Tuesday, 13 May 2025
GoodsVoice

‘ธพส.’ ผุด ‘สวนลอยฟ้า’ ย่านแจ้งวัฒนะ-หลักสี่ พื้นที่กว่า 5.4 ไร่ เพิ่มจุดพักผ่อนพื้นที่สีเขียวให้คนเมือง พร้อมเปิดให้บริการปี 67

(25 ต.ค. 66) นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (DAD) หรือ ธพส. เผยว่า จากแนวความคิดที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ศูนย์ราชการฯ อีกจำนวน 40 ไร่ เพื่อยกระดับศูนย์ราชการฯ ให้เป็นมากกว่าสถานที่ทำงานหรือสถานที่ราชการ แต่เป็นพื้นที่ปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ล่าสุด ธพส. จึงได้จัดสรรพื้นที่ของอาคารจอดรถและซ่อมบำรุง (Depot) ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า 2 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 8,662 ตารางเมตร หรือราว 5.4 ไร่ ใหญ่ที่สุดบนถนนแจ้งวัฒนะและย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ สวนลอยฟ้าแห่งแรกตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 11 อาคารจอดรถ Depot ขนาดพื้นที่กว่า 2,789 ตารางเมตร และแห่งที่สองอยู่บนดาดฟ้าที่จอดรถอาคาร A ขนาดพื้นที่ 5,872 ตารางเมตร เชื่อมต่อกับชั้น 2 ของอาคารจอดรถ Depot และเพิ่มความสะดวกของผู้ใช้บริการ

DAD ยังได้สร้างทางเดิน Skywalk ระยะทาง 213 เมตร เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการ และเพิ่มความร่มรื่นด้วยการจัดให้มีพื้นที่สวนสาธารณะด้านหน้าอาคารอีก 1,701 ตารางเมตร บริเวณด้านหน้าของอาคาร โดยทั้งหมดที่ DAD พัฒนา จะเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไป ผู้มาใช้บริการและผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้เข้ามาใช้บริการได้

บริเวณชั้น 2 ของอาคารจอดรถ Depot เตรียมจัดวางเป็นพื้นที่สันทนาการ แบ่งเป็นสโมสรหรือคลับเฮ้าส์สำหรับนัดพบปะพูดคุยสังสรรค์ ลานสำหรับจัดกิจกรรม และอีกส่วนหนึ่งจะจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยได้ประสานกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD เพื่อมาให้บริการ ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะดำเนินการลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือ MOU ร่วมกัน

สำหรับอาคารจอดรถ Depot ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าศูนย์ราชการ เป็นอาคาร 11 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 1,632 คัน มีจุดหัวชาร์จรถ EV รองรับได้จำนวน 30 คัน ด้านล่างของอาคารมีรถ EV Shuttle Bus จอดให้บริการรับ-ส่ง ผู้มาใช้ติดต่อศูนย์ราชการฯ และผู้ใช้บริการต่าง ๆ การออกแบบก่อสร้างเป็นอาคารประหยัดพลังงาน โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 324 แผง ผลิตไฟฟ้าได้ 74,163.60 กิโลวัตต์ต่อเดือน ประหยัดพลังงานได้ 11.03% ต่อเดือน ซึ่งสวนสาธารณะลอยฟ้า และอาคารจอดรถ Depot คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567

“สิ่งที่ DAD มุ่งมั่นดำเนินการมาโดยตลอด เพื่อให้ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนย่านหลักสี่ แจ้งวัฒนะ จึงผลักดันสองเรื่องสำคัญมาโดยตลอด คือการจัดการจราจร เพื่อลดความแออัด และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากเราจะใช้นวัตกรรมในการสร้างอาคารที่ลดการใช้พลังงาน การจัดการน้ำเสียให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ การจัดการน้ำฝนให้นำไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดปี DAD ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เป็นทั้งสถานที่ทำงาน แหล่งสันทนาการและสถานที่พักผ่อน ที่ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความสุขได้อีกทางหนึ่ง” กรรมการผู้จัดการ DAD กล่าว

นอกจากนี้ แนวคิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียว DAD ยังเตรียมปรับปรุง (Renovate) พื้นที่บริเวณ อาคาร B เพื่อเพิ่มความร่มรื่นและลดความแออัดจากจำนวนอาคารและประชาชนที่จะเข้ามาทำงานและติดต่อหน่วยงานราชการ โดยเตรียมปรับพื้นที่เพิ่มการปลูกต้นไม้รอบอาคารและเพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะบริเวณอาคาร B และทางเชื่อมต่อกับอาคาร C โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาและการจัดการระบบการจราจร ได้แก่ การสร้างอุโมงค์ทางลอดขนาด 4 ช่องทางการจราจร และทางเชื่อมต่ออาคารระหว่างอาคาร B กับ อาคาร C โดยเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จะมีพื้นที่สีเขียวรวมทั้งสิ้นกว่า 145 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 449 ไร่ นับเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ

‘วิชัย ทองแตง’ เยือน ‘สกลนคร’ พบปะเกษตรกร ร่วมแชร์ไอเดียนวัตกรรมการเกษตร เสริมแกร่ง ‘สกลนครโมเดล’

นักปั้นนมือทอง!! ‘วิชัย ทองแตง’ เยือนถิ่นสกลนคร ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ พร้อมแชร์ไอเดีย หวังผลักดันนัวตกรรมการเกษตร สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ ร่วมหนุนโครงการสกลนครโมเดลให้แข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา คุณวิชัย ทองแตง นักธุรกิจและอดีตนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ประธานกรรมการบริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด ผู้ผันตัวเองมาเป็นนักปั้นธุรกิจสตาร์ตอัป ได้เดินทางเยือนจังหวัดสกลนคร ในการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลการพัฒนาเกษตรนวัตกรรมจังหวัดสกลนคร ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร

สำหรับเดินทางเยี่ยมเยียนเกษตรกรในครั้งนี้ คุณวิชัย ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำธุรกิจ และแนวทางการทำตลาดสินค้าเกษตรในยุค ‘Digital Transformation’ ซึ่งถือเป็นยุคแห่งโอกาส ทั้งโอกาสในการพัฒนาสินค้า โอกาสในการขยายตลาด และโอกาสในการเรียนรู้ช่องทางการตลาดใหม่ ๆ แต่ที่สำคัญหากโอกาสมาถึงแล้ว อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป

พร้อมกันนี้ คุณวิชัย ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดกับเกษตรกรภายใต้โครงการ ‘สกลนครโมเดล’ โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของการเกษตรเชิงนวัตกรรมในพื้นที่ และรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม จาก น.ส.สกุณา สาระนันท์ ส.ส. สกลนคร เขต 6 ถึงความสำเร็จในการยกระดับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ตั้งแต่พืชผักสวนครัว สมุนไพร กล้วยหอมทอง เห็ดป่า ผ้าทอ และผ้าย้อมคราม โดยเฉพาะผ้าย้อมคราม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของสกลนคร และสามารถต่อยอดเป็นสินค้าแฟชั่นในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย 

แต่อย่างไรก็ดี ด้วยจุดเด่นของวัตถุดิบทางการเกษตรที่มีอยู่ในพื้นที่ รวมไปถึงทักษะของเกษตรกรสกลนคร คุณวิชัย เชื่อว่า หากได้รับการสนับสนุนและการนำด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาต่อยอด จะช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและยกระดับรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

'กองทุนดีอี' รุดหน้า!! ปลุกหลากเทคโนโลยีช่วยไทย ชี้!! ทุนหนุนโครงการ ขยายผลเลิศ

ต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน ‘กองทุนดีอี’ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปในการดำเนินการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผ่านการให้ทุนอุดหนุนการวิจัย และพัฒนาที่เกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลฯ มาอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่า ‘เงินสนับสนุน’ เหล่านี้ ล้วนนำไปผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยให้ความรู้ สร้างสิ่งใหม่แก่สาธารณชนได้ทั้งสิ้น 

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงผลการดำเนินงานของ ‘กองทุนดีอี’ ในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่ผ่านมากองทุนฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเปิดรับข้อเสนอขอรับทุนสนับสนุน และระบบสนับสนุนภายใน หลากหลายด้าน ทั้งด้านการวิเคราะห์โครงการ และด้านการติดตามและประเมินผลโครงการ โดยมีการนำเอาผลสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มาจัดทำเป็นแผนปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้ขอรับทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ผลการให้การสนับสนุนที่ผ่านมา ก็ถือว่าเดินหน้าได้อย่างยอดเยี่ยม โดยวันนี้ (25 ต.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนาและนิทรรศการผู้รับทุนกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปี พ.ศ. 2566 (กองทุนดีอี) พร้อมเผยถึงสาระสำคัญของงานนี้ ที่มีเป้าหมายน่าสนใจอยู่ตรงการ ‘สแกน’ ความคืบหน้าการดำเนินงานของผู้รับทุน พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรค และเสนอแนะแนวทางการยื่นขอรับทุน รวมทั้งมีการจัดนิทรรศการเพื่อการแสดงผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนดีอี

ผลลัพธ์ที่ผ่านมา นายประเสริฐ พูดได้อย่างภูมิใจว่า ‘เป็นรูปเป็นร่าง’ อย่างมาก เนื่องจากมีหลากผลงานที่ต้องบอกว่า ‘แจ้งเกิด’ ได้จากการรับทุนดังกล่าว และนำไปปรับประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์/โซลูชัน ที่สามารถช่วยขับเคลื่อนสังคมและประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ...

เกิดโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

เกิดโปรแกรมการชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดิจิทัล ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้ประชาชนและเยาวชนของชาติได้สร้างความรู้ความเข้าใจผ่านพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ได้แบบเรียลไทม์

เกิดระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า ที่ครอบคลุมในการเรียกข้อมูลบัตรประชาชน / ทะเบียนบ้าน / การฉีดวัคซีน โควิด-19 / การคัดและรับรองเอกสารงานทะเบียน / จองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ / ยื่นภาษีออนไลน์ และอื่นๆ อีกในอนาคต 

เกิดระบบในพัฒนาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยใช้รถโมบายในการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งนำร่องไปแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ / สุราษฎร์ธานี / ราชบุรี / ชลบุรี / เชียงราย และนครพนม 

เกิดระบบในการให้บริการรายการข้อมูลภาครัฐ ที่ผนวกได้กว่า 50 หน่วยงาน ผ่านระบบคลาวด์ให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส

เกิดระบบดิจิทัลที่เข้าไปมีส่วนในการช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม และยกระดับวิสาหกิจชุมชนไปสู่วิสาหกิจนวัตกรรม เสนอ ที่สามารถเชื่อมต่อไปสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ชาวบ้านรวยๆๆ

เกิดโครงการการพัฒนาห้องปฏิบัติการการทดลองทางเคมีในชุมชนโลกเสมือนจริง ช่วยลดข้อจำกัดจากการทำห้องปฏิบัติการทางเคมีที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้อย่างมาก

เกิดโครงการศูนย์บริการประชาชน โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้บริการประชาชนตั้งแต่รับแจ้ง แก้ไข ป้องกัน บังคับใช้กฎหมายจนคดีถึงที่สุด

เกิดแพลตฟอร์มให้บริการการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของประเทศไทย ให้เข้าถึงข้อมูลเพื่อรับรู้ว่าข้อกฎหมายใดที่เอื้อต่อการทำได้หรือไม่ได้

เกิดการพัฒนาชุดฝึกอบรมยานยนต์สมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนจริง เพื่อสร้างเสริมอาชีพให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ทุกกลุ่ม ให้มีความรู้ความสามารถ ในด้านยานยนต์ไฟฟ้า 

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการสนับสนุนจาก ‘กองทุนดีอี’ ในวันที่ประเทศไทย มีเป้าหมายจะพาชาติก้าวไปสู่ ‘สังคมเมืองอัจฉริยะ’ ช่วยยกระดับภาครัฐ และสังคมไทยให้เท่าทันยุคแห่งเทคโนโลยี รวมถึงลดภาระภาครัฐในมิติต่างๆ ที่จะทำให้ปัญหาความโปร่งใส 

ดังนั้น ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ อาจจะยังเป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็เป็นส่วนสำคัญภายใต้การผลักดันของ ‘กองทุนดีอี’ ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนคนดีมีฝีมือให้ร่วมกันสร้างสรรค์ระบบนิเวศแห่งดิจิทัลให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยได้แบบเต็มขั้นต่อไป... 

ปัจจุบัน ‘กองทุนดีอี’ ได้สนับสนุนทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน ได้อนุมัติโครงการมาตรา 26 (1) (2) และ (6) รวมถึงการให้ทุนในกรณีสถานการณ์โควิด และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ไปแล้วจำนวน 244 โครงการ ซึ่งปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 89.93 ยิ่งไปกว่านั้นทุกโครงการจะมีการนำไปขยายผลเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน สังคมและประเทศชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘มาคาเลียส’ อัดแคมเปญใหญ่ ‘Makalius Super Bonus’ ลุยตลาดท่องเที่ยวช่วงปลายปี 66 ส่วนลด-ดีลเด็ดเพียบ

(25 ต.ค. 66) มาคาเลียส แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย ชี้สิ้นปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกินกว่า 50% ยังคงท่องเที่ยวในประเทศ สาเหตุจากสถานการณ์ความรุนแรงของหลายประเทศที่เกิดขึ้น เตรียมเดินหน้าผนึกกำลังพันธมิตรโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว จัดแคมเปญใหญ่ ‘Makalius Super Bonus’ (มาคาเลียส ซูเปอร์ โบนัส) มอบเป็นโบนัสพิเศษให้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่งท้ายปี

นางสาวณีรนุช ไตรจักร์วนิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาคาเลียส ประเทศไทย จำกัด (Makalius) แหล่งรวมอี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย กล่าวว่า “มาคาเลียส คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ตลาดการท่องเที่ยวในประเทศจะคึกคักอีกครั้ง และคาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยเกินกว่า 50% จะยังคงเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว”

ทางด้านมาคาเลียสเตรียมเดินหน้าผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว อาทิ Eco Cozy Beachfront Resort, Taris river cottage, Golden Tulip Pattaya Beach Resort, Movenpick Resort Khao Yai, Centara Azure, Hotel Kuretakeso, Cross Vibe Pattaya Seaphere, Prima Hotel, Kooncharaburi Resort, Baiyoke Buffet, Sanay Rooftop Bar, ล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา  เป็นต้น จัดแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี ‘Makalius Super Bonus’ (มาคาเลียส ซูเปอร์ โบนัส) อัดแน่นโปรโมชั่นสุดพิเศษเพื่อมอบเป็นโบนัสให้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่งท้ายปี 

ไม่ว่าจะเป็น Double Date Promotion 11.11 | 12.12 รวมถึง Signature Promotion อย่าง Makalius WoW deal และ Seasonal Promotion ต่าง ๆ อีกมากมาย โดยความพิเศษคือ ดีลพิเศษมากกว่า 15 ดีล กับส่วนลดสูงสุดกว่า 70% ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมการเพิ่มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่เหนือระดับด้วยความพิเศษที่มาคาเลียสมอบให้ อาทิ ฟรีดินเนอร์ ฟรีดริ้งค์ ฟรีบัตรกำนันสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 ถึง มกราคม 2567

นางสาวณีรนุช กล่าวต่อว่า “ภาพรวมของตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทยปีนี้มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ วิถีการทำงานแบบไฮบริดของคนออฟฟิศที่ทลายข้อจำกัดเรื่องวันการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวหันมาให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยจากปัจจัยดังกล่าวและการปรับแผนการตลาดช่วงโค้งสุดท้ายของมาคาเลียส คาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้คือ 120 ล้านบาท”

สรุปสถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 16 - 20 ต.ค. 66 จับตาปัจจัย ‘บวก-ลบ’ พร้อมแนวโน้ม 23 - 27 ต.ค. 66

อิสราเอลโจมตีฉนวนกาซาทางอากาศอย่างต่อเนื่อง และเตรียมบุกด้วยกำลังภาคพื้นดินเพื่อกวาดล้างกลุ่ม ฮามาสออกจากพื้นที่ ขณะที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธสนับสนุนโดยอิหร่านมีที่ตั้งในเลบานอนเปิดฉากโจมตีทางตอนเหนือของอิสราเอล ขณะที่สหรัฐฯ นำเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ ลอยลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อสนับสนุนอิสราเอล อย่างไรก็ดีกาตาร์และนานาชาติเจรจาต่อรองกับกลุ่มฮามาสทำให้ตัวประกัน 4 ราย ได้รับการปล่อยตัว

กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ประกาศผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันต่อเวเนซุเอลาระยะเวลา 6 เดือน (มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 18 เม.ย. 67) จากรัฐบาลของประธานาธิบดีเวเนซุเอลา นาย Nicolas Maduro ลงนามในข้อตกลงกับพรรคฝ่ายค้าน จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2567 ทั้งนี้เวเนซุเอลาผลิตน้ำมันดิบในเดือน ก.ย. 66 อยู่ที่ 760,00 บาร์เรลต่อวัน 

Joint Organizations Data Initiative (JODI) รายงานซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันดิบในเดือน ส.ค. 66 ลดลงจากเดือน 1.1% อยู่ที่ 8.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน และส่งออกลดลงจากเดือน 7.1% อยู่ที่ 5.58 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดในรอบ 28 เดือน ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียอาสาลดการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติม 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. - ธ.ค. 66

CEO ของ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย นาย Amin Nasser กล่าวว่าขณะนี้ซาอุดีอาระเบียมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบส่วนเหลือ (Spare Capacity) อยู่ที่ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในครึ่งหลังของปี 2566 จะอยู่ที่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน 

กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศซื้อน้ำมันดิบปริมาณ 6 ล้านบาร์เรล ส่งมอบเดือน ธ.ค. 66 - ม.ค. 67 เพื่อเก็บในคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) และมีแผนเพิ่มปริมาณสำรองต่อเนื่องถึงเดือน พ.ค. 67 ที่ราคาเป้าหมายไม่เกิน 79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล 

'การบินไทย' รีแคป!! 2 ทศวรรษแห่งการโบยบิน รันธุรกิจเคียงคู่ 'รักษ์โลก' ในทุกกระบวนการ

เมื่อวานนี้ (25 ต.ค.66) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดงานแถลงข่าว 'FROM PURPLE TO PURPOSE' การปรับเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงที่ผสมผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับแนวคิดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) อย่างลงตัว โดยจะเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป โดยมี นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ พร้อมด้วย นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารร่วมแถลงข่าว

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา การบินไทยดำเนินธุรกิจโดยตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากอุตสาหกรรมการบินมาอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานด้านต่าง ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านกิจกรรมและโครงการริเริ่มต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบการลดการใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะด้วยการนำวัสดุที่ไม่ใช้งานแล้วกลับมาพัฒนาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ภายใต้แนวคิด Zero Waste Living ซึ่งประกอบด้วยหลักการหลัก 3 ประการ ได้แก่ 

FROM PLANES TO PLANET-การบินเพื่อสิ่งแวดล้อม
FROM WASTE TO WEALTH-การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 
FROM PURPLE TO PURPOSE-จากใจสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืน

เครื่องแบบชุดไทยเรือนต้นของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงของการบินไทยเป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับนานาชาติ และได้รับการยอมรับในเรื่องความสวยงาม ได้รับการจดจำและเป็นสิ่งแสดงออกถึงเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นสายการบินแห่งชาติที่เปรียบเสมือนประตูบานแรกที่เปิดต้อนรับผู้โดยสารจากประเทศต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ ได้ถูกนำมาตัดเย็บด้วยเส้นไหมไทยถักทอผสมผสานกับเส้นใยแปรรูปจากวัสดุรีไซเคิล คงไว้ซึ่งความงดงามในความเป็นไทยที่เพิ่มคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัวด้วยประโยชน์ใช้สอยครบถ้วน โดดเด่นในเรื่องความง่ายในการดูแลรักษา การคงรูปแต่ให้ความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการใช้งาน และยังได้มีการทดสอบในด้านความปลอดภัยที่เป็นตามมาตรฐานสากล

เครื่องแบบชุดไทยเรือนต้นดังกล่าวจะปรากฏในทุกที่สาธารณะทั่วโลกและทุกชั้นบริการบนเครื่องบิน ในฐานะเครื่องแบบของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงของการบินไทย ซึ่งจะสวมใส่พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป 

ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มดำเนินการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานด้วยการนำเครื่องบินและเครื่องยนต์สมัยใหม่ที่มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำมาใช้ในการให้บริการ และปรับปรุงการปฏิบัติการบิน อาทิ การนำเทคนิค Single Engine Taxi และการลดน้ำหนักการบรรทุกมาปรับใช้ในการปฏิบัติการบิน เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งรวมถึงการจัดทำแผนการนำเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (SAF-Sustainable Aviation Fuel) มาใช้ทำการบิน และการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมการบิน อาทิ กิจกรรมครัวการบิน กิจกรรมสายช่าง กิจกรรมการบริการภาคพื้น ตลอดจนกิจกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนทางสังคม อาทิ การสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากภาคการเกษตรของเกษตรชาวไทยและผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่บริษัทฯ กำหนดไว้

'กรณ์' หวั่น!! รัฐอาจกู้เงินต่างประเทศ เตือน!! ไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเท่าไร

(26 ต.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij' ในหัวข้อ 'รัฐบาลจะกู้เงินต่างประเทศ !!?' ระบุว่า...

เมื่อใครเข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง ก็จะมีเจ้าหน้าที่การตลาดของวาณิชธนกิจจากต่างประเทศ เช่น JPMorgan Goldman Sachs หรือ UBS ขอคิวเข้าพบ

และหนึ่งบริการที่เขาจะพยายามเสนอขายคือ ‘การออกพันธบัตรดอลลาร์’ พูดให้คนไทยเข้าใจง่าย ๆ คือ *เสนอให้รัฐบาลกู้เงินต่างประเทศนั่นเอง*

ซึ่งวันนี้ผมเห็นรัฐบาลออกมาแสดงเจตจำนงจะออกพันธบัตรกู้เงินสกุลดอลลาร์ พร้อมคำอธิบายว่าเพื่อเป็นการ ‘เปิดตลาด’ และเพื่อสร้างราคาอ้างอิง (benchmark) - นั่นคือคำอธิบายที่พนักงานมาร์เก็ตติ้งธนาคารมักจะใช้ในการขายบริการนี้ ดังนั้น ผมคาดว่าครั้งนี้ก็ไม่ต่าง

แต่ก่อนที่รัฐบาลจะคล้อยตาม ผมขอให้ไตร่ตรองให้ดีครับ เพราะจังหวะเวลานี้ ต้องขอบอกว่าไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสมเลยที่ไทยเราจะออกไปกู้เงินต่างประเทศในลักษณะแบบนี้

หากเป็นสองปีก่อน หรือแม้แต่ปีที่แล้ว ในช่วงก่อนที่ดอกเบี้ยจะขึ้น และในช่วงที่สภาพคล่องมีล้นเหลือยังพอว่า…

แต่วันนี้หากรัฐบาลไทยออกพันธบัตรกู้เงินสกุลดอลลาร์ น่าจะต้องมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรัฐบาลอเมริกาอยู่ประมาณ 1% คือเท่ากับเราต้องจ่ายดอกเบี้ย 6% ขึ้นไป พร้อมกับการรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (เทียบกับการกู้เงินบาทโดยรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ย 3.3% - แพงกว่ากันประมาณ 2 เท่า)

ช่วงนี้ตลาดพันธบัตรผันผวนสูง และต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลไทยไม่ได้กู้เงินต่างประเทศแบบนี้มาตั้งแต่ยุควิกฤตต้มยำกุ้ง!

ดังนั้นเรื่องนี้เป็นประเด็นละเอียดอ่อน เราต้องออกไปเปิดตัวในจังหวะที่ดี ทั้งในแง่สภาวะตลาดและในแง่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของเรา

ยิ่งถ้ามีการโยงว่า ‘รัฐบาลไทยออกพันธบัตรกู้เงินต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 25 ปี เพื่อนำไปแจกเงินโครงการประชานิยม’ อันนี้ไม่ดีแน่นอน!

'พิมพ์ภัทรา' เอาจริง!! ออก 8 มาตรการปราบสินค้าออนไลน์ไร้มาตรฐาน ลั่น!! ต้องกวาดล้างให้หมดไปจากท้องตลาดภายใน 6 เดือน

(26 ต.ค. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังจากการลงพื้นที่ดูแลประชาชน มักจะได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนเรื่องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่มีมาตรฐานอยู่เป็นระยะ ตนจึงสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้มงวดในการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ต้องกวาดล้างให้หมดไปจากท้องตลาดภายใน 6 เดือน 

ทั้งนี้ ภายใต้ภารกิจ 'Quick Win' ได้ออก 8 มาตรการเร่งด่วน เพื่อกำกับดูแล ควบคุม และส่งเสริมให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ถูกหลอกจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ได้แก่...

1) มาตรการ 3 ร. (เร่งตรวจ เร่งกำกับ เร่งปราบ)  
2) มาตรการจับจริง-ปรับจริง 
3) มาตรการเชื่อมโยงข้อมูล 
4) มาตรการให้ความรู้  
5) มาตรการขยายผลอย่างยั่งยืน 
6) มาตรการสร้างความตระหนัก 
7) มาตรการใกล้ชิดประชาชน 
8) มาตรการเพิ่มอาวุธ 

โดยคาดว่าทั้ง 8 มาตรการจะสามารถกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพที่จำหน่ายทางแพลตฟอร์มออนไลน์ให้หมดไปจากท้องตลาด

ด้าน นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า สมอ. ได้ลงพื้นที่ตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าในท้องตลาด และทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปภายใน 6 เดือน รวมทั้ง ได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนนโยบายดังกล่าว ได้แก่...

1) มาตรการ 3 ร. (เร่งตรวจ เร่งกำกับ เร่งปราบ) โดยเพิ่มความถี่ในการตรวจสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ และนำข้อมูลที่ได้มาขยายผล เพื่อให้รู้ถึงพิกัดโกดังเก็บสินค้า พิกัดการโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ และให้ทราบถึงแหล่งที่มาทั้งโรงงานที่ผลิตและช่องทางการนำเข้าของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างสูงสุด  

2) มาตรการจับจริง-ปรับจริง หากพบสินค้าไม่แสดงเครื่องหมาย มอก. สมอ. จะออกหนังสือแจ้งผู้ประกอบการให้มาให้ข้อมูลร้านค้า และรายละเอียดของสินค้า หากพบว่ามีความผิดจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

3) มาตรการเชื่อมโยงข้อมูล โดยการชี้แจงให้ทุกแพลตฟอร์มทราบมาตรการในการดำเนินคดีกับสินค้าที่มีการโฆษณาโดยไม่แสดงเครื่องหมาย มอก. และให้ทุกแพลตฟอร์มจัดทำระบบที่บังคับให้ผู้จำหน่ายสินค้าควบคุมต้องแสดง QR Code ข้อมูลใบอนุญาต และภาพในการโฆษณาต้องแสดงเครื่องหมาย มอก. ด้วย 

4) มาตรการให้ความรู้  สมอ. จะเชิญร้านค้าออนไลน์ และแพลตฟอร์ม หารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการป้องกันการโฆษณา การจำหน่าย และการลักลอบขายสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และให้ทราบถึงการกระทำความผิดฐานเป็นผู้ให้พื้นที่ในการโฆษณาและเป็นผู้มีส่วนได้ผลประโยชน์จากการขายสินค้าดังกล่าว 

5) มาตรการขยายผลอย่างยั่งยืน โดย สมอ. จะขยายผลให้ทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อให้ควบคุมได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการ หรือผู้เกี่ยวข้อง ที่แจ้งข้อมูลเท็จเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า 

6) มาตรการสร้างความตระหนัก โดยขอความร่วมมือแพลตฟอร์มให้แสดงอินโฟกราฟิกแจ้งเตือนผู้บริโภคให้รู้วิธีการสังเกตสินค้าที่มีมาตรฐานทุกครั้งที่มีการค้นหา Keyword (คีย์เวิร์ด) เช่น คำว่า 'ปลั๊กพ่วง' / 'พาวเวอร์แบงค์' หรือ 'หลอดไฟ' ฯลฯ 

7) มาตรการใกล้ชิดประชาชน สมอ. จะทำคอนเทนต์ออนไลน์ให้ความรู้แก่ประชาชนในการเลือกซื้อสินค้าที่มีมาตรฐาน 

8) มาตรการเพิ่มอาวุธ มีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจศึกษาข้อกฎหมาย ข้อจำกัด และแนวทางการแก้ปัญหาในการลงโทษร้านค้าออนไลน์ที่กระทำความผิด รวมทั้งผู้มีส่วนได้ผลประโยชน์จากการขายสินค้าด้วย 

ทั้งนี้ เป็นการดำเนินงานภายใต้ภารกิจ 'Quick Win' เพื่อกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพให้หมดไปภายใน 6 เดือน นายวันชัยฯ กล่าว

'ประดิษฐ์-ส.จักรยานไทย' เนรมิต 'เหมืองทองคำอัครา' สู่พิกัดท่องเที่ยวเชิงกีฬา ขึ้นแท่นสนามแข่งเสือภูเขาระดับนานาชาติ พ่วงศูนย์ฝึกนักปั่นทีมชาติไทย

(26 ต.ค. 66) ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.คมนาคม, อดีต รมช.คลัง และ สส.พิจิตร 4 สมัย เนรมิต ‘เหมืองทองอัครา’ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร เป็นสนามแข่งขันจักรยานเสือภูเขามาตรฐานระดับนานาชาติ สามารถใช้เป็นศูนย์เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทย และเป็นศูนย์ฝึกซ้อมนานาชาติยิ่งใหญ่ระดับโลกครบวงจรทั้งครอสคันทรี่, ดาวน์ฮิล และอิลิเนเตอร์ ซึ่งจะมีการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา โดยจะประเดิมใช้จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 5 ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 28-30 มิ.ย.67 เป็นรายการแรก

‘เสธ.หมึก’ พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับจังหวัดพิจิตร และองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เดินหน้าในการส่งเสริมให้จังหวัดพิจิตร เป็นเมืองศูนย์กลางกีฬาจักรยานเต็มตัว มีสนามแข่งขันมาตรฐานครบวงจรทั้งในประเภทถนน บีเอ็มเอ็กซ์ และเสือภูเขา หลังจากความร่วมมือแรกในการดำเนินการสร้างเส้นทางจักรยานรอบบึงสีไฟ ในโครงการพระราชดำริอุทยานระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงสีไฟ ที่จะประเดิมเปิดสนามอย่างเป็นทางการในการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขาทางเรียบ และประเภทถนน ไทยแลนด์ โอเพ่น ชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2566

พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ทาง อบจ.พิจิตร อยู่ระหว่างดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง ให้ได้มาตรฐานของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ในพื้นที่บึงสีไฟ โดยทางสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ได้ส่งทีมงานไปสำรวจพื้นที่มาเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับวางแปลนการก่อสร้างโดย มร.ฮาวีย์ เครป ผู้เชี่ยวชาญด้านบีเอ็มเอ็กซ์ของยูซีไอ และผู้ฝึกสอนบีเอ็มเอ็กซ์ทีมชาติไทย ขณะที่ประเภทเสือภูเขา ล่าสุด นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร 4 สมัย ในฐานะประธานที่ปรึกษาพิเศษ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร มีโครงการจัดสร้างสนามแข่งขันจักรยานเสือภูเขามาตรฐานระดับนานาชาติที่สามารถใช้เป็นศูนย์เก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติไทย และเป็นศูนย์ฝึกซ้อมนานาชาติที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก โดยใช้พื้นที่ฟื้นฟูภายในเหมืองทองอัครา อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร

นายกสองล้อไทย กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว ฝ่ายเทคนิคของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยทีมงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เดินทางเข้าไปสำรวจพื้นที่ภายในเหมืองทองอัครา พบว่าพื้นที่ฟื้นฟูซึ่งไม่ได้ใช้งานเหมืองแล้ว มีความเหมาะสมเป็นอย่างมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับความต้องการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ที่มีแนวคิดจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการกีฬา เนื่องจากมีทัศนียภาพสวยงาม มีบ่อน้ำรูปหัวใจที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นแหล่งน้ำทางการเกษตรสำหรับชุมชนเกษตรกรในพื้นที่อำเภอทับคล้อ

พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า จากการสำรวจพื้นที่เบื้องต้น ได้รับรายงานจากฝ่ายเทคนิคว่าสภาพภูมิประเทศมีความเหมาะสมที่จะดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันครอสคันทรี่ในระดับนานาชาติ ตามมาตรฐานของยูซีไอ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีพื้นที่ภูเขาที่มีความสูงเพียงพอในการจัดสร้างสนามแข่งขันดาวน์ฮิลที่มีความท้าทายทั้งในเรื่องระยะทางและเทคนิค ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ที่มีความพร้อมในการดำเนินการทั้งครอสคันทรี่และดาวน์ฮิลหาได้ยากมาก นอกจากนี้ก็จะทำสนามแข่งขันเสือภูเขาอิลิมิเนเตอร์ เพื่อรองรับสำหรับการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา

“ในเรื่องการดำเนินการจัดสร้าง ท่านประดิษฐ์ยืนยันว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร ทั้งในเรื่องการจัดหาเครื่องจักรที่จำเป็น ตลอดจนกำลังคนในการดำเนินการ เช่นเดียวกันกับความร่วมมือจากบริษัท อัครา รีซอสเซส ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ทองคำที่มีความประสงค์จะฟื้นฟูพื้นที่การทำเหมืองเมื่อแล้วเสร็จ ให้เกิดคุณประโยชน์ต่อพื้นที่ในทุก ๆ ด้าน เท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ก็เป็นหนึ่งในนโยบายของการฟื้นฟูพื้นที่” พลเอกเดชา กล่าว

ทั้งนี้ พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า ในขั้นตอนถัดไป สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ จะส่งทีมงานฝ่ายเทคนิคจักรยานเสือภูเขา เข้าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อสำรวจพื้นที่อย่างละเอียด จากนั้นก็จะวางแผนการดำเนินการจัดสร้างสนามแข่งขันทั้งครอสคันทรี่, ดาวน์ฮิล และอิลิมิเนเตอร์ เพื่อให้แล้วเสร็จทันการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานประจำปี 2567 ที่จังหวัดพิจิตร จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสนามที่ 5 ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567 ต่อไป

AIS ผุดแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ชวนลูกค้าทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี

AIS ชูภารกิจ Zero e-waste to landfill ชวนลูกค้าทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี ดีต่อโลก ดีต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผุดแคมเปญ ทิ้ง E-Waste กับ AIS รับทันที AIS Points

(26 ต.ค. 66) AIS เดินหน้าเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หรือ Hub of e-waste อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ชวนลูกค้านำขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก มาทิ้งกับ AIS ที่ศูนย์บริการ AIS Shop ที่ร่วมรายการ ผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste+ แพลตฟอร์มการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์บน Blockchain ที่จะทำให้เรารู้สถานะการทิ้งตั้งแต่ต้นจนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกวิธีโดยปราศจากการฝังกลบหรือ Zero e-waste to landfill รับทันที AIS Points สูงสุดถึง 5 คะแนน

นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เพื่อเป็นการตอกย้ำความพร้อมในการเป็น Hub of e-waste มุ่งสร้าง Ecosystem ในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่การสร้างองค์ความรู้ให้ตระหนักถึงปัญหา สร้างการมีส่วนร่วมไปจนถึงการสร้างกระบวนการจัดเก็บและรีไซเคิลแบบ Zero e-waste to landfill ตามมาตรฐานสากล โดยการทำงานครั้งนี้เราได้ต่อยอดเทคโนโลยี Blockchain กับแอปพลิเคชัน E-Waste+ ในแคมเปญทิ้ง E-Waste รับ AIS Points เปลี่ยนทุกการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นคะแนน AIS Points ซึ่งนอกเหนือจากการสร้างการมีส่วนร่วมให้คนไทยและลูกค้าตระหนักถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมแล้ว การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้จะช่วยทำให้ขยะ E-waste ทุกชิ้น สามารถตรวจสอบสถานะได้ทั้งกระบวนการ รวมถึงยังคำนวณขยะที่ได้ออกมาเป็น Carbon Scores เพื่อให้ทราบว่าเราช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปเป็นปริมาณเท่าไหร่จากการร่วมทิ้ง E-Waste ในครั้งนี้” 

สำหรับลูกค้า AIS สามารถร่วมแคมเปญ ‘ทิ้ง E-Waste รับ AIS Points’ ได้ง่าย ๆ เพียงนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ โทรศัพท์มือถือเก่า แท็บเล็ตเสีย คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก อุปกรณ์เสริมมือถือ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กที่ไม่ใช้แล้ว มาทิ้งกับ AIS ที่ศูนย์บริการ AIS Shop ที่ร่วมรายการ โดยสามารถทิ้งผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste + ก็รับทันที AIS Points สามารถดูรายละเอียดที่ https://sustainability.ais.co.th/th/update/e-waste/686/aisewaste-aispoints  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top