Saturday, 17 May 2025
NewsFeed

‘บิ๊กตู่’ แจงทุกเรื่อง!! ลั่นหยุดสักทีพวกเที่ยวที่อโคจร!! เตือนนักการเมืองเป็นบทเรียน บอกตัวเองไม่เคยไปมาหลายสิบปี ส่วนตอนหนุ่มๆ คนละเรื่อง พร้อมขู่ฟ้องคนโยง ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’ ยันไทยไม่ได้ฉีดวัคซีนช้ากว่าใคร แจงต้องยึดความปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังร่วมกับคณะแพทย์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กว่า ขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวไว้ด้วยกับสถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งการที่ตนบอกว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดนั้น เพราะตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขกันต่อไปไม่มีอะไรจบปุ๊บปั๊บ เพราะเป็นเรื่องเชื้อโรค เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าหลังโควิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก เช่น เชื้อสายพันธุ์ใหม่

นายกฯ ย้ำว่าตนให้ความสำคัญทุกช่วงให้เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมทั้งได้เชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน มาด้วย โดยหารือหลักการนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่ปัญหาคือต้องไปแก้ไขเรื่อง อย.และเภสัชด้วย เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน เพราะย้ำว่าเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ไปหาทางว่าจะเอาเข้ามาได้อย่างไร เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก วันนี้เราจึงเดินหน้าเรื่องวัคซีนทางเลือก โดยหารือกับผู้ผลิตด้วย เพราะมีหลักการหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากอยากหาวัคซีนช่วยรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นอยู่แล้ว แต่มีปัญหาในเรื่องการนำเข้า ซึ่งเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย จึงต้องไปปลดล็อคตรงนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาแล้ว 3.5 แสนโดส และในเดือนเม.ย.นี้ จะเข้ามาเพิ่มเติม 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาตามลำดับ เว้นแต่มีปัญหาที่ต้นทาง ซึ่งจะควบคุมได้ยาก ส่วนที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น 300-400 ที่ทำให้ตระหนกกันนั้น ยืนยันว่าเราควบคุมได้ โดยหาตัวมาเข้าสถานกักตัว เข้ารับการรักษา และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเตรียมการไว้ทั้งหมด หากสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น

ย้ำว่านายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งใคร ขณะเดียวกันวันนี้ได้ข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอและพยาบาลติดเชื่ออีก ดังนั้นทำอย่างไรไม่ให้มีการระบาดในโรงพยาบาลจึงต้องมีโรงพยาบาลสนามไว้ตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยืนยันว่าน้ำยาตรวจมีเพียงพอ ไม่มีปัญหาอะไร

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองเว้นระยะห่างสวมหน้ากากและล้างมือและเว้นไปในที่อโคจร ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไปสั่งห้ามคนไม่ให้ไปไม่ได้ มีอย่างเดียว คือ สั่งปิดสถานบริการ ซึ่งวันนี้ สั่งปิดเพิ่มอีกใน 41 จังหวัดตามมาอีก แล้วใครเดือดร้อน ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อคนไทยซึ่งนายกฯ เข้ามาเพื่อแบบนี้

นอกจากนี้ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเสี่ยง ต้องได้รับการดูแลโดย สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นแบบ New Normal การไปรดน้ำพระหรือไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังอันตรายทั้งหมด จึงขอให้รดน้ำคนที่บ้าน สิ่งสำคัญนอกจากไหว้พระแล้ว ต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย มีจิตสำนึกรู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงในช่วงรอมฎอนด้วย ขอให้ระมัดวังที่สุด เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังไม่หยุด มีคนติดเพิ่มเป็นหมื่น ๆ บางประเทศตายเป็นแสน ๆ แต่ของเราไม่ได้จะว่ามากหรือน้อย เพราะชีวิตคือชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนอย่ามองว่าฉีดช้าหรือเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ ทั้งนี้หลายประเทศไม่ต้องจัดหา วัคซีนเองด้วยซ้ำ เช่นประเทศมีรายได้ร้อย แต่เป็นการฉีดให้ทดลองก่อนแล้วเรากล้าหรือไม่ ดังนั้นไม่ใช่ช้ากว่าเขา ถ้าวัคซีนมีฉีดได้หมด แต่เราไม่ใช่วัคซีนบริจาคซื้อเอง เพราะเรารายได้ปานกลาง ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องบริหารความเข้าใจให้ได้ลดความแตกแยก เพราะทุกคนเป็นคนไทยและสำคัญทั้งหมด ซึ่งตนเองในมุมหนึ่งเป็นนายกฯและนักการเมือง แต่ก็เป็นประชาชนเหมือนทุกคน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานโดยมี นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ศบค. เป็นประธานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและบริหารการฉีดวัคซีน โดยต้องฉีดให้ได้ อย่างน้อย 45 ล้านคนทั้งประเทศ

เมื่อถามถึง ความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนของ ภาคเอกชนได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศเขาไม่ยอมลด เพราะมีมาตรฐานที่ทั้งโลกต้องดำเนินการ แต่ปัญหาหลักคือตอนนี้ต่างประเทศจะขายให้เราหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ก็มีการแย่งวัคซีนกัน ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการช้าไปกว่าประเทศอื่น อย่างในประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนกา ยังประสบปัญหาผลิตไม่ทัน เพราะคนติดเชื้อมากขึ้น ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อภายในประเทศไทยก็มีมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เจ็บและไม่ตาย รักษาให้ได้ ซึ่งขณะนี้ยารักษาภายในประเทศนั้นเพียงพอ ส่วนวัคซีนนั้นสามารถป้องกันได้ แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ 100% เป็นเพียงการเพิ่มภูมิต้านทานให้ติดเชื้อยากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไปในสถานที่อโคจร ไม่เช่นนั้นก็ติดอยู่ดี

ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากสาเหตุเตียง โรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และยืนยันว่าขณะนี้เองโรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ พร้อมอธิบายว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

ส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเพียงแผน หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน ซึ่งหากจะบังคับใช้ได้จริงจะต้องออกมาเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศ เช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่าแผนการเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่ ทุกวันนี้ต้องย้ำเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่นักการเมืองหรือรัฐมนตรีบางคนยังเดินทางไปที่อโคจร รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล วันนี้ตนมองว่าเป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา ซึ่งเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจร ไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ ซึ่งเขาก็โอเค และตนได้สั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน ผ่านการประชุมระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ไม่ใช่ 14 วันและจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็รับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วยรวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ

ส่วนกรณี ที่รัฐสภามีการเลื่อนพิจารณาร่างประชามตินายกรัฐมนตรีย้อนถามว่าเพราะอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เพราะมีการติดเชื้อโควิด ซึ่งตนจะไปบังคับใครไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อมีการระบาดสมาชิกก็กลัวจะติดไปด้วย ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งกรณีที่ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะหลายอย่างที่เสนอผ่านรัฐบาลไปแล้วเป็นสิ่งที่เห็นชอบและจะไปควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไร เพราะทุกคนมีความคิดไม่ต้องไปสั่งเขา

ส่วนการออกมาตรการของจังหวัดที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพทย์ระบาดนั้น นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 อย่าง คือ จังหวัดจะจัดการพื้นที่อย่างไรที่มีการระบาดอย่างไร และจะเข้าไปอย่างไร และอีกประการคือคนที่จะเข้าไป มาจากพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่ ศบค. จะเป็นผู้แถลงชี้แจง และในวันนี้ สถานบันเทิงก็มีปิดตัวลงและได้รับความเดือดร้อนด้วย อีกทั้งตนยังได้สั่งตำรวจดูแลในเรื่องของอุปกรณ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์ในจุดตรวจด่านแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาดด้วย โดยยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหลอดเป่าอยู่ตลอดไม่ใช่การเป่าปี่หรือดูดแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทยคู่ฟ้าว่า กำลังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า ไปทำโน้นทำนี้ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย

รายงานข่าวจากบริษัทการบินไทย (จำกัด) มหาชนแจ้งว่า ตามที่บริษัทฯ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อให้มีตำแหน่งงานและสายบังคับบัญชาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดธุรกิจการบินได้ จนนำไปสู่ความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ และสามารถกลับมาประกอบกิจการได้อย่างมั่นคง เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 คณะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ จึงได้มีมติให้ประกาศผลการกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 โดยกระบวนกลั่นกรองครั้งที่ 1 มีผู้แสดงความจำนงทั้งสิ้น 13,554 คน และมีผู้ได้รับการกลั่นกรองครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้น 9,304 คน

อย่างไรก็ตามหลังจากบริษัทฯ ประกาศผลการกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 ครั้งที่ 1 แล้ว พนักงานฯ ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ…

1.) กลุ่มพนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่และประสงค์จะเข้าทำงาน พนักงานไม่ต้องดำเนินการใดๆ โดยให้รอรับเอกสารที่เกี่ยวกับสภาพการจ้างใหม่ในช่วงกลางเดือนเมษายน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ตามประกาศที่จะออกตามมา

2.) กลุ่มพนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ แต่ต้องการสละสิทธิ์ พนักงานสามารถแสดงความจำนงสละสิทธิ์ไม่รับตำแหน่งงาน และเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP B หรือ MSP C ภายในวันที่ 10 เมษายน 2564 โดยระบบจะยกเลิกตำแหน่งงานโดยอัตโนมัติ

3.) พนักงานที่ไม่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ หรือ ‘กลุ่มฟ้าใหม่’ จะมี 2 ทางเลือก คือ

- ทางเลือกที่ 1 สมัครโครงการ MSP B หรือ MSP C

- ทางเลือกที่ 2 แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรองสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ 2564 ครั้งที่ 2 ในระหว่างวันที่ 12 - 16 เมษายน 2564 เนื่องจาก พนักงานที่ได้รับการกลั่นกรองเข้าสู่โครงสร้างองค์กรใหม่ ครั้งที่ 1 นั้นยังไม่ครบตามจำนวนตำแหน่งงานที่กำหนด กระบวนการกลั่นกรองครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 19 - 23 เมษายน 2564 และจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองครั้งที่ 2 ในวันที่ 28 เมษายน 2564

เช่นเดียวกับการกลั่นกรองครั้งที่ 1 เมื่อบริษัทฯ ประกาศผลการกลั่นกรองครั้งที่ 2 พนักงานกลุ่มฟ้าใหม่ จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม...

3.1) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้สมัครหรือมีผู้สมัคร แต่ไม่มีผู้เหมาะสม หรือตำแหน่งที่มีการสละสิทธิ์ หรือตำแหน่งใหม่ตามความต้องการของธุรกิจ หากผ่านการพิจารณากลั่นกรองจะเข้าสู่สัญญาจ้างใหม่ ข้อบังคับและข้อกำหนดสวัสดิการใหม่

3.2) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่ตำแหน่งงานชั่วคราว และได้รับการพิจารณากลั่นกรองให้เข้าสู่ตำแหน่งงานนี้ พนักงานจะเข้าสู่สัญญาจ้างใหม่ที่มีกำหนดระยะเวลา 1 ปีและเข้าสู่โครงการ MSP B หรือ MSP C เมื่อสิ้นสุดสัญญาจ้าง โดยคำนวณจากอัตราเงินเดือนเดิมก่อน 1 พฤษภาคม 2564

3.3) กลุ่มฟ้าใหม่ที่แสดงความจำนงเข้าสู่กระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 ในตำแหน่งที่ไม่มีผู้สมัครหรือมีผู้สมัคร แต่ไม่มีผู้เหมาะสม หรือตำแหน่งที่มีการสละสิทธิ์ หรือตำแหน่งใหม่ตามความต้องการของธุรกิจ หรือตำแหน่งงานชั่วคราว แต่ประสงค์จะสละสิทธิ์ สามารถสละสิทธิ์ในตำแหน่งงานนั้นได้ และสมัครเข้าโครงการ MSP B หรือ MSP C ตามสิทธิของพนักงาน

3.4) หากพนักงานไม่ได้รับตำแหน่งในกระบวนกลั่นกรอง Relaunch ครั้งที่ 2 หรือไม่ประสงค์จะแสดงความจำนงใด ๆ พนักงานสามารถสมัครเข้าโครงการ MSP B หรือ MSP C ได้ตามสิทธิต่อไป

อย่างไรก็ตามสำหรับพนักงานที่สมัครเข้าโครงการ MSP B และ MSP C จะได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์บัตรโดยสารสำหรับโครงการ MSP B และ MSP C ตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการและจะมีระยะเวลาการจ่ายค่าตอบแทนไล่เรียงกันไปตามช่วงเวลาที่พนักงานสมัครเข้าโครงการ ส่วนกำหนดเวลาการจ่ายเงินบำเหน็จของ MSP B จะเริ่มจ่ายในเดือนมิถุนายน 2564 โดยผ่อนชำระ 4 งวด และโครงการ MSP C เริ่มจ่ายเดือนกันยายน 2564 ผ่อนชำระ 4 งวดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ในการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างของพนักงานทั้งหมด บริษัทฯ ได้ดำเนินการและพิจารณาอย่างรอบคอบรัดกุม ภายใต้กรอบกฎหมายล้มละลาย และกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของบริษัทฯ และความเป็นธรรมต่อพนักงานอย่างที่สุด เพื่อให้การบินไทยกลับมาเป็นองค์กรที่แข่งขันได้ สามารถสร้างความภูมิใจแก่ประเทศไทยได้ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ

รมช. แรงงาน ยำแผนบูรณาการ เทรนแรงงานป้อนอุตสาหกรรม S-Curve

วันที่ 9 เมษายน 2564 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ครั้งที่ 2/2564 เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนพัฒนากำลังคนของประเทศรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve  โดยมีหม่อมหลวงปุณฑริก สิมิติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะทำงาน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศุสิงห์ ชั้น 10 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2563 คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบให้จัดทำแผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ได้รวบรวมแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-curveประกอบด้วย ข้อมูลแผนงาน/โครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมจำนวน 160 โครงการ ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมพัฒนาคนและการศึกษา เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาแรงงานในกลุ่ม 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

จากข้อมูลแผลการดำเนินของแต่ละหน่วยงาน มีเป้าหมายในการพัฒนาจำนวนกำลังแรงงานประมาณ 890,000 คน ครอบคลุมประมาณการความต้องการกำลังแรงงานใหม่และแรงงานที่อยู่ในสถานประกอบกิจการ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปี 2562 - 2566 รวมกว่า 475,000 คน ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ มีความต้องการแรงงานกว่า 142,00 คน อุตสาหกรรมดิจิทัลจำนวนกว่า 116,000 คน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จำนวนกว่า 58,000 คน เป็นต้น ซึ่งการจัดทำแผนฯ ครั้งนี้ ทำให้สามารถเห็นภาพความต้องการกำลังแรงงานของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายใน S-Curve ของประเทศ พร้อมวางแผนการพัฒนากำลังแรงงานเพื่อนำไปสู่การพัฒนาแรงงานในเชิงรุก ด้วยการ re skill และ up skill 

“แผนพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ โดยเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อการทำงาน ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและการประกอบอาชีพในอนาคต โดยจะนำกรอบแผนพัฒนากำลังคนเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช.) เพื่อเร่งขับเคลื่อนต่อไป” รมช.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

โรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ พร้อมรับมือโควิดระบาด ติดตั้งระบบเสมือนห้องความดันลบ ฟอกอากาศกำจัดเชื้อที่จะออกจากอาคารได้ปลอดภัย เปิดใช้งานแล้ว 9 เม.ย.64 เบื้องต้นรับได้ 280 เตียง แต่พร้อมขยายเพิ่มเป็น 700 เตียง

หลังจากจังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นวันเดียว 36 ราย ทำให้ยอดสะสมระลอกใหม่พุ่งขึ้นเป็น 47 ราย และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกต่อเนื่อง ล่าสุดทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งเตรียมความพร้อมสำหรับโรงพยาบาลสนาม หลังประเมินสถานการณ์แล้วว่าจะรุนแรงกว่าทุกทั้งที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะส่งผลให้พื้นที่ในโรงพยาบาลแต่ละแห่งไม่เพียงพอสำหรับดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก อีกทั้งแต่ละโรงพยาบาลก็ยังมีภาระในการดูแลผู้ป่วยทั่วไปด้วย

ดังนั้นจึงมีการเตรียมพร้อมเปิดโรงพยาบาลสนามที่ก่อนหน้านี้มีการวางแผนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า โดยใช้อาคารของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งมีห้องโถงใหญ่ 3 โถง แบ่งใช้ 1 ห้องโถงติดตั้งระบบ และเตียงไว้จำนวน 280 เตียง แบ่งเป็นชาย 140 เตียง หญิง 140 เตรียม พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น

ขณะที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลสนามนั้น นายแพทย์ วรวุฒิ โฆวัชรกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสันทราย ในฐานะผู้รับผิดชอบการวางแผนโรงพยาบาลสนาม เปิดเผยว่า ขณะนี้พร้อมที่จะเปิดโรงพยาบาลสนามแล้ว ซึ่งโรงพยาบาลสนามจะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 280 เตียง แบ่งเป็นชาย 140 และหญิง 140

ทว่าหากมีมากกว่านี้จะสามารถขยายได้อีกเป็น 3 เท่า เนื่องจากห้องโถงที่ใช้เป็นโถงแรก แต่ที่ศูนย์ประชุมแห่งนี้มีอีก 2 โถงใหญ่ โดยจะใช้รองรับผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นปกติ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะพักฟื้น ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ก็จะมีการส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหลักที่เตรียมไว้ โดยจะมีแพทย์พยาบาลมาตรวจสุขภาพทุกวัน

ส่วนการเลือกใช้สถานที่แห่งนี้นั้น เพราะเชียงใหม่ประสบภาวะเรื่องของมลพิษทางอากาศจากหมอกควันและไฟป่า ส่งผลให้ค่า PM 2.5 สูง ซึ่งโควิด-19 เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจจะโจมตีที่ปอดเป็นหลัก ดังนั้นฝุ่นควันจึงจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยจึงต้องเตรียมสถานที่ที่มีระบบปรับอากาศรองรับ ทั้งส่วนของเตียงผู้ป่วย ห้องน้ำ ก็อยู่ในอาคารทั้งสิ้น สะดวกสบายกว่าที่อื่น ๆ

สำหรับโรงพยาบาลสนามในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จะมีระบบดูดอากาศเหมือนเป็นห้องความดันลบเล็กๆ ซึ่งตั้งระบบดูดอากาศไว้ด้านนอกอาคาร เมื่อดูดออกไปก็จะมีตัวกรองเชื้อโรคที่ปลายทาง โดยอากาศที่ดูดออกไปจะถูกแสงอัลตราไวโอเลตกำจัดเชื้อ รวมทั้งตัวกรองอากาศเฮปปาอีกชั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศที่ออกจากอาคารนี้จะปลอดเชื้อ ส่วนบุคลากรทางการแพทย์นั้นจะระดมมาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งเชียงใหม่ มาเข้าเวรเป็นผลัด ผลัดละ 12 ชั่วโมง และเนื่องจากว่าคนไข้ที่ใช้โรงพยาบาลสนามจะเป็นคนไข้ที่อาการไม่รุนแรงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เดินไปมาเองได้ จึงจะใช้พยาบาลประมาณ 4 คนต่อจำนวนผู้ป่วยประมาณ 50 คน แต่อาจจะเพิ่มจำนวนได้ถ้าจำนวนผู้ป่วยมากกว่านี้

ทั้งนี้บรรยากาศที่โรงพยาบาลสนามช่วงเช้านี้ ทางเจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดเช็ดถูเตียงและพื้นที่ทั้งหมดอีกครั้ง เตียง ฟูก ผ้าปู หมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม รวมทั้งตู้เก็บของ ก็เป็นของใหม่หมดที่จัดซื้อจากงบของภาครัฐร่วมกับการสนับสนุนของภาคเอกชน ด้านหน้าทางเข้ามีระบบคัดกรอง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ห้องเปลี่ยนชุด PPE ของบุคลากรทางการแพทยที่จะเข้าออก และมีห้องพักของบุคลากรที่จะต้องมาเข้าเวร


ที่มา: http://https://mgronline.com/local/detail/9640000033943

"ชัยวุฒิ" โชว์ผลตรวจเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด หลังร่วมเปิดงาน หลักสูตรDigital Tranformation For CEO#3 ที่จัดโดยเครือเนชั่น งานเดียวกับที่พ่อปันปันไปร่วมงานเลี้ยง

ภายหลังจากที่ นายสุรศักดิ์ อุดมศิลป์ หรือ พ่อของน.ส.สุทัตตา อุดมศิลป์ หรือ ปันปัน ดารานักแสดงชื่อดัง ที่ไปร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวหลักสูตร Digital Tranformation For CEO#3 ช่วงค่ำของวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งผลออกมาวันนี้ พบว่าติดเชื้อโควิด โดยในงานดังกล่าว มีนายชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ไปเป็นประธานเปิดงาน ในช่วงเวลา 14.30 – 15.30 น. แล้วได้เดินทางกลับทันที ไม่ได้อยู่ในช่วงงานเลี้ยงอาหารค่ำแต่อย่างใด

ล่าสุดนายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวกรณีที่ตนไปเปิดงานหลักสูตรDTC ดังกล่าว แล้วเกิดพบว่ามีผู้ติดโควิดมาร่วมในงานด้วยนั้น จึงได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 7 เม.ย. 64 แล้ว ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลอะไรเพราะไม่ได้อยู่ร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำ จึงไม่ได้สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจแก่เจ้าหน้าที่ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงที่ตนเองได้ร่วมประชุม และหารือการทำงานให้เกิดความมั่นใจ และปลอดภัยจึงไปตรวจไว้

ทั้งนี้ทางแพทย์โรงพยาบาลพญาไท ได้แจ้งผลตรวจหาเชื้อโควิดออกมาแล้ว โดยพบว่า ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเข้มเรื่องมาตรการป้องกันโควิดมากขึ้น และที่สำคัญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับรัฐมนตรีและครม. ให้ไม่ประมาทในการไปร่วมงานต่าง ๆ พบปะประชาชนต้องเข้มมาตรการด้านสาธารณสุขมากขึ้นกว่าเดิม

ประกันสังคม เปิดรับสมัคร รพ.เอกชน เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตน ประจำปี 2565

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการดำเนินการจัดหาสถานพยาบาลเพื่อให้บริการทางการแพทย์ให้แก่ผู้ประกันตน ว่าสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดรับสมัครสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลเพื่อให้บริการ ทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนประจำปี พ.ศ. 2565 โดยสถานพยาบาลเอกชนที่มีความประสงค์เข้าร่วมเป็นสถานพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม สามารถขอรับและยื่นใบสมัครได้ที่สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม เลขที่ 88/28 หมู่ที่ 4 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี หรือสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ในท้องที่ที่สถานพยาบาลตั้งอยู่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ในวันและเวลาราชการ โดยสามารถดูข้อมูลและดาวน์โหลดเอกสารการรับสมัครได้ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม http://www.sso.go.th หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักจัดระบบบริการ ทางการแพทย์ หรือติดต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ทั้งนี้ การเปิดรับสมัครสถานพยาบาลเอกชนเข้าร่วมเป็นคู่สัญญากับประกันสังคมเป็นประจำทุกปี นอกเหนือจากการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนเป็นไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังจะช่วยรองรับจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี และเป็นการกระตุ้นให้สถานพยาบาลเอกชนเกิดการแข่งขันทั้งด้านการให้บริการและคุณภาพในการรักษาพยาบาลแก่ผู้ประกันตนอีกด้วย

ข่าวดีในวงการแพทย์วันนี้ ทีมแพทย์ญี่ปุ่นจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนถ่ายปอด จากผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 เรื้อรังจนปอดเสียถาวรได้แล้ว ซึ่งนับเป็นเคสการผ่าตัดเปลี่ยนปอดจากคนเป็นสู่คนเป็นได้เป็นรายแรกของโลก

ผู้ป่วยโควิด-19 รายนี้เป็นแม่บ้านชาวคันไซ ติดเชื้อ โควิด-19 ในช่วงปลายปี 2020 และเชื้อไวรัสได้เข้าไปทำลายปอดของเธอจนปอดไม่สามารถกลับมาทำงานได้อย่างปกติ จำเป็นต้องใช้ปอดเทียมภายนอกเพื่อพยุงชีวิตไว้เท่านั้น

ทีมแพทย์จากมหาวิทยาเกียวโต นำโดย ด็อกเตอร์ ดาเตะ ฮิโรชิ ต้องหาผู้บริจาคอวัยวะให้กับแม่บ้านหญิงท่านนี้เป็นการด่วน ที่โดยทั่วไปมักเป็นผู้บริจาคที่สมองถูกทำลาย แต่อวัยวะอื่น ๆ ยังคงทำงานอยู่ แต่ทั้งนี้ก็เป็นเคสที่หายากมาก ๆ ในญี่ปุ่น และไม่รู้ว่าจะพบผู้บริจาคเช่นนี้ได้เมื่อไร

ดังนั้น สามี และลูกชาย ของคุณแม่บ้าน จึงตัดสินใจบริจาคเนื้อเยื่อปอดบางส่วนให้ หากมันจะสามารถนำไปใช้กับภรรยาของเขาได้ หลังจากนั้นทางทีมแพทย์ของด็อกเตอร์ ดาเตะ จึงได้ตัดสินใจทดลองรักษา

และน่าทึ่งอย่างมาก เพราะปรากฏว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทั้งสามี และ ลูกชาย สามารถบริจาคเนื้อเยื่อปอดบางส่วนได้ และปลอดภัย ส่วนแม่บ้านชาวคันไซยังคงต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลต่ออีกราว ๆ 2 เดือน โดยสภาพร่างกายถือว่าน่าพอใจ

เหตุการณ์นี้ นับเป็นการเปลี่ยนถ่ายปอด โดยผู้บริจาคที่ยังมีชีวิตสมบูรณ์เป็นรายแรกของโลก หลังจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐอเมริกาเคยมีกรณีจำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอดให้กับผู้ป่วยโควิด-19 เช่นเดียวกัน และได้ใช้กลยุทธที่เรียกว่า ‘Covid to Covid’ โดยใช้ปอดของผู้ที่เคยป่วยเป็น โควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่เสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่นมาเปลี่ยนให้กับผู้ป่วย โควิด-19 อีกต่อหนึ่งได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นผู้บริจาคอวัยวะที่ถือว่าเสียชีวิตแล้ว

ดังนั้นความก้าวหน้าของทีมแพทย์ญี่ปุ่นในครั้งนี้ จึงกลายเป็นความหวังของผู้ป่วยโควิด-19 เรื้อรัง จนปอดได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมากทั่วโลก ที่ยังมีโอกาสหาผู้บริจาคที่ยังมีชีวิต และยินดีบริจาคบางส่วนของอวัยวะอันมีค่าให้กับคนในครอบครัว ให้สามารถใช้ชีวิตได้ร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง


อ้างอิง:

https://edition.cnn.com/2021/04/09/asia/japan-lung-transplant-covid-intl-hnk/index.html

https://www.bbc.com/news/world-asia-56684073

บขส. - รถไฟ เริ่มคึกคึก หลังคนทยอยเดินทางสงกรานต์

บรรยากาศการเดินทางช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 9 เมษายน 2564 นี้ หลาย พื้นที่เริ่มมีคนทยอยเดินทางออกต่างจังหวัด โดยเฉพาะบริเวณสถานีขนส่ง ล่าสุด นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยตัวเลขผู้โดยสารเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า เมื่อวานนี้ (วันที่ 8 เมษายน 2564) บขส. ได้จัดรถบขส.,รถร่วม,รถตู้ (เที่ยวไป) จำนวน 3,443 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร จำนวน 40,017 คน ส่วนเที่ยวกลับ ได้จัดรถ บขส., รถร่วม, รถตู้ จำนวน 3,470 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร จำนวน 31,868 คน 

ส่วนในวันที่ 9 เมษายน 2564 บขส. ประเมินว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนา ประมาณ 50,000 คน โดย บขส. ยังคงจัดรถโดยสารรองรับการเดินทางในเที่ยวไปกว่า 5,000 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 100,000 คน  

ขณะที่ สถานีรถไฟ โดยบรรยากาศที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ในวันที่ 9 เม.ย. นี้ ยังคงมีผู้โดยสารทยอยเดินทางกลับหนาตาขึ้น ส่วนใหญ่เป็นขบวนรถระยะใกล้ เช่น ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี บ้านภาชี ตะพานหิน โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย จะให้บริการขบวนรถพิเศษเพิ่มเติม มีทั้งประเภทรถนอนปรับอากาศ และรถนั่งชั้น 3 ไป - กลับ รวม 16 ขบวน แบ่งเป็นเส้นทางสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 9 - 14 เม.ย. 2564 (เที่ยวไป 8 ขบวน) และวันที่ 10 และ 15 เม.ย. 2564 (เที่ยวกลับ 8 ขบวน) รวมทั้งยังได้มีการพ่วงตู้โดยสารเพิ่มจนเต็มหน่วยลากจูงในขบวนรถที่วิ่งให้บริการปกติทุกสายทั่วประเทศ ซึ่งทำให้สามารถรองรับปริมาณการเดินทางของประชาชนได้สูงสุดถึง 100,000 คนต่อวัน

ศบค.มท. แจ้งทุกจว. อนุญาตผ่อนคลายเฉพาะการซ้อมชนโค ชนไก่ กัดปลาโดยไม่มีผู้เข้าชมในสนาม

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564  ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ด้วยคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ให้กระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจตามกฎหมาย พิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 18) กรณีสนามชนโค สนามชนไก่ สนามกัดปลา สนามฝึกซ้อมหรือแข่งขันหรือการจัดกิจกรรมอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน โดยให้สามารถจัดการฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้แบบไม่มีผู้ชม และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด และเพื่อให้การดำเนินการตามมติครม.เป็นไปในแนวทางเดียวกันทุกจังหวัด 

รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค ไก่ชน และปลากัด ได้กลับมาประกอบอาชีพอีกครั้ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาอนุญาตผ่อนคลายกิจกรรมพื้นบ้านได้เฉพาะการซ้อมชนโค ชนไก่ และกัดปลา โดยไม่มีผู้เข้าชมในสนาม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และต้องปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากพบว่ากิจกรรมใดไม่ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข ให้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาสั่งปิดเป็นรายกรณีต่อไป

ข่าวด่วนจากสำนักพระราชวังบักกิ้งแฮม ได้ประกาศข่าวเศร้าว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีแห่งสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบด้วยสิริอายุ 99 พรรษา

#เจ้าชายฟิลิป_พระสวามีสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่_2

#สิ้นพระชนม์

ทางการอังกฤษจะเริ่มพิธีไว้อาลัย ลดธงครึ่งเสาในสถานที่ราชการทุกแห่งตั้งแต่วันนี้

เจ้าชายฟิลิป ทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระธิดาองค์โตของพระเจ้าจอร์จ ที่ 6 ในปี 1947 ก่อนที่จะเถลิงราชบัลลังก์เป็นสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ในปี 1952

ทั้ง 2 พระองค์มีพระโอรส และพระธิดาร่วมกัน 4 พระองค์ ได้แก่...

...เจ้าฟ้าชายชาร์ล เจ้าชายแห่งเวลส์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งมกุฏราชกุมาร ทายาทลำดับ 1 แห่งราชวงศ์อังกฤษ

...เจ้าหญิงแอน

...เจ้าขายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ค

...เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเส็ก

และร่วมพระราชกรณียกิจในราชสำนักอย่างยาวนาน จนกระทั่งต้องขอหยุดภารกิจในเดือนพฤษภาคม 2017 เนื่องด้วยปัญหาด้านพระพลานามัยและใช้เวลาส่วนใหญ่ประทับในวัง Sandringham ในเมือง Norfolk

ครั้งสุดท้ายที่ชาวอังกฤษได้เห็น เจ้าชายฟิลิปในสื่ออังกฤษ คือช่วงที่ เจ้าชายฟิลิปเสด็จประทับที่โรงพยาบาล King Edward VII ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2020 นานถึง 1 เดือน และมีรับสั่งให้เจ้าฟ้าชายชาล์ส เสด็จเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์

แต่หลังจากที่เสด็จออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นาน ก็มีข่าวการสิ้นพระชนม์ในวันนี้

เจ้าชายฟิลิป ถือเป็นสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษที่มีบุคลิกเฉพาะตัว เป็นนักกีฬาตัวยง มีอารมณ์ขันอยู่เสมอ

ริชาร์ด ชาร์เตอร์ส บิชอปแห่งลอนดอน ได้เคยกล่าวถึงเจ้าชายฟิลิปว่า หากมีใครสักคนที่มีโอกาสได้อภิเษกสมรสกับพระราชินีแห่งอังกฤษ หลายคนมักคิดว่าเขาคนนั้นคงมีบุคลิกอันน่าเบื่อ เต็มไปด้วยแบบแผน แต่ท่านดยุคแห่งเอดินบะระ ไม่เป็นเช่นนั้น ท่านมีความสามารถหลายอย่างน่าทึ่ง ที่ไม่เคยทำให้ใครเบื่อ


อ้างอิง:

https://www.bbc.com/news/uk-11437314

https://www.theguardian.com/uk-news/2021/apr/09/prince-philip-duke-of-edinburgh-dies?CMP=fb_gu&utm_medium=Social&utm_source=Facebook#Echobox=1617966382


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top