Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

สถานีดอนเมือง ‘ลิฟต์-บันไดเลื่อน’ ปิดใช้งาน 3 เดือน ลำบาก ‘คนท้อง-คนชรา’ ต้องหอบสังขารเดินขึ้นบันได

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 – แฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘Drama-addict’ ได้รับการร้องเรียนจากลูกเพจเกี่ยวกับ สถานีรถไฟฟ้าดอนเมือง โดยระบุข้อความดังนี้

“จ่ารบกวนหน่อยค่ะ สถานีดอนเมืองของรถไฟสายสีแดงที่เชื่อมไปสนามบินดอนเมือง ทั้งลิฟต์ ทั้งบันไดเลื่อนปิดใช้งานมา 2-3 เดือนแล้ว คนท้อง คนแก่ เดินขึ้นลงบันได เหนื่อยมากเลยค่ะ

แจ้งหน่วยงานไปแล้วก็ไม่เห็นแก้ไขเขาแจ้งว่า “ชำรุด-ปิดให้บริการชั่วคราว” แต่ 2 เดือนกว่าแล้วค่ะ ทางเดินเลื่อนระหว่างไปสนามบินเหมือนกันค่ะ บางท่านมีกระเป๋าเดินทางก็ต้องยกขึ้นบันไดค่ะ เพราะตรงนี้เป็นสถานีรถไฟปกติด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าสายสีแดง”

ทั้งนี้ ได้มีคอมเมนต์จากลูกเพจ เข้ามาแสดงควมคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ไม่ได้มีเพียงสถานีดอนเมืองเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ แต่ลิฟท์และบันไดเลื่อนสถานีอื่น ๆ ของสายสีแดงหลายสถานี เท่าที่มีคนแจ้งเข้ามา นอกจากดอนเมืองแล้วยังมีสถานีหลักสี่ หลักหก ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน

‘แอฟ ทักษอร’ ร่วมเฟรมอดีตสามี ‘สงกรานต์’​ ครั้งแรกหลังแยกทาง ชาวเน็ตดีใจได้เห็นโมเมนต์นี้อีกครั้ง นับเป็นภาพปลดล็อกของทั้งคู่

(8 ส.ค. 66) แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวดูแลลูกสาว น้องปีใหม่ เพียงลำพัง แต่ทางด้าน แอฟ ทักษอร ก็ไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวฝั่งอดีตสามี สงกรานต์ เตชะณรงค์ โดย แอฟ ทักษอร ก็ยังส่งลูกสาวไปหาบ้านเตชะณรงค์ในทุก ๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้ น้องปีใหม่ ก็สนิทสนมกับทางด้าน พ่อสงกรานต์ ด้วย

ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องบอกเลยว่าทำเอา ชาวเน็ตโผล่ถาม สงกรานต์ เตชะณรงค์ กลางไอจี หลังไม่มีรูปคู่ น้องปีใหม่ นานแล้ว โดยทางด้านชาวเน็ตรายดังกล่าวได้เข้ามาคอมเมนต์เอาไว้ว่า “ปีใหม่ไม่ได้ออกสื่อกับป๊ะป๋านานแล้วนะคะ”

ล่าสุดทางด้าน แอฟ ทักษอร ร่วมเฟรมอดีตสามี สงกรานต์​ เตชะณรงค์ ครั้งแรก หลังเลิกรากันไป โดยทางด้าน แอฟ ทักษอร ได้ไปที่บ้านเตชะณรงค์​และได้มีการร่วมเฟรม สงกรานต์ คุณปู่ไพวงษ์ คุณย่าภัสรา และ น้องปีใหม่ อีกด้วย เรียกได้ว่าทำเอาชาวเน็ตดีใจที่ได้เห็นภาพครอบครัวนี้อีกครั้ง เหมือนกับเป็นการได้ปลดล็อกของทั้งคู่

ญี่ปุ่นเล็งทิ้ง 'น้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์' จากโรงไฟฟ้า ลงสู่ทะเล แม้จะมีกระแสต้าน จากประเทศเพื่อนบ้าน-ชาวประมงท้องถิ่น

โตเกียว, 7 ส.ค. (ซินหัว) -- วันจันทร์ (7 ส.ค.) เกียวโด นิวส์ สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่น รายงานว่าญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่ทะเลในช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและต้นเดือนกันยายน

รายงานระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับวันเวลาที่แน่ชัดของการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีลงสู่มหาสมุทร หลังจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางเยือนสหรัฐฯ  โดยมีการคาดการณ์ช่วงเวลาไว้ระหว่างปลายเดือนสิงหาคมและครึ่งแรกของเดือนกันยายน

อนึ่ง ญี่ปุ่นได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมขั้นสุดท้ายในการปล่อยน้ำเสียฯ นับตั้งแต่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุในรายงานฉบับสุดท้ายเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมว่าแผนการปล่อนน้ำเสียดังกล่าว "เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ตกลงกันไว้"

แม้มีการคัดค้านรุนแรงจากประเทศเพื่อนบ้านและประเทศเกาะแปซิฟิก รวมถึงจากชาวประมงท้องถิ่น ซึ่งกังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสาธารณสุข แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงผลักดันการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสึนามิที่ตามมาในเดือนมีนาคม 2011

‘แทค ภรัณยู’ โพสต์เดือด!! ปม ‘มาเฟียสะพานเหล็ก’ ถาม!! เจ้าของห้างไม่ดูแล? ตำรวจไม่ทำงานหรือ?

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 66) เป็นประเด็นที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจ และไม่คาดคิดว่า กรณี ‘ร้านขายของเล่นย่านสะพานเหล็ก’ โพสต์คลิปวงจรปิด โดน ‘พ่อค้ามาเฟีย’ ยกพวกข่มขู่คุกคาม อวดเบ่งไม่กลัวตำรวจ แถมท้าให้แจ้งความ สาเหตุไม่พอใจร้านเลิกจ้างเด็กฝากจอมขี้เกียจ บังคับจ่ายเงินเดือน 1 ปี แต่ไม่ยอมทำงาน

งานนี้พอพูดเรื่อง ‘มาเฟีย’ ในสถานที่ขายของเล่น ของสะสมให้กับผู้ที่ชื่นชม ซึ่งมี ‘ความย้อนแย้ง’ กันในตัว ทำเอาดาราหนุ่มอย่าง ‘แทค ภรัณยู’ ถึงกับของขึ้น ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นแบบเจ็บ ๆ คัน ๆ ว่า…

“ถ้าสะพานเหล็ก จะมีมาเฟีย ใครจะไปเดิน...ผมนิชอบเอาลูกไปเดินซื้อของเล่นด้วย และทางผู้ใหญ่ในห้างเค้าไม่ดูแลเหราอ แจ้งตำรวจไปแล้ว ก็ไม่ทำ_วยอะไรเลย คืออะไร แล้วจะมีตำรวจเพื่ออะไร”

ก่อนที่ต่อมา จะโพสต์รูปของตัวเอง ในชุดพร้อมรบ ระบุว่า

“ใส่ชุดนี้ไปซื้อของเล่นให้ลูกที่สะพานเหล็ก ดีกว่า ผมกลัวมาเฟียครับ ผมไม่สู้คน ผมกลัวโดนตบหัว กลัวโดนกระทืบครับ กลัวโดนแทง”

‘ตูมตาม’ ยิ้มแก้มปริ!! ‘อาหลี’ คลอดลูกสาวคนแรกแล้ว พร้อมอวดภาพ ‘น้องรินณา’ ให้พี่เลี้ยงออนไลน์ได้ชม

(8 ส.ค.66) กลายเป็นคุณพ่อและคุณแม่ป้ายแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ พระเอกหนุ่ม ‘ตูมตาม ยุทธนา เปื้อนกลาง’ กับภรรยาสาว ‘อาหลี อัฐริญญา’ ล่าสุด คุณพ่อป้ายแดง โพสต์ภาพลูกสาว ‘น้องรินณา’ ลูกสาวคนแรก ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @y.n.p.k พร้อมระบุข้อความว่า…

“Welcome to the world Rinna is here รอมา 9 เดือนหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง #เบ้บๆแฟมิลี่ ขอบคุณป้าหมอ ขอบคุณพี่ ๆ พยาบาลทุกคนเลยนะครับ ช่วยดูแลอย่างดี อบอุ่นตั้งแต่แรกเริ่มจนป่านนี้”

อย่าปล่อยภาษาชาติตน ถูก 'ทำลาย-ทดแทน' ด้วยภาษาชาติอื่น เพราะนี่คือยุทธศาสตร์ทำลายรากเหง้าของความเป็นชาติ

ถือเป็นอีกเรื่องชวนคิด หลังจากก่อนหน้านี้ นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊ก 'Pat Hemasuk' ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับภาษาไทย ภาษาแห่งชาติ ดังนี้...

ในอดีตนั้นการทำลายรากเหง้า วัฒนธรรม เอกลักษณ์ของชาติ ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดนั้นคือการทำลายภาษานั้นทิ้งครับ เพราะภาษานั้นเป็นสิ่งที่ใช้สืบทอดรากเหง้าของชาตินั้นจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ศาสนา เอกลักษณ์ของชาติพันธุ์ จะโดนทำลายไปทั้งหมดภายในสองชั่วรุ่นคน เพราะเมื่อไรที่ไม่เหลือคนที่สามารถอ่านจารึกของบรรพชนได้ ทุกอย่างที่ผ่านมาในอดีตของชนชาตินั้นก็สูญสิ้นไปหมด

วัฒนธรรมของอียิปต์โบราณนั้นสูญหายไปนับพันปีหลังจากที่โรมันเข้าไปยึดครองและยกเลิกไปเสียทุกอย่างแม้กระทั่งภาษาอียิปต์ ทำให้อักษรเฮียโรกลีฟิคไม่มีใครอ่านได้นับพันปี จนกระทั่งมีการเทียบอักษรกับภาษาอื่นบนโรเซตต้าสโตนถึงจะปลุกให้คนรุ่นหลังสามารถอ่านและรู้ถึงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของอียิปต์โบราณได้อีกครั้ง เทพเจ้าของอียิปต์และฟาโรห์พระองค์ต่าง ๆ ก็ฟื้นจากการถูกลืมกลับมามีชีวิตเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

ทิเบตก็เช่นกัน เวลานี้เป็นรุ่นคนที่สองแล้วที่จีนบังคับให้ใช้ภาษาจีนแทนภาษาของตัวเอง และเวลานี้คนรุ่นใหม่ก็อ่านจารึกของตัวเองไม่ได้อีกต่อไป และเวลาอีกไม่กี่ปีที่จะถึงนี้คนที่ยังสามารถอ่านจารึกเก่า ๆ ได้ตายไปหมด คนทิเบตก็จะกลายเป็นคนจีนกลุ่มน้อยไปอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต่างกับชนกลุ่มน้อยของจีนกลุ่มต่าง ๆ ทางทิศตะวันตก เช่นกลุ่มชาวอุยกรู์ที่เวลานี้อ่านภาษาดั่งเดิมของตัวเองไม่ได้แล้ว

ชาวบาสก์ ชนกลุ่มน้อยที่ชายแดน สเปน-ฝรั่งเศส เองก็โดนทำลายรากเหง้าของตัวเองจากสเปนในสมัยนายพลฟรังโก โดยสิ่งแรกนั้นคือยกเลิกการใช้และสอนภาษาของตัวเองแล้วให้ใช้ภาษาสเปนแทน ซึ่งเวลานี้ก็เกือบจะไม่มีใครอ่านและเขียนภาษาบาสก์ได้แล้ว เพราะการทำลายภาษานั้นรุนแรงมากระดับเผาทำลายหนังสือจนหมดสิ้น จนเวลานี้ชาวบาสก์เกือบจะหมดรากเหง้าของตัวเองในการสืบต่อไปให้ลูกหลาน

จงภูมิใจที่เรายังมีภาษาไทยเถอะครับ และรักษาสิ่งนี้สืบทอดให้ลูกหลานของเรา ผมนั้นเคยคุยกับเพื่อนชาติที่ไม่มีอักษรภาษาของตัวเอง เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ ฯลฯ ที่ต้องใช้ชุดอักษรโรมันในการเขียนที่พัฒนาขึ้นในยุคอาณานิคม เมื่อพวกเขาเห็นผมเขียนอักษรไทย พวกเขาต่างก็บอกผมคล้าย ๆ กันว่าพวกเขาอิจฉาคนไทยที่มีอักษรของตัวเอง และเขียนแล้วดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครในสายตาของพวกเขา

เราอาจจะไม่เห็นความสำคัญของภาษาไทย เพราะเรานั้นเคยชินกับอักษรไทยและภาษาไทยทุกวัน แต่เชื่อเถอะครับว่ากวีและนักเขียนในประเทศอื่นที่ไม่มีอักษรของตัวเองนั้นโหยหาอยู่ในใจลึก ๆ เมื่อเห็นอักษรไทยหรืออักษรของชาติอื่น ๆ ที่มีเป็นของตัวเอง เพราะสิ่งนี้เป็นหลักประกันตัวตนของเราคนไทยที่สืบทอดลงไปสู่รุ่นลูกหลานว่าเราจะไม่มีทางลืมโคตรเหง้าของเราไม่ว่าจะอีกนานเท่าไรก็ตาม

**พ่อกูชื่อศรีอินทราทิตย์ แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง...เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้า...กูต่อช้างด้วยขุนสามชน...ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึ่งขึ้นชื่อกูชื่อพระรามคำแหง...เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ ลูท่างเพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองค้า**

สิ่งนี้จะอยู่ต่อไป ลูกหลานภายหน้ายังคงรู้ประโยคในประวัติศาสตร์เหล่านี้ต่อไป ถ้าตราบใดที่เรายังมีภาษาไทยสืบต่อให้ลูกหลานอยู่ครับ

‘น้องมิย่า’ ลูกสาว ‘พีท ทองเจือ’ ประสบอุบัติเหตุกลางงานแข่งรถ พุ่งชนเข้ากับกำแพงที่กั้น โชคดีไม่เป็นอะไร เหตุมีอุปกรณ์เซฟตี้ดี

(8 ส.ค. 66) เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีสำหรับแพระเอกรุ่นใหญ่ โดยทางด้าน ‘พีท ทองเจือ’ นั้นมีผลงานอย่างมากมายอยู่ในวงการบันเทิงเรียกได้ว่านับไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้ และนอกเหนือจากการเป็นนักแสดง ทางด้าน ‘พีท ทองเจือ’ นั้นยังมีดีกรีเป็นนักแข่งรถมืออาชีพอีกด้วย

ด้านชีวิตส่วนตัวทางด้าน ‘พีท ทองเจือ’ ได้แต่งงานกับภรรยา ‘เจ็ง วิไลลักษณ์ ตระการรุ่งโรจน์’ มีลูกทั้งหมด 3 คนได้แก่  น้องเซย่า, น้องมิย่า และ น้องโรเตอร์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าลูก ๆ ทั้ง 3 คนนั้นสนิทกับคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ เลยก็ว่าได้

และต้องบอกเลยว่าทางด้าน ‘น้องมิย่า’ ได้เดินตามรอยคุณพ่อเข้าวงการ ทั้งร้องเพลง พรีเซนเตอร์ต่าง ๆ ถ่ายแบบ และไม่เพียงเท่านั้น เพราะทางด้าน ‘น้องมิย่า’ ก็ได้ไปเป็นนักแข่งรถ ถือเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเลยทีเดียว

ล่าสุด ‘น้องมิย่า’ ลูกสาว ‘พีท ทองเจือ’ ประสบอุบัติเหตุขณะแข่งรถในงาน Toyota gazoo racing 2023 โดยหน้ารถนั้นพังยับเพราะพุ่งชนเข้ากับกำแพงที่กั้นอย่างจัง ซึ่งทำเอาทางด้านคุณพ่อรีบวิ่งเข้าไปดูลูกสาวทันที พร้อมกับถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทางด้าน 'น้องมิย่า' ก็ยังโอเค ตอบกลับมาว่า ไม่เป็นอะไร เนื่องจากมีอุปกรณ์เซฟตี้ที่ดี

‘พี่สาวธนาธร’ เปิดใจ ‘น้องชาย’ ทิ้งไทยซัมมิท ทุ่มการเมือง สถานภาพปัจจุบันเหลือแค่ผู้ถือหุ้นและสมาชิกครอบครัว

ไม่นานมานี้ ช่อง TikTok ‘Khunkoii.Tiva’ ได้โพสต์คลิปที่ ‘นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ’ พี่สาวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไว้ว่า…

การที่คุณธนาธรเขาตั้งพรรคการเมืองนั้น ต้องขอบอกก่อนว่าไม่มีใครในครอบครัวรู้นะคะ เรียกว่าเป็นความคิดแบบ ‘ปัจเจกบุคคล’ โดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้ไม่เคยเล่าออกสื่อมาก่อนเลยนะคะ ก็คือว่า ตอนนั้นที่ข่าวการตั้งพรรคของคุณธนาธรออกข่าวครั้งแรกทาง BBC ไทย น้องสาวเป็นคนโทรศัพท์มาบอก เพราะปกติเขาจะสนิทกัน น้องสาวเขาโทรมาบอกว่า “แจ้ เอกเขาไปทําอะไร?” เราก็เลยถามกลับไปว่า “เขาทําอะไรคืออะไร?” น้องก็บอกว่า “ที่เขาไปตั้งพรรคการเมือง” ตอนนั้นเราก็ทํางานอยู่ ยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่ได้ดูอะไรเลย หลังจากนั้นมีคนส่งคลิปมาให้ดู

ตอนนั้นคุณแม่กำลังเที่ยวอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น คุณแม่ท่านก็ร้อนใจมาก จึงรีบกลับมา แล้วก็มีการประชุมครอบครัวกันในเรื่องนี้ เพราะแกไม่ได้บอกใครก่อนเลยนะคะ จําได้ว่าประชุมตั้งแต่ 9 โมงกว่า ก็มีการทะเลาะกันกับคุณแม่ เพราะท่านไม่อยากให้ทำ

มีคําถามนึงของคุณแม่ที่ถามคุณเอกว่า “ไทยซัมมิทกับประเทศชาติ เธอจะเลือกอะไร?” คุณเอกตอบว่า “เลือกประเทศชาติ” คุณแม่ถามกลับว่า “แล้วประเทศชาติไปเกี่ยวอะไรกับเธอ? ทําไมถึงไม่เลือกธุรกิจของบ้านเรา” คุณเอกแกไม่เลือกธรุกิจของบ้าน

คุณแม่เลยยื่นคำขาดไปว่า “ถ้าเธอจะไป เธอต้องไปเลย และห้ามกลับมายุ่งกับธุรกิจที่บ้านอีก เพราะฉะนั้น เธอต้องลาออกจากการเป็นกรรมการของทุกบริษัทให้หมด จะไม่ได้หลุดเข้ามาในธุรกิจของที่บ้านอัก และถ้าเธอออกไปทําการเมืองแล้วไม่สําเร็จ เธอจะกลับเข้ามาไม่ได้ทำธุรกิจของที่บ้านอีกแล้ว”

คือก็คล้ายๆ กับลองใจ คงน่าจะเหมือนกับบีบบังคับกลายๆ เพราะท่านไม่อยากให้ลูกชายไปทำการเมืองด้วยแหละ แต่สุดท้ายคุณเอกแกก็เลือกที่จะไป คือแกก็ลาออกจากคณะกรรมการทุกอย่างเลย แกจะมีฐานะเป็นแค่ผู้ถือหุ้น ซึ่งถ้ากลับมาหาครอบครัว คุณธนาธรก็จะยังเป็น ‘สมาชิกครอบครัว’ แต่ไม่ได้ทํางานในครอบครัว เพราะฉะนั้น รายได้ เงินเดือน อะไรก็ตามทุกอย่าง คุณธนาธรก็จะไม่มีเลย”

‘บิ๊กป้อม’ ต้อนรับ ‘สวี่ กานลู่’ รมช.ความมั่นคงฯ จีน หารือแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด-ค้ามนุษย์

(8 ส.ค. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นาย สวี่ กานลู่ รมช.กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะฯ ณ ห้องรับรอง รอง นรม. ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความยินดีและให้การต้อนรับ นายสวี่ กานลู่ (H.E. Mr. Xu Ganlu) ที่ได้เดินทางมาเข้าพบและเป็นการเยือนประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งไทย-จีน มีความสัมพันธ์อันดี และมีพัฒนาการที่ดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงกลับมาเป็นปกติ ภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 คลี่คลาย

ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ยังได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศจีน เนื่องจากพายุฝนที่กรุงปักกิ่งและมณฑลเหอเป่ย เชื่อมันว่าภายใต้การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลจีน จะสามารถช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ยินดีที่ทั้งสองประเทศ มีความร่วมมือด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายที่ใกล้ชิด ซึ่งไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งปัญหาคอลเซ็นเตอร์, การพนันออนไลน์, ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ โดยไทยยินดีให้ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ต่อไป

ทางด้านนาย สวี่ กานลู่ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตรที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันกับเจ้าหน้าที่จีนที่ผ่านมาด้วยดี และยินดีที่จะสนับสนุนส่งเสริมการแก้ไขปัญหาร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาคอลเซ็นเตอร์, การพนันออนไลน์, ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ ซึ่งจีนให้ความสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงความร่วมมือกับไทยในการป้องกันด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย ซึ่งจะเป็นการส่งสริมความสัมพันธ์อันดี ‘ไทย-จีน’ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ต่อไป

YONA Beach Club โอเอซิสสุดสวย กลางทะเลภูเก็ต  เปิดให้บริการแล้ว ราคาเริ่มต้นท่านละ 3,000 บาท

YONA Beach Club เรือหรูสุดสวย ยกระดับการท่องเที่ยวของคุณให้ชิลไปอีกขั้น สุดปังด้วยมุมถ่ายภาพสวยๆ ที่มีอยู่ทั่วเรือ พร้อมทั้งสระว่ายน้ำให้ได้ผ่อนคลายกัน ที่ตรงกลางของเรือ พร้อมห้องอาหารที่พร้อมบริการให้แก่นักท่องเที่ยวทุกท่าน จะเลือกมาพักผ่อน หรือจะมารับประทานอาหาร บนเรือสุดสวยลำนี้ ที่มีวิวทะเลปังๆ รอบด้านแบบ 360 องศา ก็รับรองว่าเพลิดเพลินกันอย่างแน่นอน

Yona Beach Club เปิดให้บริการในวันนี้ ( 8 สิงหาคม 2566) เป็นวันแรก โดยจะเปิดให้บริการทุกวัน อังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 12.00 - 19.00 น. จุดขึ้นเรืออยู่ที่ท่าเรือรอยัล ภูเก็ต มารีน่า มีเรือรับส่งให้บริการทุก ๆ 20 นาทีเพื่อพานักท่องเที่ยวไปยังโยน่า บีช คลับ ใครอยากมาเที่ยวเช็คอิน มาสัมผัสประสบการณ์สุดปังแบบนี้ รีบสำรองที่นั่งกันได้เลย

สำหรับราคาในการซื้อทริป YONA Beach Club มีดังนี้
• ราคาเริ่มต้น Day Pass เพียงท่านละ 3,000 บาท
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 1,500 บาท สำหรับทานอาหาร เครื่องดื่ม บนเรือ
• ที่นั่งแบบ Sea Bed 12,000 บาท สำหรับ 3 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 7,500 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Pool Bed 13,500 บาท สำหรับ 3 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 9,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Small Cabana 16,000 บาท สำหรับ 4 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 10,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Medium Cabana 24,000 บาท สำหรับ 6 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 15,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ
• ที่นั่งแบบ Maxi Cabana 32,000 บาท สำหรับ 8 ท่าน
พร้อมรับเครดิตมูลค่า 20,000 บาท เพื่อซื้ออาหารและเครื่องดื่มบนเรือ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่ง สามารถติดต่อได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Facebook Messenger : m.me/THESEANERY
Line Official : https://lin.ee/WKzbilW
Whatsapps : https://wa.me/66924796565


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top