Monday, 28 April 2025
ElectionTime

‘เพื่อไทย’ เจอชายนิรนาม ตะโกนด่า “พรรคของปลอม” ขณะ ‘แพทองธาร’ ทำพิธีสักการะก่อนสมัครปาร์ตี้ลิสต์

จากกรณีที่วันนี้ (4 เม.ย.2566) มีการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง

ในขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย กำลังทำพิธีสักการะพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง อยู่นั้น ปรากฏว่าได้มีชายนิรนามคนหนึ่ง ลุกขึ้นมาตะโกนด่าทอ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า

นัยแห่งหมายเลข 22 แม้ 'ตู่' ชูนิ้วได้อย่างอารมณ์ดี แต่มีสัญญาณอันตรายสะเทือนพรรค รทสช.

ถึงตอนนี้พรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดใหญ่หลายพรรคที่จับสลากได้เบอร์ตัวเลขสองตัวประเภท เบอร์ 18 พรรคชาติไทยพัฒนา, เบอร์ 26 ประชาธิปัตย์,เบอร์ 29 พรรคเพื่อไทย ที่มึนตึ้บในวันแรกว่าจะชูนิ้วชูมืออย่างไรก็คงหาวิธีการได้แล้ว...

ต่างกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่แม้จะได้เลขสองตัว แต่เป็นเลขเบิ้ลคือ เบอร์ 22 ทำให้ลุงตู่และลุงตุ๋ยชูนิ้วโชว์นักข่าวกันอย่างอารมณ์ดี...

ไม่เพียงเท่านั้นบรรดาแฟนคลับ...พากันกระพือในสื่อโซเชียลอีกต่างหากว่า เลข 22 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับลุงตู่เป็นที่ยิ่ง จะทำการสิ่งใดก็ประสบผลสำเร็จ ดูอย่างวันแต่งงานก็ 22 มิถุนายน 2527, วันยึดอำนาจยุติการฆ่ากันตายเมื่อปี 2557 ก็วันที่ 22 พฤษภาคม...เป็นต้น

แต่เลข 22 อันเกี่ยวกับการจัดอันดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค รทสช. ที่ 'เล็ก เลียบด่วน' กำลังจะพูดต่อไปนี้ไม่น่าจะเป็นผลบวกหรือผลดีกับลุงตู่สักเท่าใดนัก...

อันว่าผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรครทสช.ลำดับปลอดภัยหรือเซฟโซนที่จะได้เป็นส.ส.แน่นอนอยู่แค่อันดับ 12 หรืออย่างมากก็อาจยืดไปถึงอันดับ 15...

ดังนั้นอันดับ 15. ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้ อันดับ 16.ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 'แม่เลี้ยงติ๊ก', อันดับ 17, เกชา ศักดิ์สมบูรณ์, อันดับ 18  คุณอ้น-ทิพานันท์  ศิริชนะ, อันดับ 19 โรจน์พิศาล  อินทรักษ์,อันดับ 20 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง  อันดับ 21 พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา, อันดับ 22 ชุมพล กาญจนะ บ้านใหญ่สุราษฎร์ธานี อดีต ส.ส.หลายสมัย...

เหล่านี้ต้องลุ้นกันเหนื่อย ลุ้นกันหลายรอบ...กว่าจะได้เป็นส.ส.

แต่ที่ต้องหมายเหตุเป็นพิเศษคือ ลำดับที่ 22 ชุมพล กาญจนะ ไม่มีใครคาดคิดว่าลุงตู่ลุงตุ๋ยจะจัดวางมาอยู่ในลำดับต่ำเตี้ยขนาดนี้...ถือว่าพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย

ชุมพล กาญจนะ คือ บุคคลที่ชวน หลีกภัย เคยพูดถึงว่ามีบางพรรค (ไม่ใช่รทสช.) เสนอเงิน 200 ล้าน เพื่อ กวาด ส.ส.สุราษฎร์ฯ ให้ได้ยกจังหวัด แล้วจะให้ตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งนายชุมพลไม่เอา แต่สุดท้ายก็ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรคลุงตู่พร้อมลูกสาวที่เป็น ส.ส.เขต 3 สุราษฎร์ฯ...

ปิดกันไม่มิดว่าตอนนี้...ชุมพลยากที่จะทำใจได้ที่โดนใครต่อใครข้ามหัวยิ่งกว่าการด้อยค่า...จะสบตาคนในพื้นที่ จะนำทัพออกรบก็คงไม่สนุกเสียแล้ว...ลูกสาวลูกสะใภ้ที่ลงสมัครส.ส.เขตด้วยก็คงใจเหี่ยวไปด้วย...

'พปชร.' เด้งรับ นโยบาย 5 ด้านจาก ‘P-Move’ ยัน!! พร้อมสานต่อให้เป็นนโยบายพรรค 

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P- MOVE) เดินทางมายื่นหนังสือเสนอนโยบายต่อพรรคการเมือง 5 ด้าน ได้แก่ 1.ที่ดินและที่อยู่อาศัย 2.เสรีภาพ กระบวนการยุติธรรม 3.สิทธิ สถานะ และชาติพันธุ์ 4.รัฐสวัสดิการ และการกระจายอำนาจ และ 5.โครงการพัฒนาของรัฐ และสาธารณูปโภค เพื่อให้ พปชร. นำไปพิจารณากำหนดเป็นนโยบายพรรค

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการยื่นหนังสือ บริเวณด้านหน้าพรรค พปชร. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธินมาคอยดูแลความปลอดภัย เนื่องจากจำนวนผู้ยื่นหนังสือมากถึง 50 คน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความกังวลว่าจะเกิดความชุลมุน ทําให้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ขณะที่ประชาชนกลุ่ม P - Move ได้โบกธงสัญลักษณ์ของกลุ่มเครือข่าย พร้อมชูป้ายข้อความ อาทิ ลบล้างและปฏิรูประบบบริหารจัดการนโยบาย กฎหมาย เกี่ยวกับฐานทรัพยากร, คนไทย ไม่ไร้ สิทธิ สถานะ, ที่ดิน เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความเป็นธรรม เป็นต้น และยังมีป้ายข้อความที่ระบุข้อเรียกร้อง และนโยบายที่ต้องการเสนอต่อพรรคการเมือง

ต่อมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. ได้เดินทางมารับหนังสือจากกลุ่ม P - MOVE ตามเวลานัดหมาย โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า ได้อ่านข้อเสนอนโยบายทั้ง 5 ด้านครบถ้วนแล้ว ทาง พปชร.มีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอของกลุ่ม P- MOVE และจะนำข้อเสนอนโยบายทั้ง 5 ด้านที่เสนอมา เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของ พปชร.ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบขณะนี้ เป็นปัญหาในเรื่องที่ดิน ทำกิน และปัญหาสิทธิ สถานะของชาติพันธุ์

‘วิรัช’ เชื่อ!! เลขพรรคเบอร์ 37 คนจำได้ เตรียมเดินสายหาเสียงทุกภาค ขอคะแนนเสียงจาก ปชช.

(5 เม.ย.66) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจกรรมและปราศรัยหาเสียงพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังจากพรรคได้หมายเลขพรรค 37 สำหรับหาเสียงของส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะเลขสองหลักแต่เชื่อว่าประชาชนจะจำได้ จากนี้จะเริ่มเดินสายหาเสียงในแต่ละภาค โดยจะมีทั้งหัวหน้าพรรค และหัวหน้าภาค ที่รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ ลงไปช่วยกันเดินสายปราศรัยหาเสียงเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน

‘นฤมล’ ชี้ พปชร. ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับเลข 37 ชู นโยบาย 3700 เบี้ยสูงอายุ 3,000 สวัสดิการ 700

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. กล่าวถึงการปรับนโยบายหรือกลยุทธ์ให้เข้ากับหมายเลข 37 ว่าผู้สมัคร ส.ส.บอกจดจำง่าย เลือกพรรค พปชร.ได้อย่างน้อย 3,700 โดยมาจากนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท และนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำง่ายๆ เลือกลุงป้อม 3700 แต่จะใช้เป็นแคมเปญใหม่หรือไม่ ตอนนี้กำลังหารือกับผู้สมัคร เพื่อบอกกับประชาชนให้จดจำได้ เข้าใจง่าย พลังประชารัฐ 3700 ตอนนี้ทุกอย่างจะผูกให้เป็นหมายเลข 37 คือ 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลข 37 จะเป็นปัญหาในการหาเสียงหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. พอใจกับเลข 37 หลายคนบอกเป็นเลขมงคล 3 บวก 7 เป็น 10 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคและหัวหน้าพรรค ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเลขที่ดี และจะเป็นการสร้างการรับรู้ว่าพรรคพลังประชารัฐ 3,700  อีกทั้งหมอดูต่างๆ ยังกล่าวว่า เลข 37 เป็นเลขมงคลที่ถูกโฉลก จะทำให้ได้รับชัยชนะ

“ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากเห็นเลข 37 ว่าจะต้องเลือกพรรคพปชร.พลังประชารัฐ นอกจากต้องช่วยกันจำ เวลาไปคูหากาบัตรเลือกตั้ง ต้องมองหาโลโก้และชื่อพรรค เป็นการจดจำง่ายขึ้น” นางนฤมล กล่าว

เมื่อถามว่า ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เมื่อเห็นว่าเลขพรรคมีจำนวนเยอะ และตัวผู้สมัครมีหมายเลขของตัวเอง จะมีการนัดแนะอย่างไร นางนฤมล กล่าวว่า ตอนนี้ผู้สมัครได้ขึ้นป้าย ทำคลิป ส่งมาให้ดู เป็นภาพของหัวหน้าพรรค และเลข 37 ส่วนผู้สมัครก็จะขึ้นตัวเลขของเขา เป็นการประชาสัมพันธ์คู่กัน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่สร้างความสับสน ประชาชนก็ได้รับการชี้แจงแล้วว่าจะต้องเลือกตั้งบัตรสองใบ คนละเบอร์

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 7 เม.ย.นี้ จะจัดขึ้นที่ไหน นางนฤมล กล่าวว่า อาจจะเป็นที่สวนเบญจสิริ จากนั้นวัน 8 เม.ย.จะเป็นเวทีใหญ่ จ.สมุทรสาคร พรรคพปชร.ได้เบอร์ 1 ทั้งสามเขต สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ตนจะลงไปช่วยในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปพูดเรื่องนโยบายให้ชาวภาคใต้ได้รับรู้กับนโยบาย 3,700 

เมื่อถามว่า พรรคพปชร.จะมีคิวเวทีปราศรัยอย่างเต็มรูปแบบหรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า จะมีการปราศรัยเวทีสุดท้ายที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ประชุมวางไว้ เป็นวันที่ 12 พ.ค.อาจจะเป็นที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง อีกทั้ง 30 กว่าวันที่เหลือ จะมี 10 เวทีใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ

‘สมศักดิ์’ เตรียมหารือ ผู้สมัคร ส.ส. แดนใต้ ‘ปลดล็อกกระท่อม-กีฬาชนวัว’ กระตุ้น ศก. ภาคใต้

(5 เม.ย.66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรค และรองผอ.ศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ได้เชิญผู้สมัคร ส.ส.พรรคในจังหวัดภาคใต้ อาทิ น.ส.บุญฑริกา ยอดสุรางค์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 2, นายถาวรรัตน์ คงแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 เบอร์ 1, พล.ต.ต.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 เบอร์ 10, นายฮานาฟี หมีนเส็น ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ชานิสรา ภูวิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 9 เบอร์ 10 และ นายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.พังงา เขต 2 เบอร์ 4 เพื่อมาหารือถึงแนวทางการนำเสนอนโยบายของพรรค ที่จะใช้สื่อสารกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะแนวนโยบายของตนที่ได้พัฒนาส่งเสริมพื้นที่ภาคใต้มาโดยตลอด ทั้งการปลดล็อกพืชกระท่อมและกีฬาชนวัว 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พื้นที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ใหม่ที่พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถปักธงได้ ตนจึงเข้ามาช่วยผู้สมัคร ส.ส. เพราะตลอดการเป็น รมว.ยุติธรรม ตนได้ลงพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่องจนรับทราบปัญหาและแนวทางการพัฒนา รวมถึงมีหลายนโยบายที่ได้ขับเคลื่อนจนสำเร็จไปแล้ว เช่น การปลดล็อกพืชกระท่อม ที่ทำให้ใบไม้กลายเป็นเงินสด เกิดการสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนจำนวนมาก รวมถึงการผลักดันส่งเสริมกีฬาชนวัว ด้วยการร่างกฎหมายส่งเสริมปศุสัตว์ เพื่อยกระดับให้มีมาตรฐาน เพิ่มมูลค่าให้กับสัตว์ ช่วยเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาชมกีฬาชนวัวได้ง่ายขึ้น เป็นอีกซอฟท์พาวเวอร์ช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กับประเทศ 

ทั้งนี้ จากการหารือกับผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี หลายคนทราบถึงปัญหาและแนวทางถึงแก่น รวมถึงเข้าใจแนวทางการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ถ้าเราสามารถนำเสนอนโยบายให้ประชาชนเข้าใจได้ ก็จะมีโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจ ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้มั่นใจว่าครั้งนี้จะสามารถปักธงได้อย่างแน่นอน เพราะโพลต่างๆ พรรคเพื่อไทยมาแรงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าพี่น้องชาวภาคใต้ยอมรับนโยบาย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย

เปิดวิธีคิด 'Yitzhak Rabin' อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งอิสราเอล ผู้ยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูที่รายล้อมรอบได้อย่างทะนง

ขณะที่ ปี่ กลอง ในการเลือกตั้งของบ้านเรากำลังโหมประโคมอย่างเมามัน ลองมาดูวิธีคิดของนักการเมืองในประเทศเล็ก ๆ แต่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูที่มีอยู่โดยรอบได้อย่างทะนงองอาจ ใช่แล้ว นั่นคือ อิสราเอล
.

ขณะที่ Yitzhak Rabin กำลังปราศรัยกับผู้สนับสนุนในเมืองไฮฟาในช่วงปี 1970 และผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “คุณ Yitzhak ดิฉันเป็นครู และดิฉันเชื่อว่า อนาคตของทั้งประเทศขึ้นอยู่กับการศึกษา ดิฉันอยากรู้ว่า คุณจะจัดการระบบการศึกษาอย่างไร?”

คำถามแบบนี้ แทบจะเป็นอาหารจานโปรดของนักการเมืองเลย นักการเมืองคนใดก็ตามสามารถตอบปัญหาเรื่องนี้ได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีโดยการพูดถึงงบประมาณที่มากขึ้น ชั้นเรียนที่เล็กลง โครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ฯลฯ แต่ Rabin ไม่ได้ตอบแบบนั้น เขาตอบว่า “คุณพูดถูกที่อนาคตของทั้งประเทศขึ้นอยู่กับการศึกษา น่าเสียดายที่อนาคตทั้งหมดของประเทศขึ้นอยู่กับรายการที่ยาวเหยียด และเราไม่สามารถพยายามจัดการทั้งหมดได้ในคราวเดียว มิฉะนั้นแล้วเราจะไม่ทำอะไรเลย เราได้ตัดสินใจว่า ลำดับความสำคัญสูงสุดสองประการของเราคือการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจ เราอาจจะคิดผิด แต่การศึกษาคงต้องรอไปก่อน”

คำตอบที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาเช่นนี้เป็นเพราะอิสราเอลเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ต้องยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูที่มีอยู่โดยรอบนับตั้งแต่การก่อร่างสร้างประเทศ อิสราเอลยังไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ในคราวเดียว มีหลายอย่างที่รัฐบาลอิสราเอลยังไม่ได้จัดการ แต่ความสำคัญที่สุดคือการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย จะมีใครบ้างที่สามารถแก้ไขพัฒนาระบบการศึกษา ปรับปรุงตลาดแรงงาน เพิ่มสวัสดิการ และจัดหาที่อยู่อาศัยที่ดีและราคาไม่แพง ในขณะที่ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดสองเรื่อง ซึ่งหมายถึงความอยู่รอดของประเทศชาติที่ยังคงต้องรีบจัดการ หวังที่จะเห็นผู้นำทางการเมืองไทยมีวิธีคิดเช่นนี้ “เรื่องสำคัญที่จำเป็นของประเทศชาติต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด...เสมอและตลอดไป”

‘สุทิน’ กางแผนแก้ปัญหาภาคอีสานทุกมิติ พร้อมยก ‘ปัญหาน้ำ-ที่ดิน’ เป็นวาระแห่งชาติ

(5 เม.ย.66) สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการพิเศษ เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ตอนแม่ทัพอีสาน ร่วมดีเบตกับพรรคการเมืองอื่นอีกรวม 6 พรรค ดำเนินรายการโดย กิตติ สิงหาปัต เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 วันที่ 4 เมษายน 2566 ถึงปัญหาของชาวอีสานว่าวันนี้ปัญหาของชาวอีสานสลับซับซ้อนมากขึ้น มีทั้งปัญหาเฉพาะหน้าต้องแก้ไข ปัญหาเก่าที่ค้างคาไม่เสร็จและปัญหาใหม่จากปัจจัยนอกประเทศที่มากระทบ ดังนั้น การแก้ปัญหาอีสานจะมาคิดแยกส่วนไม่ได้แต่ต้องมองทั้งระบบ คิดและขับเคลื่อนไปอย่างมียุทธศาสตร์พร้อมกัน

สุทิน คลังแสง กล่าวว่าจากคำถามของพี่น้องประชาชนที่สะท้อนมา อยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทย  โดยปัญหาของภาคอีสานต้องตั้งหลักคิดดีๆ ไม่ใช่จะแก้เรื่องใดเรื่องหนึ่งยกกันขึ้นมาแล้วก็จบ อีสานมีทั้งปัญหาเฉพาะหน้า ปัญหาเก่าดั้งเดิมที่แก้ไม่เสร็จ และปัญหาใหม่ที่เราเผชิญกับโลกที่ต้องสู้ให้ได้ 

ปัญหาเฉพาะหน้าคือ วันนี้คนอีสานมีอาชีพ 2 อาชีพมากสุดคือเกษตรกรและขายแรงงาน ต้องยอมรับกัน เพราะฉะนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องแก้คือดันราคาสินค้าเกษตรขึ้นให้มีราคาสูงทุกตัว และค่าแรงขั้นต่ำต้อง 600 บาทเป็นพื้นฐานไล่เรียงกันไป บางจังหวัดอาจสูงมากไปถึง 1 พันบาทขึ้นอยู่กับว่าเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสูง ดังนั้นนี่คือปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องเอาให้คนอีสานรอดตายก่อน คือดันสินค้าราคาเกษตรขึ้น ลดราคาปัจจัยการผลิต ลดราคาปุ๋ยให้ลง และผู้ใช้แรงงานได้ค่าแรง 600 บาท

ปัญหาดั้งเดิม คือ น้ำและดิน อีสานมีทั้งปัญหาแล้งจัดและท่วมจัด รวมถึงที่ดิน เพราะคนอีสานยากจน ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือบางครั้งมีเอกสารสิทธิแต่ก็เป็นดินไม่มีคุณภาพ ฉะนั้นเราต้องแก้ปัญหาน้ำและดินเชิงรุก เพื่อนำไปสู่ขั้นถัดไปคือ การสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ เพื่อให้พี่น้องอีสาน ได้ทำงานอยู่ในบ้านเกิด ทำงานอยู่ในอีสาน ไม่ต้องอพยพไปทำงานกรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้เคียง ถ้าที่กรุงเทพมีนวนคร อีสานทำไมจะมีไม่ได้ และจังหวัดที่มีสาธารณูปโภคพื้นฐานพร้อมคือขอนแก่น เป็นจังหวัดแรก จากนั้นก็มีที่อุบลราชธานี อุดรธานีในกลุ่มอีสานเหนือกลางและใต้ ทำเขตเศรษฐกิจใหม่ ดังนั้นต่อไปก็ไม่ต้องไปขายแรงงานลงไปถึงกรุงเทพ แต่สามารถทำงานในอีสานได้

เมื่อเราสร้างรายได้ สร้างอาชีพให้เขาได้แล้ว สิ่งเหล่านี้จะอยู่โดดเดี่ยวลำพังไม่ได้ เพราะต้องมีการขนส่งคมนาคม ทั้งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า เราจะทำรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยได้ทำไว้แต่ตอนนี้คาอยู่ที่ 3 กิโลเมตรยังสร้างไม่เสร็จ ทำต่อเชื่อมรถไฟฟ้าเชื่อมกับลาว จีน เวียดนาม อีกสายจะลงใต้เชื่อมไปสิงคโปร์ อีกทั้งยังจะมีรถไฟอีกเส้นที่เคยศึกษาไว้ที่โคราช นครพนม ที่เคยศึกษาไว้ ก็จะนำมาทำทั้งหมด จากนี้ก็จะเชื่อมทุกเส้นทางเข้าด้วยกัน 

กลับมาที่เรื่อง ดินและน้ำ ในภาคอีสาน ซึ่งจะคิดแยกส่วนไม่ได้ ต้องทำเป็นยุทธศาสตร์ ใช่ เราเคยมีการศึกษาโครงการโขงชีมูล เพราะตอนนั้นน้ำเต็มแม่น้ำโขง เรานำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่เพราะจีนยังไม่ได้สร้างเขื่อนตอนบนแม่น้ำโขงกักน้ำ แต่ตอนนี้ จีนสร้างเขื่อนกักไว้ถ้าไปสร้างก็กลายเป็นสูบได้แต่ลม ดังนั้น เราเคยคุยตั้งแต่สมัยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแล้วว่า รอน้ำจากโขงไม่ได้ ดังนั้นเราจะเอาโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบกลับมา เพื่อจัดการน้ำได้ทั้งหน้าฝนหน้าแล้ง

‘สันติ’ โว!! เบอร์ 37 เลขมงคล จําง่าย ติดหู ชี้!! ตอน กกต.ให้จับลำดับคิวขึ้น ก็ได้คิวที่ 37

(5 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร.ให้สัมภาษณ์ถึงหมายเลข 37 ของพรรคพปชร.ว่า เลข 37 ใครๆ ก็จําได้ หลานชายที่บ้านยังจําได้เลย ติดหู ติดสมองแน่นอน เพราะจำง่าย ตัวเลขน้อยอยู่ข้างหน้า ตัวเลขมากอยู่ข้างหลัง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีซินแสบางคนทักว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นมงคล นายสันติ กล่าวว่า ไม่มงคลตรงไหน 37 เป็นเลขมงคลอยู่แล้ว ถ้าเป็นเลข 6 หรือเลข 4 ก็อีกเรื่อง เมื่อถามยํ้าว่าไม่สนใจเรื่องดวง หรือเลขมงคล ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เลข 3 กับ 7 ไม่ดีตรงไหน ตนว่าดีมากแล้ว และเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ เพราะผู้สมัคร ส.ส.เขต ส่วนใหญ่ ได้เลขหลักเดียว จะได้ไม่ซ้ำกัน 

เมื่อถามว่า เลขดังกล่าวสมพงษ์กับพรรคใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ใช่ เลขนี้เป็นเลขฟ้าสั่ง ตอนที่ประธาน กกต.ให้จับสลากลำดับคิวขึ้นจับเบอร์ ก็ได้คิวที่ 37 และเมื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ขึ้นไปจับลำดับเบอร์ที่จะจับเลือกเลขก็ได้เลข 37 เป็นเลขมงคลอยู่แล้ว มีพรรคไหนบ้างได้เลขเดียวกัน 2 ครั้ง 

เมื่อถามว่า จะต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร ให้ประชาชนจำง่ายขึ้น นายสันติ กล่าวว่า ไม่ต้อง เลขนี้จำง่ายอยู่แล้ว เมื่อถามว่จะมีการปรับนโยบายพรรค 3700 เพื่อให้เชื่อมโยงเบอร์ 37 ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า พรรคมี 3 นโยบายหลัก และกระจายออกมาเป็น 7 นโยบายย่อย และมีนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท นโยบายต่างๆ เอื้อให้เข้ากับเลข 37 อยู่แล้ว 

'ก้าวไกลกรุงเทพฯ' ตั้งเวทีริมถนน ประชาสัมพันธ์นโยบาย เน้นคนสัญจรในเมือง ผลตอบรับดี มีประชาชนมาให้กำลังใจ

(5 เม.ย.66) หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ และให้ผู้สมัครจับเบอร์ที่จะใช้ในการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ก็เดินหน้าลงพื้นที่หาเสียงอย่างเข้มข้น

ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ภาพผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ ของพรรคก้าวไกลหลายเขต ใช้วิธีการหาเสียงแบบใหม่ ด้วยการยืนปราศรัยบนเวทีที่ยืนขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ ยางรถยนต์ แล้วใช้เครื่องเสียงขนาดเล็กประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกลและตัวผู้สมัคร

พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่าวิธีการหาเสียงแบบนี้ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายเขตทำแล้วได้ผลตอบรับดีมาก เพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนท้องถนน หรือเดินทางสัญจรไปมาทั้งบนถนนและบนทางเท้า รวมทั้งมีต้นทุนในการหาเสียงที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับรถแห่หาเสียงหรือเวทีขนาดใหญ่

“หัวใจสำคัญของการหาเสียงด้วยวิธีนี้ คือความใกล้ชิดกับประชาชน เพราะยืนอยู่ในระยะที่ประชาชนเข้าถึงตัว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้สมัคร ส.ส. ได้ เราได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากประชาชนที่สัญจรผ่านไป-มา บางคนจอดรถให้กำลังใจ บางคนซื้อน้ำ-ซื้อพวงมาลัยให้ บางคนก็เข้ามาพูดคุยสอบถามนโยบายพรรคก้าวไกล การหาเสียงด้วยวิธีนี้สอดคล้องกับค่านิยมพรรคก้าวไกลที่บอกว่าผู้แทนราษฎรของเราต้องเป็นคนธรรมดา ไม่ทำตัวสูงส่งกว่าประชาชนหรือเข้าถึงยาก รวมทั้งยังเป็นวิธีการที่มีต้นทุนต่ำมากๆ ในการหาเสียง” พิจารณ์กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top