Wednesday, 21 May 2025
China

จีนพบแหล่งทองคำขนาดใหญ่ในมณฑลหูหนาน คาดปริมาณกว่า 1,000 ตัน มูลค่าราว 2.8 ล้านล้านบาท

(22 พ.ย.67) ทีมนักธรณีวิทยาของจีนเปิดเผยว่าได้พบแหล่งทองคำสำรองแห่งใหม่ที่คาดว่าน่าจะมีทองคำอยู่ปริมาณ 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 82,800 ล้านดอลลาร์ (2.8 ล้านล้านบาท) ในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของประเทศ

รายงานระบุว่า แห่งทองคำแห่งใหม่นี้มีความลึกราว 2,000 เมตร บริเวณพื้นที่หวางกู่ในเขตผิงเจียง ประมาณเบื้องต้นมีปริมาณทองคำอย่างน้อยราว 300.2 ตัน 

ทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าแหล่งทองคำหวางกู่มีขนาดใหญ่มาก อาจจะมีความลึกประมาณ 2-3,000 เมตร คาดว่าจะมีปริมาณทองคำทั้งหมดราว 1,000 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 6 แสนล้านหยวน หากประเมินจากราคาทองในปัจจุบัน

ทั้งนี้ จีนเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยตามข้อมูลจากสภาทองคำโลก จีนคิดเป็น 10% ของทองคำที่มีการซื้อขายทั่วโลกในปี 2023

จีนจับมือเมียนมา กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทลายรังฉ้อโกงขนาดใหญ่ตอนเหนือของประเทศ

(22 พ.ย.67) กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนรายงานการกวาดล้างศูนย์ฉ้อโกงทางโทรคมนาคม หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมดทางตอนเหนือของเมียนมา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนจีน-เมียนมา

รายงานระบุว่ามีการจับกุมชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมกว่า 53,000 ราย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา นับตั้งแต่กระทรวงฯ ดำเนินการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมทางตอนเหนือของเมียนมาเมื่อปี 2023

เมื่อไม่นานนี้ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมในพื้นที่เมืองตั้งยานทางตอนเหนือของเมียนมาเป็นครั้งแรก จำนวน 1,079 ราย ระหว่างปฏิบัติการร่วมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นเมียนมา

รายงานเสริมว่ามีการส่งตัวชาวจีนผู้ต้องสงสัยฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่ถูกจับกุมในพื้นที่เมืองตั้งยานของเมียนมาให้จีนทั้งหมด 763 ราย และปฏิบัติการร่วมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

ทั้งนี้ หน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะของจีนจะยังคงมุ่งมั่นปราบปรามการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะหลายพื้นที่ที่มีแหล่งมิจฉาชีพอยู่หนาแน่น

กระทรวงฯ จะเพิ่มความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนกับเมียนมา พร้อมเตือนประชาชนระมัดระวังข้อมูลการรับสมัครงานในต่างประเทศที่มีรายได้สูง เนื่องจากอาจเป็นการหลอกลวงเข้าสู่การก่ออาชญากรรม

ทัพสหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำประจำการในเอเชีย เชื่อรอคำสั่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

(25 พ.ย.67) นิเคอิเอเชียรายงานใน ภายในสัปดาห์นี้จะมีเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯ 3 ลำเดินทางถึงฝั่งแปซิฟิกตะวันตก หลังจากไม่ได้ประจำการที่นี่มาหลายเดือน เนื่องจากถูกส่งไปตะวันออกกลาง ท่ามกลางความกังวลว่าอาจเป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน 

ความคืบหน้าดังกล่าวมีขึ้นในช่วง 50 วันก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง

รายงานระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตัน ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ พร้อมลูกเรือ 2,702 คน มาถึงท่าเรือโยโกซุกะ ในอ่าวโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ท่าเรือที่เป็นที่ตั้งของกองเรือที่ 7 ของสหรัฐ และเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่เรือยูเอสเอสจอร์จ วอชิงตันกลับมายังท่าเรือนี้ นอกจากนี้ เรือยูเอสเอสคาร์ล วินสัน จะเข้าประจำการที่ท่าเรือนี้ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้เช่นกัน

อีกลำหนึ่งคือ เรือยูเอสเอสอับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งขณะนี้อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย กำลังมุ่งหน้าผ่านทะเลจีนใต้ โดยอาจมีกำหนดการแวะที่ฐานทัพบนเกาะโอกินาว่า ก่อนจะเดินทางกลับซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียต่อไป

นาวาตรีเคที โคนิก (Katie Koenig) โฆษกกองเรือประจำภูมิภาคแปซิฟิกของสหรัฐ กล่าวว่า การประจำการของเรือบรรทุกเครื่องบินนี้จะช่วยให้กองกำลังทางทะเลและกองกำลังร่วมสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และสหรัฐได้นำเรือที่มีขีดความสามารถสูงที่สุดมาปฏิบัติภารกิจ ซึ่งมีกำลังในการโจมตีและปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

นับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสโรนัลด์ เรแกนออกจากท่าโยโกซุกะ สหรัฐไม่ได้มีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการในแปซิฟิกตะวันตกอีก โดยสหรัฐหันไปให้ความสำคัญต่อพื้นที่ในตะวันออกกลางแทนเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิสราเอล

เบรนต์ แซดเลอร์ (Brent Sadler) นักวิจัยจากมูลนิธิเฮอริเทจ (Heritage Foundation) กล่าวว่าการเพิ่มกำลังทหารในช่วงนี้ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบจากจีน ซึ่งสหรัฐมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งอย่างชัดเจน อีกทั้งมองว่าการเพิ่มกำลังของสหรัฐในแปซิฟิกนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนในช่วง 50 วันที่เหลือก่อนการเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ในวันที่ 20 มกราคม 2025 และอาจทำให้การประจำการในตะวันออกกลางลดลง

ด้านจาค็อบ สโตกส์ (Jacob Stokes) รองผู้อำนวยการโครงการความมั่นคงอินโด-แปซิฟิกที่ศูนย์ความมั่นคงอเมริกันใหม่ (Center for a New American Security) หลังจากนี้เราอาจได้เห็นท่าทีอันแข็งกร้าวจากจีน ด้วยการซ้อมรบบริเวณรอบเกาะไต้หวันหรือบริเวณทะเลจีนใต้ ซึ่งถ้ามีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินไปประจำการเพิ่มขึ้น จะมีทางเลือกที่หลากหลายในการตอบโต้จีนได้มากขึ้น

ไอเดียจีนสร้างฮับดิจิทัลกว่างซี เชื่อมอีคอมเมิร์ซอาเซียนที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

เมื่อไม่นานนี้ ตำบลอูเจิ้น มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน ได้จัดการประชุมสุดยอดอินเทอร์เน็ตโลก (WIC) แห่งอูเจิ้น ปี 2024 โดยส่วนหนึ่งเป็นการประชุมศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน หัวข้อสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัล แบ่งปันอนาคตดิจิทัลร่วมกัน

คณะเจ้าหน้าที่รัฐจากจีนและกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ลาว มาเลเซีย และเมียนมา ได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการวงการอินเทอร์เน็ตจากทั้งในและต่างประเทศด้วยเป้าหมายส่งเสริมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างจีนกับอาเซียน เพื่ออนาคตใหม่ของเส้นทางสายไหมดิจิทัลที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

อนึ่ง จีนและกลุ่มประเทศอาเซียนมุ่งใช้โอกาสการพัฒนาใหม่จากกระแสดิจิทัลมาทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยเขตปกครองตนเอง 'กว่างซี' ทางตอนใต้ของจีน ซึ่งเป็นภูมิภาคเดียวของจีนที่เชื่อมต่อกับอาเซียนทางบกและทางทะเล ได้เร่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและเปิดกว้างความร่วมมือเส้นทางสายไหมดิจิทัลกับอาเซียน

กว่างซีได้ทำหน้าที่แกนกลางของศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ซึ่งดำเนินงานเชื่อมต่อเครือข่าย แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงสร้างความร่วมมือและผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางดิจิทัลและสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือกับกลุ่มประเทศอาเซียนในด้านรัฐบาลดิจิทัล วิถีชีวิตดิจิทัล และอุตสาหกรรมดิจิทัลเกือบ 20 โครงการ โดยแพลตฟอร์มบริการข้อมูลสินเชื่อข้ามพรมแดนจีน-อาเซียนของศูนย์ฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียนถึง 7.87 ล้านราย และร่วมมือกับธนาคารในและต่างประเทศ 16 แห่ง

นอกจากนั้นศูนย์ฯ ส่งเสริมการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ทั้งการสื่อสาร การสำรวจระยะไกล พลังการประมวลผล และการนำทาง รวมถึงมีการวางเคเบิลออปติกภาคพื้นดินระหว่างประเทศ 12 เส้น พร้อมจัดตั้งศูนย์สารสนเทศ 38 แห่งใน 9 ประเทศอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมา

กว่างซีได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการสร้างศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียน ดึงดูดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่างลาซาด้าและชอปปีมาจัดตั้งศูนย์โลจิสติกส์ และสร้างฐานการไลฟ์ตรีมมิงอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนสำหรับอาเซียน

ขณะเดียวกันกว่างซีเร่งสร้างนิคมอุตสาหกรรมปลายทางอัจฉริยะ 5G (ชินโจว) จีน-อาเซียน เดินหน้านิคมอุตสาหกรรมเศรษฐกิจดิจิทัลจีน-อาเซียน และลงนามข้อตกลงการลงทุนกับบริษัทเกือบ 30 แห่ง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บและเทคโนโลยีสารสนเทศที่ผลิตโดยผู้ประกอบการท้องถิ่นกว่างซีตั้งแต่ปี 2023 สูงเกิน 20 ล้านหยวน (ราว 94 ล้านบาท)

ฐานหลักของศูนย์สารสนเทศจีน-อาเซียนในนครหนานหนิงได้รวบรวมบริษัทผู้ประกอบการเศรษฐกิจดิจิทัลมากกว่า 7,200 แห่ง เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 และปริมาณนำเข้าและส่งออกอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนของหนานหนิงสูงเกิน 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.76 หมื่นล้านบาท) ติดต่อกัน 2 ปี

ทั้งนี้ ปริมาณการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนเพิ่มขึ้นจากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.44 ล้านล้านบาท) ในปี 2004 เป็น 9.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 31.37 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกันและกันติดต่อกัน 4 ปี พร้อมเดินหน้าความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานสีเขียวและคาร์บอนต่ำ และยานยนต์พลังงานใหม่

จีนเพ่งเล็งแพลตฟอร์ม สั่งสอบอัลกอริทึม หวังลดเอาเปรียบพนักงานส่งของ-คุมภัยออนไลน์

(25 พ.ย.67) ทางการจีนเรียกร้องแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มตนเองและแก้ไขการควบคุมอัลกอริทึมใดๆ ที่อาจหาประโยชน์จนเอารัดเอาเปรียบพนักงานจัดส่งสิ่งของ

สำนักงานคณะกรรมการกิจการไซเบอร์สเปซส่วนกลางของจีน ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ระบุว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มุ่งจัดการกับระบบอัลกอริทึมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งละเมิดผลประโยชน์ของผู้ใช้งานและพนักงานในอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต

ทางการจีนจะดำเนินการปราบปรามการบีบอัดระยะเวลาจัดส่งสิ่งของ ซึ่งมักเพิ่มความกดดันแก่พนักงานจัดส่งสิ่งของที่ต้องเร่งทำเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงการจัดส่งล่าช้า นำไปสู่ความเสี่ยงฝ่าฝืนกฎระเบียบทางการจราจรและเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น

บรรดาแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องเปิดเผยกฎเกณฑ์ของอัลกอริทึมอย่างชัดแจ้ง ทั้งการประมาณเวลาและการวางแผนเส้นทาง พร้อมตอบสนองคำร้องจากพนักงานจัดส่งสิ่งของโดยทันที หากเกิดกรณีจัดส่งล่าช้าเพราะปัจจัยอันมิอาจควบคุมได้อย่างอุบัติเหตุและสภาพอากาศย่ำแย่

อนึ่ง โครงการนี้จะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 และครอบคลุมผู้ประกอบธุรกิจอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ เช่น แพลตฟอร์มวิดีโอและชอปปิงออนไลน์ มีเป้าหมายแก้ไขข้อกังวลของชาวเน็ต ซึ่งรวมถึง 'รังไหมข้อมูล' (information cocoon) ผ่านการแนะนำเนื้อหาที่เหมือนกัน และการเลือกปฏิบัติด้านราคาโดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ที่แสดงราคาแตกต่างกันตามผู้ใช้งานแต่ละราย

ทรัมป์เดินหน้าเก็บภาษีจีน 10% ชาติเพื่อนบ้านก็ไม่เว้น เม็กซิโก-แคนาดา เจอเก็บ 25% ในวันแรกที่รับตำแหน่ง

(26 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และจากจีน 10% ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง โดยให้เหตุผลเรื่องการอพยพผิดกฎหมายและการค้ายาเสพติดผ่านพรมแดน ทรัมป์โพสต์บน *Truth Social* ว่า “ในวันที่ 20 มกราคม ผมจะลงนามคำสั่งเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และ 10% สำหรับสินค้าจีน เพื่อแก้ปัญหานโยบายพรมแดนเปิดและการค้ายาเสพติด”  

มาตรการนี้ขัดต่อข้อตกลง *USMCA* ซึ่งทรัมป์เองเคยผลักดันในปี 2020 โดยเม็กซิโกและแคนาดาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ  

นักวิเคราะห์ชี้ว่าภาษีจีนที่ 10% อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยขู่เก็บภาษีสูงถึง 60%  

ด้านจีนออกแถลงการณ์เตือนว่า “ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า” และย้ำความร่วมมือกับสหรัฐในการปราบปรามการค้ายาเสพติด

ไทยรับอานิสงส์ Ricoh ย้ายฐานผลิตพริ้นเตอร์จากจีน เลี่ยงรบ.ทรัมป์ขึ้นภาษี 60% หากผลิตจากจีน

(26 พ.ย. 67) ริโก้ (Ricoh) บริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์สำนักงานจากญี่ปุ่น เตรียมย้ายการผลิตเครื่องพริ้นเตอร์มัลติฟังก์ชันจากโรงงานในเซี่ยงไฮ้และตงกวน ประเทศจีน มายังประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำหนดอัตราภาษีใหม่สูงถึง 60%  

ปัจจุบัน สินค้าภายใต้แบรนด์ริโก้ที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ คิดเป็น 20% ของยอดขายทั่วโลก โดยริโก้มีโรงงานผลิตในไทยตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นยุคแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งก่อน  

ริโก้ยังวางแผนกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นในอาเซียน เพื่อสนับสนุนความร่วมมือกับโตชิบา เทค  

ก่อนหน้านั้นช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ริโก้ประกาศแผนปลดพนักงานกว่า 2,000 คนทั่วโลก หรือราว 3% ของพนักงานทั้งหมด โดยในจำนวนนี้ 1,000 คนจะถูกปลดในญี่ปุ่น การปลดพนักงานครั้งนี้เน้นสายงานฝ่ายขายและซ่อมบำรุง คาดว่าจะเริ่มทยอยตั้งแต่วันนี้จนถึงมีนาคม 2025  

การปรับลดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยลดขนาดธุรกิจเครื่องใช้สำนักงาน และมุ่งเน้นธุรกิจบริการดิจิทัล แม้จะมีค่าใช้จ่ายครั้งเดียว 112 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่คาดว่าจะช่วยให้ริโก้ทำกำไรเพิ่มขึ้น 9,000 ล้านเยนภายในปี 2026  

ตลาดเครื่องพิมพ์ยังเผชิญกับการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากการลดการใช้กระดาษขององค์กร และการทำงานแบบยืดหยุ่น โดยยอดจัดส่งเครื่องพิมพ์และถ่ายเอกสารในปี 2023 อยู่ที่ 3.59 ล้านเครื่อง ลดลงถึง 26% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19  

สภาสหรัฐฯ โบ้ยจีนเปลี่ยนฮ่องกง จากฮับการเงินสู่แหล่งอาชญากรรมโลก

(26 พ.ย. 67) รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมาธิการด้านจีนแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ยื่นหนังสือถึง เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า ฮ่องกงได้เปลี่ยนบทบาทจากศูนย์กลางการเงินโลกที่เชื่อถือได้ ไปเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมทางการเงิน เนื่องจากการปกครองที่เข้มงวดขึ้นของจีน  

หนังสือฉบับนี้ ลงนามโดย จอห์น มูเลนาร์ ประธานคณะกรรมาธิการจากพรรครีพับลิกัน และ ราจา กฤษณะมูรตี จากสังกัดพรรคเดโมแครต โดยระบุว่า หลังการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 ฮ่องกงมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน อิหร่าน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ  มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อกล่าวหาต่อฮ่องกง อาทิ ช่วยรัสเซียเข้าถึงเทคโนโลยีตะวันตกที่ถูกจำกัด, จัดตั้งบริษัทบังหน้าสำหรับการซื้อน้ำมันอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตร, สนับสนุนการค้าทองคำจากรัสเซีย, ใช้เรือขนส่งสินค้าในการค้าผิดกฎหมายกับเกาหลีเหนือ  

หนังสือยังอ้างข้อมูลวิจัยว่า 40% ของสินค้าส่งออกจากฮ่องกงไปยังรัสเซียในปี 2023 เป็นสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจำเป็นต่อการทำสงครามของรัสเซียต่อยูเครน  

คณะกรรมาธิการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของนโยบายสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกง โดยเฉพาะในภาคการเงินและการธนาคาร ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐชี้ว่าการปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกงได้บ่อนทำลายหลักนิติธรรมและสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยระหว่างสหรัฐและฮ่องกง  

สื่อนอกปูด รมว.กลาโหมจีนถูกสอบทุจริต ปักกิ่งกวาดล้างทุจริตครั้งใหญ่สะเทือนนายพล

(27 พ.ย.67) หนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า พลเรือเอก ต่ง จวิน รัฐมนตรีกลาโหมของจีน กำลังถูกสอบสวนในปฏิบัติการกวาดล้างคอร์รัปชันครั้งใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อนายทหารระดับสูงในกองทัพจีน

รายงานดังกล่าวอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐทั้งในอดีตและปัจจุบัน ระบุว่า พลเรือเอกต่ง อายุประมาณ 62-63 ปี เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนที่ 3 ของจีนที่ถูกสอบสวนในคดีทุจริต โดยเขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนธันวาคม 2566 ต่อจากพลเอก หลี่ ซ่างฝู ซึ่งดำรงตำแหน่งได้เพียง 7 เดือน อย่างไรก็ตาม พลเรือเอกต่งไม่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกคณะรัฐมนตรีในการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนมีนาคม และไม่ได้รับตำแหน่งในคณะกรรมาธิการทหารกลาง (CMC) ซึ่งเป็นองค์กรทหารสูงสุดของจีน โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เป็นประธาน

ทั้งนี้ การประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งโดยปกติรัฐมนตรีกลาโหมจะต้องเป็นสมาชิกทั้งคณะรัฐมนตรีและ CMC แต่พลเรือเอกต่งไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว

สำหรับรัฐมนตรีกลาโหมจีน 2 คนก่อนหน้า พลเรือเอกต่ง ได้แก่ พลเอกหลี่ ซ่างฝู วัย 66 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างเดือนมีนาคม-ตุลาคม 2566 และพลเอก เว่ย เฟิ่งเหอ วัย 70 ปี ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างเดือนมีนาคม 2561-มีนาคม 2566 ทั้งคู่ถูกถอดยศและขับออกจากพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนมิถุนายน ด้วยข้อหาฝ่าฝืนวินัยร้ายแรง

พรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุในขณะนั้นว่า การกระทำของทั้งสองเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของพรรคและ CMC ทำให้บรรยากาศทางการเมืองในกองทัพเสียหาย และสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อภาพลักษณ์ของผู้นำอาวุโสในกองทัพ

อย่างไรก็ตาม สื่อในภูมิภาคเอเชียที่คอยเกาะติดรายงานความเคลื่อนไหวของจีนแผ่นดินใหญ่ อย่าง เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ หรือ สำนักข่าวนิเคอิ ยังไม่มีรายงานข่าวดังกล่าวว่าจีนกำลังกวาดล้างนายพลในกองทัพตามรายงานข้างต้น

แพทย์ฝรั่งเศสใช้หุ่นยนต์จีน ผ่าตัดผู้ป่วยในโมร็อกโก ผ่านเครือข่าย 5 G ทุบสถิติผ่าตัดระยะไกลที่สุดในโลก

(27 พ.ย. 67) ซินหัวรายงานว่า การผ่าตัดข้ามทวีปมีขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน โดยโยเนส อาฮัลลาล แพทย์ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ เป็นการใช้งานหุ่นยนต์ถูม่าย (Toumai) ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพแบบเรียลไทม์ที่มีความคมชัดสูง และควบคุมเครื่องจักรจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ โดยมีระยะการส่งข้อมูลแบบสองทางเกิน 30,000 กิโลเมตร สร้างสถิติเป็นการผ่าตัดผู้ป่วยมนุษย์จากระยะไกลที่มีระยะห่างมากที่สุด

แขนกลการผ่าตัดในโมร็อกโกที่อยู่ในแอฟริกาเหนือ ทำงานตามคำสั่งการทั้งหมดจากคอนโซลควบคุมของแพทย์ในเซี่ยงไฮ้ที่อยู่ในเอเชีย สามารถตัดเนื้อร้ายที่ต่อมลูกหมากออกและเย็บแผลจนเสร็จเรียบร้อย อีกทั้งสามารถรักษาเส้นประสาท-หลอดเลือดและความยาวสูงสุดของท่อปัสสาวะเอาไว้ โดยการผ่าตัดใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมง และมีความหน่วงทางเดียว (one-way latency) เพียง 100 มิลลิวินาที

นายแพทย์อาฮัลลาลระบุว่า แม้ว่าการส่งสัญญาณวิดีโอแบบเรียลไทม์ครั้งนี้เชื่อมต่อผ่านบรอดแบนด์มาตรฐาน แทนเทคโนโลยี 5G แต่สัญญาณก็ค่อนข้างชัดเจนและราบรื่น หุ่นยนต์ผ่าตัดยังมีความยืดหยุ่น แม่นยำ และเสถียรอย่างมาก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการผ่าตัดที่ซับซ้อนและมีความยากสูง

การผ่าตัดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่หุ่นยนต์ถูม่ายเคยถูกนำมาช่วยในการผ่าตัดซีสต์ที่ไตแบบแผลเล็กเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ระหว่างแพทย์ในนครเซี่ยงไฮ้กับผู้ป่วยที่ท่าเรือโคโตนูในเบนินที่อยู่ในแอฟริกาตะวันตก ซึ่งมีระยะการส่งข้อมูลไป-กลับ 27,000 กิโลเมตร

การผ่าตัดทางไกลช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาโดยศัลยแพทย์ชั้นนำจากทั่วโลกได้มากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ ทั้งยังช่วยให้ศัลยแพทย์อาวุโสสามารถให้คำปรึกษาแก่เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องในกระบวนการผ่าตัดที่มีความยากได้ผ่านทางระยะไกล

เหอเชา ประธานบริษัท ไมโครพอร์ต เม็ดบ็อต (MicroPort MedBot) ซึ่งพัฒนาหุ่นยนต์ถูม่ายเผยว่า หุ่นยนต์ถูม่ายถูกนำมาใช้ในการผ่าตัดทางไกลพิเศษ 5G มากกว่า 250 ครั้ง และมีอัตราความสำเร็จที่ร้อยละ 100 โดยมีระยะทางการส่งสัญญาณสะสมกว่า 4 แสนกิโลเมตร

ปัจจุบันหุ่นยนต์ถูม่ายซึ่งได้รับการรับรองกฎระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย (CE certification) ของสหภาพยุโรปเมื่อเดือนพฤษภาคม ได้รับอนุมัติให้ใช้ในขั้นตอนการผ่าตัดหลายรายการแล้ว ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ การผ่าตัดทั่วไป การผ่าตัดทรวงอก และการส่องกล้องทางนรีเวช

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หุ่นยนต์ผ่าตัดได้กลายมาเป็นแนวโน้มใหม่สำหรับกลุ่มสตาร์ทอัปเทคโนโลยีของจีน รายงานวิจัยอุตสาหกรรมล่าสุดระบุว่า ตลาดหุ่นยนต์ผ่าตัดของจีนจะมีขนาดใหญ่ถึง 38,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.33 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2569 คิดเป็นอัตราการเติบโตรายปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอย่างมาก

มีการคาดการณ์ว่า การใช้งานเครือข่าย 5G ที่แพร่หลายในจีนจะขยายศักยภาพของตลาดหุ่นยนต์สำหรับการผ่าตัดทางไกลอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้การผ่าตัดทางไกลเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้มากขึ้นในบริการด้านการดูแลสุขภาพ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ระบุว่าจีนมีสถานีฐาน 5G มากกว่า 4 ล้านแห่ง เมื่อนับถึงสิ้นเดือนสิงหาคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top