Monday, 19 May 2025
NewsFeed

‘พิ้งกี้’ ผันตัวเป็นแม่ค้าขายปลาหมึกทอด ที่ตลาดปลาบางแสน หลังเจ้าตัวลงแรงเองทุกอย่าง โชเชียลชื่นชม!! กับความขยันนี้

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.66) ทำเอาแฟนๆ แห่ชื่นชมกันเพียบ สำหรับนักแสดงสาวสวย ‘พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช’ ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวเผยอาชีพใหม่ ผันตัวเป็นแม่ค้าขายปลาหมึกทอดที่ตลาดปลาบางแสน โดยสาวพิ้งกี้ได้โพสต์ลงช่อง Tiktok @pinkysavika พร้อมข้อความบอกว่า “คิดถึงกันมั้ย แวะมาอุดหนุนกันได้เด้อจ้า ปลาหมึกทอดเอง แป้งแพ็คเอง อาชีพแม่ค้าเต็มตัวแล้วจ้า” ท่ามกลางแฟนคลับแห่ชื่นชมความขยันของเธอเป็นจำนวนมาก

‘เด็กชายวัย 13 ปี’ พลัดตก ‘แกรนด์แคนยอน’ สูงกว่า 30 เมตร!! หลังหลบทางให้ นนท.ถ่ายรูป กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ รอดตายปาฏิหาริย์

(15 ส.ค. 66) เดอะซัน รายงานการรอดชีวิตสุดปาฏิหาริย์ของเด็กชายวัย 13 ปี หลังประสบเหตุตกจาก แกรนด์แคนยอน ที่ระดับความสูงกว่า 30 เมตร โชคดีที่ดวงชะตายังไม่ถึงฆาต และหน่วยกู้ภัยใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจึงช่วยเหลือนำตัวเด็กชายขึ้นมาได้ ก่อนรับส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล

ด.ช.ไวแอตต์ คอฟฟ์แมน เดินทางไปเที่ยวกับแม่ที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน และกำลังชื่นชมกับทิวทัศน์สวยงามบริเวณจุดชมวิวไบรต์แองเจิ้ล ระหว่างนั้นมีกลุ่มนักท่องเที่ยวหลายคนแห่ถ่ายรูปที่จุดชมวิว หนุ่มน้อยเลยเขยิบตัวออกมาเพื่อไม่ให้บังกล้องของคนอื่น แต่ดันลื่นไถลและตกลงไป

ไวแอตต์ให้สัมภาษณ์เคพีเอ็นเอ็กซ์ สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ว่า “ผมขึ้นไปบนขอบผา และกำลังเขยิบตัวออกไปเพื่อให้คนอื่นสามารถถ่ายรูปได้ ผมย่อตัวลงและจับก้อนหิน ผมมีเพียงมือเดียวที่จับมันไว้” ไวแอตต์บอกว่าตอนนั้นจับหินได้ไม่ถนัดนักและต่อมาก็หงายหลังลงไป “ผมฉันจำได้อีกทีคือตื่นขึ้นบนรถพยาบาล มีเฮลิคอปเตอร์ และขึ้นเครื่องบินมาที่นี่”

รายงานระบุว่าหน่วยกู้ภัยใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการไต่ลงไปยังหุบเขาที่มีร่างของไวแอตต์นอนแน่นิ่ง จากนั้นหน่วยแพทย์ฉุกเฉินทางอากาศส่งตัวหนุ่มน้อยไปยังโรงพยาบาลในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ซึ่งมีชายแดนติดต่อกัน

แม้ไวแอตต์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งกระดูกสันหลังหัก 9 ซี่ ปอดยุบ ม้ามแตก สมองกระทบกระเทือน และมือหักข้างหนึ่ง แต่เด็กชายตอบสนองต่อการรักษาและมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายไบรอัน คอฟฟ์แมน พ่อของไวแอตต์ กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย แพทย์ฉุกเฉิน และทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลต่อการทำงานอย่างทุ่มเท “พวกเราโชคดีมากๆ ที่ได้พาลูกกลับบ้านโดยมีเขานั่งอยู่ที่เบาะหน้ารถแทนที่จะเป็นในกล่อง” นายคอฟฟ์แมนพุดเปรียบเปรยถึงความดีใจที่ไม่ต้องรับร่างลูกชายในโลงศพกลับบ้าน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมามีเหตุสลดที่อุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน หลังจากชายคนหนึ่งพลัดตกจากทางเดินลอยฟ้าที่ความสูงเกือบ 1,220 เมตร และตกกระแทกพื้นด้านล่างจนบาดเจ็บสาหัส แม้หน่วยกู้ภัยจะรีบรุดเข้าช่วยเหลือ แต่อาการหนักมากและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

‘ปาล์มมี่’ เอ็นดู!! ‘แฟนคลับตัวน้อย’ ให้ทิปเพราะสวย ลั่นกลางงาน!! “ทำยังไงดี ถ้ามี่รับ มี่ก็เสียผู้ใหญ่”

(15 ส.ค.66) เป็นนักร้องตัวตึงของจริง ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนมีเรื่องให้ได้เม้าธ์มอยสนุกสนานตลอด ล่าสุด ‘ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ’ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่โคราช ก็มีแฟนคลับตัวน้อยยื่นเงินให้หน้าเวที ทำเอาพี่มี่ถึงกับงง ว่าต้องทำอย่างไร โดยติ๊กต๊อกรายหนึ่งได้โพสต์คลิปสุดประทับใจ ที่ปาล์มมี่การเผยกลางงานว่า 

“ถ้ามี่รับมี่ก็เสียผู้ใหญ่ ทำยังไงดีกับจุดนี้ อันนี้ให้ด้วยเหตุผลอะไรเหรอคะ” ก่อนอุ้มแฟนคลับมาถามบนเวที ว่ายื่นเงินให้น้ามี่ทำไมคะ แฟนคลับตัวน้อยบอกว่าให้เพราะสวย ทำเจ้าตัวอดขำไม่ได้ ต่อมาปาล์มมี่ก็รับเงินก่อนส่งเงินคืนบอกให้เอาไปกินขนม แต่หนูน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ งานนี้ปาล์มมี่ก็เลยมอบตุ๊กตาตัวใหญ่ให้แทน ทำเอาคนในงานต่างพากันเอ็นดูทั้งคู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

‘ลิณธิภรณ์’ หวั่น!! ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ชี้!! รัฐต้องหาทางเพิ่มรายได้ เพื่อกระจายสวัสดิการให้ทั่วถึง

(15 ส.ค. 66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีการปรับหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้สูงอายุที่จะเข้าเกณฑ์ใหม่ได้รับเงินดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือคนจน ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนดว่า พรรคเพื่อไทยตระหนักถึงสถานการณ์จำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้น และประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาแรกในโลก ที่ต้องรับมือกับภาวะแก่ก่อนรวย โดย 1 ใน 5 ของคนไทยเป็นผู้สูงอายุ และในอีก 20 ปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 ใน 3 โดย 63% อยู่ในภาคเกษตร และ 87% เป็นแรงงานนอกระบบ และมีปัญหาร่วมกันคือรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ ไม่มีเงินเก็บ 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นนโยบายของพรรคเพื่อไทยจึงทำเพื่อตอบโจทย์การสร้างรายได้ แก้ปัญหาระดับโครงสร้างในทุกมิติผ่านชุดนโยบายของพรรคเพื่อไทยเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ประกอบด้วย กระเป๋าเงินดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาความเดือนร้อนให้ทุกคน 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ softpower สร้างแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง ผู้สูงอายุคนเกษียณก็ยังสามารถทำงาน สร้างรายได้ มีศักดิ์ศรี เพิ่มรายได้ภาคเกษตร เพิ่มรายได้ 3 เท่าตัว เพราะผู้สูงอายุและกำลังจะเข้าสู่ภาวะผู้สูงอายุส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร อัปเกรด 30 บาทรักษาทุกโรค บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทั่วไทย ผู้ป่วยติดเตียง-ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้รับการดูแลจากผู้ช่วยพยาบาล ทั้งที่บ้านและศูนย์ชีวาภิบาลของรัฐและเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ลูกหลานสามารถไปประกอบอาชีพได้ตามปกติโดยไม่ต้องลางาน Learn to Earn เรียนเพื่อสร้างรายได้ เรียนรู้ง่ายตลอดชีวิต จับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด และสร้างรายได้ที่ดีที่สุด 

“สวัสดิการจำเป็นสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพื่อไทยมุ่งเป้าให้คนไทยยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง การปรับเบี้ยผู้สูงอายุให้เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่การให้ถ้วนหน้าแบบเดิม ต้นเหตุมาจากรัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งเพื่อไทยเห็นปัญหานี้มาโดยตลอด เราจึงเป็นพรรคเดียวที่พูดถึงการสร้างรายได้ เพื่อมีรายได้มาจัดสวัสดิการโดยรัฐ สำหรับกลุ่มผู้เปราะบาง ผู้ด้อยโอกาสให้ครอบคลุมและทั่วถึงในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้คนไทยทุกกลุ่มเข้าถึง” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

'พิธา' ย้อนถาม 'กกต.' 2 ปมหุ้นไอทีวี สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ "เป็นธรรมหรือไม่?"

(15 ส.ค.66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

เมื่อวานนี้มีข่าวออกมาว่าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ของ กกต. มีมติว่าจะให้ยกคำร้องผมในคดีอาญามาตรา 151 เรื่องการรู้อยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัคร จากการถือหุ้นไอทีวี โดยคณะกรรมการสืบสวนมีเหตุผลสำคัญว่า บริษัทไอทีวีไม่มีการดำเนินกิจการอยู่และไม่มีรายได้จากการเป็นสื่อ จึงไม่ถือว่าผมมีความผิด 

ผมยืนยันอีกครั้งว่า คดีหุ้นไอทีวีของผม เป็นที่น่าสงสัยว่าเป็นการจงใจกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เพราะผมถือหุ้นนี้มาตลอดเวลาที่ทำงานการเมือง เป็น สส. มา 4 ปี แต่เพิ่งจะเกิดการร้องเรียนกันขึ้นในเวลาที่ผมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้าการเสนอชื่อผมต่อสภาไม่กี่วัน รวมถึงมีหลักฐานความผิดปกติมากมายที่บ่งชี้ว่ามีความพยายามปลุกปั้นให้บริษัทไอทีวีซึ่งเลิกกิจการสื่อไปนานกว่า 10 ปี กลับมาเป็น ‘หุ้นสื่อ’ ให้ได้ 

มาวันนี้ ที่มีการเปิดเผยมติของคณะกรรมการไต่สวนออกสู่สาธารณะแล้วว่าผมไม่ผิด ทำให้มีประเด็นคำถามที่ผมขอถามไปยัง กกต. ดังนี้

1. คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนดังกล่าว ซึ่งทำคดีมาตรา 151 (คดีอาญา) มีมติก่อนที่ กกต. จะพิจารณาส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ถึงแม้ว่า กกต จะอ้างว่า การพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เป็นคนละกระบวนการกับการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่คณะกรรมการสืบสวนฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่รวบรวมพยานหลักฐานและเรียกพยานบุคคลมาสอบข้อเท็จจริง ได้เห็นข้อเท็จจริงว่า ไอทีวีมิได้ประกอบกิจการสื่อและมิได้มีรายได้จากกิจการสื่อมวลชนในขณะที่ผมสมัครรับเลือกตั้งแต่อย่างใด แต่กกต. กลับยังยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยละเลยข้อเท็จจริงบางประการที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้หยิบยกมาพิจารณา และละเลยแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวางหลักเรื่องการมีรายได้และที่มาของรายได้เป็นเกณฑ์ว่าบริษัทใดเป็นสื่อหรือไม่

2. การที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนมีมติว่า หุ้นไอทีวีไม่ใช่หุ้นสื่อ นอกจากจะสอดคล้องกับแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็สอดรับกับความเห็นของประชาชนทั่วไปอีกด้วย ดังนั้น การสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้ง ๆ ที่ไอทีวี และอินทัช ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ล้วนแต่มีเอกสารงบการเงินยืนยันว่า ไอทีวีหยุดประกอบกิจการ และไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อ ประกอบกับคดีหุ้นสื่อ (นอกจากคดีคุณธนาธร) ของ สส. ปี 2563 ประมาณ 60 คน ศาลก็ไม่ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่อย่างใด แต่ในคดีผม กลับสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผมจึงขอให้สังคมพิจารณาว่าการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ผม มีความเป็นธรรมหรือไม่

‘ยูเครน’ เตือน!! ‘โอลิมปิก ปารีส 2024’ เตรียมถูกแบน หากไฟเขียวให้ ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ร่วมลงแข่งขันได้

‘เดนีส ชมีฮัล’ นายกรัฐมนตรี ยูเครน เตือน โอลิมปิก ปารีส 2024 จะถูกแบนจาก 35 ประเทศทั่วโลก หาก ‘รัสเซีย และเบลารุส’ ได้รับไฟเขียวให้ลงแข่งขันได้

(15 ส.ค. 66) ‘รัสเซีย-เบลารุส’ ถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) แบนต่อเนื่องหลังก่อสงครามรุกราน ยูเครน แต่ระยะหลังดูเหมือนเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการลง และ มีโอกาสที่รัสเซีย และเบลารุส จะได้แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ภายใต้ธงเป็นกลาง โดยทั้งสองชาติจะได้แข่งขันใน เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว เพื่อทำคะแนนสะสมสำหรับควอลิฟาย โอลิมปิกด้วย

ล่าสุด ยูเครน ระบุว่า รัฐบาลได้ทำหนังสือเรียกร้องและขอความร่วมมือจากนานาประเทศทั่วโลกให้ร่วมกันแบนรัสเซีย–เบลารุสต่อไป โดย เดนีส ระบุว่า “ยูเครนมีความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศที่ทรงพลัง เพื่อให้กีฬาได้รับความยุติธรรม รวมกว่า 35 รัฐ เราพร้อมจะบอยคอตต์การแข่งขันโอลิมปิก หากรัสเซีย และเบลารุส ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมได้”

ขณะที่ ‘อเล็กซี โมโรซอฟ’ รัฐมนตรีกีฬาของรัสเซีย ระบุว่า รัฐบาลรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียนักกีฬารัสเซียไปแล้ว 67 คน ที่เลือกจะโอนสัญชาติไปเล่นให้ประเทศอื่น หลังเกิดสงครามนับตั้งแต่ปี 2022

โดยนักกีฬาที่แข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2020 จำนวน 47 คน และ นักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 8 คน รวมทั้ง นักกีฬาอื่นๆอีก 12 คน ได้สละสัญชาติรัสเซียไป เนื่องจากประเทศถูกสหพันธ์กีฬานานาชาติห้ามเข้าร่วมการแข่งขัน อาทิ อนาสตาเซีย เคอร์ปิชนิโกว่า นักกีฬาว่ายน้ำแชมป์ยุโรป ย้ายไปเล่นให้ฝรั่งเศส และ ฮานนา ปรากัตเซ่น เหรียญเงินเรือพายเหรียญเงินโอลิมปิก ย้ายไปเล่นให้ อุซเบกิสถาน

‘หนุ่มไทย’ ยก ‘นิวซีแลนด์’ เกื้อหนุนพัฒนาศักยภาพเด็กได้สุดยอด ต่างจากระบบการศึกษา ‘ประเทศไทย’ ที่ยังทำได้อย่างไม่เต็มที่

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค.66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @Bookboktor หรือ ‘บุ๊ค บอก ต่อ’ ได้ตอบกลับคอมเมนต์ที่เข้ามาถามว่า ‘รักเมืองไทยไหม?’ ซึ่งคุณบุ๊คได้บอกว่า ตนรักประเทศไทย และคิดว่าประเทศไทยวิเศษมาก แต่ถ้าหากมีลูก ตนไม่อยากให้ลูกต้องเติบโตมาในประเทศไทย เนื่องจากระบบการศึกษาที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาศักยภาพเด็กคนหนึ่งได้อย่างถึงที่สุด ซึ่งคุณบุ๊คได้แชร์ประสบการณ์ที่ตนเองได้เคยไปอยู่ที่นิวซีแลนด์ และได้พัฒนาทักษะติดตัวกลับมา โดยระบุว่า…

“ผมมี 4 ทักษะ ที่ได้พัฒนามาตอนอยู่ที่นิวซีแลนด์ ซึ่ง 4 ทักษะนี้ เป็นทักษะที่ผมให้ความสําคัญ และไม่ค่อยเห็นในเด็กไทยรุ่นผม หรือเด็กไทยสมัยนี้คงเก่งขึ้นแล้ว ซึ่งผมไม่แน่ใจ แต่ว่า 4 ทักษะนั้น เริ่มที่อย่างแรก คือ ‘ทักษะรักการอ่าน’ ตอนผมอยู่นิวซีแลนด์ หลัง 5 โมง จะมีการปิดอินเตอร์เน็ต ปิดทีวี ปิดเทคโนโลยีทุกอย่าง และทุกอาทิตย์โฮสต์จะเช่าหนังสือ 10 ถึง 20 เล่ม มาวางไว้ที่บ้าน ไม่อ่านก็ได้ แต่เมื่อมันไม่มีอะไรให้ทํา สุดท้ายพวกเราก็ต้องอ่านหนังสือ จึงทําให้พวกเรารักการอ่าน อย่างที่สอง ‘ทักษะการทํางาน’ ตอนผมเด็ก ๆ ผมต้องช่วยงานบ้านทุกอย่าง ตั้งแต่รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน ถูพื้น ล้างจาน ทําอะไรทุกอย่าง และหลัง 2 ทุ่ม ผมต้องไปช่วยงานที่โรงแรม โดยไปช่วยล้างจานและจัดโต๊ะ เพื่อที่แขกจะได้ลงมาทานอาหารเช้าวันต่อมา มันเลยทําให้พวกเรามีความรับผิดชอบมากขึ้น”

“ถัดมาอย่างที่สาม ผมรู้สึกว่าโรงเรียนที่นิวซีแลนด์ เขาส่งเสริมให้เด็ก ‘กล้าคิดกล้าทํา’ มากกว่าท่องจํา ซึ่งส่วนใหญ่โปรเจกต์ที่เราต้องทํา มันจะเป็นโปรเจกต์ที่เราต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผน มาทํารีเสิร์ชเอง ไม่มีถูก ไม่มีผิด ให้ลองทํา เหมือนเขาเรียกว่าลองถูกลองผิดไป จนสุดท้ายมันออกมาดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ออกมาเป๊ะ แต่ว่าออกมาดีที่สุดเท่านั้นเอง และอย่างที่สี่ คือการที่เขาสอนให้เรารู้จัก ‘การรักการออกกําลังกาย’ สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ เพราะว่าที่นู่นแทบจะทุกส่วนของเมือง จะมีสวนสาธารณะใกล้ ๆ และก็มีพื้นที่ออกกําลังกาย มีทั้งสนามรักบี้ สนามบาส สนามเทนนิส และสนามบอล ที่สามารถใช้ได้ฟรีเลย”

“อันนี้เลยเป็นเหตุผลหลักที่ผมอยากจะให้ลูกเติบโตมาที่นิวซีแลนด์ เพื่อสร้างทักษะ 4 อย่างนี้ให้มันมั่นคงก่อนที่จะย้ายกลับมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ผมคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่วิเศษมาก และไม่มีประเทศไหนที่ผมอยากอยู่มากกว่าประเทศไทย แต่ผมอยากจะให้ลูกผมไปพัฒนา 4 ทักษะนี้ที่ต่างประเทศก่อน แล้วค่อยกลับมายังประเทศไทย”

‘แม่น้อย’ ขอโทษลูกสาว ทำร้านส้มตำขาดทุน 2 ล้าน ด้าน ‘หญิง รฐา’ เข้าใจ ขอแค่แม่ให้มีความสุขก็พอ

‘หญิง รฐา’ ควงสามี ‘ตุลย์ ตุลยเทพ’ พร้อมคุณแม่สุดที่รัก ‘น้อย โพธิ์งาม’ มาเปิดชีวิตครอบครัวที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มี ‘พีเค ปิยะวัฒน์’ และ ‘บูม สุภาพร’ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

>>ออกรายการพร้อมกัน 3 คนครั้งแรก?
หญิง : ใช่ไม่เคยออกรายการมีพี่ตุลย์ แม่ หญิง เลย

>>แต่งมา 2 ปี เรือนหอเสร็จแล้ว?
หญิง : ยังไม่ 100%
ตุลย์ : ยังไม่ได้ตกแต่ง

>>สาเหตุที่ไม่ย้ายไปอยู่เรือนหอ เพราะยังไม่เสร็จหรือติดแม่?
หญิง : รวมๆ แต่ก่อนบ้านพี่ตุลย์จะอยู่กับคุณพ่อ พี่สาว พอคุณพ่อเสีย พี่สาวอยู่บ้านคนเดียว เราไม่อยากให้พี่สาวอยู่บ้านคนเดียว เลยให้พี่ตุลย์กลับไปอยู่บ้านตัวเองด้วย ส่วนคุณแม่ เราอยู่ติดบ้าน เป็นคนชอบอยู่บ้านตัวเอง ก็เลยเป็นลักษณะ 3 วันอยู่บ้านพี่ตุลย์ อีก 4 วันมาอยู่บ้าน แต่ก็มีซื้อคอนโดเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ตกแต่ง

>>ลูกสาวติดคุณแม่ ได้ยินแบบนี้อิ่มเอิบไหม?
แม่น้อย : ไม่ต้องได้ยินหรอก การกระทำมันห่างแม่ไม่ได้ ยังบอกเธอมีสามีแล้วนะ เธอยังให้ฉันเกาหลังอยู่ เขาเกาไม่เหมือนแม่เกา เอ้า...จะมีผัวทำไม มันก็มาอ้อนเรื่อยๆ

>>ตกลงลูกสาวติดแม่ หรือแม่ติดลูกสาว?
แม่น้อย : ก็ทั้งคู่ เหมือนกันเลย แม่ก็ไม่มีใคร มีหญิงคนเดียว แล้วมามีลูกชายนี่แหละ จะไม่ให้รักมากได้ยังไง
หญิง : มีหญิงคนเดียว หญิงไม่ใช่ลูกนะ แล้วมีลูกชาย

>>เห็นว่าคนรักลูกชายคนนี้ แม่เคยหนีพี่ตุลย์มาก่อน?
แม่น้อย : ไม่ใช่หนีพี่ตุลย์ คือมันมีเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่ คือเราจะรู้ไหมว่าลูกเราไปคบกับใคร ก็มันไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้ เราก็เลยงอนลูก ขับรถหนีลูกไปเลย รู้ว่าพี่ตุลย์จะมาขับรถหนีลูกไปเลย ไม่รู้ฉันยังไม่พอใจ เพราะข่าวออกมาอย่างนั้น แล้วลูกเรา เราก็คิดมาก พอตุลย์มาพูดเท่านั้นสยบทุกอย่างเลย

>>แม่น้อยหวงลูกสาว ตอนนั้นรู้อยู่แล้วไหม?
ตุลย์ : รู้ครับ แต่ไม่ได้กังวลอะไรมาก ถ้าเรามีความตั้งใจดี การกระทำดี ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลอะไร เราไม่ได้เข้ามาเพื่อมาหลอกลูกสาวเขา คุยกับหญิงเหมือนกันว่าจะทำยังไงให้พิชิตใจคุณแม่ได้ แค่เราเป็นตัวของเราเอง แล้วทำอย่างที่เราทำให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราคบกันจริง เราตั้งใจจริง แล้วเราไม่ได้ทำให้หญิงเสียใจ สักวันคุณแม่จะเข้าใจ

>>คุณแม่สตาร์ตรถไปกี่ครั้งกว่าจะได้เจอ?
ตุลย์ : ไม่ได้นับครับ
แม่น้อย : เขาไม่เห็น
หญิง : พาร์ตนี้พี่ตุลย์จะไม่รู้เลยว่าแม่ไม่อยู่บ้าน แม่ไม่อยู่เป็นระยะเวลานานเหมือนกันนะ
แม่น้อย : จนกระทั่งเรื่องมันเงียบ

หญิง : เหมือนเขาจะขับมารับ มาส่ง ไปกินข้าว ดูหนัง แต่ว่าเขาจะไม่เคยเจอแม่เลย เขาส่งเขาจะอยู่แต่ชั้นล่าง
แม่น้อย : แล้วข่าวมันแรงไง เขาบอกว่าหญิงไปทำให้เขาแตกกัน แม่ไม่รู้ว่าคนนั้นคือใคร แล้วทำให้เขาแตกกัน ฉันก็ใส่ลูกเลย แกทำอะไรเนี่ย แกทำแบบนี้เพื่ออะไร แกคิดดีแล้วเหรอ แกทำงานมาตลอดชีวิต หญิงก็บอกว่า พ่อก็มีลูกมาก่อน แต่ฉันก็ย้อนไปว่า แม่คิดได้ตอนพ่อมีลูกเขา 7 ขวบแล้ว เขาเลิกกันมาแล้วมาเจอแม่ พอเขาพูดมาแม่สะอึก เฮ้ย..ดวงลูกจะเหมือนเราหรือเปล่า
หญิง : เขากลัว คือต้องยอมรับว่าแม่มีปมในใจเรื่องนี้ว่าแบบ ตัวเขาเองคุณพ่อเคยมีครอบครัวมาก่อน แล้วคุณแม่เข้ามา

แม่น้อย : ทีแรกเราไม่รู้
หญิง : สุดท้ายคุณแม่เป็นคนที่สองแต่ได้แต่งงาน คราวนี้เขาเลยกลัวว่าชีวิตเราจะเหมือนเขา เขาเลยมาถามเราว่า เขาเลิกกันจริงๆ แล้วใช่ไหม เรารู้อะไรบ้าง เรายังไง หญิงบอกหญิงตอบแม่ไม่ได้หรอก คนที่ตอบได้คือพี่ตุลย์

>>หญิงนัดตุลย์มาหาแม่เลย?
หญิง : ใช่ ตอนนั้นค่ำๆ แล้วแม่ก็ไล่หญิงขึ้นบ้านไปเลย แม่ขอคุยกับตุลย์
แม่น้อย : แม่นั่งเฉย ๆ พูดคำแรกเลย ตุลย์จำได้หมด ตุลย์รู้ไหมแม่มีลูกสาวคนเดียว แล้วตั้งแต่เล็กจนโตหญิงทำงานอย่างเดียวเลย แล้วหญิงไม่เคยมีประวัติอะไรเลย แม่พูดไปตั้งยาว เขาไม่พูดอะไรสักคำ พอแม่หยุด ตุลย์บอกว่า ครับ ผมจะไม่ทำให้แม่กับน้องเสียใจ ผมจะดูแลแม่และน้องไปตลอด แค่นี้เองแล้วแม่ก็ไม่พูดอะไรเลย

>>ความกังวล ความโกรธ ความเครียด?
แม่น้อย : ไม่มี หายหมดเลย
หญิง : แม่ก็เคลียร์ด้วยแหละว่าเลิกกันไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม แล้วพี่ตุลย์ก็ยืนยัน
แม่น้อย : เราถามเขาด้วยว่ามันเป็นยังไง เขาบอกว่าผมอยู่มา 2 ปีแล้ว ไม่ได้คุยอะไรกันเลย

>>ตอนนั้นเราตอบประโยคสั้น ๆ แล้วทุกอย่างจบเลย ทำไมถึงตอบแบบนั้น?
ตุลย์ : จริง ๆ เป็นคนที่ไม่ได้พูดเก่ง ไม่ได้พูดเยอะด้วย ก็เลยคิดว่าพูดแค่สิ่งที่เรามั่นใจดีกว่า บอกคุณแม่ว่าผมอาจจะรักหญิงไม่เท่าที่คุณแม่รัก อาจจะไม่ถึงครึ่งนึงด้วยซ้ำ แต่ว่าจะทำให้ดีที่สุดและจะไม่ทำให้หญิงกับคุณแม่เสียใจ

หญิง : หลัก ๆ คุณแม่แค่อยากรู้ว่าเราเข้าไปในวันที่เขาเลิกกันแล้วจริง ๆ หรือเปล่า พอเขาเคลียร์ว่าเราเข้าไปในวันที่เขาเลิกกันแล้วจริง ๆ แยกกันอยู่คืออยู่คนละบ้าน เขาก็สบายใจแล้ว เขาต้องการความมั่นใจ
แม่น้อย : การที่แม่พูดบ่อย ๆ ว่าใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นอะไรมา ชั้นฟ้า แผ่นดินไหนก็แล้วแต่ให้รักลูกฉันครึ่งนึงของฉันก็พอ แต่นี่มันเกินครึ่งนึงของฉัน

>>ลูกเขยคนนี้เหมือนกับหนึ่งของขวัญพอเศษที่เบื้องบนส่งมาเลยไหม?
แม่น้อย : แม่ยอมรับตรงนั้น มันมีอะไรที่มาเติมเต็มบ้านเรา บ้านเราไม่มีผู้ชาย

>>แล้วจุดไหนที่แม่เริ่มรักลูกเขยมากกว่าลูกสาว?
แม่น้อย : ฉันทำอะไรเขารับประทานหมดเลยทุกอย่าง ส่วนหญิง คำ สองคำ แล้วมันวางบอกว่าอร่อยแค่นั้นเอง แล้วคนที่กินหมดมันน่าชื่นใจไหม เราต้องคอยดูเลยว่าวันไหนลูกเขยจะมาบ้าน วันไหนจะคอยถาม ตุลย์ทำอย่างนี้คงที่ตลอด พอวันศุกร์เขาจะมาบ้าน ฉันจะเอาหมาของเขาไปอาบน้ำ คอยตุลย์มา แล้วเจ้าหมาก็รักพ่อ รักแม่มัน เราก็ทำให้สะอาด ตู้ปลา บ้านช่อง ที่นอน เราก็ทำให้สะอาดหมดเลย ลูกชายกับลูกสาวมานอนจะต้องหอม ห้องน้ำฉันไปล้างเองนะ

>>แม่น้อยทราบเมื่อไหร่ว่าตุลย์เขาไม่สามารถแกะเม็ดเงาะเองได้?
แม่น้อย : แม่เกตุเขาเม้าธ์มา แม่เขารักเขานะ เนี่ยเลี้ยงมาขนาดไหน มันไม่กินนะผลไม้ ไม่เลาะเม็ดให้มัน มันไม่กิน ฉันก็ไปซื้อมีดที่คว้านมา บาดมือทำไม่เป็นเลยได้มา 4-5 ชิ้น นางก็กินหมด ลูกฉันเนี่ยลองกองอย่างเดียว

>>พี่ตุลย์ แม่ทำให้ขนาดนี้ หลงเราขนาดนี้?
ตุลย์ : ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ขอบคุณแม่น้อยครับ ทำมาตลอด ผลไม้ไม่ใช่จานเล็กๆ คือเป็นถาด ใส่เหมือนของโรงแรมมา เราก็เกรงใจ
แม่น้อย : เขาทานหมด
ตุลย์ : ถ้าทานไม่หมดเดี๋ยวคุณแม่เสียน้ำใจ

>>แม่น้อยบ่นเราเรื่องแม่ศรีเรือน?
หญิง : ด้วยความที่หญิงอยู่กับแม่มาตลอด เวลาอยู่บ้านตัวเองแทบจะไม่ต้องทำอะไร เหมือนมีคนทำให้ตลอด เขาจะรู้สึกว่า เราทำอะไรไม่เป็นเลย ถ้าเราไปเมืองนอก ไปต่างจังหวัดกับพี่ตุลย์แล้วเราทำอาหารให้เขากินเป็นไหม แต่เขาไม่เคยมาเห็นหญิงไงว่าหญิงทำอาหารเช้าให้พี่ตุลย์กินนะ ตื่นมาหญิงปูเตียง หญิงเก็บเตียงนะ เขาไม่รู้

แม่น้อย : ฉันจะไม่รู้ได้ไง อยู่บ้านเธอลงมาถามคุณแม่อยู่ไหน แล้วก็ขึ้นไป พอมันออกไปใครปูที่นอน นี่ๆ ปูเตียง เช้ามาตุลย์มาชงกาแฟ แล้วน้องหญิงไปไหน น้องหญิงเข้าห้องน้ำครับ ยังไม่เสร็จ เขามาเอากาแฟขึ้นไปให้

หญิง : เราสลับกัน

>>หญิงบอกทำอาหารเช้าให้ตุลย์ แต่แม่บอกตุลย์ทำอาหารเช้าให้หญิง?
ตุลย์ : ถ้าอยู่ที่บ้านคุณแม่ หญิงไม่ต้องทำ เพราะมีคนทำให้ แต่ถ้าไปเที่ยวกันเมืองนอก บางวันเขาตื่นมาทำอาหารเช้า ทอดไข่ ทำเบค่อน

หญิง : นั่นเป็นเรื่องนึง แต่อีกเรื่องที่แม่ชอบบ่น หญิงเป็นคนที่เพื่อนกะเทยเยอะ แล้วมันกลายเป็นว่าสำเนียงหรือวิธีการพูดกับสามี มันจะไม่หวาน เราเหมือนเป็นเพื่อน เป็นพี่ตั้งแต่คบ ตั้งแต่จีบกันมันไม้ได้มีโมเมนต์สวีตมากเหมือนคนรู้จักกันอยู่แล้ว หญิงดูเป็นผู้ชายมากกว่าพี่ตุลย์อีก แบบพี่ตุลย์เดี๋ยวขึ้นข้างบนแล้วนะ แม่ก็จะแบบว่าทำไมพูดจาแบบนี้กับพี่เขา คะ ขา มันหายไปไหนหมด หญิงก็แบบหญิงต้องพูดคะด้วยเหรอวะ แบบพี่ตุลย์คะ มันก็เขิน

แม่น้อย : เขาก็เปลี่ยนเบาลงแล้ว

>>แม่น้อยรู้สึกกลัวพี่ตุลย์อายว่าแม่ขายส้มตำ?
แม่น้อย : เขาทำงานบริษัทใหญ่ ๆ เขาทำของเขา เราไม่รู้ว่าคุณพ่อ คุณแม่ เขาปูพื้นมาคบค้าสมาคมกันยังไง แล้วพอได้แม่ยาย แม่ยายตำส้มตำ แล้วดิฉันติดดิน ฉันเคยถามเขา ว่าแม่ไปตำส้มตำ ตุลย์ว่าอะไรไหม ตามสบายเลยครับ แม่ทำที่แม่สบายใจ แม่ทำเลยครับ คำนี้เท่านั้นเองฉันจบเลย ได้ใจฉัน มึงไม่มีลูกไม่เป็นไร ฉันตำส้มตำไป แต่ถ้าให้ฉันหยุดก็มีหลานให้ฉัน

>>ถ้าสองคนนี้มีลูกแม่น้อยเลิก เลี้ยงหลานอย่างเดียว?
แม่น้อย : จ๊ะ

>>แต่ถ้าไม่มีลูกตำไปตลอดชีวิต?
แม่น้อย : จนกระทั่งฉันถือไม่ไหว

หญิง : อีก 2 ปีก็ถือไม่ไหวแล้ว

แม่น้อย : ฉันเพิ่ง 68 เอง

>>ใจพี่หญิงจริงๆ อยากให้คุณแม่เลิกตำส้มตำ?
แม่น้อย : อย่าถามมัน
หญิง : คำว่าเลิกตำส้มตำ มันไม่ใช่อยู่ดี ๆ แค่ยืนตำอย่างเดียว มันต้องดู ซื้อของ คุยกับคน ถือของ เตรียมของ มันมีดีเทลเยอะ สั่งของต้องสั่งแต่เช้าตรู่ เราเห็นเขาทำก็รู้สึกว่าเขาเหนื่อย

>>ก็อีกออปชั่นถ้าอยากให้แม่หยุด ต้องมีหลาน?
หญิง : อายุมากแล้ว อย่ามีเลย
แม่น้อย : ข้ออ้างเธอเปล่า

>>จากการทำร้านส้มตำ มีเรื่องนึงที่แม่น้อยไม่บอกหญิง เพราะกลัวหญิงจะไปปิดร้านส้มตำ?
แม่น้อย : แม่ทำร้านขาดทุน 2 ล้าน (น้ำตาไหล)

หญิง : รู้อยู่แล้ว รู้มาตลอด

แม่น้อย : วันที่โควิด ขอโทษนะ มันไม่มีหนี้สินแล้ว โควิดมา เขาควักเงิน 5 แสนไปจ่ายตรงนั้น (ร้องไห้) มันจบแล้วไง แต่ทีนี้พอเปิดมามันก็ไม่ได้อย่างนั้น มีขาดทุนบ้าง แต่ไม่อยากให้ลูกรู้ ยิ่งพอมาแต่งงานกับตุลย์แม่เตรียมทุกอย่างเลย ไม่อยากให้ใครรู้ แม่รีบหาเงิน ขยันมาก ตอนนั้นยังไม่ได้ออกบูทด้วยนะ วันนึงจะขายได้เท่าไหร่ คิดทุกอย่าง ผลสุดท้ายมันก็ไม่หลุด จนคนนี้ต้องไปเคลียร์อย่างเดิม แม่เจ็บใจตรงนี้แหละ

หญิง : แต่ก็ห้ามไม่ได้ ยังทำอยู่

แม่น้อย : เขาให้เลิกหลายครั้งแล้ว แต่แม่ไม่เลิก

หญิง : คือมันไม่ใช่หรอก คือเรารู้อยู่แล้ว ต้นทุนที่ทำร้านก็เป็นเรา ทุกวีกต้องเบิกเราเพื่อไปซื้อของเข้าร้าน สุดท้ายพอขายของไป มันต้องไปจ่ายค่าเด็ก ค่าเช่าที่ มันไม่ได้อะไร แต่ทุกวันนี้ที่หญิงให้เขาทำ เพราะหญิงรู้สึกว่ามันคือความสุขเขา เรามีกำลังไปซัปพอร์ตเขา ณ วันนี้ก็ซัปพอร์ตเขาไป หญิงถึงบอกว่า อีก 2 ปีคงหยุดแล้วแหละ

>>เงินที่หายไปเราไม่ติดตรงนี้อยู่แล้ว?
หญิง : หนูไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว คือทุกวันนี้สิ่งที่เขาทำมันคือการหมุนนะ ถามว่ากำไร คือเวลาลงทุนต้องได้กำไร แต่หญิงเป็นนักลงทุนที่ไม่ได้กำไรมาทั้งชีวิตเลย แต่กำไรหญิงมันเป็นกำไรจากทางอื่นมากกว่า หญิงยังมีงานทำ หญิงรู้สึกว่านี่คือกำไรในชีวิตของหญิงแล้วแหละ แต่ในส่วนของเขา เขาทำแล้วมีความสุข เขาได้ตำ คนบอกของเขาอร่อย มันเป็นความสุขของเขา หญิงรู้สึกว่าเขาคงสนุกของเขาในแบบนั้น แล้วมันไม่ใช่ก้อนที่มันมหาศาลหรืออะไรก็ยังให้เขาหมุนไปเรื่อย ๆ ที่เขาทำ

>>ข้อตกลงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เรื่องแม่กับร้านส้มตำ อยากได้ยังไง?
หญิง : เอาจริง ๆ หญิงทำใจแล้ว เอาจนเขาเริ่มเหนื่อยแล้วเขาหยุดเอง จะไม่บ่นแล้ว

น้อย : (จูบแก้มลูก)
หญิง : บ่นไปก็เท่านั้น (หัวเราะ)

>>พี่หญิงเคยปรึกษาไหม เรื่องแม่ลูกทะเลาะกัน?
ตุลย์ : มีตลอดเลยครับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องงอนกัน

หญิง : ถ้าแม่งอนก็จะฟีลตึง ๆ สมัยก่อนเราจะซื้อของที่เขาชอบมาให้กิน เขาก็จะไม่กินบ้าง ทิ้งไว้ในตู้เย็นบ้าง พอเรามีพี่ตุลย์เรารู้แล้วว่าเขาจะยอมคนนี้ เขาไม่ยอมเรา เราก็จะสะกิดลงไปดูให้หน่อยดิ

ตุลย์ : สมมติอยู่ข้างบน คุณแม่อยู่ข้างล่าง คุณแม่งอน ก็แบบพี่ตุลย์ลงไปดูให้หน่อย แม่หายยัง พอลงไป คุณแม่ครับทานหรือยังครับ เออ ทานแล้วล่ะ เดินขึ้นมา ยังตึง ๆ อยู่

>>อยากได้ลูกไหม?
ตุลย์ : ไม่ ทั้งคู่นะครับเคยคุยกันแล้วว่าไม่อยากมี คือเป็นห่วงเขาด้วย ถ้าเรามีเขาแล้ว เราเลี้ยงเขาด้านนึง แต่อีกด้านเขาต้องออกไปเจอข้างนอก ซึ่งเอาจริง ๆ ทุกวันนี้มันก็ไม่น่าเจอเท่าไหร่ ก็จะสงสารเขามากกว่า

แม่น้อย : แต่สมัยนี้ แม่เริ่มปล่อยวางแล้ว เราควบคุมเขาไม่ได้ ต่อให้พ่อแม่ดีขนาดไหน ถ้าเด็กมันเป็นไปดึงไม่อยู่เหมือนกัน

หญิง : หญิงรู้สึกว่าการจะมีก็แล้วแต่บุญ แล้วแต่กรรม แล้วแต่วาสนาเลย ถ้ามีต้องมีธรรมชาติเท่านั้น นั่นแปลว่าเขาส่งมาให้เรามี แต่ ณ วันนี้เมื่อมันไม่เกิดและมันไม่มี แปลว่าหญิงอาจจะจบที่ชาตินี้แล้วหรือเปล่า

>>ก่อนหน้าที่จะแต่งงานพี่หญิงทำทุกอย่างเพื่อแม่น้อย ปลดหนี้ทุกคนก็ทราบดีว่าเป็น 10 ล้าน?
แม่น้อย : ทุกคนพูดว่าคุณรู้ตัวไหม คุณได้ลูกสุดประเสริฐจริง ๆ ก็บอกว่าขอบใจมากที่ให้เกียรติกับน้อย แต่จริง ๆ น้อยจะบอกตามตรง น้อยโคตรโชคดี ถูกรางวัลไม่รู้กี่พันล้านได้ลูกคนนี้มา

>>ใจลึก ๆ แม่รู้สึกผิดมาก?
แม่น้อย : รู้สึกผิดมาก ทำแต่เรื่องให้ลูกตลอด เดี๋ยวใช้หนี้ให้ จะทำยังไงให้ลูกเรามีความสุขที่สุด เพราะฉะนั้นแม่ถึงบอกว่าใครก็ได้ที่รักได้ครึ่งของฉันเอาไปเลย

>>แม่อยากจะบอกอะไรลูก?
แม่น้อย : ทำให้แม่แค่นี้พอแล้ว (เสียงสั่นเครือ) ต่อไปลูกก็ตักตวงความสุขให้มาก ๆ ไม่มีแม่ก็ไม่ว่า แต่ที่แม่พูดไปคืออย่าห้ามแม่ทำส้มตำ แม่ก็จะไม่ขัดขืนอะไรทั้งสิ้น แม่หมดแรง แม่ก็หยุดเอง เพราะเราไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย ลูกดูแลแม่อย่างดีที่สุด แม่ขอบคุณตุลย์ด้วย ไม่ต้องมาทำอะไรให้แม่มากแล้ว ดูแลซึ่งกันและกัน ลูกเป็นแบบนี้ตลอดไป แม่ชื่นใจที่สุดแล้ว แม่รักลูก ไม่ได้รักพี่ตุลย์คนเดียว ไม่ต้องน้อยใจ ขอบคุณแม่เกตุมาก ๆ ที่เรามาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงน้อยจะไม่สบายเหมือนแม่เกตุ แต่ก็ทุกสิ่ง ทุกอย่าง น้อยได้สิ่งที่ดีมา ก็ขอบคุณมาก ๆ ที่ให้เกียรติกับครอบครัวของน้อย

หญิง : หญิงเห็นแม่เป็นคนแบบเต็มที่กับทุกอย่าง แต่เหมือนเขาทำอะไรมันไม่เป็นหรือเทียบเท่ากับแรงที่เขาลงไป อยากให้เขาได้เจอความสำเร็จในเรื่องที่รัก เรื่องส้มตำ เรื่องร้าน ถ้าหญิงมีกำลัง มีแรง (ร้องไห้) หญิงก็จะพยายามช่วยเขาให้มากกว่านี้ หญิงก็รู้ในใจลึก ๆ เรามีความต่อต้านในสิ่งที่เขาทำ อยากให้เขาพักแล้ว แต่ว่าเราก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่เขายังเชื่อมั่นในตัวเอง มันเป็นความเชื่อมั่นของเรา เราไม่อยากไปทำลายหรอก อยากให้เขาทำให้เต็มที่ไปเลย และหลัก ๆ ให้ดูแลสุขภาพ เพราะช่วงหลังเห็นเขาทำงานหนัก มันจะมีเรื่องแบบเจ็บขา แล้วชอบใส่ถุงเท้าเดินในบ้าน มันลื่น หญิงก็บอก อะไรที่เราเตือนอยากให้ฟังบ้าง เขาก็แบบทุกวันนี้ใส่ถุงเท้านั่งเล่นในบ้าน เข้าห้องน้ำมันลื่น เขาเผลอล้มหลายที

แม่น้อย : แม่บอกเด็กไม่ต้องบอกน้องหญิง แม่แข็งแรงไม่ได้เป็นอะไรมากมาย มันรักแม่ที่สุด หญิงคือชีวิตแม่ อยู่เพื่อลูกจริง ๆ

หญิง : ดูแลสุขภาพ อยู่กันไปนาน ๆ

แม่น้อย : ลูกก็เหมือนกัน ให้รักกันตลอดชีวิตนะ รักกันให้มากๆ แม่ฝากลูกแม่ไว้ด้วย

>>ล่าสุดแม่มีฝ้าในปอด?
แม่น้อย : มันมีจุดเล็กๆ จะเป็นวัณโรคเหรอ มันก็มี เอ้า...น้อยไม่สูบบุหรี่ น้อยไม่กินเหล้า คุณน้อยเล่นตลกมากี่ปีแล้ว สมัยก่อนมันจะสะสม คนที่อยู่ใกล้ควันบุหรี่

>>หมอบอกการรักษาไหม?
หญิง : หลัก ๆ ก็คือเลี่ยงทุกอย่างที่แพ้ พวกไรฝุ่น ที่นอนเขาต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ มีช่วงปีแรก ๆ ห้ามไปที่ชื้น ที่เป็นหนักไอหนักก็ไม่ได้ไปต่างประเทศ จนหลังโควิดพาไปญี่ปุ่นเริ่มดีขึ้น แล้วเขาก็เริ่มไม่ค่อยไอ

>>ขนหมาแพ้ไหม?
แม่น้อย : ขนหมาก็แพ้

หญิง : ไม่แพ้

แม่น้อย : มันรักแม่ มันเลยเอาหมาไปอยู่ข้างนอก

หญิง : กลางวันอยู่ข้างนอก แต่กลางคืนให้นอนในห้อง แล้วมีห้องที่อยู่ในบ้านให้เขานอน เป็นห้องที่มีกระจก มีหน้าต่าง เปิดพัดลมให้เขา ต้องแยกส่วนกับห้องแม่ ต้องมีกระจกกั้นอีกที

‘หนุ่มนักโหราฯ’ ติง!! ระบบภาษีของไทยเรียกเก็บเงินได้น้อยกว่าที่ควร คนจนไม่เข้าเกณฑ์ คนรวยเลี่ยงจ่าย ก็ยากจะพัฒนาประเทศให้เจริญ

เมื่อวานนี้ (14 ส.ค. 66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ ‘flukepatsmile’ นักพยากรณ์โหราศาสตร์ไทย ได้เผยแพร่วิดีโอตอบข้อความของผู้ติดตามที่แสดงความคิดเห็นว่า “บ้านเราน่าจะเสียภาษี ภ.ง.ด. ก่อนถึงจะมีสิทธิ์เลือกตั้งนะครับ” โดยระบุว่า 

“ผมว่าหายไปเยอะมาก หรืออาจจะหายไปเกือบครึ่งเลยนะ ประเทศที่พัฒนาแล้ว เขาจะเก็บภาษีได้ประมาณ 70% ของผู้ที่มีรายได้ต้องเสียภาษี ส่วนประเทศอย่างเราจะเก็บภาษีได้ประมาณ 15-20% ของผู้ที่มีรายได้ต้องเสียภาษี การรีดภาษีทําได้เยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น หาบเร่ แผงลอย แม่ค้าตลาดนัด ตรวจบัญชีรายได้ในนิติบุคคล ทุก ๆ คนต้องมีตัวร้านที่ชัดเจนเหมือนในต่างประเทศ รถที่ไม่ผ่านการตรวจ เป็นรถเก่าไม่สามารถต่อภาษีได้ หรือว่าจะเป็นรถกระป๋อง รถสามล้อ ผิดรูปผิดแบบต้องยกเลิกทั้งหมด ต้องผลักดันเพื่อเพิ่มอาชีพให้กับคนไทย ชุมชนแออัดในกรุงเทพทั้งหมดต้องถูกผลักออกจากกรุงเทพ เพื่อความพร้อมต่อการสร้างธุรกิจให้เงินไหลเข้ามา พุทธพาณิชย์ทั้งหมดต้องโดนเก็บภาษี ธรรมกายวัดเดียวมูลค่า 4.4 ล้านล้านบาท ถ้าพุทธพาณิชย์ทั้งประเทศจะเป็นเงินเท่าไรลองคิดดู”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ยังกล่าวอีกว่า “ประเทศเรามันก็เป็นประเทศที่เป็นความประนีประนอม เพื่อให้ทุก ๆ คนพออยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข คนจนไม่สามารถตรวจภาษีได้ ส่วนคนรวยบางส่วนเลี่ยงภาษี ความลําบากมันอยู่ที่คนชนชั้นกลางซึ่งเป็น 70% ของประเทศ ข้าราชการ พนักงานบริษัท เงินรายได้โตไม่ทันเงินเฟ้อ แต่เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ต้องแบกรับภาษีของประเทศ”

“คนที่บอกว่าการเมืองดีแล้วนู่นนี่นั่นจะดี มันก็เหมือนการทําผัดกะเพราครับ คุณมีสูตรที่ดี มันก็เหมือนคุณมีนักการเมืองที่ดี แต่ว่าไก่ก็เหมือนประชากร ถ้าประชากรไม่มีคุณภาพก็คือไก่เสีย เอาไปทําผัดกะเพรา ถามว่าผัดกะเพราที่สูตรดีจะอร่อยได้ยังไงครับ? เริ่มต้นที่ประชากรเริ่มต้นที่ตัวเราครับผม” ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้กล่าวทิ้งท้าย

‘โบว์ ณัฏฐา’ เผยความหมายสุดลึกซึ้งของข้อความบนเสื้อ ‘ท่านอ้น’

เมื่อวานนี้ 14 ส.ค. 66 โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก
‘โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana’ พร้อมภาพของท่านอ้น วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ ขณะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า…ภาพขณะท่านอ้นเดินทางกลับสหรัฐฯ จากสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมท่านอ่อง ข้อความบนเสื้อสีฟ้าเขียนว่า ‘Virtue & Ideals give hope’ (คุณธรรมและอุดมคติ ให้ความหวัง)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top