Wednesday, 21 May 2025
China

นักวิชาการชี้แผนยึดกรีนแลนด์-คลองปานามา โอกาสทองจีนได้แต้มต่อครองใจนานาชาติ

(9 ม.ค. 68) ว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนต้องการขยายอิทธิพลของสหรัฐฯ ด้วยการออกมาเผยความต้องกรของตนในการควบคุมกรีนแลนด์ ปานามา และแคนาดา ซึ่งถือเป็นแนวคิดการปรับแผนที่ของซีกโลกตะวันตกแบบใหม่อย่างแท้จริง

ชอว์น นาริน ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซนต์โธมัสในแคนาดากล่าวกับ Sputnik  

"กรณีของกรีนแลนด์กลาวว่า กรีนแลนด์เป็นความหลงใหลที่แปลกประหลาดของเขาในอดีต ผมคิดว่าสำหรับเขา กรีนแลนด์เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติล้วน ๆ" นารินอธิบาย โดยชี้ว่าความหมกมุ่นนี้อาจเกี่ยวข้องกับการแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเรื่องแร่หายากและเส้นทางลอจิสติกส์ที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ 

นารินชี้ว่า แม้สหรัฐจะครอบครองกรีนแลนด์ได้จริง เพื่อหวังควบคุมห่วงโซอุปทาน แต่ก็ไม่สามารถแซงหน้าจีนในด้านนี้ได้ ในฐานะที่จีนเป็นชาติที่ควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการแปรรูปทั้งหมด โดยเฉพาะในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่ทรัมป์หวังได้จากกรีนแลนด์
 
ขณะที่คลองปานามา ทรัมป์เคยอ้างเหตุผลในการทวงคืนคลองปานามา โดยว่าพื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจีน ทำให้เก็บค่าผ่านทางอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งชอว์น นาริน กล่าวว่า "ไร้สาระสิ้นดี" นารินตอบโต้ "มันไม่มีความแตกต่างอะไรเลยต่อสหรัฐฯ ว่าจะควบคุมคลองนี้หรือไม่ ไม่มีใครพยายามขัดขวางการเดินเรือของอเมริกาผ่านคลองนี้"  

ขณะที่ประเด็นแคนาดาจากการที่ทรัมป์ต้องการให้แคนาดา กลายเป็นมลรัฐที่ 51 ของสหรัฐ พร้อมกับการขู่เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ได้สร้างความกังวลให้ชาวแคนาดา นารินกล่าวว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเรื่อง "ไร้สาระ" และเปรียบเสมือนการขู่กรรโชก  

"คุณไม่ต้องการให้คนที่ไม่มีเสถียรภาพและคาดเดาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพราะมันสร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองในความสัมพันธ์ที่ควรจะเป็นผู้ใหญ่" เขาเน้นย้ำ  

ในขณะที่ทรัมป์มองว่าจีนเป็นคู่แข่งสำคัญระดับโลกของสหรัฐฯ และพยายามโดดเดี่ยวจีน นารินชี้ว่า กลยุทธ์ในการเปลี่ยนแผนที่โลกเหล่านี้อาจผลักดันให้ประเทศอื่น ๆ เข้าใกล้ปักกิ่งมากขึ้น  

"จีนมีความน่าเชื่อถือและคาดการณ์ได้มากกว่าทรัมป์" เขากล่าว "นโยบายของปักกิ่งตรงไปตรงมา จีนละเมิดกฎหมายนานาชาติน้อยกว่าสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการแทรกแซง และใช้วิธีการทางเศรษฐกิจในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่น ๆ พร้อมเน้นย้ำถึงผลประโยชน์ร่วมกันเสมอ"  

ผุดไทยทาวน์ที่จางเจียเจี้ย สอนมวยไทย-ศูนย์วัฒนธรรม-ตลาดน้ำ 4 ภาค

(9 ม.ค. 68) สำนักงานส่งเสริมการลงทุนของเมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการจัดประชุมร่วมกับ นายศุภดล โฉมมงคล ประธานบริษัท พัทยาชาแนล จำกัด นายศักดา เจริญบุญมา ประธานบริษัท เจ บี เอ็ม เอ จำกัด และนางนุชนารถ เจริญบุญมา

เพื่อร่วมหารือในข้อตกลงการทำสัญญาสิทธิในการใช้พื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ย ขนาด 800,000 ตารางเมตร เพื่อทำโครงการไทยทาวน์ งบประมาณลงทุน จำนวน 21,000 ล้านบาท ที่เมืองจางเจียเจี้ย เขตหวู่เหลิงหยวน สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเร็วๆนี้

โดยนางได๋ เซียวเฝิน ผอ.ส่งเสริมการลงทุนและรองเลขาธิการสภาประชาชนเมืองจางเจียเจี้ย กล่าวในที่ประชุมว่า ยินดีต้อนรับคณะจากบริษัทพัทยา ชาแนล จำกัด และบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดิวิล็อปเมนท์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งมีนายศุภดล และนายศักดา พร้อมคณะ มาประชุมหารือเพื่อร่างเงื่อนไขสัญญาในการลงทุนทำโครงการไทยทาวน์ ณ เมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละประมาณ 7,000,000 คน

มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีการพัฒนาพื้นที่ของเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องด้วยจีนและไทยมีความสัมพันธ์และมิตรกันมายาวนาน

ด้านนายศุภดล กล่าวอธิบายโครงสร้างของโครงการเมืองจางเจียเจี้ยไทยทาวน์ว่า จะมี สวนสัตว์ และสวนสนุก, เวทีแข่งขันกีฬามวยไทยมาตรฐาน, โรงเรียนสอนศิลปะมวยไทย, ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมมวยไทย, ตลาดน้ำ 4 ภาค, สวนอาหารไทย, บูธสินค้าไทย 500 บูธ และลานแสดงคอนเสิร์ต

นายศักดา กล่าวว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ โดยหลัก 5 F ทางบริษัท เจ บี เอ็ม เอ ดำเนินกิจการด้านกีฬามวยไทยร่วมกับศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก มวยไทยลุมพินี สังกัดกองทัพบก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านกีฬามวยไทย จึงคิดว่าจะใช้ศิลปวัฒนธรรมมวยไทยเป็นสื่อนำ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับเมืองจางเจียเจี้ยได้มากขึ้น

อีกทั้งเป็นการเผยแพร่กีฬามวยไทยให้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศจีน ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือจากรัฐบาลเมืองจางเจียเจี้ยเพื่อให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

นักวิทย์จีนพัฒนาธงชาติ โบกสะบัดได้ใน 'อวกาศ' ผืนแรกบนดวงจันทร์

(10 ม.ค.68) ทีมนักวิจัยของจีนจากกรุงปักกิ่งและมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีนกำลังร่วมกันสำรวจความเป็นไปได้ของแนวคิดในการประดิษฐ์ธงชาติที่สามารถโบกสะบัดในสภาพแวดล้อมไร้อากาศบนดวงจันทร์ และพัฒนาอุปกรณ์บรรทุก (payload) สำหรับภารกิจฉางเอ๋อ-7 (Chang’e-7) ณ ห้องปฏิบัติการสำรวจห้วงอวกาศลึก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนระดับชั้นประถมในนครฉางซา มณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน

จางเทียนจู้ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคตของห้องปฏิบัติการฯ เผยว่าอุปกรณ์บรรทุกนี้ ซึ่งเป็นโครงการเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จะถูกส่งไปพร้อมกับยานสำรวจฉางเอ๋อ-7 สู่ซีกใต้ของดวงจันทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ปฏิกิริยาของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในการทำให้ธงสามารถโบกสะบัดบนดวงจันทร์ได้

จางอธิบายว่าสภาพแวดล้อมที่ไร้ชั้นบรรยากาศบนดวงจันทร์เป็นตัวทำให้เกิดภาวะสุญญากาศ ซึ่งทำให้ธงสะบัดได้ยากไม่เหมือนบนพื้นโลก ทว่าเหล่านักเรียนเสนอให้เราออกแบบสายควบคุมระบบปิดบนผืนธง ซึ่งจะทำให้กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านได้สองทาง และปฏิกิริยาระหว่างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำให้ธงสะบัดได้

มีการคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะเสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจางระบุว่าหากทำสำเร็จ ธงนี้จะเป็นธงผืนแรกที่ได้ไปโบกสะบัดอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์ และแผนริเริ่มดังกล่าวจะช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจความพยายามด้านอวกาศของจีนมากขึ้น พร้อมจุดประกายความสนใจและความกระตือรือร้นสำหรับอาชีพในภาคการบินและอวกาศในอนาคต

อนึ่ง ภารกิจฉางเอ๋อ-6 (Chang’e-6) ของจีนได้นำตัวอย่างจากด้านไกลของดวงจันทร์กลับมาเป็นครั้งแรกสำเร็จลุล่วงในปี 2024

สำหรับปี 2025 การพัฒนาภารกิจต่อไปอย่างฉางเอ๋อ-7 และฉางเอ๋อ-8 (Chang’e-8) ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการสำรวจดวงจันทร์ของจีน ระยะที่ 4 กำลังคืบหน้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยภารกิจฉางเอ๋อ-7 มีกำหนดการปล่อยสู่ห้วงอวกาศในราวปี 2026 เพื่อค้นหาหลักฐานน้ำหรือน้ำแข็งบริเวณซีกใต้ของดวงจันทร์

นอกจากนั้น ทีมนักวิจัยกำลังพัฒนากระบวนการตรวจสอบสำหรับภารกิจฉางเอ๋อ-8 และโครงการสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ โดยมีกำหนดการปล่อยยานฉางเอ๋อ-8 ในราวปี 2028 เพื่อดำเนินการทดลองโดยใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์

จางกล่าวอีกว่าภายในปี 2035 คาดว่าภารกิจฉางเอ๋อ-7 และฉางเอ๋อ-8 จะประกอบด้วยแบบจำลองพื้นฐานของโครงการสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำหรับวิศวกร ห้องปฏิบัติการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ ตลอดจนแหล่งบ่มเพาะผู้มีความสามารถด้านห้วงอวกาศลึกในระดับนานาชาติ

‘จีน’ ค้นพบแหล่ง ‘แร่ยูเรเนียม’ ขนาดใหญ่ในพื้นที่จิงชวน ส่งผลให้ทรัพยากรยูเรเนียมของจีน เพิ่มขึ้นอย่างมาก

(12 ม.ค. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของจีน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ประกาศในวันนี้ (10 ม.ค.) ว่า มีการค้นพบครั้งสำคัญในการสำรวจแร่ยูเรเนียมในพื้นที่จิงชวนของแอ่งออร์ดอส (Ordos Basin) ซึ่งถือเป็นแหล่งแร่ยูเรเนียมขนาดใหญ่พิเศษแห่งแรกที่ถูกค้นพบในภูมิภาคอันเต็มไปด้วยหินทรายที่เกิดจากการทับถมด้วยลม

นอกเหนือจากพื้นที่ 200,000 ตารางกิโลเมตรในแอ่งออร์ดอสแล้ว ธรณีสัณฐานดังกล่าวยังพบได้ทั่วไปในพื้นที่อื่น ๆ ที่มีชั้นหินอันเป็นแหล่งกำเนิดน้ำมัน เช่น แอ่งทาริม (Tarim) จุงการ์ (Junggar) และซ่งเหลียว (Songliao)

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การค้นพบแหล่งแร่ยูเรเนียมจิงชวนจะเปิดโอกาสให้มีการสำรวจยูเรเนียมในจีนมากขึ้น และช่วยรับประกันความมั่นคงของจีนในด้านทรัพยากรยูเรเนียม

"ผมเชื่อว่าด้วยการบริหารงานของเรา สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำในเวทีการแข่งขันระดับโลก หากเราลงทุนในตัวเอง ปกป้องแรงงานและเทคโนโลยีของเรา จีนจะไม่มีวันแซงหน้าเราได้"

โจ ไบเดน กล่าวสุนทรพจน์นโยบายต่างประเทศครั้งสุดท้าย ย้ำ จีนไม่มีวันแซงหน้าสหรัฐฯ ได้

เมื่อวันจันทร์ที่ (13 ม.ค. 68) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ด้านนโยบายต่างประเทศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพ้นตำแหน่ง โดยระบุว่า จีนจะไม่มีวันก้าวขึ้นมาแซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านเศรษฐกิจ พร้อมชี้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานสะอาด เป็นสองประเด็นสำคัญที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สองควรให้ความสำคัญ  

“ในขณะนี้ ผมเชื่อว่าด้วยการบริหารงานของเรา สหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำในเวทีการแข่งขันระดับโลก” ไบเดนกล่าวที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยเขาเน้นย้ำว่า ตนกำลังส่งมอบประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นและมีคู่แข่งที่อ่อนแอลงให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี  

“เมื่อ 4 ปีก่อน ตอนที่ผมรับตำแหน่งต่อจากทรัมป์ สหรัฐฯ อยู่ในจุดที่เปราะบาง แต่ในระหว่างที่ผมดำรงตำแหน่ง ผมได้เพิ่มศักยภาพของประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทูต การทหาร เทคโนโลยี หรือเศรษฐกิจ” ไบเดนกล่าว  

เกี่ยวกับจีน ไบเดนกล่าวว่า ในช่วงที่เขาเข้ารับตำแหน่ง มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะก้าวแซงหน้าสหรัฐฯ ได้ภายในปี 2573 หรือไม่นานหลังจากนั้น “แต่พวกเราที่อยู่ในห้องนี้ยืนยันว่านั่นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าสหรัฐฯ ลงทุนในตนเอง ปกป้องแรงงานและเทคโนโลยีของเรา” เขากล่าว พร้อมระบุว่า จากภาวะปัจจุบันของจีน ตามการคาดการณ์ล่าสุด พวกเขาไม่มีทางแซงหน้าสหรัฐฯ ได้  

ในสุนทรพจน์ครั้งนี้ ไบเดนยังเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ต้องเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนา AI และพลังงานสะอาด เพื่อรักษาความเป็นผู้นำของประเทศในเวทีโลก “ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับสองประเด็นนี้ ซึ่งเป็นหัวใจของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผม และจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเรา” ไบเดนกล่าวปิดท้าย

คาดจีนต้องการแรงงานอัจฉริยะกว่า 31 ล้านคน ภายในปี 2035 เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่

รายงานจากมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนที่เผยแพร่เมื่อไม่นานนี้ คาดการณ์ว่าความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะของจีนจะเพิ่มขึ้นสูงกว่า 31 ล้านคนภายในปี 2035 ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าว

วันจันทร์ (13 ม.ค. 68) ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี เดลี เผยว่ารายงานแนวโน้มการจ้างงานผู้มีความสามารถในพลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพฉบับแรกของจีน มีวัตถุประสงค์สำรวจกลุ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะอย่างเป็นระบบ และให้ข้อมูลอ้างอิงแก่บริษัทการผลิตสำหรับการคัดเลือกและบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะ

รายงานระบุว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งอย่างหัวหน้าทีม ช่างเทคนิค และผู้ตรวจสอบคุณภาพในบริษัทการผลิตอัจฉริยะ ซึ่งเป็นกลุ่มแรงงานที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะด้าน กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านในภาคการผลิต โดยแรงงานกลุ่มนี้มีลักษณะสำคัญหลายประการ ซึ่งรวมถึงการทำงานหลักในสภาพแวดล้อมการผลิต ความสามารถการเรียนรู้ที่โดดเด่น ศักยภาพการเติบโตในสายอาชีพที่สูง และระดับรายได้และสถานะทางสังคมที่ดี

นอกจากนั้น แรงงานประเภทนี้ยังมีความสามารถหลักในด้านต่างๆ เช่น การเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ การบูรณาการเทคโนโลยีที่หลากหลาย และทักษะการสื่อสาร

จ้าวจง หัวหน้าคณะแรงงานและทรัพยากรมนุษย์ของมหาวิทยาลัยฯ กล่าวว่าผู้มีความสามารถกลุ่มดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านและการยกระดับทางอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนส่งเสริมสำคัญต่อการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ

รายงานเผยว่าจีนมีความต้องการแรงงานที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะด้านราว 25 ล้านคนในปี 2022 และคาดการณ์ว่าความต้องการตำแหน่งแรงงานประเภทนี้ พร้อมด้วยข้อกำหนดวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 28 ในปี 2022 เป็นร้อยละ 57 ภายในปี 2035

อานิสงส์จ่อแบน TikTok ชาวอเมริกันแห่เรียนภาษาจีน หันใช้แอพฯ Xiaohongshu ดันยอดดาวน์โหลดอันดับหนึ่ง

(16 ม.ค. 68) เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่าแพลตฟอร์มเรียนภาษาชื่อดัง Duolingo พบอัตราการสมัครเรียนภาษาจีนกลางของชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นถึง 216% ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวที่ TikTok อาจถูกแบนในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานบางส่วนหันไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจีนอย่าง Xiaohongshu หรือที่รู้จักในชื่อ RedNote แทน ซึ่งส่วนใหญ่มีคอนเทนต์ภาษาจีนเป็นหลัก อาจกระตุ้นทำให้ชาวอเมริกันสนใจเรียนภาษาจีนกลางเพิ่มขึ้น

ตามรายงานของ Duolingo การเรียนภาษาจีนกลางในสหรัฐฯ มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยอดผู้เรียนเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมกราคม พร้อมกับจำนวนการดาวน์โหลดแอป Duolingo ที่เพิ่มขึ้นถึง 36% ในช่วงต้นเดือนเดียวกัน ซึ่งตรงกับช่วงที่สหรัฐฯ กำลังถกเถียงเรื่องการแบน TikTok นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้จำนวนมากลงทะเบียนเข้าใช้งาน Xiaohongshu ส่งผลให้แพลตฟอร์มนี้ขึ้นเป็นอันดับ 1 บน App Store ในสหรัฐฯ

ในการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้งานใหม่ Duolingo พบว่าหลายคนระบุว่าได้รู้จักแพลตฟอร์มผ่าน TikTok ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแม้ TikTok จะเผชิญกับประเด็นทางกฎหมาย แต่ยังคงเป็นช่องทางสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้งานใหม่

นอกจากนี้ Xiaohongshu ยังรายงานว่ามีผู้ใช้งานรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 700,000 บัญชีในเวลาเพียง 2 วัน แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของโซเชียลมีเดียสไตล์จีนในสหรัฐฯ พร้อมสะท้อนว่าผู้ใช้งานชาวอเมริกันหลายคนไม่กังวลเกี่ยวกับประเด็นความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมากนัก

หวัง อี้ ลั่นจับมือชาติอาเซียน ปราบการพนันออนไลน์-แก๊งสแกมเมอร์

(17 ม.ค.68) นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในตอนหนึ่งของการหารือกับคณะผู้แทนจาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยให้คำมั่นว่ารัฐบาลปักกิ่งจะร่วมมืออย่างแข็งขันกับบรรดาชาติอาเซียนในการกวาดล้างการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดน

หวัง อี้  ซึ่งยังดำรงตำแหน่งสมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่ากรณีการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ได้ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์สำคัญของพลเมืองจีนและประเทศอื่น ๆ ซึ่งสถานการณ์นี้จำเป็นต้องได้รับการให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน  

นอกจากนี้ นายหวังยังเรียกร้องให้ประเทศที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบและดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมดังกล่าวให้สิ้นซาก รวมถึงปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยไม่ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดหลบหนีการลงโทษ  

จีนยืนยันความพร้อมที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและความร่วมมือที่เป็นระเบียบในภูมิภาค นายหวังกล่าวทิ้งท้าย

‘ทรัมป์ – สีจิ้นผิง’ ต่อสายพูดคุย!! เดินหน้าความสัมพันธ์ เพื่อ 'จีน – สหรัฐฯ – โลก’ บนเส้นทาง การพัฒนาการค้า

(18 ม.ค. 68) ‘สำนักข่าวซินหัว’ รายงานว่า ‘สีจิ้นผิง’ ประธานาธิบดีจีน ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ ตามคำเชิญของทรัมป์ โดยสีจิ้นผิงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแสดงความยินดีกับทรัมป์ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง

สีจิ้นผิงชี้ว่าทั้งเขาและทรัมป์ต่างให้ความสำคัญกับการรักษาปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างยิ่ง หวังว่าสายสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ จะมีจุดเริ่มต้นที่ดีในวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ และพร้อมผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นจากจุดเริ่มต้นใหม่

สีจิ้นผิงเน้นย้ำว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ กำลังไล่ตามความฝันของตัวเองและมุ่งมั่นทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดียิ่งขึ้น โดยจีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายและพื้นที่กว้างขวางสำหรับความร่วมมือ ทั้งสองประเทศสามารถเป็นหุ้นส่วนและมิตรสหาย มีส่วนส่งเสริมความสำเร็จของอีกฝ่าย และประสบความเจริญรุ่งเรืองอันจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศและโลกทั้งใบ

สีจิ้นผิงกล่าวว่าสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงคือจีนและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสองประเทศใหญ่ที่มีสภาพการณ์แตกต่างกัน ย่อมต้องมีข้อแตกต่างไม่ตรงกันบางประการ ทว่ากุญแจสำคัญคือการเคารพผลประโยชน์หลักและข้อวิตกกังวลของอีกฝ่าย และแสวงหาหนทางอันเหมาะสมต่อการแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ

สีจิ้นผิงเสริมว่าปัญหาไต้หวันเกี่ยวข้องกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีน ซึ่งจีนหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง 

สีจิ้นผิงกล่าวว่าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ มีลักษณะของการได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการปะทะคะคานและความขัดแย้งมิควรเป็นตัวเลือกของสองประเทศ

สีจิ้นผิงเรียกร้องทั้งสองฝ่ายยกระดับความร่วมมือ รวมถึงทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นรูปธรรม และดีงามยิ่งขึ้น ซึ่งเกื้อหนุนสองประเทศและโลกบนหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ เพื่อรักษาทิศทางของเรือลำยักษ์ทั้งสองอย่างจีนและสหรัฐฯ แล่นไปข้างหน้าบนเส้นทางการพัฒนาที่มีเสถียรภาพอันดีและยั่งยืน

ด้านทรัมป์ขอบคุณสีจิ้นผิงสำหรับการแสดงความยินดี กล่าวว่าเขาเชิดชูความสัมพันธ์อันดีของเขากับสีจิ้นผิง คาดหวังว่าจะเดินหน้าการพูดคุยสื่อสารต่อไป และรอคอยจะได้พบสีจิ้นผิงโดยเร็ววัน พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ และจีนเป็นกลุ่มประเทศสำคัญที่สุดในโลกวันนี้ ซึ่งควรรักษามิตรภาพอันยืนยาวและทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองสันติภาพของโลก

ทั้งนี้ สีจิ้นผิงและทรัมป์ได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น วิกฤตยูเครน และความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ รวมถึงเห็นพ้องจะจัดตั้งช่องทางการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์และพูดคุยสื่อสารประเด็นสำคัญอันเป็นที่วิตกกังวลร่วมกันเป็นประจำ

ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม

(20 ม.ค. 68) อีลอน มักส์ มหาเศรษฐีเจ้าของเทสลา และสเปซเอ็กซ์ ทวีตข้อความถึงกรณีที่แพลตฟอร์ม TikTok ไม่สามารถใช้งานในสหรัฐได้เนื่องจากคำสั่งแบนของศาลสูงสหรัฐ โดยนายมักส์ ทวีตข้อความระบุว่า "ผมต่อต้านการแบน TikTok มานานแล้ว เพราะขัดกับเสรีภาพในการพูด
แต่การที่ TikTok ให้บริการในสหรัฐฯ ได้ แต่ X (Twitter) ให้บริการในจีนไม่ได้ นั้นมันไม่ยุติธรรม บางอย่างควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง"

มัสก์ กล่าวถึงกรณีที่ TikTok มีโอกาสกลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้งภายหลังที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมอนุญาตให้ TikTok กลับมาให้บริการในสหรัฐได้อีกครั้ง แต่ต้องเป็นไปภายใต้เงื่อนไขที่มีบริษัทสัญชาติอเมริกันถือหุ้นร่วมด้วย 50% แต่ในขณะที่แพลตฟอร์ม  X (Twitter) ไม่แม้แต่จะสามารถให้บริการในจีนได้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top