Saturday, 10 May 2025
Central

สมุทรปราการ - กำลังพลจิตอาสา โรงเรียนนายเรือ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” พัฒนาวัดบางโฉลงนอก และคลองสำโรง

วันที่ 6 ต.ค.64 เวลา 10.30 น.พลเรือโท ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนายเรือ และกำลังพลจิตอาสาโรงเรียนนายเรือ ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในกิจกรรมจิตอาสาป้องกันน้ำท่วม โดยมีพลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ และกำลังพลจิตอาสากองทัพเรือ ตลอดจนจิตอาสาจังหวัดสมุทรปราการ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ณ วัดบางโฉลงนอก อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

ในการนี้โรงเรียนนายเรือ ได้จัดกำลังพลจิตอาสาจำนวน 30 นาย  พร้อมด้วยรถดับเพลิงเข้าร่วมกิจกรรม โดยได้ร่วมกันทำความสะอาดพื้นที่บริเวณภายในวัดบางโฉลงนอก และเก็บขยะ ผักตบชวาในคลองสำโรง เพื่อไม่ให้เข้าไปกีดขวางการทำงาน งของเรือผลักดันน้ำ ของหน่วยเฉพาะกิจเรือผลักดันน้ำกองทัพเรือ

 

สมุทรปราการ - กองทัพเรือ ลำเลียงเรือผลักดันน้ำลงจุดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ เสริมกำลังเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 เวลา 10.00 น. พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ในการเดินทางมาตรวจเยี่ยมการติดตั้งเรือผลักดันน้ำ ของกองทัพเรือ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ บริเวณคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 

กองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ สั่งการให้กรมอู่ทหารเรือ จัดชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า สนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ พร้อมกำลังพล อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำคลองลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ  จากแนวโน้มสถาการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีปริมาณจากน้ำเหนือที่ไหลมาสูงขึ้น กอรปกับผลกระทบจากพายุที่จะเข้ามา กรุงเทพฯ ได้ร้องขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำ จากกองทัพเรือ เพื่อเร่งระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่อ่าวไทยนั้น ฝ่ายกิจการพลเรือน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพเรือ กรมอู่ทหารเรือ และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมพิจารณาแล้ว กำหนดจุดวางเรือผลักดันน้ำ ที่จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเร่งระบายน้ำสูงสุด คือบริเวณคลองลัดโพธิ์ จะสามารถระบายน้ำได้ 100,000 ลบ.ม./เครื่อง/วัน  ซึ่งถ้าเดินเครื่องเต็มที่ในช่วงน้ำลงจะสามารถเร่งระบายน้ำได้ 1,200,000 ลบ.ม./วัน

โดยในช่วงเช้า เวลา 10.00 น. พลเรือตรี สุทธิศักดิ์ บุตรนาค รองผู้อำนวยการอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ ในฐานะ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำ อู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนลำเลียงเรือผลักดันน้ำ จำนวน 12 ลำ จากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า กรมอู่ทหารเรือ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ  มาปฏิบัติภารกิจผลักดันน้ำที่คลองลัดโพธิ์

คลองลัดโพธิ์ เป็นชื่อคลองเดิม บริเวณตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เดิมมีลักษณะตื้นเขิน ต่อมาได้จัดสร้างเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ เป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักการ "เบี่ยงน้ำ" ภายใต้การดูแลของหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงานคือ กรมชลประทานกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีหลักการคือ จากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาเดิมที่มีลักษณะไหลวนคดเคี้ยวบริเวณรอบพื้นที่บริเวณบางกะเจ้านั้นมีความยาวถึง 18 กิโลเมตร นั้นทำให้การระบายน้ำที่ท่วมพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานครเป็นไปได้ช้า ไม่ทันเวลาน้ำทะเลหนุน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงมีพระราชดำริให้พัฒนาใช้คลองลัดโพธิ์ ซึ่งเดิมมีความตื้นเขินมีความยาวราว 600 เมตร ให้ใช้ระบายน้ำที่หลากและน้ำที่ท่วมทางสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลทันทีในช่วงก่อนที่น้ำทะเลหนุน และปิดคลองลัดโพธิ์เมื่อน้ำทะเลหนุน เพื่อหน่วงน้ำทะเลไม่ให้ขึ้นลัดเลาะไปตามแนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่คดโค้งถึง 18 กิโลเมตรก่อนซึ่งใช้เวลามากจนถึงเวลาน้ำลง ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้

คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีกระแสพระราชดำรัสถึง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ว่าเป็นสถานที่ตัวอย่างของการบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องการความรู้เรื่องเกี่ยวกับเวลาน้ำขึ้นน้ำลง หากบริหารจัดการให้ถูกต้องจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และทรงเปิดสะพานภูมิพล 1 ภูมิพล 2 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สระบุรี - รับฟังการชี้แจงโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพ แก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ ในปีงบประมาณ 2565

ที่ห้องประชุมป่าสัก ศาลากลางจังหวัดสระบุรี นายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี พร้อมส่วนราชการที่เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ 2565 ร่วมประชุมรับฟังการชี้แจง ผ่านระบบวิดีทัศน์ทางไกล (Video Conference) ที่มี นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานจากห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมกันกับคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการฯ จากทุกจังหวัดทั่วประเทศ

การประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับในระดับจังหวัดในครั้งนี้ เป็นการชี้แจงการดำเนินโครงการในระดับจังหวัดในปีงบประมาณ 2565 รวมทั้งสรุปผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา

โดยโครงการดังกล่าวเป็นการมุ่งเพิ่มทักษะด้านอาชีพให้กับเด็กนักเรียนครอบครัวยากจนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3) เนื่องจากฐานข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา ในแต่ละปีจะมีเด็กนักเรียนกลุ่มนี้ ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับนับแสนคนทั่วประเทศ โดยนักเรียนเหล่านี้ได้เข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะ “แรงงานไร้ฝีมือ” เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นหากมีการบูรณาการช่วยเหลือเพิ่มทักษะด้านอาชีพให้แก่นักเรียนกลุ่มดังกล่าวหลังจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว จะช่วยให้นักเรียนกลุ่มดังกล่าวเข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะ “แรงงานมีฝีมือ” อันจะทำให้มีรายได้ ค่าจ้างที่สูงขึ้น สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

 

อยุธยา - PEA ร่วมส่งกำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชน ที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นางสาวนุชนาถ ประทีปธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา นายบดินทร์ เกษมศานติ์ นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา นายสุวัฒน์ สรรพโกศลกุล รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมคณะ ที่ได้เดินทางมาให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลวาสุกรี บริเวณวัดศาลาปูนวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้จัดกิจกรรม PEA ขอร่วมส่งกำลังใจให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย จากพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” โดยมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 600 ครัวเรือน ที่ผ่านมา PEA  ได้ส่งพนักงานลงพื้นที่ยกระดับมิเตอร์ไฟฟ้าให้พ้นน้ำท่วม แก้ไขระบบไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย จำนวนกว่า 8,000 เครื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งแนะนำประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดให้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

 

ปทุมธานี - น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2564

ณ อาคารศาลารักษ์ปทุม ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายสักการะ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2564 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

โดยมี นายปรีชา พรหมเพชร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดปทุมธานี นางจินจณา โอสถธนากร นายกเหล่ากาชาด จ.ปทุมธานี นายจรูญศักดิ์ สิงหเดช รองผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี นายพงศธร กาญจนะจิตรา รอง ผู้ว่าฯ จ.ปทุมธานี นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นอภ.เมืองปทุมธานี นางสาวธนียา นัยพินิจ หน.สนง.จ.ปทุมธานีและ หน.ส่วนราชการ ร่วมพิธีฯ

 

พิจิตร - “สส.ภูดิท อินสุวรรณ์” พลังประชารัฐ พิจิตร เขต 2 ลงพื้นที่เข้ามอบถุงปันน้ำใจให้กับพี่น้องที่ประสบภัยทั้ง 5 ตำบลของอำเภอดงเจริญ

สืบเนื่องจากสส.ภูดิทฯได้ลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย จากภัยน้ำท่วมใหญ่ในเขตพื้นที่อำเภอดงเจริญที่ผ่านมา รวมทั้งจังหวัดพิจิตรได้ประกาศให้อำเภอดงเจริญเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยภุกเฉิน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น สส.ภูดิท อินสุวรรณ์ พร้อมทีมงานได้ เข้าช่วยเหลือมอบถุงปันน้ำใจ จำนวน 1,575 ชุด เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือจากพล.ต.ต.กำธร จันที ผบก.ภ.จว พิจิตรมอบหมายให้พ.ต.อ.ฐิติภัทร อินทรรักษ์ ผกก.สภ.ทับคล้อและพ.ต.อ.นิเวศน์ เพชรดี ผกก.สภ.ดงเจริญ สนับสนุนการขนส่ง ร่วมกับ สมาคมกู้ภัยสรรเพชญ ในการเข้าช่วยเหลือมอบถุงปันน้ำใจ ตามจุดต่าง ๆ ทั้ง 5 ตำบลของอำเภอดงเจริญ ดังนี้

จุดที่ 1 ตำบลวังงิ้ว                 442 ชุด

จุดที่ 2 ตำบลวังงิ้วใต้             314 ชุด

จุดที่ 3 ตำบลห้วยพุก             304 ชุด

จุดที่ 4 ตำบลห้วยร่วม            330 ชุด

จุดที่ 5 ตำบลสำนักขุนเณร     185 ชุด

 

กรุงเทพฯ - “นิพนธ์” ร่วมวางพวงมาลาเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต รัชกาลที่ 9 พร้อมร่วมทอดผ้าป่าทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม 2564 ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2564 โดยมี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย  พร้อมด้วย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เข้าร่วมพิธี

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ร่วมพิธีถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรแล้ว วางพวงมาลาหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จากนั้น ร่วมยืนสงบนิ่ง เป็นเวลา 89 วินาที เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า

 

สระบุรี - ‘รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง’ ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์อุทกภัย และมอบถุงยังชีพในพื้นที่จังหวัดสระบุรี

วันที่ 14 ตุลาคม 2564 ที่วัดสมุหประดิษฐาราม ตำบลสวนดอกไม้ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยและนำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค มามอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในเขตอำเภอเสาไห้ และอำเภอบ้านหมอ โดยมีนายพลวรรธณ์ เทียนชัยมงคล ปลัดจังหวัดสระบุรี พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนชาวจังหวัดสระบุรี ต้อนรับ

สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ในห้วงที่ผ่านมาประเทศไทย มีฝนตกชุกหนาแน่น จากเหตุการณ์ พายุดีเปรสชั่น "เตี้ยนหมู่" เมื่อวันที่ 25 - 26 กันยายน2564 ทำให้เกิดฝนตกหนักน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ประกอบกับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ สูงสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำลันตลิ่งท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ และมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 13 อำเภอ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 52ตำบล 263 หมู่บ้าน 15 ชุมชน 8,027ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตร ได้รับความเสียหายจำนวน 39,003ไร่ และด้านประมง จำนวน 422 ไร่ 67 ตารางวา ซึ่งอยู่ในช่วงการช่วยเหลือเยียวยา

 

ปทุมธานี - “บิ๊กแจ๊ส” นายก อบจ.ปทุมฯ ลงสั่งการรถดับเพลิง เข้าช่วยดับเพลิงไฟไหม้ ร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับวอดทั้งหลัง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 เวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนบริเวณริมถนนปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว (ติดกับการประปาส่วนภูมิภาคสาขาปทุมธานี) ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จึงประสานรถดับเพลิงจาก ทม.ปทุมธานีและ อบจ.ปทุมธานี จำนวน 2 คัน ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในที่เกิดเหตุ พบว่าเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บ้านเลขที่ 1 ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง ซึ่งปลูกอยู่หลังร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับ โดยเปลวเพลิงได้ไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีลมแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิง จึงได้พยายามเร่งระดมฉีดน้ำโดยมี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ พล.ต.ต.พงษ์สวัสดิ์ หาญสวัสดิ์ นายก ทม.ปทุมธานีเดินทางมาสั่งการในการดับเพลิงด้วยตัวเอง ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็สามารถดับไฟได้ทั้งหมดแต่บ้านก็ถูกไฟไหม้เสียหายหมดทั้งหลัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสอบถามนายวิรัตน์ ลายลักษณ์ อายุ 64 ปี เจ้าของบ้าน อดีต จนท.เวรเปล รพ.ปทุมธานี ซึ่งมีโรคประจำตัวและนั่งเหม่อมองไฟไหม้บ้านตัวเองจนวอดหมดทั้งหลังต่อหน้าต่อตา

โดยมีญาติ ๆ และเพื่อนบ้านต่างมาคอยปลอบให้กำลังใจไม่ให้คิดมาก โดยกล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวตนจะอยู่กับภรรยา อายุ 62 ปี และหลานสาว แต่ช่วงก่อนเกิดเหตุทุกคนมานั่งขายต้นไม้ ดอกไม้ประดับที่หน้าร้าน ส่วนตนกำลังเก็บกวาดหน้าร้าน จู่ ๆ ก็เห็นว่ามีเปลวไฟลุกไหม้มาจากทางหลังบ้านและช่วงเวลานั้นมีลมแรงทำให้ไฟลุกลามมาทางหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนไม่สามารถเข้าไปขนข้าวของและทรัพย์ออกมาได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แม้จะมีรถดับเพลิงจากทั้ง 2 หน่วยงานมาช่วยดับอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่ทัน สำหรับทรัพย์ที่ไหม้ไปกับกองเพลิงนอกจากจะเป็นข้าวของเครื่องใช้แล้ว ยังมีเงินสดร่วม 5 หมื่นและทองรูปพรรณอีกจำนวนหนึ่ง ตอนนี้ทุกคนก็เหลือแต่เพียงเสือผ้าที่สวมใส่ในวันนี้เท่านั้น

 

กรุงเทพฯ - โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณี กองทัพเรือ “ปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ รื้อต้นไผ่ภายในกองทัพเรือ”

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีสื่อมวลชนและสำนักข่าวหลายสำนัก นำเสนอข่าว กองทัพเรือ ปรับภูมิทัศน์ ในพื้นที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิมและวังนันทอุทยานโดยระบุว่า ผู้บัญชาการทหารเรือท่านปัจจุบัน ได้สั่งให้มีการรื้อต้นไผ่ซึ่งปลูกในสมัย พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์  ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะมีความขัดแย้งกับ พลเรือเอก ลือชัย ฯ นั้น โฆษกกองทัพเรือ

ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เนื่องจากภายในเขตพระราชวังเดิม นอกจากจะเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานของกองทัพเรือแล้ว ยังมีโบราณสถานที่สำคัญที่กองทัพเรือดูแลรักษา ตกแต่งภูมิทัศน์ให้มีความงดงามอยู่เสมอ แต่เนื่องจากต้นไผ่ ซึ่งปลูกมาเป็นเวลากว่า 3 ปี จึงเจริญเติบโตสูงขึ้นและบดบังอาคารสำนักงาน รวมถึงบดบังทัศนียภาพโบราณสถานที่สวยงามอีกด้วย

จึงจำเป็นต้องถอนหรือตัดออกบางส่วนเพื่อความสวยงาม ส่วนในพื้นที่ กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน ก็พบว่าต้นไผ่ขึ้นสูงจนบดบังอาคารเช่นเดียวกัน  รวมถึงบดบังเส้นทางจราจรในพื้นที่ดังกล่าวด้วย จึงให้มีการตัดถอนออกบางส่วนเพื่อปรับภูมิทัศน์ ด้วยเช่นกัน โดยต้นไผ่ที่ถอนออกมานั้น จะได้นำไปปลูกที่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ศาลายาต่อไป โดยผู้บัญชาการทหารเรือ มิได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ดำเนินการรื้อต้นไผ่ตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด

 

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top