Wednesday, 14 May 2025
China

"ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ควรเป็นเกมการช่วงชิงอำนาจ ของชาติร่ำรวยและบรรดามหาเศรษฐี"

ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง
กล่าวในการประชุม G20 ที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล

(19 พ.ย. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงาน ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้กล่าวเตือนในการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่รีโอเดจาเนโรว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ควรเป็น “เกมของประเทศร่ำรวยและคนมั่งมี” นอกจากนี้ รายงานระบุว่า ปธน.สียังเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลและความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับ AI มากขึ้นอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ปธน.สีได้กล่าวถึงการสนับสนุนของจีนที่มีต่อประเทศกำลังพัฒนา และให้คำมั่นว่าจะมีโครงการช่วยเหลือเพิ่มเติม รวมถึงการเสนอโครงการร่วมกับสมาชิก G20 อีก 3 ประเทศ เพื่อช่วยให้กลุ่มประเทศในซีกโลกใต้สามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้น

ในการประชุมเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันการกำกับดูแลระดับโลก ปธน.สีได้กล่าวเตือนถึงการกีดกันทางการค้าในนามของการพัฒนาสีเขียวและคาร์บอนต่ำ โดยอ้างถึงภาษีศุลกากรที่สมาชิก G20 เรียกเก็บกับสินค้าจีน เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและไบโอดีเซล ซึ่งสมาชิก G20 กังวลว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวอาจทำให้ประเทศของตนต้องพึ่งพาจีน

“เราจำเป็นต้องปรับปรุงการกำกับดูแลการค้าโลก และสร้างเศรษฐกิจโลกที่มีลักษณะเปิดกว้าง” ปธน.สีกล่าว

ปธน.สีซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนลาตินอเมริกาเพื่อการทูต ยังได้วิพากษ์วิจารณ์การกีดกันทางการค้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขณะเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่กรุงลิมา ประเทศเปรู

คำกล่าวของผู้นำจีนมีขึ้นก่อนหน้าที่จีนเตรียมเป็นเจ้าภาพจัด การประชุม AI โลกในปี 2025 เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ 

ญี่ปุ่นเล็งใช้รถรางไฮโดรเจนจากจีน ขึ้นภูเขาฟูจิ เมินบริษัทในประเทศ หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม

(19 พ.ย.67) รัฐบาลท้องถิ่นจังหวัดยามานาชิ เปิดเผยว่า กำลังพิจารณาใช้ระบบขนส่งพลังงานไฮโดรเจนจากบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ วีฮิเคิลส์ ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐจากจีน เพื่อพัฒนาระบบขนส่งแทนการเดินเท้าขึ้นภูเขาไฟฟูจิ แทนการใช้ระบบรถรางจากบรรดาบริษัทในท้องถิ่นของญี่ปุ่น เนื่องจากบริษัทผู้วางระบบรถรางในญี่ปุ่นยังไม่สามารถตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการของรถรางบนภูเขาไฟฟูจิได้เท่ากับระบบของทางจีน

ระบบขนส่งรถไฟอัจฉริยะไร้รางของจีน หรือ Autonomous Rail Rapid Transit (เออาร์ที) มีลักษณะคล้ายกับรถรางและรถบัส โดยเคลื่อนที่ด้วยล้อยางและวิ่งบนถนนแทนการใช้ราง ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังไฮโดรเจนเป็นหลัก ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบทั้งในช่วงการวางระบบ และการให้บริการ ต่างจากบรรดาผู้พัฒนารถรางญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่เสนอให้ใช้รถรางระบบไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบในช่วงการก่อสร้างและระหว่างการให้บริการ

นายโคทาโร นางาซากิ ผู้ว่าราชการจังหวัดยามานาชิ กล่าวว่า 'โครงการรถรางฟูจิ' จะช่วยลดต้นทุนในการก่อสร้างได้มาก และยังสามารถช่วยลดความแออัดในช่วงฤดูร้อน รวมถึงลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากจีน แต่เขาหวังว่า บริษัทญี่ปุ่นจะเข้ามามีส่วนร่วมและรับผิดชอบโครงการนี้ พร้อมเสริมว่า การตั้งฐานการผลิตของบริษัทที่ได้รับสัมปทานในจังหวัดยามานาชิจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ทางการจังหวัดยามานาชิได้ประกาศแผนการสร้างระบบขนส่งรางเบาไปยังสถานีที่ 5 บนภูเขาฟูจิซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 2,305 เมตร ตั้งแต่ปี 2021 โดยปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นทางด่วนไปยังจุดดังกล่าวแล้วเดินเท้าต่อไปยังยอดภูเขาฟูจิที่อยู่สูง 3,776 เมตร

มีการประเมินว่าต้นทุนการก่อสร้างอาจอยู่ที่ 140,000 ล้านเยน (ราว 31,000 ล้านบาท) ในขณะที่รายงานระหว่างกาลเมื่อเดือนที่แล้วได้เน้นย้ำถึงความท้าทายทางเทคนิคต่าง ๆ รวมถึงเบรกและแบตเตอรี่ที่ทำงานได้ในสภาพอากาศหนาวเย็น หากมีการเลือกใช้ระบบรถรางไฟฟ้าจากผู้ผลิตในประเทศ

โครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้งานได้ในปี 2034 โดยรถรางจะเชื่อมต่อภูเขาฟูจิกับสถานีระดับภูมิภาค และในระหว่างนี้จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในทุกมิติ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กต. เปิดตัวตราสัญลักษณ์ ครบรอบสถาปนาสัมพันธ์ทางการทูตสองชาติ

(19 พ.ย. 67) กระทรวงการต่างประเทศได้จัดงานเปิดตัวตราสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สุราลัย ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม 

งานนี้จัดขึ้นร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ โดยได้รับเกียรติจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเป็นประธานในงาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน รวมถึงสื่อมวลชนจากหลายแขนงที่มาร่วมงาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเปิดงานว่า ความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีนที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคงตลอด 50 ปี นับตั้งแต่การลงนามในแถลงการณ์ร่วมในปี 2518 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ โดยมีความร่วมมือที่ไม่เคยหยุดยั้ง แม้ว่าโลกและสถานการณ์ภายในประเทศจะมีการเปลี่ยนแปลง และถือเป็นความสำเร็จสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศที่ครบรอบ 150 ปีการสถาปนาในปี 2568 เช่นกัน

งานนี้ยังมีการเสวนาจากผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี และบทบาทของหน่วยงานในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-จีน

กระทรวงการต่างประเทศยังได้ประกาศความร่วมมือพิเศษกับ POP MART INTERNATIONAL GROUP LIMITED ในการจัดทำ Dimoo รุ่น Limited Edition ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2568

ภายในงานยังมีการแสดงพิเศษจากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ในชุด 'ตอแบ๋ตั่วะ' ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของคณะงิ้วสตรีในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และการแสดงจากศิลปินพิเศษ 'นนกุล' ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและจีน

ตราสัญลักษณ์ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ถูกออกแบบร่วมกันโดยกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ โดยใช้ภาพพญานาคและมังกร สัตว์มงคลของทั้งสองประเทศ มารวมกันเป็นเลข 50 ซึ่งแสดงถึงการมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น

หน่วยงานต่าง ๆ ที่จะนำตราสัญลักษณ์นี้ไปใช้ในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองต่าง ๆ สามารถนำมาใช้ได้ตามความเหมาะสมในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนนี้

ทางรถไฟขนสินค้าสาย จีน-ยุโรป เชื่อมการค้าสองทวีป แล้วกว่า 11,380 เที่ยว

เมื่อวันที่ (18 พ.ย. 67) ที่ผ่านมา ขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรป เส้นทางจากเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ไปยังกรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้ให้บริการครบ 10 ปี โดยขบวนล่าสุดได้ออกเดินทางจากเมืองอี้อูพร้อมสินค้าต่างๆ รวมทั้งสิ้น 110 ตู้คอนเทนเนอร์ (TEU) ไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีกำหนดเดินทางถึงกรุงมาดริดภายในระยะเวลา 16-18 วัน

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขบวนรถไฟนี้ได้ดำเนินการเดินทางทั้งหมด 11,380 เที่ยว และขนส่งสินค้ากว่า 932,200 ตู้คอนเทนเนอร์ โดยขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรปได้ขยายการเชื่อมต่อไปยัง 50 ประเทศและภูมิภาคในเอเชียและยุโรป ครอบคลุมเมืองกว่า 160 แห่ง รวมถึงเส้นทางหลักทั้งจีน-ยุโรป, จีน-รัสเซีย และจีน-เอเชียกลาง นอกจากนี้ โครงสร้างสินค้าส่งออกก็ได้เปลี่ยนแปลงจากสินค้าขนาดเล็กและสินค้าบริโภคทั่วไป มาเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อะไหล่รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ แผงโซลาร์เซลล์ และรถยนต์พลังงานใหม่ ซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย

ขบวนรถไฟนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีระยะทางยาวที่สุดในจีน และได้ขยายอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการการขนส่ง โดยตั้งแต่ปี 2018 สถานีรถไฟอี้อูได้ติดตั้งระบบจัดการอัจฉริยะสำหรับคอนเทนเนอร์ ทำให้การจัดการและตรวจสอบการขนส่งมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น เช่น การกำหนดตำแหน่งคอนเทนเนอร์ การย้ายคอนเทนเนอร์ และการขนถ่าย มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลจากบริษัทการรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด รายงานว่า ขบวนรถไฟสินค้าจีน-ยุโรป ได้ออกเดินทางจากอี้อูมากกว่า 6,700 เที่ยว และขนส่งสินค้ากว่า 670,000 ตู้คอนเทนเนอร์ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยรถไฟเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขนส่งโลจิสติกส์ของเมืองอี้อู ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "ซูเปอร์มาร์เก็ตของโลก" และช่วยสนับสนุนการเข้าถึงตลาดทั่วโลก

ตลอด 10 ปี ขบวนรถไฟนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศต่างๆ และความร่วมมือที่ยั่งยืนที่จะทำให้การค้าระหว่างประเทศเติบโตและเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ข้อมูลจากศุลกากรอี้อูเผยว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 อี้อูมีมูลค่าการนำเข้ามากถึง 65.7 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้านำเข้าจากยุโรปผ่านขบวนรถไฟอี้ซิน อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องดูแลสุขภาพ อาหาร และเครื่องครัว ได้กลายเป็นสินค้าหลักในครัวเรือนของชาวจีน

'Ralph Lauren' แบรนด์อเมริกัน ขายดีในจีน สะท้อนคนแผ่นดินใหญ่นิยมเทรนด์ Quiet Luxury

(20 พ.ย.67) ในช่วงเวลาที่ตลาดสินค้าหรูหราในจีนกำลังซบเซา แบรนด์ดังระดับโลกอย่าง 'LVMH' และ 'Kering' ต่างต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปของชาวจีน แต่ในท่ามกลางกระแสนี้ กลับมีหนึ่งแบรนด์ที่โดดเด่นและสวนทางกับกระแสความท้าทายเหล่านั้น นั่นคือ 'Ralph Lauren' แบรนด์หรูจากสหรัฐฯ ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแดนมังกร

เมื่อไม่นานมานี้ Ralph Lauren รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2025 โดยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 10% และภูมิภาคเอเชียเป็นผู้นำการเติบโต ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 11% แม้รายได้จากจีนยังคงเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อย (ประมาณ 8% ของยอดขายทั้งหมด) แต่แบรนด์มองว่านี่คือก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการขยายตลาดในประเทศนี้

นีล ซอนเดอร์ส กรรมการผู้จัดการของ GlobalData Retail ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Ralph Lauren ยังคงครองใจผู้บริโภคในจีนได้ นั่นคือ 'ความเรียบหรูและความคลาสสิก' ที่แตกต่างจากแบรนด์สินค้าหรูหราทั่วไป ในยุคที่ชาวจีนบางส่วนเริ่มลดความสนใจในสินค้าหรูที่แสดงถึงความมั่งคั่งเกินจำเป็น Ralph Lauren กลับนำเสนอสไตล์ที่ไม่โอ้อวด แต่ยังคงสะท้อนถึงคุณภาพและความคงทน ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาด

มาร์ติน โรล นักยุทธศาสตร์ธุรกิจจาก McKinsey อธิบายเพิ่มเติมว่า แนวคิด 'วิถีชีวิตแบบอเมริกันคลาสสิก' ของแบรนด์นี้ สอดรับกับความสนใจของผู้บริโภคชาวจีนที่กำลังมองหาความหรูหราที่ประณีตและยั่งยืน คุณภาพและประวัติศาสตร์ของแบรนด์กลายเป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่าง และทำให้แบรนด์สามารถยืนหยัดในตลาดจีนได้อย่างมั่นคง

Ralph Lauren ไม่ได้หยุดอยู่แค่การนำเสนอสินค้าคลาสสิก แต่ยังใช้กลยุทธ์ Omnichannel อย่างชาญฉลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีน ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยอดนิยม เช่น Tmall, JD.com และ WeChat รวมถึงการเปิดร้านป๊อปอัปเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังเจาะกลุ่ม Gen Z ชาวจีน ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าหรูผ่านช่องทางดิจิทัล

นอกจากนี้ การเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมความสำเร็จ Ralph Lauren สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในการรักษ์โลกอย่างชัดเจน ซึ่งตรงกับความสนใจของผู้บริโภครุ่นใหม่ในจีน ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ Ralph Lauren จะสามารถฝ่ากระแสและทำตลาดได้อย่างแข็งแกร่งในจีน แต่อนาคตยังคงมีความท้าทายรออยู่ ทั้งเรื่องภาษีศุลกากรและกระแสชาตินิยมในจีน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของแบรนด์ อย่างไรก็ตาม นี่คือบทพิสูจน์สำคัญว่า Ralph Lauren สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ และจะรักษาความนิยมในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืนแค่ไหน

ขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมทางรถไฟ สร้างตู้ขนส่งโดยเฉพาะ มั่นใจปลอดภัยไม่ระเบิด

(20 พ.ย.67) บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด ได้ดำเนินการทดลองขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าปริมาณมากครั้งแรกของประเทศเมื่อวันอังคาร (19 พ.ย.) โดยรถไฟบรรทุกแบตเตอรี่ลิเธียม จำนวน 3 ขบวน เดินทางออกจากเทศบาลนครฉงชิ่ง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) และมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

รายงานระบุว่าจีนเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และนี่เป็นก้าวสำคัญของการขนส่งแบตเตอรี่ยานยนต์ ซึ่งจัดเป็นสินค้าอันตรายและเดิมทีขนส่งทางทะเลหรือทางถนนเท่านั้น โดยการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมมีความเสี่ยงตรงที่อาจเกิดไฟลุกไหม้หรือระเบิดหากถูกเขย่ากระแทก

เจี่ยผิง รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน สาขาเฉิงตู จำกัด กล่าวว่าการทดลองเดินรถครั้งนี้ใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมโดยเฉพาะ โดยตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวผลิตจากวัสดุไม่ติดไฟ พร้อมติดตั้งเครื่องตรวจจับควัน อุณหภูมิ และอุปกรณ์ระบายอากาศไว้ด้วย

เจี่ยชี้ว่าการขนส่งทางรางจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่การส่งออกแบตเตอรี่ลิเธียมของจีน เนื่องจากสามารถขนส่งได้มากกว่าการขนส่งทางบกและรวดเร็วกว่าการขนส่งทางทะเล

บริษัท คอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี จำกัด (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน แสดงความยินดีกับการทดลองเดินรถครั้งนี้ โดยหลิวเจี๋ย ฝ่ายห่วงโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ของบริษัทฯ กล่าวว่าการทดลองขนส่งทางรางถือเป็นการรับรองประสิทธิภาพความปลอดภัยของแบตเตอรี่ลิเธียมภายในประเทศเพิ่มเติม

หลิวทิ้งท้ายว่าการขนส่งทางรางเปิดช่องทางใหม่อันมีประสิทธิภาพในการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียม และจะกระตุ้นการส่งออกด้วยต้นทุนโลจิสติกส์ที่ลดลงและประสิทธิภาพทางโลจิสติกส์ที่พัฒนาดีขึ้น

ปักกิ่งเผย 'เผิงต้าซุ่น' ผู้นำโกก้าง อยู่ในจีน แต่มารักษาอาการป่วย

(20 พ.ย.67) จีนเปิดเผยว่า นายเผิง ต้าซุ่น ผู้นำกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) หรือกองกำลังโกก้าง หนึ่งในกลุ่มกบฏสำคัญในเมียนมา ได้เดินทางมายังประเทศจีนเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ หลังจากมีรายงานข่าวจากเมียนมาว่า เขาถูกทางการจีนจับกุมตัวแล้ว

โดยระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นายหลิน เจียน ได้ถูกถามถึงรายงานการจับกุมตัวนายเผิง โดยเขาตอบว่า ก่อนหน้านี้นายเผิงได้ยื่นคำร้องขอเดินทางมาจีนเพื่อรับการรักษา และตอนนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัวและฟื้นฟูสุขภาพ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาการหรือที่อยู่ของนายเผิง

สำหรับ MNDAA ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยกลุ่มชนกลุ่มน้อยโกก้างในรัฐฉาน และเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มแรก ๆ ที่ทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาลทหารเมียนมา ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวดำเนินมานานเกือบ 20 ปี ก่อนที่การปะทะในโกก้างเมื่อปี 2552 จะทำให้ข้อตกลงหยุดยิงพังทลาย

ในการปะทะครั้งนั้น MNDAA ถูกผลักดันออกจากเมืองเล่าก์ก่าย และทำให้ มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารในปัจจุบันได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้บัญชาการส่วนภูมิภาค แต่ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว MNDAA สามารถกลับบมายึดเมืองเล่าก์ก่ายกลับคืนมาได้สำเร็จ หลังจากทหารรัฐบาลมากกว่า 2,000 นายยอมจำนน

หลังจากนั้นในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน กองทัพ MNDAA ยังสามารถยึดเมืองล่าเสี้ยวได้สำเร็จ ซึ่งห่างจากเขตปกครองตนเองโกก้างประมาณ 100 กม. แต่การยึดเมืองล่าเสี้ยวนี้กลับทำให้จีนเริ่มแสดงความกังวล เนื่องจากมีความกลัวว่าอิทธิพลจากชาติทิศตะวันตกอาจแทรกซึมเข้ามาเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยในเมียนมา และการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นอาจนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลทหาร

หลังจากเหตุการณ์การยึดเมืองล่าเสี้ยว จีนได้ตัดการให้บริการน้ำและอินเทอร์เน็ตแก่เขตปกครองตนเองโกก้าง ซึ่งติดกับมณฑลยูนนานของจีน

ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวจับกุม นายเจสัน ทาวเวอร์ จากสถาบันสันติภาพในสหรัฐฯ ระบุว่า การที่จีนจับกุมตัวนายเผิงอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะรักษาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมากับฝ่ายต่อต้าน โดยจีนหวังว่าจะสามารถเจรจาให้ MNDAA สละเมืองล่าเสี้ยวเพื่อยุติความขัดแย้ง

นายกอังกฤษไม่ขอวิจารณ์จีน หลังฮ่องกงจำคุก แก๊งโจชัว หว่อง หวั่นกระทบเศรษฐกิจ

(21 พ.ย. 67) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ปฏิเสธที่จะกล่าววิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินจำคุกนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 45 คนในฮ่องกง ที่ศาลฮ่องกงมีคำตัดสินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยผู้นำอังกฤษให้เหตุผลว่าการแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมาควรเกิดขึ้นในที่ส่วนตัว เพื่อไม่ให้กระทบต่อเป้าหมายการสร้าง "ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิด" กับจีน  

รายงานระบุว่าสตาร์เมอร์ อยู่ระหว่างการร่วมประชุม G20 ที่ประเทศบราซิล และได้มีโอกาสหารือกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง โดยนายกอังกฤษยอมรับว่า เขาได้พูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับผู้นำจีน เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง อย่างไรก็ตาม เขาเลือกที่จะไม่กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวต่อสาธารณะ

ในระหว่างการแถลงข่าว เมื่อถูกถามโดย Financial Times ว่าจะประณามการกวาดล้างผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำ "การล้มล้าง" ในหมู่นักวิชาการ นักข่าว และนักการเมืองในฮ่องกงหรือไม่ สตาร์เมอร์ปฏิเสธและกล่าวว่า

"ในประเด็นที่เรามีความเห็นต่าง เราได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับที่เราทำเมื่อวานเกี่ยวกับฮ่องกง สิ่งงที่ผมไม่ทำคือสูญเสียโอกาสสำหรับเศรษฐกิจของเราในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่ดีขึ้น ผมต้องการความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพราะจีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่พูดถึงความแตกต่างเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมา นั่นคือแนวทางที่ผมใช้ และจะใช้ต่อไป"  

การประชุมแบบตัวต่อตัวระหว่างสตาร์เมอร์และสีในริโอเดจาเนโรเมื่อวันจันทร์ ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำอังกฤษได้พบกับประธานาธิบดีจีนอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีของอังกฤษที่เปิดกว้างมากขึ้นต่อปักกิ่ง  

ความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษกับจีนเย็นชาลง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ พบกับสีในปี 2018 ต่อมาภายใต้การนำของริชี ซูนัค ความสัมพันธ์ยังคงตึงเครียด โดยสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวต่อจีน 

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่พรรคแรงงานเข้ามาบริหารในเดือนกรกฎาคม รัฐบาลใหม่ได้มุ่งเน้นความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับจีนมากขึ้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ เดวิด แลมมี ได้เดินทางเยือนจีนแล้ว และมีแผนที่ทั้งสตาร์เมอร์และรัฐมนตรีการคลังราเชล รีฟส์ จะเดินทางไปในปีหน้า    

สตาร์เมอร์ยังเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและจีนควรปราศจาก "ความคลางแคลงใจ" และกล่าวถึงการเปิด "บทสนทนาใหม่" กับปักกิ่งในเรื่องอื่นที่ท้าทายร่วมกัน

อย่างไรก็ตาม เซอร์เอียน ดันแคน สมิธ อดีตหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ได้วิจารณ์ท่าทีของสตาร์เมอร์ที่ไม่แสดงจุดยืนวิพากษ์วิจารณ์จีนในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยระบุว่า "เขาและรัฐบาลของเขาหมกมุ่นกับการค้าเสียจนพร้อมจะมองข้ามความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น"

บราซิลลงนามสัญญา SpaceSail เช่าอินเทอร์เน็ตดาวเทียมแทน Starlink

(21 พ.ย.67) บริษัท Telebras ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของบราซิล เปิดเผยว่าได้ทางเลือกใหม่ในการหาคู่สัญญาให้บริการ อินเทอร์เน็ตดาวเทียมสำหรับพื้นที่ห่างไกล โดยบริษัทได้ลงนามในจดหมายแสดงเจตจำนงร่วมกับบริษัท SpaceSail ของจีนแทนที่การพิจารณาเลือกบริษัท Starlink ของอีลอน มัสก์ ท่ามกลางที่รัฐบาลบราซิลกับอีลอน มัสก์ กำลังมีข้อพิพาทกรณีแพลตฟอร์ม x 

ภายใต้เงื่อนไขใหม่ระหว่าง Telebras และ SpaceSail บริษัทจีนจะรับหน้าที่เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียมในบราซิล แต่รายงานยังไม่ได้ระบุรายละเอียดของความร่วมมือดังกล่าว 

นายจุเซลิโน ฟีลโฮ รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารของบราซิลกล่าวว่า SpaceSail มีดาวเทียม 40 ดวงที่อยู่ในวงโคจรแล้วและวางแผนจะส่งดาวเทียมอีก 648 ดวงในอีก 14 เดือนข้างหน้า เมื่อดาวเทียมเหล่านี้ถูกส่งขึ้นสำเร็จ บริษัทจีนจะสามารถให้บริการในบราซิลได้อย่างครอบคลุม

ทั้งนี้ ประเด็นข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลบราซิลกับอีลอน มัสก์ มีขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของบราซิล อเล็กซานเดร เดอ โมราเอส ได้สั่งให้ระงับการใช้งาน X ในประเทศหลังจากที่มัสก์ปฏิเสธที่จะแต่งตั้งตัวแทนทางกฎหมายใหม่สำหรับเครือข่ายสังคมนี้ โดยผู้พิพากษายังได้สั่งอายัดบัญชีของ Starlink ในบราซิลด้วยเหตุผลเดียวกัน

จีนแซงเยอรมนี ผงาดเบอร์ 3 ของโลก ใช้หุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมมากสุด

(21 พ.ย.67) จีนแซงเยอรมนี ครองเบอร์ 3 ของโลกด้านความหนาแน่น ‘หุ่นยนต์อุตสาหกรรม’ รายงานจากสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR) ระบุว่าจีนสร้างความก้าวหน้าอย่างมากในด้านระบบอัตโนมัติของกระบวนการผลิต โดยแซงหน้าเยอรมนีและขึ้นครองอันดับ 3 ในการจัดอันดับความหนาแน่นของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมระดับโลกในปี 2023

รายงานระบุว่าความหนาแน่นของหุ่นยนต์ของจีนอยู่ที่ 470 หน่วยต่อพนักงาน 10,000 คนในปี 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 402 หน่วยในปีก่อนหน้า และตัวเลขนี้ยังเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2019

ทาคายูกิ อิโตะ ประธานสหพันธ์ฯ เผยว่าจีนลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ และการเติบโตของจีนมีความโดดเด่นอย่างมาก โดยรายงานระบุว่าจีนเพิ่งเข้ามาติดโผ 10 อันดับแรกของโลกเมื่อปี 2019

ความหนาแน่นของหุ่นยนต์ เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของระดับการใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิต ซึ่งเกาหลีใต้ครองอันดับหนึ่งด้วยจำนวนหุ่นยนต์ 1,012 ตัวต่อพนักงาน 10,000 คนในปี 2023 ส่วนสิงคโปร์อยู่อันดับสอง และเยอรมนีอยู่อันดับสี่ โดยมีเครื่องจักรอัตโนมัติ 429 หน่วยต่อพนักงาน 10,000 คน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top