื่อตรวจค้นการครอบครองอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุรุนแรงในเบื้องต้น และสร้างความอุ่นใจในการใช้ชีวิตบนความปลอดภัยให้กับประชาชน

เมื่อถามว่า การขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพลที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบอยู่ จะช่วยลดการก่อเหตุได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพล ถือเป็นสารตั้งต้นของการปฏิบัติการ หากนำรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่ไม่ได้มาขึ้นทะเบียน ทั้งในระบบหรือนอกระบบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างก็ทราบดีอยู่แล้ว ว่ามีกลุ่มเป้าหมายบุคคลใดบ้าง เชื่อว่าหากเอาจริงเอาจัง จะสามารถกวาดล้างผู้มีอิทธิพล หรือ ‘มาเฟีย’ ทั่วประเทศได้อย่างแน่นอน

“ผมเชื่อมั่น เชื่อมือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ที่เป็นคนทำงานเอาจริงเอาจัง ผลงานด้านปราบปรามนั้นชัดเจน หากร่วมมือกับนายชาดา ทั้งมหาดไทยและตำรวจเปิดปฏิบัติการปูพรมกวาดล้างผู้มีอิทธิพล สามารถทำได้สำเร็จแน่นอน ทั้งนี้ ขอฝากประเด็นเรื่องควบคุมการสั่งซื้ออาวุธปืนทางออนไลน์ด้วย จะช่วยสร้างความมั่นใจ อุ่นใจ ในความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วประเทศ ผมขอให้กำลังใจและเอาใจช่วย ผบ.ตร.และนายชาดา เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำรอย กรณีเยาวชน อายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืนดัดแปลงกราดยิงในห้างดังที่ผ่านมาอีก” นายธนกร กล่าว

‘อ้วน รังสิต’ ท้อ!! ‘ถนนเข้าบ้านชำรุด’ ยื่นคำร้อง 3 ปี แต่ไม่คืบหน้า เผย ตัดสินใจยื่นซ้ำอีกรอบ หากยังไม่ได้คงต้องยอมแพ้

(5 ต.ค.66) ทำเอาพระเอกคุณพ่อลูกหนึ่งอย่าง ‘อ้วน รังสิต’ ถึงกับออกมาโพสต์ระบายความในใจ หลังต้องประสบปัญหา ทางเข้าบ้านชำรุด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยยื่นเรื่องไปแล้วทั้งทางออนไลน์ รวมถึงเดินทางไปเองที่เขต แต่กลับไม่มีความคืบหน้า โดยจากคลิปวิดีโอที่เจ้าตัวได้ลงจะเห็นว่า ถนนค่อนข้างขรุขระ และมีน้ำขังเป็นจำนวนมาก

ภาพทางเข้าบ้าน ‘อ้วน รังสิต’ ถูกโพสต์ผ่านทาง IG auan_rangsit พร้อมแคปชันระบุว่า ยื่นคำร้องขอถนนมา 3 ปี ทั้งไปที่เขตและทางออนไลน์ฟองดูว์ แต่ยังไม่มีความคืบหน้า วันนี้ก็ไปยื่นเรื่องมาอีกรอบ ถ้ายังไม่ได้คงต้องยอมแพ้แล้วอยู่ไปแบบนี้แหละ #ความเจริญอยู่แค่เอื้อม #ถนนหน้าบ้านผมเอง #อยากมีถนนดีๆใช้บ้าง

จากนั้นก็มีแฟนๆ เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่แชร์ประสบการณ์เดียวกันกับที่เคยพบเจอ อาทิ “เหมือนกันเลยครับ หนองจอก กทม.สุวินทวงศ์ 51 รอมา 30 ปี ตั้งแต่ผมเกิด ตอนนี้ยังเป็นแบบนี้อยู่เลยครับ”, “น่าจะยากหน่อยนะคะ งบประมาณการทำถนนต้องดูว่ามีประชากรกี่หลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบ ดูแล้วเหมือนไม่มาก”

ก่อนที่จะมีผู้ใช้งานโซเชียลเข้ามาแนะนำว่า “ถ้าอยู่เขตกทม.ไปร้องคุณชัชชาติได้เลยค่ะ เช็กว่ามีประมาณกี่ครัวเรือนในซอยนี้ ถ้าอยู่ในเกณฑ์คงจะได้ แต่จะชอบพูดว่ารองบ แจ้งนักข่าวตีข่าวในโซเชียล พอคนสนใจมาก ได้แน่นอนค่ะ (และควรมีเสาไฟแสงสว่างด้วย)”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ลงพื้นที่ภาคอีสาน มอบทุนการศึกษาในระดับชั้นประถม และทุนฯ ทุกระดับปีสุดท้าย  (ทุนสัญจร) แก่เยาวชนรวม 53 สถาบัน มูลค่ากว่า 2.2 ล้านบาท

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล  รองประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายนิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการ และนายบวรสินธุ์ ตันธุวนิตย์ กรรมการ  ลงพื้นที่มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา และทุนทุกระดับปีสุดท้าย (ทุนสัญจร) ประจำปี พ.ศ. 2566 แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ โดยมีจังหวัดนครพนมเป็นศูนย์กลางในการมอบทุนฯ รวม 53 สถาบัน 265 ทุน รวมเป็นเงินจำนวน 2,255,000 บาท (สองล้านสองแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมตามที่มุ่งหวัง เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้  สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง  โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี และคณะนายกสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ  หอประชุมโรงเรียนนครพนมวิทยาคม อำเภอเมือง  จังหวัดนครพนม

การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของงานสังคมสงเคราะห์ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี โดยในปี พ.ศ. 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2566 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป

‘โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ’ ปล่อยน้ำบำบัดชุดที่ 2 ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกวันนี้ ยัน!! น้ำที่ปล่อยอยู่ในระดับปลอดภัย วอน ตปท.เลิกแบนปลาทะเลญี่ปุ่น

(5 ต.ค. 66) ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ’ ของญี่ปุ่น ทำการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี ที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกรอบ 2 ในวันนี้

โดย ‘เทปโก’ บริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะระ คาดว่าจะมีการปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วในรอบ 2 นี้ราว 7,800 ตัน จากปริมาณน้ำที่ผ่านการบำบัดทั้งหมด 1.34 ล้านตัน นับตั้งแต่สึนามิพัดถล่มญี่ปุ่นในปี 2011 หลังจากที่ได้ปล่อยน้ำผ่านการบำบัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างกระแสต่อต้านอย่างหนักในประเทศเพื่อนบ้าน

เทปโกยืนยันว่า น้ำเสียดังกล่าวผ่านการกรองสารประกอบกัมมันตภาพรังสีทั้งหมดออกแล้ว เหลือเพียงทริเทรียม ซึ่งเป็นไอโซโทปที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัย

‘ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ’ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่าการปล่อยน้ำในครั้งแรกเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ และเกิดขึ้นอย่างปลอดภัย โดยไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ

มัตสึโนะยืนยันว่า รัฐบาลจะยังคงให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสต่อไป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกับเรียกร้องให้จีนยกเลิกการห้ามการนำเข้าอาหารจากญี่ปุ่นทันที และดำเนินการต่างๆ บนพื้นฐานเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

‘พลอย-เมนู’ เตรียมแฉเส้นทางการเงินแก๊งทะลุวัง พร้อมเปิดหลักฐานหลอกโอนเงิน-บัญชีรับเงิน 15 ต.ค.นี้

(5 ต.ค. 66) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกลุ่มทะลุวังว่า ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ‘พลอย-เมนู’ อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ซึ่งเป็นคนที่ถูกแกนนำ ‘ทะลุวัง’ บางคนให้โอนเงินเข้าบัญชีนั้น จะโทรมาคุยและส่งหลักฐานว่าถูกหลอกให้โอนเงินอย่างไร และมีการเปิดบัญชีที่ไหน และมีการรับเงินจากที่ไหนบ้าง ซึ่งตนได้ให้คำแนะนำว่าให้เชิญพนักงานสอบสวนมาร่วมรับฟังด้วยเพื่อให้ข้อมูลนั้นถูกกฎหมายและใช้เป็นพยานหลักฐาน

เมื่อถามว่า พล.ต.เสรีพิศุทธ์จะเดินทางไปร่วมรับฟังด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องไปเพราะใช้หลักการบริหารจัดการเหมือนการบริหารประเทศชาติ เป็น ผบ.ไม่ต้องลงมาดูที่เกิดเหตุ แค่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลก็พอแล้ว

‘EA’ ส่งมอบชุดแบตเตอรีลิเทียมไอออน ‘อมิตา เทคโนโลยี’ ให้ กทม. หนุนพัฒนารถสันดาปสู่รถไฟฟ้าดัดแปลง หวังแก้ปัญหาฝุ่น-มลภาวะ

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด เดินหน้าส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ ได้ส่งมอบชุดแบตเตอรีลิเทียมไอออน ใช้สำหรับดัดแปลงรถสันดาปเป็นรถไฟฟ้า (EV Conversion) จากนวัตกรรมระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจร ‘อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย)’ โดยมี นางสาวอำภา นรนาถตระกูล ผู้อำนวยการสำนักการคลัง เป็นผู้แทนผู้บริหารกรุงเทพมหานครรับมอบ ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

สำหรับโครงการรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงต้นแบบ เป็นความร่วมมือระหว่าง ‘กรุงเทพมหานคร’ กับ ‘สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ’ (สสส.) มูลนิธิส่งเสริมการออกแบบอนาคตประเทศไทย ตามโครงการสานพลังขับเคลื่อนเคานต์ดาวน์ PM2.5 เพิ่มสุขภาวะผู้คนในพื้นที่ กทม. ซึ่งมุ่งแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ

โดยหนึ่งในแผนงาน คือ การนำรถยนต์สันดาป มาทำการดัดแปลงเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อทำการศึกษาประโยชน์จากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ต้นทุนการดำเนินการ ความคุ้มค่า ความปลอดภัยในการใช้งาน และความเหมาะสมในการปรับเปลี่ยนรถยนต์ราชการของกรุงเทพมหานครเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในการนี้ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 30 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในการจัดทำรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงที่มีมูลค่าสูง

โดยการดัดแปลงนั้น กทม. ร่วมกับศูนย์วิจัย Mobility & Vehicle Technology Research Center (MOVE) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการดำเนินการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ

คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 จากนั้นจะมีการจัดทำชุดความรู้เกี่ยวกับการดัดแปลง

การใช้งาน และการบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงจัดทำหลักสูตรการดัดแปลงรถยนต์ไฟฟ้าเพื่ออบรมให้ความรู้แก่ผู้สนใจทั่วไปผ่านโรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานครต่อไป

‘ในหลวง-พระราชินี’ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ เข้าเยี่ยมชาวจีนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงในห้างดัง

เมื่อวานนี้ (5 ต.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์เข้าเยี่ยมชาวจีนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิง

ช่วงเช้าวันที่ 4 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ชาวจีนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุกราดยิง ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ซึ่งกำลังเยี่ยมชาวจีนผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล เป็นผู้รับผู้แทนพระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระราชกระแสแสดงความเสียพระราชหฤทัย ต่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว และพระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวของชาวจีนผู้เสียชีวิตและชาวจีนผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรงให้กำลังใจให้ผู้ได้รับบาดเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว

เอกอัครราชทูต หาน จื้อเฉียง กล่าวแสดงความขอบคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ของฝ่ายจีน ครอบครัวชาวจีนผู้เสียชีวิตและชาวจีนผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยกล่าวว่าเหตุกราดยิงถือเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าสะเทือนใจ แต่ความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการจัดการกับผลที่ตามมานั้นน่าอบอุ่นใจ ฝ่ายจีนยินดีที่ทำงานร่วมกับฝ่ายไทยโดยยกระดับมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทย

ผบ.ตร. ผุด Quick Win เร่งด่วน 5 ด้าน สร้าง Police’s Home : เราดูแลคุณ เพื่อให้คุณไปดูแลประชาชน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบแนวทางการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งมั่นพัฒนางานตำรวจทุกด้าน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง สร้างขวัญกำลังใจ ศักดิ์ศรี สวัสดิการ ผู้บังคับบัญชาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี พร้อมกำหนด Quick Win เร่งด่วน 5 ด้าน สร้าง Police’s Home ดูแลตำรวจ เพื่อให้ตำรวจไปดูแลประชาชน

วันนี้ (6 ต.ค.66) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ประชุมมอบแนวทางการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพให้กับทุกหน่วยทั่วประเทศ โดยได้กำหนดวิสัยทัศน์ “เป็นองค์กรปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมาย ในระดับมาตรฐานสากล ที่ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา” พร้อมกับกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนการบริหารงานให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล 10 ข้อ และแนวทางเน้นหนัก 4 เรื่อง ที่ต้องทำทันที ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหายาเสพติด การดูแลนักท่องเที่ยว การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และการดูแลสวัสดิการและขวัญกำลังใจข้าราชการตำรวจ

นอกจากนี้ยังได้กำหนดแผนปฏิบัติการเร่งรัด หรือ Quick Win 5 ด้าน ทำสิ่งที่สามารถทำได้รวดเร็ว สร้างผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ให้เห็นผลชัดเจนมากที่สุด ภายใต้แนวคิด Police’s Home ประกอบด้วย ด้านบุคลากร ระบบ สวัสดิการ ความสามัคคีความเป็นธรรมและช่องทางการสื่อสารในองค์กร และการสร้างภาพลักษณ์ตำรวจที่ดีให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา อาทิ

“การคืนเวลาให้ตำรวจ” แก้ไขคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 เพื่อลดภาระของพนักงานสอบสวน และลดเอกสารแบบฟอร์มที่ไม่มีความจำเป็น ให้สำเร็จภายใน 1 เดือน , ลดเวลาการประชุมให้ตำรวจมีเวลาไปดูแลประชาชน , การลดความซ้ำซ้อนของการรายงานเหตุกว่า 20 หน่วย ให้เหลือการรายงานเพียงครั้งเดียว 

“คืนตำรวจให้ประชาชน” ยกเลิกการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการและให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม ให้ความสำคัญกับสถานีตำรวจ การสั่งช่วยราชการต้องมีความจำเป็นและเกิดประโยชน์ต่อทางราชการ

“สวัสดิการตำรวจ” ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจจบใหม่และข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อย ให้ผู้กำกับการหรือหัวหน้าสถานีตำรวจ ตรวจสอบผู้หมดสิทธิพักอาศัยในอาคารบ้านพักอิสระ และยังไม่ย้ายออก และให้รายงานภายใน 30 วัน พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าการติดตามเร่งรัดให้ย้ายออก รายงานความคืบหน้าต่อเนื่องทุกเดือน

“ความเป็นธรรม ความสามัคคี และสร้างช่องทางการสื่อสารในองค์กร” สร้างระบบการสื่อสาร 2 Ways Communication ทั้งแบบ Online และ Offline ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งอาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียน แจ้งเบาะแส ข้อคิดเห็น ผ่านแอพพลิเคชั่นแทนใจ โดยจะมีทีมงานของ ผบ.ตร. รับเรื่องตรวจสอบดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง โดยเป็นความลับ นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้ส่งข้อมูลทาง ตู้ ปณ.191 รองเมือง 10330 สำหรับผู้ที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน 

“การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นศรัทธาแก่ประชาชน” สานต่อโครงการ “ทำดี มีรางวัล” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. สร้าง Police Hero  ต้นกล้าแห่งความดี ให้กับองค์กร

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้สามารถดำเนินการได้ทันที เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยตลอดปีงบประมาณ พ.ศ.2567 นี้ จะมี Quick Win ลักษณะนี้เป็นระยะ  แม้จะเป็นก้าวเล็กๆ แต่จะเป็นหนึ่งในการเดินทางอันยิ่งใหญ่สู่เป้าหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

“ท้ายที่สุด ผมขอให้ความเชื่อมั่นว่า จะบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นที่ตั้ง จะมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเทในการดำเนินนโยบาย เพื่อให้สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย บังคับใช้กฎหมาย อำนวยความยุติธรรม และช่วยเหลือการพัฒนาประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและสังคม” 

‘สุวรรณภูมิ’ แจง หลังผู้โดยสารชาวต่างชาติแอบนำสัตว์ขึ้นเครื่องบิน เผย จนท.ละเลยหน้าที่-สั่งพักงานทันที ยัน!! ระบบตรวจค้นได้มาตรฐาน

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 66 ‘ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ’ ชี้แจง กรณีมีผู้โดยสารลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่องบินไปยังไต้หวัน โดยระบุว่า…

“ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีมีผู้โดยสารลักลอบนำสัตว์ขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทยเวียตเจ็ท ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 เวลา 15.32 น. ปลายทางท่าอากาศยานไต้หวันเถาหยวนนั้น

ทสภ. ได้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานตรวจค้น บริษัท รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานไทย จำกัด (บรท.) ซึ่งเป็นบริษัทจัดจ้างของ ทสภ. ตามสัญญางานจ้างบริการรักษาความปลอดภัย ผ่านระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ย้อนหลัง พบว่าผู้โดยสารที่นำสัตว์ขึ้นเครื่องดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ 2 ราย ซึ่งได้มีการนำกระเป๋าผ่านเครื่อง X-Ray บริเวณจุดตรวจค้นในเวลาประมาณ 13.45 น. โดยพนักงานวิเคราะห์ภาพเกิดข้อสงสัยจึงส่งกระเป๋าให้พนักงานอีกคนหนึ่งทำการเปิดกระเป๋า เพื่อพิสูจน์ทราบว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นวัตถุอันตราย หรือวัตถุต้องห้ามหรือไม่ แต่พนักงานคนดังกล่าวมิได้ทำการเปิดตรวจกระเป๋า และอนุญาตให้ผู้โดยสารผ่านจุดตรวจค้นเดินทางขึ้นเครื่องบินต่อไป

ทสภ. ขอเน้นย้ำว่า ระบบเทคโนโลยีที่นำมาใช้ภายในจุดตรวจค้นของ ทสภ. สามารถทำงานได้ตามมาตรฐาน และขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุต้องห้ามที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่กรณีนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานเปิดตรวจสอบกระเป๋า ที่ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานที่กำหนดไว้ โดย ทสภ. มีคำสั่งให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานทันที และหากผลการสอบสวนพบว่า เป็นการละเลยขั้นตอนการปฏิบัติงานตามมาตรฐาน จะต้องถูกดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ทสภ. ขอย้ำเตือนผู้เดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติทุกท่าน ไม่กระทำผิดกฎหมายโดยการลักลอบนำสัตว์ หรือ ซากสัตว์ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตขึ้นเครื่องเข้า-ออกนอกประเทศ หากประสงค์จะนำสัตว์เลี้ยงเดินทาง ขอให้ทำการขออนุญาตให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายทั้งกฎหมายไทยและต่างประเทศ ที่ต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top