Thursday, 15 May 2025
Crimes

ตำรวจคมนาคม กทม. ปภ. จับมือลุย!สำรวจทางม้าลาย เตรียมปรับปรุงทั่วประเทศ พร้อมมอบรางวัลให้ประชาชนส่งคลิปผู้ฝ่าฝืนกฎหมายไม่จอดให้คนข้าม

วันนี้ (28 ม.ค.65) เวลา 09.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) ,พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.โสภณ  พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่า กทม. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม. นายประพาส เหลืองศิรินภา ผอ.สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. ศ.ดร.พิชัย ธานีรณานนท์ ประธานอนุกรรมการความปลอดภัยทางถนนและจราจร สภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย นายสุจิณ มั่งนิมิต ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติความปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม นายวิทยา จันทน์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน  ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองถิ่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมการขนส่งทางบก ร่วมประชุมหารือแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณทางม้าลาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า ได้นำ “มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.65 มอบหมายให้ ตร.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง โดยให้นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่กับการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความตระหนัก มีจิตสำนึก และมีความรับผิดชอบต่อสังคม”

ในที่ประชุมวันนี้ได้สั่งการให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ ตรวจสอบทางม้าลายร่วมกับ จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แขวงการทาง หรือหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นเจ้าของถนน เพื่อหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขเส้นทางข้ามให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งการทาสี ตีเส้น ทำแถบชะลอความเร็ว ทำป้ายเตือน  ปรับทัศนวิสัย  ติดตั้งไฟสัญญาณจราจรควบคุมทางข้าม การติดตั้งกล้อง CCTV

นอกจากนี้ ตำรวจจะร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ พิจารณากำหนดอัตราความเร็วในเขตชุมชนที่มีประชาชนหนาแน่น หรือบริเวณสถานศึกษาหรือโรงพยาบาลตั้งอยู่ รวมถึงความเร็วขั้นต่ำก่อนถึงทางม้าลาย จัดทำป้ายจำกัดความเร็ว ซึ่งในเขตชุมชนอาจจำกัดความเร็ว 30 – 40 กม./ชม.  นอกเขตชุมชน จำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ฝ่าฝืน

รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า แต่ละสถานีตำรวจจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และอาสาจราจรดูแลความปลอดภัยบริเวณทางม้าลาย โดยเฉพาะทางข้ามที่ไม่มีการติดตั้งไฟสัญญาณจราจรควบคุมในช่วงที่มีประชาชนเดินสัญจรไปมาจำนวนมาก และจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง กับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับทางม้าลาย เช่น ไม่จอดให้คนข้าม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท แซงบริเวณทางข้าม ปรับ 400- 1,000 บาท  จอดรถในทางม้าลายปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดข้อหาที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะ 10 ข้อหาหลัก เช่น ฝ่าไฟแดง ย้อนศร ขับรถเร็ว เมาแล้วขับ อย่างต่อเนื่อง

หนุ่มนามสกุลดังซิ่งรถหรูชนคนงานดับบนทางด่วน ด้าน​ตร. ส่งตรวจเมา พบไม่เกินค่าที่กม.​ กำหนด

หนุ่มนามสกุลดังซิ่งรถหรูชนคนงานขูดผิวจราจรบนทางด่วน บาดเจ็บ 1 เสียชีวิต 1 ตำรวจส่งตัวตรวจแอลกอฮอล์

เมื่อเวลา 02.20 น. วันที่ 30 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ก้อนแพง รอง ผกก.(สอบสวน)​ สน.ทางด่วน 1 รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกัน มีผู้เสียชีวิต บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทิศทางจากบางนามุ่งหน้าดาวคะนอง แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุอยู่บนช่องทางเดินรถขวาสุด ช่วงทางโค้งต่างระดับท่าเรือที่แยกไปดาวคะนองพบรถเก๋ง ยี่ห้อแลนโรเวอร์ สีดำ ทะเบียน ฌว 333 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถไถนาที่ดัดแปลงเป็นรถทำความสะอาดพังทั้งคันจนล้อหลุดออกจากตัวรถ ชิ้นส่วนตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน ใกล้กันพบศพนายเอกชัย ชาว สระแก้ว คนขับรถทำความสะอาดดังกล่าว เสียชีวิตสภาพคอและแขนหัก สวมเสื้อสะท้อนแสงทับเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว นอกจากนี้ ยังมีคนงานอีก 1 ราย ซึ่งนั่งอยู่บนรถกับนายเอกชัยได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกส่งตัวรพ.เทพธารินทร์ ส่วนคนขับรถเก๋งได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทราบว่าเป็นชายอายุ 22 ปี ถูกควบคุมตัวไปยัง สน.ทางด่วน 1

เตือนภัย!! โปรดดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ระวัง!ตกเป็นเหยื่อ ‘แก๊งค้าประเวณีเด็ก’ ด้วยความห่วงใยจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

1 ก.พ.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดโดยมีพฤติกรรมเป็นนายหน้า เป็นธุระจัดหา นำเด็กไปค้าประเวณี จนนำไปสู่การออกหมายจับข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวที่ จังหวัดยโสธร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นั้น

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมีพี่น้องประชาชนรวมถึงเด็กและเยาวชนหลายราย ตกเป็นเหยื่อของผู้กระทำผิดในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ด้วยความห่วงใยของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงได้จัดตั้ง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องดังกล่าว โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

ขอฝากเตือนไปถึงพี่น้องประชาชน ให้ดูแลและให้ความรู้บุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิด ไม่ให้หลงเชื่อบุคคลที่จะมาชักชวน ล่อลวง บุตรหลานของท่านให้ไปกระทำผิดกฎหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกหลอกไปขายบริการหรือทำงานผิดกฎหมายได้ ส่วนผู้ที่มีพฤติการณ์เป็นธุระจัดหา หรือ เป็นนายหน้าหลอกลวงเด็กและเยาวชนไปค้าประเวณีหรือแสวงหาประโยชน์โดยผิดกฎหมาย อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หรือ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551

>> มาตรา 6 (2) เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใดหน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก ถ้าการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบผู้นั้นกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

>> มาตรา 52 ผู้ใดกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 12 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 1,200,000 บาท

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ ไม่ถึง 18 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000 บาท ถึง 1,500,000 บาท 

ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำแก่บุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี หรือ ผู้มีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 8 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 800,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท

“โอนเงินก่อนกู้...ไม่มีอยู่จริง” ห้ามโอน! เสี่ยงตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ด้วยความห่วงใย จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

7 ก.พ.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ในห้วงปัจจุบันมีมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก รวมถึงแอปพลิเคชันเงินกู้ปลอมด้วย ซึ่งจะมีวิธีการหลอกให้ยื่นกู้เงิน โดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัว หลอกให้โอนเงินค้ำประกันก่อน หรือบางราย หลอกให้ชำระค่าธรรมเนียมก่อนกู้เงิน หลังจากนั้นจะไม่สามารถติดต่อได้ นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเร่งด่วน ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของแอปพลิเคชันเงินกู้ปลอม พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้ตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อปฏิบัติภารกิจกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงแอปพลิเคชันเงินกู้ปลอมอย่างเข้มงวด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความสูญเสียทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีนโยบายให้ประชาสัมพันธ์เตือนภัย และให้ความรู้กับพี่น้องประชาชน เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ เสมือนเป็นวัคซีนเพื่อป้องกันภัยร้ายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccinated) และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างมิจฉาชีพอย่างรวดเร็ว เข้มงวด เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชน

ต้องตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพอีกต่อไป โดยอยากฝากไปยังพี่น้องประชาชนว่าห้ามโอนเงินโดยเด็ดขาด หากแอปพลิเคชันเงินกู้รายไหนให้โอนเงินก่อนที่จะได้รับเงินกู้ ขอให้สันนิษฐานว่าเป็นมิจฉาชีพไว้ก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกหลอกลวงและสูญเสียทรัพย์สิน

รอง ผบ.ตร. นำทีม ‘ตำรวจ PCT’ ร่วมกับ ‘ภ.9’ เปิดปฏิบัติการทลายเว็บพนันเว็บออนไลน์!! พบลูกค้ากว่า 20,000 ราย ถูกหลอกสูญเงินกว่า 200 ล้านบาท!!  

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 4 พล.ต.ต.วัลลพ จำนงค์อาษา รอง ผบช .ภ.9 พ.ต.อ.สุวโรจน์ ลุนหวิทยานนท์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT และ ภ.9 สนธิกำลังเข้าทลายเว็บพนันออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหา 46 คน พบสมาชิก 20,000 ราย ถูกหลอกสูญเงินกว่า 200 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้เร่งกวาดล้างการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกประเภท คดีนี้ ตำรวจ PCT สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลเป็นเครือข่าย ทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ มีการจัดให้มีเล่นพนันออนไลน์ เล่นคาสิโนออนไลน์,สล๊อตออนไลน์ หวยออนไลน์ ภายใต้ชื่อเว็บไซต์ เว็บไซต์ gimi88.com ซึ่งมีผู้ร่วมในกลุ่มเว็บไซต์ดังกล่าวจำนวนมาก มีการเปิดให้เล่นพนันออนไลน์เกี่ยวกับพนันสล็อต, เกม, เกมยิงปลา เกมสล็อต บิงโก หรือ เกมอื่นๆ มีการเสนอการฝาก ถอน เงินสดสำหรับเป็นเครดิตในการเล่นพนันผ่านธนาคารพาณิชย์ (ในประเทศไทย) และเว็บไซด์มีระบบ ฝาก-ถอน อัตโนมัติ โดยเบื้องต้นได้ทำการอำพรางและทดลองเล่นการพนันดังกล่าวแล้วสามารถเล่นพนันได้จริง

รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สถานที่ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของกลุ่มบุคคลเครือข่ายที่ทำหน้าที่สั่งการควบคุมด้านการตลาด, แอดมิน, จุดการดำเนินการเรื่องการเงิน รับโอนเข้า - ออก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา รวมทั้งสิ้นจำนวน 8 จุด โดยภายในสถานที่ดังกล่าวเปิดให้พนักงานคนกลาง คอยให้บริการระหว่างเว็บไซต์พนันกับผู้เล่นทางอินเทอร์เน็ตออนไลน์ เป็นฝ่ายการตลาด ติดต่อชักชวน ลูกค้า เยาวชน และประชาชนทั่วไปให้แทงพนันเกมออนไลน์ คาสิโนออนไลน์ สล๊อตออนไลน์ หวยออนไลน์ ไก่ชน มวยสเตป อีสปอร์ต ผ่านช่องทางการสื่อสารออนไลน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

ต่อมาวันที่ 5 ก.พ.64 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ฯ หน.ชป.ที่ 4 รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นจากศาลอาญา เข้าตรวจค้นเป้าหมายทั้ง 8 จุด ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ผลการตรวจค้น

พบผู้ต้องหา จำนวน 46 คน เป็น ชาย 33 คน หญิง 13 คน พร้อมด้วยของกลาง

1.คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 41 เครื่อง

2.จอคอมพิวเตอร์ 73 เครื่อง

3.โน้ตบุ๊ก 27   เครื่อง

4.โทรศัพท์มือถือ 18 เครื่อง

5.ไอแพด 1 เครื่อง

6.ซิมการ์ดโทรศัพท์ 220 ซิม

7. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์อีกจำนวนมาก

รวมของกลางมูลค่ากว่า 2,00,000 บาท จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าวพบยอดเงินหมุนเวียนกว่า 50,000,000 ล้านบาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่ากลุ่มของผู้ต้องหานอกจากร่วมกันชักชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าเล่นการพนันออนไลน์แล้วยังมีการหลอกให้เล่นพนันในเว็บพนันปลอมที่เปิดขึ้นเพื่อหลอกลวงนักพนันอีกต่อหนึ่ง จึงฝากเตือนนักพนันทั้งหลายว่าการพนันมีแต่ผลเสียที่นอกจากจะเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว เจ้ามือยังเพิ่มประตูกินโดยหลอกลวงผู้เล่นอีกด้วย  ซึ่งในส่วนการหลอกลวงดังกล่าวนี้จะได้รวบรวมพยายามหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป

นครพนม - เดินหน้าจัดระเบียบสังคมในสถานบริการ - ระดมกำลังปราบยาเสพติด จับยาบ้ากว่าสี่แสนเม็ด!!

ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงที่ได้มีการบูรณางานทุกภาคส่วน ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ให้หมดไป ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม (ศอ.ปส.จ.นพ.) ประจำปีงบประมาณ 2565 ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการดำเนินการจับกุม ตรวจยึด สกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ รวมยาบ้าจำนวน 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม และไอซ์ประมาณ 100 กรัม นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหา 3 ราย รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรือกีบ 1 ลำ

โดยฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมได้มีการลงพื้นที่จัดระเบียบสังคมในสถานบริการ หอพัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า คาราโอเกะ และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้จำนวน 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ยาบ้า จำนวน 54 เม็ด ในพื้นที่อำเภอนาทมและอำเภอศรีสงคราม รวมทั้งมีการกวดขันเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเป็นการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานตั้งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดนครพนม จำนวน 760 คน ไม่พบผู้มีสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด

ขณะที่ด้านการสกัดกั้น จับกุม ตรวจยึดยาเสพติดตามแนวชายแดนหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้มีการบูรณาการข้อมูลข่าวสารจนทำให้ทราบว่าในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ขบวนการค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ในลักษณะกระจายจุดขึ้นพร้อมกันตามแนวชายแดน ดังนั้นจึงได้บูรณาการวางกำลังตามจุดต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกัน ซึ่งหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงสามารถตรวจยึดของกลางเป็นกัญชาได้ จำนวน 200 แท่ง/กิโลกรัม ที่บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำโขงบ้านเชียงยืน ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน

ขณะที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายไทยได้ 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 220,000 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรือกีบ 1 ลำ ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงบ้านแก้งส้มโฮง หมู่ 1 ตำบลพระทาย อำเภอท่าอุเทน ส่วนกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108 สามารถตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 220,000 เม็ด ที่บริเวณทุ่งนาบ้านแพงใต้ หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง

 

นครพนม - ปฏิบัติการฟ้าสางที่ฝั่งโขง!! ลุยจับผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ‘ยาเสพติด - อาวุธปืน’

ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้ทรงคุณวุฒิป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พร้อมด้วย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ที่ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่แบบต่อเนื่อง

โดยภายหลังการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ตรวจยึดยาบ้าได้ 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม ไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน และเรือกีบ 1 ลำ ปรากฏว่าในช่วงเย็นเวลา 19.30 น. หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงได้รับการประสานงานข่าว ว่าจะมีกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว โดยให้เน้นตรวจสอบรถกระบะสีขาวติดลูกกรงและมีผ้าใบสีดำคุมอยู่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้มีการบูรณาการวางจุดสกัดและเฝ้าระวังกระทั่งเวลา 21.00 น. ได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฐ 6484 กทม.บริเวณสามแยกบ้านต้อง จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าตรวจค้น แต่บุคคลที่อยู่ในรถได้พยายามขัดขืนขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งเครื่องติดตาม เมื่อเห็นว่าจวนตัวบุคคลต้องสงสัยได้จอดรถทิ้งไว้ริมทางแล้ววิ่งหลบหนีหายไปในความมืดบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2104 บ้านดอนพัฒนา ตำบลพิมาน อำเภอนาแก เจ้าหน้าที่พยายามค้นหาแต่ไม่พบบุคคลต้องสงสัยจึงย้อนกลับมาตรวจสอบรถคันดังกล่าวปรากฏว่าบนรถมีของกลางเป็นกัญชา 25 กระสอบ รวมน้ำหนัก 1,056 กิโลกรัม

ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมร่วมกับกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 ฝ่ายความมั่นคงอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อส. ก็ได้มีการลงพื้นที่ออกลาดตระเวน ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย และจัดระเบียบสังคมตามสถานที่ต่าง ๆ จนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดใน 3 พื้นที่ ประกอบไปด้วย พื้นที่อำเภอท่าอุเทน ซึ่งเป็นการออกลาดตระเวนแล้วตรวจพบ รถจักรยานยนต์ที่คนขับมีท่าทางน่าสงสัยเมื่อเจอเจ้าหน้าที่ประกอบกับท้ายรถจักรยานยนต์มีกระสอบบรรทุกวัตถุบางอย่างไว้ ที่บริเวณสามแยกบ้านท่าดอกแก้ว ตำบลท่าจำปา จึงพยายามเรียกให้จอดเพื่อสอบถาม แต่คนขับได้พยายามเร่งเครื่องหลบหนี เมื่อจวนตัวก็ได้โยนวัตถุใส่หน้ารถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่กำลังขับติดตามทำให้รถเสียหลักและผู้ต้องสงสัยได้อาศัยจังหวะดังกล่าวหลบหนีไปได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุปรากฏว่าเป็นยาบ้าจำนวน 72,000 เม็ด และฝิ่น 1,026 กรัม

ตร.ผุดไอเดีย!! เปิดโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)

ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติ ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทุกรูปแบบ โดยบูรณาการการดำเนินการจากทุกภาคส่วน ผนึกกำลังกับเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมกันพัฒนา และแก้ไขปัญหาในชุมชน สังคม และท้องถิ่น ตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุก ๆ มิติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยได้จัดทำโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” ให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล

โดยมอบหมายให้ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน ตาม คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 36/2565 ลงวันที่ 31 มกราคม 2565 โดยมีเป้าหมาย “เพื่อให้ชุมชน สังคมมีความสุขสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพมีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว”

โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำการคัดเลือกและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสถานีตำรวจ และระดับกองบังคับการทั่วประเทศ จำนวนกว่า 9,000 นาย เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับเครือข่ายภาคประชาชน หลังจากนั้นจะทำการคัดเลือกและฝึกอบรมเครือข่ายภาคประชาชนจากทุกสาขาอาชีพที่มีบทบาทในสังคมหรือชุมชนนั้น ๆ เช่น ผู้นำตามธรรมชาติ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น หรืออื่น ๆ สถานีตำรวจละ 50 คนทั่วประเทศ รวมกว่า 74,200 คน เพื่อทำหน้าที่ในการสะท้อนปัญหา และความต้องการของชุมชน มายังคณะกรรมการระดับสถานีตำรวจพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้หรือเกินขีดความสามารถ จะเสนอไปยังคณะกรรมการระดับอำเภอ คณะกรรมการระดับกองบังคับการ คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด คณะกรรมการระดับกองบัญชาการ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา ความต้องการของประชาชน แต่หากยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำการรวบรวมปัญหา ความต้องการจากทุกพื้นที่ แล้วรายงานไปยังรัฐบาล เพื่อหาแนวทางการแก้ไขในระดับประเทศต่อไป

‘ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ’ ขานรับนโยบาย! ‘นายกรัฐมนตรี’ สั่งการตำรวจทั่วประเทศ เร่งปราบปรามพนันออนไลน์!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใย กรณีมีการลักลอบเปิดให้เล่นพนันออนไลน์ ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย จึงได้มอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดปราบปรามอย่างเร่งด่วน

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบเว็บไซต์พนันออนไลน์ รวมทั้งการลักลอบเล่นการพนันทุกรูปแบบ หากพบเห็นให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะเว็บไซต์พนันออนไลน์ และได้มีการจับกุมมาโดยตลอด โดยในปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผลการจับกุมไปแล้วกว่า 1,300 คดี ผู้ต้องหากว่า 1,600 ราย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมจนทราบว่า เว็บไซต์พนันออนไลน์ ส่วนหนึ่งมีที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และมีการทำธุรกรรมผิดกฎหมายในประเทศไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาพร้อมคณะทำงานของ ศปอส.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานการปฏิบัติแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของทางการประเทศกัมพูชา ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี คาดว่าจะนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำความผิดรายใหญ่ในเร็ววันนี้

“บิ๊กโจ๊ก” เดินหน้า!กวาดล้าง ‘มาเฟียน้ำมันเขียว’ จับกลางอันดามัน เวียนเทียนใช้รหัสเรือจม โผล่เติมน้ำมัน

จากกรณีที่ประเทศไทยได้ถูกลดอันดับการรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์จากทางการสหรัฐฯ ลงเป็นอันดับประเทศที่ต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) โดยมีข้อสังเกตในเรื่องการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในทุกภาคส่วน ปัญหาการบังคับใช้แรงงานและแรงงานข้ามชาติซึ่งเกิดขึ้นในหลายอุตสาหกรรมรวมถึงภาคการประมง รวมทั้งปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ตามที่ทราบแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และการบังคับใช้แรงงานในภาคการประมง โดยมี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้แต่งตั้งชุดปฏิบัติการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการประมง เพื่อการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวและประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ /ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ / รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. /รองประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU Fishing) โดยเร่งด่วน

โครงการน้ำมันเขียว เป็นโครงการที่ภาครัฐจัดน้ำมันดีเซลที่เติมสารสีเขียวเพื่อให้แยกแยะจากน้ำมันบนฝั่งได้ และได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิต ทำให้มีราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลบนบกประมาณลิตรละ 6 บาท ซึ่งรัฐบาลจัดให้มีขึ้นเพื่อลดภาระต้นทุนการทำประมงให้กับชาวประมงพาณิชย์ตามมติคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ 18 กันยายน 2555 ในการบริหารจัดการมีอธิบดีกรมสรรพสามิตทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการกำกับดูแลโครงการ ปัจจุบันมีเรือสถานีบริการ (Tanker) 51 ลำ ให้บริการพี่น้องชาวประมงพาณิชย์ทั่วเขตทะเลไทย

ต่อมาประเทศไทยได้รับ “ใบเหลือง” การทำประมง IUU จากสหภาพยุโรปเมื่อปี 2558 รัฐบาลดำเนินการจัดระเบียบการทำประมงประเทศไทยใหม่ทั้งระบบ ทำให้เรือประมงพาณิชย์ที่ได้รับสิทธิเติมน้ำมันเขียวลดลงจาก 10,459ลำ ในปี 2559 เหลือ 8,445 ลำ ในปี 2564 แต่ทว่าขณะที่เรือประมงพาณิชย์ที่เติมน้ำมันเขียวลดจำนวนลง แต่ปริมาณการจำหน่ายกลับมิได้ลดลงตามสัดส่วนจำนวนเรือ กลับ “คงที่อยู่ประมาณปีละ 610 ล้านลิตร” คิดเป็นภาษีที่รัฐบาลยกเว้นถึงปีละประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือเท่ากับเรือประมงพาณิชย์ทุกลำที่เติมน้ำมันเขียว ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการยกเว้นภาษีที่ควรจะเสียประมาณ 471,717 บาท/ลำ/ปี

นอกจากนั้น การอุดหนุนภาคประมงพาณิชย์ด้วยการ “ยกเว้นภาษี” น้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่าราคาตลาดลิตรละ 6 บาท หรือน้ำมันเขียว ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่องค์การการค้าโลก (WTO) ให้ประเทศไทยชี้แจงว่า เป็นการอุดหนุนที่มีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวดหรือไม่ เพื่อมิให้เป็นการสนับสนุนการทำประมง IUU การทำประมงทำลายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำ Over Fishing ซึ่งหากประเทศไทยไม่มีแนวทางการบริหารจัดการ ก็มีความเสี่ยงสูงมากที่องค์การการค้าโลกจะประกาศให้ประเทศไทยต้องยกเลิกการอุดหนุนภาคประมงพาณิชย์ด้วยการยกเลิกโครงการน้ำมันเขียวทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเรือประมงพาณิชย์ประเทศไทยอย่างกว้างขวาง

คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 จึงอนุมัติกรอบการชี้แจงกับองค์การการค้าโลก (WTO) โดยยืนยันว่าประเทศไทยมีการกำกับดูแลที่ดีในการทำประมงไม่ให้เป็น IUU ทำลายล้างสัตว์น้ำ และมีระบบควบคุมดูแลการสนับสนุนการทำประมงอย่างดีมีประสิทธิภาพ ทำให้หน่วยงานภาครัฐโดยกรมสรรพสามิต ได้ประสานขอการสนับสนุนจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะประธานคณะทำงานเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าตรวจสอบ สืบสวน เพื่อ “จัดระบบ” ควบคุมดูแลโครงการน้ำมันเขียว ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างเคร่งครัด ไม่ให้ถูกนำไปใช้ในการทำประมง IUU การทำประมงทำลายล้างสัตว์น้ำ และการค้ามนุษย์ แรงงานบังคับ บนเรือประมง

จากการตรวจสอบข้อมูลเรือประมงที่มีสิทธิเติมน้ำมันเขียว ซึ่งต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศกรมศุลกากร ที่ 68/2561 ลงวันที่ 10 เมษายน 2561 ประกอบด้วย

1) ต้องเป็นเรือประมงที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงจากกรมประมง 

2) ต้องเป็นเรือประมงที่ผ่านการรับรองจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย 

3) ต้องเป็นเรือประมงที่มีรหัสและรับรองจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย

โดยสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยส่งให้กับกรมสรรพสามิต เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 จำนวน 8,445 ลำ พบข้อมูลว่า มีเรือที่ไม่มีคุณสมบัติตามประกาศกรมศุลกากร แต่สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ออกรหัสและรับรองให้เติมน้ำมันเขียว ถึง 791 ลำ ประกอบด้วย เรือประมงพาณิชย์ไม่มีทะเบียนเรือ เรือประมงพาณิชย์ไม่มีใบอนุญาตประมงพาณิชย์จากกรมประมง เรือประมงพาณิชย์ที่แจ้งจมหรือทำลายไปแล้ว เรือประมงพาณิชย์ที่เปลี่ยนประเภทไปเป็นเรือบรรทุกสินค้า เรือลากจูง และเรือประมงพื้นบ้านที่มีขนาดถังน้ำมันตั้งแต่ 1,500 - 10,000 ลิตร ซึ่งเกินกว่าขนาดตัวเรือที่สามารถบรรทุกได้

เมื่อนำรายชื่อเรือพร้อมรหัสเติมน้ำมันเขียวจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ไปสอบยันกับข้อมูลการเติมน้ำมันเขียวที่ตำรวจน้ำได้รับจากเรือสถานีบริการ (Tanker) พบว่า มีเรือประมงที่ใช้รหัสของเรือประมงที่ขาดคุณสมบัติข้างต้น “ไปเติมน้ำมันเขียว” จำนวนหลายลำ และยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่ามีเรือประมงอีกจำนวน 599 ลำ ใช้รหัสเติมน้ำมันไม่ตรงกับรหัสเติมน้ำมันที่สมาคมการประมงแห่งประเทศไทยออกให้และรับรอง “เข้ามาเติมน้ำมันเขียว” ด้วย เช่นเดียวกัน ทำให้จำนวนเรือที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด “เติมน้ำมันเขียว” โดยขาดคุณสมบัติตามประกาศกรมศุลกากร ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มีจำนวนถึง 1,390 ลำ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงบูรณาการกำลังออกปฏิบัติการร่วมกัน ระหว่าง กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมประมง กรมเจ้าท่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมเรือประมง ชื่อ ช.ศรีพลนภา 5 ขนาด 122 ตันกรอส ขณะทำการประมงบริเวณทะเลอันดามัน พื้นที่รอยต่อจังหวัดพังงาและระนอง โดยให้เข้าเทียบท่าที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา มีพฤติกรรมวนเวียนเติมน้ำมันจากเรือสถานีบริการ (Tanker) หลายลำ ในช่วงเวลาต่าง ๆ กัน โดยใช้รหัสเติมน้ำมันของ “เรือประมงที่แจ้งทำลายเรือ” ไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 และขยายผลเข้าตรวจค้นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ จากผู้เกี่ยวข้อง คือ เรือสถานีบริการน้ำมันเขียว บริษัทเข้าของเรือสถานีบริการน้ำมันเขียว รวมถึงสมาคมประมงที่ให้การรับรอง เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560มาตรา 189 ขนถ่ายน้ำมันในเขตต่อเนื่องโดยไม่มีคุณสมบัติ มีโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือปรับเป็นเงินสองเท่าของราคาน้ำมันที่อยู่ในเรือ หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเรือประมงที่ถูกจับกุมวันนี้บรรทุกน้ำมันประมาณ 30,000 ลิตร และได้เติมน้ำมันเขียวโดยใช้รหัสเติมน้ำมันเขียวจากเรือประมงลำอื่นที่แจ้งกับกรมเจ้าท่าว่า ถูกทำลายไปแล้ว จำนวน 6 ครั้ง จะต้องโดนปรับ 4,320,000 บาท นอกจากนั้น ยังเข้าข่ายกระทำความผิดพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 203 ฐานนำน้ำมันที่ยังไม่เสียภาษีสรรพสามิตเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษปรับสองถึงสิบเท่าของภาษี จึงจะต้องเสียค่าปรับอีก 12,600,000 บาท รวมค่าปรับทั้งสองกฎหมาย รวม 16,920,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่รวมการดำเนินคดีจากกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พระราชบัญญัติเรือไทย พ.ศ. 2481 เป็นต้น และจะมีการจับกุมดำเนินคดี กับเรือประมงที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันตามมาอีกจำนวนมากในทุกจังหวัดชายทะเล ซึ่งชุดปฏิบัติการได้กำหนดเป้าหมายไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

นอกจากจะมีการดำเนินคดีกับกลุ่มเรือประมงที่ไม่มีคุณสมบัติเติมน้ำมันเขียวแล้ว ในส่วนของเรือสถานีบริการ (Tanker) และสมาคมการประมง ที่ให้การรับรองคุณสมบัติและออกรหัสเติมน้ำมันเขียว ก็จะถูกดำเนินคดีด้วยทั้งหมดเช่นเดียวกัน

“ผมขอเรียนว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อพี่น้องชาวประมงที่ประกอบอาชีพโดยสุจริตแต่อย่างใด ทุกท่านยังสามารถเติมน้ำมันเขียวได้ตามปกติเหมือนเดิมทุกประการ ผมขอย้ำว่าการทำงานของผมคือการแยกน้ำเสียออกจากน้ำดี ให้คนดีมีที่ยืนอย่างภาคภูมิใจในสังคม คนไม่ดีต้องได้รับการลงโทษ ซึ่งผมมั่นใจว่า พี่น้องชาวประมง 95% เป็นคนดี หน้าที่ของผมคือ นำคนไม่ดี 5% ไม่ให้ปะปนกับคนดีและทำให้คนดีได้รับความเสียหาย การบูรณาการการทำงานร่วมกันหลายหน่วยงานครั้งนี้ เป็นการสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษีของประเทศในภาวะที่ประชาชนกำลังได้รับความลำบาก แต่มีบางพวก บางกลุ่ม แสวงหาผลประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ภาครัฐดูแลสนับสนุนไป เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สร้างความเสียหายจากมูลค่าภาษีที่รัฐควรจะได้ถึงปีละ 700 ล้านบาท อย่างไรก็ตามผมจะประสานงานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กรมประมง ในการเร่งรัดปรับปรุงกระบวนการควบคุม ดูแลการบริหารจัดการน้ำมันเขียวไม่ให้เกิดการกระทำความผิดเช่นนี้อีก โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นประเทศของเราจะอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะถูกองค์การการค้าโลก (WTO) พิจารณายกเลิกมาตรการอุดหนุนการทำประมงโดยโครงการน้ำมันเขียว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวประมงทุกคนอย่างร้ายแรง อีกทั้งโดนประชาคมโลกกล่าวหาว่าสนับสนุนการทำประมง IUU ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสินค้าประมงไทยที่กำลังเป็นรายได้หลักของประเทศในขณะนี้”

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top