Saturday, 10 May 2025
GoodsVoice

‘แสนสิริ’ ท็อปฟอร์ม!! กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกแตะ 4.7 พันลบ. สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา

(29 พ.ย.66) ปี 2566 เป็นปีของ ‘แสนสิริ’ จริง ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การประกาศเดินหน้าลงทุน 22 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นช่วงโค้งท้ายปีที่คู่แข่งขันจำนวนหนึ่งกำลังอ่อนแรง

หากแต่ผลประกอบการ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2566) สามารถทำผลงานโดดเด่น ทำให้บริษัทพกความมั่นใจว่าจนถึงสิ้นปีนี้ แสนสิริจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

โดย ‘วิชาญ วิริยะภูษิต’ ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยผลประกอบการรอบ 9 เดือนแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 4,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันของปี 2565

โดยเป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3/66 จำนวน 1,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

คำอธิบายส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุน โดยเฉพาะการร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น การควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งแสนสิริมีแผนพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจต่าง ๆ มากขึ้นในอนาคต

จุดโฟกัส คือ กำไรในงวด 9 เดือนปีนี้ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และมากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 2565 ที่มีจำนวน 4,280 ล้านบาท

สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต และนับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตาม business direction ที่วางไว้

รายละเอียดรัว ๆ รายได้รวมรอบ 9 เดือนอยู่ที่ 28,047 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 70% ของเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยเป็นรายได้รวมเฉพาะไตรมาส 3/66 ที่ 9,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 เป็นผลมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง

“เป้ารายได้ทั้งปี 40,000 ล้านบาท ซึ่งงวด 9 เดือนเราบันทึกรายได้รวมไปแล้ว 28,047 ล้านบาท รายได้ที่เหลืออีก 12,000 ล้านบาท จะมาจาก backlog ของบ้านและคอนโดมิเนียมที่ขายแล้ว และกำลังทยอยส่งมอบ รวมถึงการขายโครงการใหม่ อาทิ เนีย บาย แสนสิริ และเศรษฐสิริ 5 โครงการใหม่”

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ SIRI ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ในระดับ AA และติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สะท้อนถึงแนวคิดของแสนสิริในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)

โดยการลงทุนในหุ้นยั่งยืนนี้ เป็นเทรนด์การลงทุนที่สำคัญของนักลงทุนทั่วโลกที่ใช้เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้น ควบคู่ไปกับผลประกอบการทางธุรกิจ

ไฮไลต์ยังไม่หมด ล่าสุด แสนสิริ ได้รับความไว้วางใจให้เป็น Most Valuable Real Estate Brand 2023 หรือแบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าแห่งอนาคตสูงสุดประจำปี 2023

โดยมีมูลค่าแบรนด์สูงสุดของวงการอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท

โดยเป็นความร่วมมือของบารามีซี่ กรุ๊ป (Baramizi Group) และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการประเมินมูลค่าแบรนด์ ด้วยชุดเครื่องมือร่วมกันคิดค้นชุดใหม่ เรียกว่า Brand Future Valuation (BFV) ที่สามารถประเมินมูลค่าแบรนด์ได้รอบด้าน ทรงพลัง และสามารถประเมินไปถึงมูลค่าแบรนด์ในอนาคต

‘นายกฯ’ เยือนสันกำแพง สร้างแรงบันดาลใจสินค้า OTOP ลั่น!! ต้องพาสู่ตลาดโลก ใต้ ‘มูลค่า-ราคา’ ที่กำหนดได้เอง

(29 พ.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงข่วงสันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยได้มีชาวสันกำแพง ให้กำลังใจและมอบของที่ระลึกให้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นบ้านเกิดนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ จะเดินทางมาร่วมงานดังกล่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลาพิธีกรในงานแจ้งผู้ร่วมงานทราบว่าน.ส.แพทองธาร ส่งกำลังใจมาให้ชาวสันกำแพงทุกคนแทน เนื่องจากติดภารกิจ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นายกฯ เดินทางมาถึงชาวสันกำแพงได้ส่งเสียงต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความอาทิ "คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง ขอท่านนายกฯ ช่วยแก้หนี้นอกระบบ, ขอบคุณนายกฯ ทำให้มีอากาศหายใจ ‘ชาวสันกำแพงรักนายกฯเศรษฐารอเงินดิจิทัล 10,000 บาท อยู่นะจ๊ะ, รักนายกฯ เศรษฐา, ซอฟต์พาวเวอร์อำนาจแห่งความสร้างสรรค์ เพื่อสรรค์สร้างเศรษฐกิจไทย"

จากนั้น นายกฯ ได้เดินทักทายชาวสันกำแพงที่มารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายรูปน.ส.แพทองธาร  ทำให้ชาวสันกำแพงโห่ร้องดีใจ นอกจากนี้ ชาวสันกำแพงยังระบุอีกว่า "เรารอเงินดิจิทัลอยู่นะคะ" เรียกเสียงปรบมือจากผู้มาร่วมงาน โดยนายกฯ ยิ้ม พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ และแวะทักทายถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวบ้านที่สวมผ้าสันกำแพงมาต้อนรับ 

จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์โอทอปของชาวสันกำแพง โดยช่วยหนึ่งนายกฯ ได้เขียนชื่อตนเองเป็นที่ระลึกบนร่มผ้า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ชาวสันกำแพง ก่อนรับมอบร่มกระดาษสาสีแดง พร้อม ‘กางจ้อง’ ให้กับช่างภาพสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก อย่างอารมณ์ดี

ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมการเขียนลายบนศิลาดล ซึ่งได้มีการนำเครื่องปั้นดินเผาช้าง มาให้นายกฯ เขียนชื่อ ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำเป็นศิลาดล พร้อมอธิบายถึงลวดลายบนตัวช้าง ซึ่งมีตัว S บนตัวช้าง ซึ่งมีความหมายคือ ‘เศรษฐา’ และช้างหมายถึงความโชคดี เพื่อที่ท่านจะได้นำความสุขให้กลับมาสู่ชาวไทย และช้างตัวนี้มีความสง่างาม และภายหลังเคลือบศิลาดลแล้วจะฝากผู้ว่าเชียงใหม่ไปให้นายกฯ จากนั้นได้มอบข้าวต้มมัด โดยระบุว่า “ทำด้วยหัวใจของชาวสันกำแพงให้นายกฯ ได้ชิม”

จากนั้นนายกฯ ได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วย Soft Power โดยนายกฯ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่เตรียมสปีดให้ 2 หน้า ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่พวกท่านไม่ค่อยอยากได้ยิน เราพูดความเป็นจริงดีกว่า การที่ได้มานั่งฟังตรงนี้ ทีมงานจัดระดับงานได้ดีมาก เดินเข้ามาแล้วมาเจอพิพิธภัณฑ์ ได้มาดู พูดคุยทราบวิธีการผลิต ซึ่งแตกต่างจากหน้าทำเนียบฯ ได้มาฟังเด็กรุ่นใหม่ เยาวชน ถือเป็นนิมิตหมายอันดี และจังหวัดเชียงใหม่ก็เหมือนเมืองหลวงของเพื่อไทย 

นายกฯ กล่าวว่า การตลาดเป็นเรื่องสำคัญ เดินเข้ามาผลิตภัณฑ์สวยมาก โดยดูจากแววตาและสีหน้าทุกคนมีความตั้งใจทำงานและเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ตัวเองอย่างดีเลิศ และเข้าใจความต้องการของตลาดด้วย แต่การที่เราเข้าใจตลาดและทำสินค้าที่ดีออกมาบางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบถึงข้อดีผลิตภัณฑ์ ไม่เป็นเรื่องบังเอิญ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และคนที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลนี้ ได้มีการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทยประจำทุก ๆ ประเทศ เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นคู่พาณิชย์ทั้งหลาย ความสำคัญของการตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเรามีสินค้าดีเราควรต้องเอาไปเผยแพร่ ไปขาย ไปสร้างตลาดสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เราจะมีดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่ชัดเจนต่อไปนี้ จะต้องไปขายของเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือพวกท่านให้มีพื้นที่ในการแสดงสินค้า

นายกฯ กล่าวว่า ตนเคยคุยกับรัฐมนตรีอยากหาพื้นที่ในกรุงเทพฯ เพื่อจัด OTOP ให้มีโอกาสไปขายไปเผยแพร่ เหมือนกับมาทีเดียวแล้วเห็นหมด โดยคำนึงถึงรายจ่ายที่พวกท่านไม่ควรจะต้องมี ซึ่งคงจะต้องพูดคุยกัน เราจะมีการจัดสถานที่ให้ ดีไซน์หน้าร้านให้ เพื่อให้พวกท่านได้มีการมาแสดงสินค้าของพวกท่านเผยแพร่สินค้าเหล่านี้จะติดต่อไปอาจจะมีการเชิญผู้จัดต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมด้วย โดยเฉพาะทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำต่างประเทศ เมื่อไหร่ที่ท่านกลับมาจะได้มาดูและอาจจะต้องมีการใช้ดัชนีชี้วัด วัดความสำเร็จด้วย หากเอาเสื้อไปขายเอากระเป๋าไปขายจะต้องขายเท่าไหร่ มีช้างที่ทำจากเซรามิกจะต้องขายกี่ตัว อันนี้เป็นความหวังและเป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ที่เราอยากให้มีเรื่องการตลาดเป็นเรื่องสำคัญ จนมั่นใจว่าสินค้าพวกท่านเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ แต่ยังมีการสนับสนุนด้านการตลาดเปิดตลาดน้อยไป 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาจนเดินทางไปหลายประเทศ พยายามไปขายสินค้า ไม่ได้ขายแค่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราอยากไปเปิดตลาดใหม่ๆ ซึ่งพวกท่านจะได้ขายสินค้าเป็นความหวังคุ้มกับแรงบันดาลใจของทุกคน รัฐบาลนี้เป็นห่วงและอยากส่งเสริมให้พวกท่านมีศักยภาพในเวทีโลก ได้มีพื้นที่บนเวทีโลก และสำหรับเรื่องของแหล่งทุนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญจริงๆแล้วต้องเอาหลักการคิด การแข่งขันมาด้วย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะยื่นเอาเงินให้อย่างเดียว พวกท่านก็ต้องช่วยตัวเอง ต้องมีการแข่งขัน หากสินค้าดีก็ต้องมีการแข่งขัน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องช่วยสนับสนุนให้พี่น้องมีแหล่งเงินทุนเข้าถึงได้ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ไม่ได้ไปยืมเงินจากหนี้นอกระบบ หรือเงินนอก ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำตรงนี้ให้ได้ อีก 2 สัปดาห์ตนจะไปญี่ปุ่น เราก็จะไปนั่งดูและเชิญอาจจะต้องมีการเชิญตัวแทนผู้ประกอบการไปดูว่าเขาทำอะไรบ้าง พวกท่านทราบอยู่แล้วว่า แพ็กเกจจิ้งของประเทศญี่ปุ่นสวยมาก 

นายกฯ กล่าวว่า หลายคนอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว อยากให้อยู่ที่นี่สร้างความเจริญให้กับพื้นที่ตรงนี้เท่าที่สามารถจะทำได้ และเป็นหน้าที่ของตนเองที่จะต้องสร้างอนาคตและแรงบันดาลใจให้กับพวกท่านอยากอยู่ในพื้นที่ เพราะคงไม่มีใครรู้ประเพณีวัฒนธรรมและสินค้าของพวกเราเท่ากับทุกท่านที่เกิดและโตที่นี่ จึงอยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกท่านทุกคนในการที่จะทำต่อไป รวมถึงเรื่องของการดีไซน์ต้องเข้าใจถึงความต้องการตลาดโลกจึงอยากให้มีการช่วยเหลือตรงจุดนี้ ฉะนั้นการเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจะช่วยดีไซน์ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกท่านให้ดูดีสามารถไปแข่งขันในเวทีโลกได้ เหล่านี้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องช่วยเหลือ

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการสะดุดจากสถานการณ์โควิดโลก เหล่านี้ไม่สามารถการันตีได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีก ถือเป็นการทำลายโอกาส ฉะนั้นความพร้อมทางออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องทำให้พวกท่านมีความหวังและแรงบันดาลใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เรื่องหนึ่งของรัฐบาลนี้ เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้ 2-3 เดือนก็จะพยายามกลับมาอีก ด้วยมีข้อเสนอแนะและอยากจะพาท่านไปสู่เวทีโลกในอีกหลาย ๆ ประเทศ หน้าที่ของรัฐบาลสร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านมีขวัญและกำลังใจในการที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

เปิดฉาก!! ‘Motor Expo 2023’ ระดมค่ายรถ 63 แบรนด์ดัง พ่วงจัดแสดง ‘เรือ-อากาศยาน’ ห้ามพลาด 30 พ.ย.-11 ธ.ค.นี้

(29 พ.ย.66) กระหึ่มแล้ว!! งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 โดยปีนี้จัดงาน ภายใต้แนวคิด ‘ยานยนต์ : ความหมายที่มากกว่า-Mobility : Imagination and Beyond’ มีค่ายรถยนต์เข้าร่วมงานทั้งหมด 40 แบรนด์ จาก 11 ประเทศ รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ จาก 7 ประเทศ รวมถึงมีธุรกิจ เรือ และเพิ่มการจัดแสดงอากาศยาน ทำให้งานมีความสมบูรณ์แบบจากการแสดงยานยนต์ครบวงจรทั้งทางบก เรือ และอากาศเป็นครั้งแรก

รถยนต์ 40 แบรนด์ ได้แก่ AION, AUDI, BENTLEY, BMW, BYD, CHANGAN, FORD, GWM, HONDA, HYUNDAI,ISUZU, JEEP, KIA, LEXUS, LOTUS,MASERATI, MAZDA, MERCEDES-BENZ, MG, MINI, MITSUBISHI, MOKE, NETA, NEX, NISSAN, PEUGEOT, POCCO, PORSCHE, SMOGO, SUBARU, SUZUKI, TATA, TESLA, TOYOTA,VOLVO, WULING รวมถึงชุดแต่ง และรถยนต์จากผู้นำเข้าอิสระ ได้แก่ BMW MPERFORMANCE, CARLSSON, M’Z SPEED และ SWIFT

รถจักรยานยนต์ 23 แบรนด์ ได้แก่ ALPHA VOLANTIS, BMW, CINECO, CYCLONE, EM EV BIKE THAILAND, FELO, HANWAY, HARLEY-DAVIDSON, HONDA, I-MOTOR, KAWASAKI, LAMBRETTA, LYVA, RAPID, ROYAL ALLOY, ROYAL ENFIELD, SCOMADI,SMOGO, SOLAR, SUZUKI, TRIUMPH, YAMAHA และ ZEEHO

นอกเหนือจากนี้ ยังมีรถมือสอง 4 แบรนด์ ได้แก่ BMW PREMIUM SELECTION, JUST CAR,MERCEDES-BENZ CERTIFIED, PRE-OWNED VEHICLES และ VOLVO SELEKT รวมทั้งพื้นที่ JOIN BOAT PLATFORM โดยงาน MOTOR EXPO 2023 ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจเรือจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเรือ และการท่องเที่ยวทางน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงเรือมากกว่า 10 ลำ

นอกจากนี้ ยังจัดแสดงโซนอากาศยานเป็นครั้งแรก โดยร่วมกับ สถาบันการเรียนการสอน เทคโนโลยี นวัตกรรม บริการภาคพื้น และเช่าเหมาลำรวม 14 องค์กร ได้แก่ โรงเรียนการบินไทยอินเตอร์ไฟลอิ้ง, สมาคม Blue Bird, สมาคมกีฬาทางอากาศ,สถาบันการบินพลเรือน, EASY 2018, PULSE SCIENCE, TOP Engineering, MU Space and Advanced Technology, YAMAHA, SIT, AAS, สยาม ซีเพลน, First Global Jet และ SAVIATION

สำหรับกิจกรรมคืนกำไรให้ผู้ชมทั้ง ซื้อรถ...ชิงรถ/ซื้อบัตร...ชิงรถ/ซื้อสินค้า...ชิงรถ/ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิ๊กไบค์/ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล มีรายละเอียดดังนี้

‘ซื้อรถ...ชิงรถ’ เมื่อจองหรือซื้อรถยนต์ใหม่ภายในงานมีสิทธิ์ชิงรถยนต์ NEW MG HS PHEV Dมูลค่า 1,299,000 บาท

‘ซื้อบัตร...ชิงรถ’ ผู้ซื้อบัตรชมงาน มีสิทธิ์ชิงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า NETA V มูลค่า760,000 บาท

‘ซื้อสินค้า...ชิงรถ’ เมื่อซื้อสินค้าภายในงานจากร้านค้าที่ร่วมรายการตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป (ยกเว้นการจอง/ซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และรถใช้แล้ว) มีสิทธิ์ชิงรางวัลใหญ่ รถยนต์ MITSUBISHI ATTRAGE 1.2 ACTIVE CVT A/T ราคา 529,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

‘ซื้อมอเตอร์ไซค์...ชิงบิ๊กไบค์’ เมื่อจองหรือซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในงาน มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์HONDA รุ่น XL750 TRANSALP 2023 มูลค่า 394,000 บาท จำนวน 1 รางวัล

‘ชมงานผ่าน MOTOR EXPO APP ชิงรางวัล’ ผู้ชิงโชคต้องลงทะเบียนใน MOTOR EXPO APPLICATION โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566-31 ธันวาคม 2566 มีสิทธิ์ชิงรถจักรยานยนต์ ALPHA VOLANTIS รุ่น HORIZON300 มูลค่า 129,900 บาท จำนวน 1 รางวัล

พิเศษสำหรับผู้ชมงานมีบริการ ‘MOTOR EXPO EXCLUSIVE VISITOR’ เป็นแพ็กเกจชมงานแบบวีไอพี เพียง 700 บาท รับสิทธิพิเศษ ที่จอดรถ VIP ณ ลานจอดรถ P1 (1 คัน/1 สิทธิ์) ฟรีค่าจอด 3 ชม. พื้นที่รับรองพิเศษ EXCLUSIVE VISITOR LOUNGE บัตรเข้าชมงาน ULTIMATE VIP 2 ใบ บริการนำชมรถโดยพนักงานขายของแบรนด์ที่ลูกค้าสนใจ และซื้อสินค้าที่ระลึก MOTOR EXPO ลด 10%

ทั้งนี้ งาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40’ จัดระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม 2566 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ติดตามข้อมูลเพิ่มเติม motorexpo.co.th,FB : MotorExpo, IG : Motorexpoth, YouTube : IMCOnlineTH, Line : Motorexpo และ Twitter : MotorExpoTH

นับถอยหลัง 'อิเกีย สุขุมวิท' สโตร์ใหม่กลางกรุง เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 1 ธ.ค.นี้

(30 พ.ย.66) สานต่อวิสัยทัศน์ระดับโลกในการช่วยให้ชีวิตผู้คนทั่วโลกดีขึ้นทุกวัน ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนเมืองด้วยโซลูชันการตกแต่งบ้านที่ครอบคลุม พร้อมสินค้าที่มีให้เลือกมากมายถึง 8,254 รายการ โดยมีถึงกว่า 4,000 รายการที่สามารถช้อปและนำกลับบ้านได้เลย การสร้างโอกาสในการทำงานที่ส่งเสริมความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมให้แก่ทีมงานกว่า 180 คน และความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชนโดยรอบสู่ความยั่งยืน พร้อมประสบการณ์ช้อปปิ้งที่อำนวยความสะดวกและบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนที่ให้บริการที่ อิเกีย สุขุมวิท เป็นที่แรก

ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ อิเกีย สุขุมวิท (อยู่ในโครงการ Emsphere ของกลุ่มเดอะมอลล์) พร้อมอำนวยความสะดวกในการเดินทางที่ง่ายขึ้นด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งอย่างเต็มรูปแบบตามแบบฉบับของอิเกีย ด้วยสินค้าที่มีให้เลือกมากมายถึง 8,254 รายการ โดยมีถึงกว่า 4,000 รายการที่สามารถช้อปและนำกลับบ้านได้เลย บนพื้นที่กว่า 12,000 ตร.ม. แบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โชว์รูมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับวิถีชีวิตของชาวเมือง มาร์เก็ตฮอลล์ที่มีสินค้ากว่า 3,000 รายการให้เลือกช้อป ครบครันในทุกประเภทเช่นเดียวกับที่ อิเกีย บางนา และอิเกีย บางใหญ่ คลังสินค้าบริการตนเอง (self-serve) ที่มีสินค้าที่ซื้อและนำกลับได้เลยกว่า 300 รายการ พร้อมมุมสินค้าตามสภาพ (as-is corner) และร้านอาหารอิเกีย อีกหนึ่งมุมไฮไลท์ที่โอบล้อมด้วยวิวของสวนเบญจสิริในมุมกว้างและพร้อมให้บริการถึง 530 ที่นั่ง ให้ผู้ที่มาเยือนได้ผ่อนคลายกับบรรยากาศความร่มรื่นใจกลางเมือง ขณะดื่มด่ำไปกับเมนูอาหารสวีเดนมื้อโปรด โดยจะมี 3 เมนูใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับช่วงเปิด อิเกีย สุขุมวิท อีกด้วย

ศิรินทร์ อาศน์ศิลารัตน์ ผู้จัดการสโตร์ อิเกีย สุขุมวิท กล่าวว่า “อิเกีย สุขุมวิท เตรียมพร้อมเปิดให้บริการสำหรับคนที่รักแบรนด์อิเกียและคนที่อาจยังไม่เคยมีโอกาสเดินทางไปที่อิเกีย บางนาและอิเกีย บางใหญ่ ให้ได้สัมผัสประสบการ์การช้อปปิ้งและบริการของอิเกียอย่างเต็มรูปแบบ และจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบของคนเมือง เราจึงมีบริการที่รวดเร็วด้วยการจัดส่งภายในวันเดียว ในรัศมี 8 กิโลเมตร โดยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนความสนใจในด้านการรักษ์สิ่งแวดล้อมของคนในย่านนี้ด้วย และยังเป็นบริการใหม่ที่มีที่ อิเกีย สุขุมวิท เป็นที่แรก นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษ AURTIENDE/ ออเทียนเด ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย เพื่อฉลองการเปิดตัวสโตร์อิเกียแห่งที่ 4 ในไทย ที่ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘City-Centre Store’ ในครั้งนี้ด้วย”

เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เร่งรีบของคนเมือง อิเกียยังนำเสนอบริการที่รวดเร็วด้วยการจัดส่งภายในวันเดียว (same-day delivery) ในรัศมี 8 กิโลเมตรโดยรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสะท้อนความสนใจในด้านการรักษ์สิ่งแวดล้อมของคนในย่านนี้ด้วย และยังเป็นบริการใหม่ซึ่งมีที่ อิเกีย สุขุมวิท เป็นแห่งแรก โดยจะให้บริการสำหรับการซื้อสินค้าที่มีอยู่ในสโตร์และลูกค้าเดินทางมาช้อปด้วยตัวเองเท่านั้น และมีค่าบริการเริ่มต้นที่ 129 บาท นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วให้กับลูกค้า กับบริการเช็คเอาต์ด้วยตัวเองที่มีช่องให้บริการมากถึง 16 ช่อง ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคดิจิทัลในปัจจุบัน

เพื่อฉลองการเปิดตัวสโตร์อิเกียแห่งที่ 4 ในไทยที่ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ ‘City-Centre Store’ แห่งนี้ อิเกียยังได้เปิดตัวคอลเล็คชั่นพิเศษ AURTIENDE/ ออเทียนเด ครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย สำหรับแฟนอิเกียโดยเฉพาะ โดดเด่นด้วยสีสันจัดจ้านพร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้เป็นตัวของตัวเอง

ทั้งนี้ อิเกีย สุขุมวิท พร้อมต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาไอเดียและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการตกแต่งห้อง คอนโด บ้าน หรือออฟฟิศ ด้วยประสบการณ์การช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านที่สะดวกสบาย พร้อมด้วยดีไซน์ คุณภาพและในราคาที่เข้าถึงได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.IKEA.co.th

‘เชฟหมู เฉียบวุฒิ’ เตือน! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ หลังพบเพจปลอมแอบอ้าง ‘Table X’ รับจองคิวปีใหม่

‘เชฟหมู เฉียบวุฒิ’ เจ้าของร้าน Table X’ เตือนภัย!! พบเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Pasakorn Prosperous’ แอบอ้างชื่อ Table X รับจองคิว ยืนยันเป็นเพจปลอม หวั่นลูกค้าเกิดความสับสนและตกเป็นเหยื่อ พร้อมย้ำ หากจะสอบถามจองคิวให้ติดต่อผ่าน Line:@tablex เท่านั้น

จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘Pasakorn Prosperous’ ได้ใช้ภาพ ‘เชฟหมู  - เฉียบวุฒิ คุปสิริกุล’ Chef’s Table ชื่อดัง ‘Table X’ เปิดเพจรับจองคิวในราคา 1,999 บาท ซึ่งได้สร้างความสับสนให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด เชฟหมู - เฉียบวุฒิ ได้ออกมาชี้แจงว่า เพจดังกล่าวเป็นเพจปลอมของผู้ที่ไม่หวังดีที่ใช้ชื่อเพจว่า ‘Pasakorn Prosperous’ ได้แอบอ้างชื่อของทางร้าน Table X เชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อหลอกลูกค้าให้โอนเงินค่าจองคิว ซึ่งในเพจได้ปรากฏราคาค่ารับจองอยู่ที่ 1,999 บาท จึงอยากจะขอเตือนลูกค้า อย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ 

“จากการตรวจสอบของเรา พบว่า เพจดังกล่าวได้แอบอ้าง Table X มาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยผู้ไม่หวังดีที่น่าจะชื่อ ภาสกร ซึ่งอยากจะวอนทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ให้ช่วยดูแลด้วยครับ เพราะอาจจะสร้างความเสียหายให้กับคนที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ มีการเก็บค่าจองคิวในช่วงปีใหม่แล้วในราคา 1,999 บาท ซึ่งจากภาพที่ลงในเพจดังกล่าว ผมขอยืนยันว่า วัตถุดิบที่ลงทั้งหมด ทางร้านของเราไม่เคยใช้เลยนะครับ”

พร้อมกันนี้ เชฟหมู ยังได้ย้ำด้วยว่า หากลูกค้าต้องการสอบถามหรือจองคิว ขอให้ติดต่อผ่าน Line:@tablex เป็นช่องทางที่สะดวกและน่าเชื่อถือที่สุด เพราะเป็น line official ของทางร้าน หรือหากจะใช้โทรศัพท์ ให้ติดต่อผ่านหมายเลข 094-459-9999 ซึ่งเป็นเบอร์โทรส่วนตัวของตนเองเท่านั้น เพื่อป้องกันการถูกแอบอ้าง

‘กทม.-มูฟมี’ เปิดหลักสูตร ‘พนง.ขับรถยนต์สามล้อไฟฟ้า’ รุกพัฒนาทักษะ - หวังผลิตแรงงานเข้าสู่ตลาดมากขึ้น

(30 พ.ย. 66) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตร ‘พนักงานขับรถยนต์สามล้อไฟฟ้าในสำนักงานและบริการสาธารณะ’ ระหว่าง กทม.กับ บริษัท มูฟมี ฮีโร่ จำกัด ภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่าง บริษัท มูฟมี ฮีโร่ จำกัด กับ กทม. โดยมีผู้บริหารสำนักพัฒนาสังคม ผู้บริหารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กรมการขนส่งทางบก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ร่วมลงนาม

นายศานนท์ กล่าวว่า กทม.มีโรงเรียนฝึกอาชีพ และศูนย์ฝึกอาชีพ รวมแล้วกว่า 20 แห่ง มีความตั้งใจที่จะ Re skills, Up skills ปัจจุบันแรงงานขาดตลาด แต่โรงเรียนและศูนย์ฝึกอาชีพ กทม.ยังเป็นหลักสูตรเดิมๆ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุมาเรียนเป็นงานอดิเรก ก็ต้องมาดูบทบาทของโรงเรียนฝึกอาชีพเราว่าจะเป็นอย่างไร

นายศานนท์ กล่าวว่า การร่วมมือกับมูฟมี เป็นความตั้งใจเอาอุตสาหกรรมที่ขาดแรงงานมาเป็นโจทย์ ให้กับโรงเรียนและศูนย์ฝึกอาชีพ ที่ผ่านมา กทม.ได้ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย อบรมหลักสูตรพนักงานโรงแรม เพื่อป้อนเข้าสู่โรงแรมที่ขาดแรงงาน ต่อมา กทม.ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช และโรงพยาบาลรามาธิบดี อบรมหลักสูตรผู้บริบาลผู้สูงอายุ (Caregiver)

นายศานนท์ กล่าวว่า ทางมูฟมียังขาดคนขับจำนวนมากกว่า 1,000 คน ถ้าสามารถเทรนคนเข้าสู่ระบบได้ก็จะดีมาก จึงได้เกิดความร่วมมือนี้ขึ้น ตนมองว่ามีอีก 2 เรื่องสำคัญของมูฟมี คือ เป็นทางออกของอนาคต เป็นรถไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยคาร์บอน และการดำรงอัตลักษณ์ของประเทศเราไว้ ซึ่งเป็นรูปแบบรถตุ๊กๆ เชื่อว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา

“วันนี้เป็นอีกหนึ่งการต่อยอด ทางมูฟมีได้ทำในหลายเขตเป็นรถ Feeder ช่วยการเดินทางเส้นเลือดฝอย แก้ปัญหาการขนส่งสาธารณะในเมือง อย่างที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติเคยพูดไว้ว่าเส้นเลือดใหญ่รถไฟฟ้าดีแล้ว แต่พอจะเข้าบ้านยังต้องใช้การเดิน การขี่จักรยาน นั่งวินมอเตอร์ไซต์” นายศานนท์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลักสูตร ‘พนักงานขับรถยนต์สามล้อไฟฟ้าในสำนักงานและบริการสาธารณะ’ มีผู้เชี่ยวชาญจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กรมการขนส่งทางบก และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เข้าร่วมพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะในการจัดทำหลักสูตร เป็นหลักสูตร 30 ชั่วโมง โดยเรียนที่โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (ดินแดง 1) จำนวน 2 วัน (12 ชั่วโมง) และฝึกภาคปฏิบัติที่มูฟมี จำนวน 3 วัน (18 ชั่วโมง) เมื่อเรียนจบแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. และมูฟมี

เมื่อได้ใบประกาศนียบัตรแล้วสามารถเข้าทำงานกับบริษัท มูฟมี ฮีโร่ จำกัด หากมีคุณสมบัติครบตามที่บริษัทกำหนด ทั้งแบบประจำ รายได้ 19,000 - 22,000 บาท/เดือน ประกันอุบัติเหตุคุ้มครองทันที รับสิทธิประกันสังคม หรือพาร์ทไทม์ รายได้เฉลี่ย 27,000 บาท/เดือน

ผู้สนใจสมัครผ่านระบบ Google Form ได้ถึงวันที่ 14 ธ.ค.66 รายงานตัวสอบสัมภาษณ์ วันที่ 15 ธ.ค. 66 เวลา 09.00 น. เปิดการเรียนการสอน วันที่ 18 - 22 ธ.ค. 66 เรียนวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-247-9496 ปัจจุบันมีผู้สมัครเรียนแล้ว 161 คน

เปิดภารกิจ ‘ILINK’ ติดตั้งสายเคเบิลใต้น้ำเชื่อม ‘เกาะพะงัน-เกาะเต่า’ ผลักดันไฟฟ้าทั่วถึง อีกหนึ่งแรงหนุนพัฒนาพิกัดท่องเที่ยวระดับโลก

ภายหลังจากกลุ่ม INTERLINK Consortium ได้เซ็นสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 33 เควี ไปยังเกาะเต่า มูลค่าโครงการ 1,786 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2565 โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือนนั้น 
.ล่าสุด (30 พ.ย. 66) นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า ทาง EGAT ได้ให้เกียรติ ส่งทีมวิศวกร กว่า 15 ท่าน ไปเยี่ยมชมวิธีการติดตั้งสายไฟฟ้าเคเบิลใต้น้ำ ของ INTERLINK ซึ่งฝังสายจากเกาะพะงัน ไปยังเกาะเต่าของ PEA มูลค่าโครงการ 1,786 ล้านบาท เพื่อเตรียมการจะวางสายไฟฟ้าเคเบิลใต้น้ำของตัวเอง จากแผ่นดินใหญ่ไปจ่ายในเกาะสมุย ด้วยงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผ่านขั้นตอนการอนุมัติของ ครม. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับความคืบหน้าในปัจจุบันกับภารกิจการลากสาย Submarine Cable จากเกาะพะงันไปยังเกาะเต่า ดำเนินไปได้อย่างลุล่วง สามารถผลักดันให้เกาะเต่ามีไฟฟ้าใช้ อันจะช่วยส่งเสริมให้เกาะเต่า เป็นที่ท่องเที่ยวระดับโลกเหมือนเกาะสมุยและเกาะพะงัน จนเป็นเพชรเม็ดงามด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไปในอนาคต 

‘แม็คโคร’ ยัน!! รับซื้อหมูถูกต้อง ตรวจสอบย้อนหลังได้ 100% พร้อมจ่อเอาผิดสื่อรายงานข่าวคลาดเคลื่อน เหตุทำเสื่อมเสีย

(30 พ.ย. 66) รายงานข่าวจาก บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์เรื่องหมูเถื่อนว่า บริษัทขอยืนยันถึงจุดยืนที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนและประณามการซื้อ-ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย กรณีข่าวที่ปรากฎในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ขอเข้าตรวจสอบเอกสารการซื้อ-ขาย บริษัทฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการตรวจสอบด้วยความโปร่งใส ทั้งที่สำนักงานใหญ่และคลังสินค้าทุกแห่ง มิได้เป็นการเข้าจับกุม ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในบางสื่อแต่อย่างใด

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า การรับซื้อสินค้ามีกระบวนการที่รัดกุม โดยการตรวจสอบเอกสารจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคู่ค้าต้องนำมาแสดงเมื่อนำส่งสินค้าทุกครั้ง จึงมั่นใจได้ว่าเป็นการรับซื้อโดยเปิดเผย ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าเถื่อนแต่อย่างใด

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีขั้นตอนการคัดเลือกและประเมินคู่ค้า การตรวจสอบคุณภาพก่อนการรับสินค้า รวมถึงการมีมาตรการในการหยุดรับซื้อและยกเลิกสัญญา หากพบว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพ ที่สำคัญ บริษัทฯ ยึดมั่นในการสนับสนุนเกษตรกรไทย และให้ความสำคัญกับการรับซื้อสินค้าที่ผลิตจากเกษตรกรในประเทศ ดังนั้นจะเห็นได้จากปริมาณสินค้ากลุ่มเครื่องในสุกรแช่แข็งนำเข้า เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปริมาณสินค้ากลุ่มเนื้อสุกรและเครื่องในสุกรโดยรวมที่บริษัทมีการจัดจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม การที่มีการนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงจากบางสื่อ ทำให้บริษัทฯ ได้รับผลกระทบ และความเสียหายต่อชื่อเสียง ภาพลักษณ์องค์กร ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดจากสาธารณชนและนักลงทุน บริษัทจึงขอชี้แจงและจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ

ทั้งนี้ เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล และยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจสอบอย่างเต็มที่

พร้อมกันนี้ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดยหนังสือฉบับดังกล่าวลงนามโดยนางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้แม็คโครได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องหมูเถื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2566 โดยระบุใจความสำคัญว่า “แม็คโคร ร่วมประณามการนำเข้าหมูเถื่อนทำลายเกษตรกร ย้ำความโปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100% พร้อมสนับสนุนภาครัฐเต็มที่”

และถัดมาเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2566 ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า “แม็คโครให้ความร่วมมือ DSI เข้าตรวจหลังหน่วยงานภาครัฐเข้าตรวจคลังสินค้า พบการรับซื้อสินค้าถูกต้อง ยืนยันไร้หมูเถื่อน ขั้นตอนมีมาตรฐาน ตรวจสอบย้อนกลับได้ 100%”

‘เศรษฐา’ โวย!! รับไม่ได้ค่าไฟฟ้าขึ้น 4.68 บาท ลั่น!! สูงเกินไป ต่อให้ขึ้นก็ต้องไม่แตะตัวเลขนี้

(30 พ.ย. 66) ที่โรงแรมสีหราช จังหวัดอุตรดิตถ์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กรณีที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติขึ้นค่าไฟเป็น 4.68 บาท ว่า “4.68 บาท โอ้ย!! รับไม่ได้หรอกครับสูงเกินไป” ตนในฐานะประธานจะต้องมีการเรียกประชุม ไม่ยอมหรอกครับ

เมื่อถามย้ำว่าการปรับขึ้นดังกล่าวสูงกว่าเพดานที่รัฐบาลเคยตั้งไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าก็จะเข้าไปพูดคุยรายละเอียดทั้งหมดในฐานะประธาน กกพ. 

เมื่อถามว่าจะเป็นมาตรการต่อเนื่องหรือไม่สำหรับเรื่องของการลดราคาไฟฟ้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องไปนั่งดูก่อนเพราะเป็นเรื่องของงบประมาณด้วย แต่ขึ้นไปถึง 4.68 บาทคงไม่ไหวเยอะเกินไป

เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีแนวโน้มที่จะขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวโน้มจะขึ้นจาก 3.99 บาท แต่ไม่ถึง 4.68 บาทแน่นอน

เมื่อถามว่าจะทำในลักษณะวิน-วินคือทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องทำให้ได้ซิครับ ต้องทำให้ได้

ส่วนจะต้องมีการรื้อโครงสร้างพลังงานเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คงเป็นจุดหนึ่งที่ต้องมีการพูดคุยกัน

‘อีอีซี’ ผนึกกำลัง ‘บิทคับ เวิลด์เทค’ ลงนาม MOU พัฒนาพื้นที่อีอีซี ก้าวสู่ศูนย์กลางแข่งขัน e-Sport

(30 พ.ย. 66) ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 
(สกพอ.) หรืออีอีซี ได้ร่วมลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ระหว่าง สกพอ. และบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด โดย นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค และ นายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมลงนาม โดยมีนายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ อีอีซี เป็นพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม ณ สำนักงานอีอีซี ชั้น 25 อาคารโทรคมนาคม กรุงเทพฯ

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ อีอีซี เปิดเผยว่า การลงนาม MOU กับ บิทคับ เวิลด์เทค ในครั้งนี้ อีอีซี ได้สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพ และความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นฐานสำคัญผลักดันการลงทุนคลัสเตอร์ดิจิทัล ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของอีอีซี โดยเกิดความร่วมมือ 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับกีฬา e-Sport ซึ่งเป็นที่นิยมสูงของโลก สนับสนุนให้อีอีซีโดยเฉพาะในโครงการศูนย์ธุรกิจและเมืองใหม่อัจฉริยะ เป็นพื้นที่ศึกษาและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันระดับสากล ที่จะดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมกีฬา และ e-Sport การส่งเสริมระบบนิเวศการลงทุนที่เหมาะสมให้กลุ่มธุรกิจ Startup เพื่อให้เกิดกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต (Future Business Cluster) และการสนับสนุนให้ความรู้ด้านดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบกิจการในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะส่งเสริมให้อีอีซี เป็นพื้นที่แห่งอนาคต ดึงดูดและรับกิจกรรมการลงทุนด้านดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่อง  

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า Digital Transformation เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันในสภาพตลาดในปัจจุบัน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและรวดเร็ว รวมถึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้ประกอบธุรกิจที่จำเป็นต้องปรับตัวตาม เพื่อช่วงชิงโอกาสและสามารถใช้พัฒนาการประกอบธุรกิจให้เติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีศักยภาพในรองรับการลงทุนของนักลงทุนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการช่วยพัฒนาและยกระดับธุรกิจการค้าการลงทุนในเขตพื้นที่นี้ให้ขยายขีดความสามารถ รวมถึงส่งเสริมให้คนในประเทศมีความสามารถที่จะแข่งขันในระดับสากล และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

นายวิชัย ทองแตง ผู้ร่วมก่อตั้ง บิทคับ เวิลด์เทค กล่าวว่า บิทคับ เวิลด์เทค เป็นบริษัทที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้มีความรู้และมีทักษะที่เหมาะสม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความร่วมมือระหว่างบิทคับ เวิลด์เทค กับ สกพอ. ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) รวมถึงความเชี่ยวชาญทางด้านกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Sport) เข้ามาพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและวางระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลมาใช้เปลี่ยนแปลงการประกอบธุรกิจ (Digital Transformation) เพื่อให้เศรษฐกิจภาคตะวันออกเกิดการขยายตัวมากยิ่งขึ้น

ด้านนายสกลกรย์ สระกวี ประธานบริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า ความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบิทคับ เวิลด์เทค ที่มีเป้าหมายเพื่อ ‘สร้างโอกาส สร้างอาชีพ สู่โลกอนาคต’ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความพร้อมด้านเทคโนโลยีต่างๆ มาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายด้านดิจิทัลภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาองค์ความรู้ด้าน Digital Transformation ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น และจะได้ใช้องค์ความรู้ที่บิทคับ เวิลด์เทคมีร่วมพัฒนาทำประโยชน์ให้ประเทศชาติไปพร้อมกับหน่วยงานภาครัฐ โดยพร้อมให้การสนับสนุนความร่วมมือนี้อย่างเต็มที่ รวมถึงความร่วมมืออื่นๆ ที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top