Friday, 23 May 2025
แก๊งคอลเซ็นเตอร์

‘อิ๊งค์’ ออกรายการ สรุปผลการเยือนจีน ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมส่งข้อมูลแลนด์บริดจ์เพิ่มเติมให้ เผย!! เจอกันอีกเทปต้นเดือน มี.ค.

(16 ก.พ. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ตอนพิเศษ การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในช่วงการเยือนยังได้พบผู้นำจีนทั้ง 3 ระดับ คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง  ซึ่งเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เพราะการได้พบผู้นำประเทศจีนทั้ง 3 ระดับในการเยือน 1 ครั้ง ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย โดยได้หารือถึงการส่งมอบหมีแพนด้ายักษ์ 2 ตัว มาไทย ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่ ไทยเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น

นอกจากนี้ จีนตื่นเต้นกับเรา คือ ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน มีการสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ 72 พรรษา ในหลวง ตนเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาชมความสวยงามของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.ที่มีเทศกาลสงกรานต์โดยนายกฯได้เน้นย้ำความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจท่องเที่ยวจะดูแลพี่น้องนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างดี และได้เล่าเรื่องพระเขี้ยวแก้วให้กับสื่อมวลชนจีนรับทราบ ต่างฝ่ายชื่นชมซึ่งกันและกัน รวมถึงแผนงานความสัมพันธ์ระหว่างกันในอีก 50 ปีต่อจากนี้ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี และช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้ นี่คือธีมที่ 2 ประเทศได้คุยกัน

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์นั้นทั้ง 2 ประเทศได้พูดคุยอย่างจริงจัง ซึ่งประธานาธิบดีจีนชื่นชมไทยที่มีการจัดการเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และจะตั้งทีมทํางาน 2 ทีม เพื่อช่วยกันในเรื่องนี้  โดยจีนประสงค์จะช่วยมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ได้ขอแค่การตั้ง 2 ทีม ที่จะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วยกํากับดูแลในการพูดคุยของทั้ง 2 ทีม ให้พูดคุยแล้วสามารถหาข้อสรุปได้ทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์ 

นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือด้าน “ซอฟต์พาวเวอร์” ระหว่างกัน เช่น มวยไทย ร้านอาหารไทย ว่าจะทำอะไรกับจีนได้บ้าง โดยจะมี working team มาติดต่อกันอีกครั้ง ส่วน สินค้าเกษตรของไทยนั้น จะให้จีนกับไทยร่วมกันกําหนดมาตรฐาน เพื่อให้มีมาตรฐานเท่ากัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะรับไปดำเนินการต่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการเสียต้นทุนน้อยที่สุด มีกำไรมากขึ้น เกิดความสะดวกเพิ่ม เป็นการเปิดช่องทางสินค้าเกษตรไทย ซึ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้กล่าวว่า ชอบทุเรียนหมอนทอง และมะม่วง พอได้ยินอย่างนั้น ก็ดีใจ

น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวถึงรถไฟความเร็วสูง และ โครงการแลนด์บริดจ์  รถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 และ 2 ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง หากเสร็จแล้วทั้งจีน ลาว ไทย จะสามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถส่งทุเรียนหมอนทองไปมอบให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ เป็นการลดต้นทุน เพิ่มโอกาส SME และเกษตรกรไทย และยังเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และขอให้ไทยเร่งดำเนินการ ซึ่งได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดเรื่องนี้แล้ว

จีนยังให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์มากเช่นกัน และต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น หากโครงการเกิดขึ้น จะมีการเชื่อมกันและจีนได้ขอข้อมูลผลการศึกษาโครงการเนื่องจากจีนเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมอบหมายให้ทีมที่ทำการศึกษาโครงการดังกล่าว ส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ รวมทั้งการเชิญชวนมาลงทุนด้วย

การมีแลนด์บริดจ์จะช่วยลดเวลาการส่งออกได้ 4 วัน สามารถประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ 15 %  ช่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้ต้นทุนถูกลง ผู้บริโภคก็ซื้อของในราคาที่ถูกลงด้วย ได้ผลดีทั้งระบบ โดยจะดำเนินการควบคู่กับเรื่อง Green Energy ประหยัดพลังงานด้วย นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นฮับโลจิสติกส์  สร้างโอกาสการจ้างงาน และการซื้อขายสินค้า

นายกฯ ยังกล่าวถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนว่า ได้เชิญชวน บริษัท Xiaomi ให้มาสร้างโรงงานผลิตรถ EV ที่ประเทศไทย เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงานในประเทศ ซึ่งไทยได้พูดคุยกับประเทศในอาเซียน และมีบทบาทในเวทีอาเซียน ก็จะเป็นอีกข้อเสนอสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศ

ทั้งนี้ ได้มีการเซ็น MOU 14 ฉบับ ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อจีนให้ความสนใจ และได้ประโยชน์ อาทิ ข้อมูลออนไลน์ต่าง ๆ ที่จะแชร์ร่วมกันระหว่างไทยกับจีน สแกมเมอร์ ข้อมูลการพัฒนาต่าง ๆ เช่น เครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งจะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนการพบภาคเอกชนและสื่อมวลชนจีน เป็นการพบกับและพูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์ อย่าง POP MART Xiao Hong Shu Meitu Dianping เรื่องการนำร้านอาหารไทย ขึ้นบนแพลตฟอร์มจีน โดยได้แนะนำ แอปฯ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ตำรวจไทยจัดทำขึ้น เพราะต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อให้นำไปไว้บนแพลตฟอร์มจีน และขอขอบคุณที่มาช่วยกันสื่อสารให้กับประชาชนจีนทราบ

นายกฯ ยังกล่าวถึงการร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ได้พบนักกีฬาไทย รู้สึกดีใจมาก ได้ร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน Ice Hockey ชายทีมชาติไทย และคิดว่าน่าจะนำกองเชียร์ไทยไปร่วมเชียร์ พร้อมให้กำลังใจนักกีฬาที่ร่วมแข่งขันและรู้สึกประทับใจนิทรรศการน้ำแข็งที่มีสวยงามมาก รวมถึงพิธีเปิดการแข่งขัน อีกทั้ง ได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของ นายปอล ฮองรี วิเยอร์ต๊องส์ นักกีฬาเอเชียนวินเทอร์เกมส์ ที่คว้าเหรียญทองแดงแรกจากกีฬา Freestyle skiing

ในช่วงท้ายรายการ นายกฯ ได้สรุปผลการเยือนจีนว่า เรื่องแรก ความมั่นคง ได้ความร่วมมือการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องลดลงและเห็นผลอย่างรวดเร็ว  เรื่องที่สอง คือ การค้า Landbridge การตรวจสอบคุณภาพ (QC) สินค้าที่จะส่งออก จะสามารถส่งออกสินค้าได้เร็วขึ้น ไม่เสียต้นทุนมาก โดยเฉพาะ Landbridge เมื่อเกิดขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจ้างเพิ่ม สินค้าเกษตรที่ล้นตลาดก็จะไม่ล้น และสาม คือ ความสัมพันธ์ระดับประชาชน-ประชาชน (People to people) เชื่อมสัมพันธ์ของไทย-จีน ที่มีต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งต่างเห็นพ้องว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ให้ยาวนานต่อไป

นายกฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า อย่าลืมติดตามอีกเทปประมาณช่วงต้นเดือน มี.ค.68

ลุยปราบแก๊งคอลไม่ยั้ง จับมือจีนสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

แถลงการณ์จากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา ระบุว่าจีนและเมียนมาได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับการยกระดับการบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างจีนและเมียนมา และร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและออนไลน์ และการค้ามนุษย์

เมื่อวันศุกร์ (14 ก.พ. 68) หม่าเจีย เอกอัครราชทูตจีนประจำเมียนมา และหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน ร่วมหารือกับอู ตาน ส่วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา และพลโท ทุน ทุน หน่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของเมียนมา ซึ่งฝ่ายเมียนมาเผยว่าให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปราบปรามอาชญากรรมผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

ฝ่ายเมียนมานำเสนอมาตรการที่รัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการในอนาคตอันใกล้เพื่อปราบการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม โดยจะเสริมสร้างการประสานงานกับจีนและประเทศเพื่อนบ้านที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ตลอดจนสำรวจการจัดตั้งกลไกความร่วมมือประจำเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การพนันออนไลน์ และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม

ขณะที่ฝ่ายจีนมีมุมมองเชิงบวกต่อความมุ่งมั่นและความพยายามของเมียนมาในการปกป้องความปลอดภัยของพลเมืองจีน พร้อมชี้ว่าการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

จีนพร้อมดำเนินความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาและไทยผ่านการใช้มาตรการรอบด้าน รวมทั้งแก้ไขปัญหาและสาเหตุที่แท้จริง เพื่อร่วมกันยับยั้งอาชญากรรมในประเทศที่เกี่ยวข้อง กำจัดเนื้อร้ายของการพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค

เปิดประวัติ หลิวจงอี้ ตำรวจระดับพระกาฬ มือปราบแห่งชาติจีน กับภารกิจล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(18 ก.พ.68) หลิว จงอี้ ชื่อนี้กลายเป็นที่คุ้นหูของสื่อไทยและชาวไทยไปโดยปริยาย จากบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปราบปรามการฉ้อโกงออนไลน์ รวมถึงการมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ซิงซิง เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกหลอกล่อไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสามารถนำตัวเธอกลับมาได้สำเร็จ

ภารกิจของหลิวไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคง อาทิ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างจีนและไทย ในการปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปักหลักในพื้นที่เมืองเมียวดี จนนำไปสู่การพบปะกับนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งท้ายที่สุดได้มีมาตรการตัดกระแสไฟฟ้าไปยังเมืองที่เป็นศูนย์กลางของเครือข่ายมิจฉาชีพบริเวณชายแดน

ล่าสุด หลิวเดินทางไปยังเมืองเมียวดี เพื่อติดตามปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ตามบัญชีดำของจีน รวมถึงเข้าเยี่ยมชาวต่างชาติที่ได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลัง BGF (Border Guard Force) ออกจากเขตสแกมเมอร์ในชเวโก๊กโก่ ซึ่งกลุ่มผู้รอดพ้นจากขบวนการฉ้อโกงเหล่านี้กำลังได้รับการดูแลที่ศูนย์พักคอยของ BGF นอกจากนี้ เขายังได้พบปะและเจรจากับผู้นำกลุ่มต่างๆ ในเมียนมา เพื่อเสริมสร้างแนวทางความร่วมมือด้านความมั่นคง

เส้นทางอาชีพของหลิว จงอี้ ไม่ธรรมดา เขาเป็นหนึ่งในตำรวจที่มีชื่อเสียงด้านการคลี่คลายคดีซับซ้อนที่หลายคนไม่สามารถแก้ไขได้ ด้วยผลงานที่โดดเด่น เขาได้รับรางวัล 'ตัวอย่างด้านความมั่นคงสาธารณะ' ระดับประเทศในปี 2560 ขณะดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนคดีอาญา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ

ตามข้อมูลจาก Baidu ระบุว่า หลิวเกิดเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2508 และสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยตำรวจมณฑลเฮยหลงเจียงในระดับปริญญาตรี ปัจจุบัน นอกจากจะเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี เขายังดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพรรคและผู้อำนวยการกองบัญชาการที่ 5 ของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ

ชื่อของหลิวจงอี้ ปรากฏอยู่ในสื่อจีนว่าเป็นนักสืบระดับชาติที่รับมือกับคดีสำคัญที่ 'ร้ายแรง' และ 'ซับซ้อน' มาแล้วนับพันคดี เขาลงพื้นที่สืบสวนอาชญากรรมมากกว่า 200 วันต่อปี และมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายคดีใหญ่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมจีน

หนึ่งในภารกิจที่สำคัญของเขาคือการรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมที่ยังไม่สามารถปิดคดีได้ถึง 9 คดี ซึ่งเกิดขึ้นตลอดช่วงหลายทศวรรษหลังการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน โดยหนึ่งในคดีที่สะเทือนขวัญที่สุดคือคดีข่มขืนและฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองไป๋หยิน มณฑลกานซู่ ซึ่งกินเวลานานเกือบ 30 ปี ก่อนจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด

อีกตัวอย่างของฝีมือการสืบสวนของหลิว คือคดีฆาตกรรมเด็กชายสองคนในเมืองเหอหยวน มณฑลกวางตุ้ง เมื่อปี 2558 หลังจากเกิดเหตุ หลิวเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุด้วยตนเองและพบว่าไม่มีหลักฐานสำคัญให้ติดตาม เขาจึงจัดตั้งทีมพิเศษเพื่อวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดและสืบสวนจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายในเวลาเพียง 5 วัน

หลิวจงอี้ เคยกล่าวว่า เขายึดมั่นในหลักการทำงานที่ว่าการสืบสวนอาชญากรรมต้องมีความรับผิดชอบ เนื่องจากอาชญากรรมหนึ่งครั้งอาจส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัวและความมั่นคงของสังคมโดยรวม "ไม่ว่าคดีนั้นจะยากและซับซ้อนแค่ไหน ผมก็พร้อมจะรับผิดชอบเสมอ และไม่เคยหลีกเลี่ยงการพูดความจริง" 

ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีในการทำงาน เขาไต่เต้าจากตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจในมณฑลเฮยหลงเจียง สู่ตำแหน่งกัปตันหน่วยสืบสวน และในที่สุดก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักสืบที่มีบทบาทสำคัญระดับประเทศ ไม่ว่าในช่วงที่เขาทำงานภาคสนามเป็นเวลา 26 ปี หรือช่วง 6 ปีในกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เขายังคงรักษามาตรฐานการทำงานที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพในการปราบปรามอาชญากรรมอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2562 หลิวนำทีมแถลงข่าวเกี่ยวกับปฏิบัติการช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวไปค้าประเวณีและแต่งงานปลอมกว่า 1,000 ราย โดยเป็นความร่วมมือระหว่างจีน เมียนมา กัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม ภายในการดำเนินงานเพียงหกเดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 1,332 ราย ซึ่งรวมถึงชาวต่างชาติ 262 ราย และช่วยเหลือเด็ก 17 ราย

หนึ่งในคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนจีน คือเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายผู้หญิงในร้านบาร์บีคิวที่เมืองถังซาน มณฑลเหอเป่ย ซึ่งเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลิวในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมขณะนั้น ได้เข้ามากำกับดูแลคดีโดยตรง และยืนยันต่อสาธารณชนว่าทางการจีนจะดำเนินคดีอย่างจริงจัง

ปราบพนันออนไลน์-คอลเซ็นเตอร์ไม่ยั้ง ทูตจีนแถลงขยายความร่วมมือยับยั้งอาชญากรรมข้ามชาติ

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (18 ก.พ.68) ระบุว่า เอกอัครราชทูตหาน จื้อเฉียง ได้หารือเชิงลึกกับฝ่ายไทยเกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามการพนันออนไลน์และอาชญากรรมฉ้อโกง แถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสถานทูตจีนระบุว่า

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย และมีการติดต่อประสานงานกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และหารือเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือในการปราบปรามการพนันออนไลน์และอาชญากรรมฉ้อโกงในเมืองเมียวดีและสถานที่อื่น ๆ รวมถึงการช่วยเหลือพลเมืองจีนที่ติดอยู่ที่เมียวดี

เอกอัครราชทูตหานระบุว่า การเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรเมื่อไม่กี่วันก่อน ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ผู้นำทั้งสองประเทศแสดงความมุ่งมั่นในการปราบปรามการฉ้อโกง การพนันออนไลน์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองประเทศดำเนินการอย่างรวดเร็วและบรรลุผลเบื้องต้น หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในขั้นต่อไป และทำงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อเสริมสร้างกลไกความร่วมมือ เร่งดำเนินการ และขจัดอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สินและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอย่างร้ายแรงให้หมดสิ้นไป

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขอบคุณฝ่ายจีนที่ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรอย่างอบอุ่น และกล่าวชื่นชมบทบาทสำคัญของการเยือนครั้งนี้ในการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-จีนในทุก ๆ มิติ เน้นย้ำว่าไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกง และได้ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพหลายประการ และยินดีที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับจีนต่อไปบนพื้นฐานของความร่วมมือที่ดีที่มีอยู่ และร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสำหรับประชาชนของทุกประเทศในภูมิภาค”

ไต่สวนแก๊งสแกมเมอร์เมียนมา เสียหายหมื่นล้าน พบเหยื่อดับ 14 ราย เร่งล่าผู้ก่อเหตุอีกนับพัน

(20 ก.พ. 68) ศาลท้องถิ่นเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน ได้ดำเนินการพิจารณาคดีความกับจำเลยทั้งหมด 23 ราย ซึ่งเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มฉ้อโกงทางโทรคมนาคมขนาดใหญ่หลายกลุ่มในภาคเหนือของเมียนมา ระหว่างวันที่ 14-19 ก.พ. โดยมีการพิจารณาหลายข้อหา รวมถึงอาชญากรรมที่ทำให้พลเมืองจีนเสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย

จำเลยส่วนหนึ่ง ได้แก่ เมียง มยิ่น ชอน พยิ่น และมะ ทิริ เมียง หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่นำโดยครอบครัวของพวกเขา รวมถึงสมาชิกหลักของแก๊งและสมาชิกแก๊งอื่นๆ ที่เป็น “ผู้สนับสนุน” การก่ออาชญากรรม โดยพวกเขาถูกตั้งข้อหาทางอาญา 11 กระทง เช่น ฉ้อโกง เจตนาฆ่า เจตนาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างผิดกฎหมาย เปิดกาสิโน ค้ายาเสพติดและประเวณี

คณะอัยการกล่าวว่าจำเลยเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของครอบครัวในพื้นที่ตอนเหนือของเมียนมา จัดตั้งแหล่งซ่องสุมแก๊งอาชญากรรมหลายแก๊ง ให้การคุ้มกันด้วยอาวุธแก่ปฏิบัติการของ “ผู้สนับสนุน” และสมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น แผนการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่มีเป้าหมายเป็นประชาชนในจีน

คำฟ้องร้องระบุว่าอาชญากรรมการพนันและการฉ้อโกงเกี่ยวพันกับเงินทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 5 หมื่นล้านบาท) และส่งผลให้พลเมืองจีนเสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 6 ราย

เหตุการณ์ที่เป็นกรณีสำคัญเกิดขึ้นวันที่ 20 ต.ค. 2023 แก๊งอาชญากรรมร่วมมือกับ “ผู้สนับสนุน” จัดการคุ้มกันด้วยอาวุธระหว่างโยกย้ายคนที่ทำงานให้แก๊งของพวกเขาเพื่อหลีกหนีการปราบปราม โดยบางคนพยายามหลบหนีแต่ถูกทีมคุ้มกันยิงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย

คณะอัยการได้แสดงหลักฐานให้จำเลยแต่ละรายและทนายความของพวกเขาตรวจสอบระหว่างการพิจารณาคดีความ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้อธิบายโต้แย้งตามลำดับและจำเลยให้การครั้งสุดท้าย ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ ที่ปรึกษาทางการเมือง นักข่าว สมาชิกครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชนรวมมากกว่า 100 คน

อนึ่ง ศาลจะประกาศผลการพิจารณาคดีความครั้งนี้ใน

นอกจากการพิจารณาคดีความครั้งนี้ มีการสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวพันกับกลุ่มอาชญากรรมอีกหลายพันราย เนื่องจากพวกเขามีความเชื่อมโยงกับคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมมากกว่า 10,000 คดี โดยการจัดการคดีความเหล่านี้สะท้อนความมุ่งมั่นของจีนในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ตามกฎหมายของชาติและพลเมือง

แหล่งข่าวอัยการระบุว่าอาชญากรรมบางส่วนเกิดขึ้นภายในพรมแดนจีน มุ่งเป้าที่พลเมืองจีนเป็นพิเศษ และสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ร่วมของประชาคมระหว่างประเทศ ทำให้จีนมีอำนาจการพิจารณาคดีความภายใต้กฎหมายอาญาและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

เปิดแผน 'นกนางนวล' ภารกิจปราบ 'จีนเทา' เฟสแรกจับแก๊งคอลฯ เฟสสองมุ่งพนันออนไลน์

(21 ก.พ.68) การเข้ามามีบทบาทของหลิวจงอี้ในประเทศไทยทำให้หลายฝ่ายจับตาถึงภารกิจของเขาที่เดินทางเข้า-ออกไทยหลายรอบเพื่อเดินหน้าภารกิจในการปราบปรามจีนเทาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการ 'ปฏิบัติการนกนางนวล' (海鸥行动) ซึ่งชื่อปฏิบัติการนี้ได้รับการเปิดเผยในสื่อจีนเมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา

จากรายงานข่าวของเว็บไซต์ Caixin และสำนักข่าว Xinhua พบว่ามีการกล่าวถึงปฏิบัติการนกนางนวล เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีจีนเป็นผู้นำการปฏิบัติการนี้

ปฏิบัติการนกนางนวลครั้งแรกช่วงปี 2024 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งมีการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือบังคับใช้กฎหมายแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ประเทศจีน โดยมีคณะผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน กระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงกลาโหมลาว กระทรวงมหาดไทยเมียนมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติและองค์การตำรวจอาเซียนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย

จากรายงานข่าวระบุว่า 'ปฏิบัติการนกนางนวล (海鸥行动) ระยะที่ 1' จะเป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยมีจีนเป็นผู้นำการปฏิบัติการนี้ที่เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงธันวาคม 2024 มีเป้าหมายหลักในการปราบปรามอาชญากรรมทางโทรคมนาคมและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การลักลอบขนอาวุธปืนและกระสุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนความร่วมมือระยะห้าปีระหว่างประเทศในแม่น้ำล้านช้าง-แม่โขง (2023-2027)

ผลการดำเนินงานในระยะแรกของปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้มากกว่า 70,000 คน และช่วยเหลือเหยื่อจากคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมได้มากกว่า 160 ราย โดยทางจีนได้ส่งข้อมูลและความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในการสืบสวนคดีฉ้อโกงและยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องสงสัยหลายพันหมายเลข

จีนให้ความสำคัญกับการปราบปรามการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์และการพนันออนไลน์ที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความปลอดภัยและชีวิตของพลเมืองของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา กรณีการฉ้อโกงนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาคและเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค

ในอนาคต ปฏิบัติการนกนางนวลระยะที่ 2 จะเริ่มขึ้นในปี 2025 โดยมุ่งเป้าไปที่การปราบปรามอาชญากรรมทางโทรคมนาคมและการพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากอาชญากรรมเหล่านี้ โดยจะมีการร่วมมือกันระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินในระดับนานาชาติ

หลิวจงอี้เดินทางไปยังพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาบ่อยครั้ง โดยในฝั่งเมียนมาไม่เพียงเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งธุรกิจของคาสิโนพนันออนไลน์ด้วย สะท้อนว่าจีนอาจเตรียมเปิดปฏิบัติการ 'นกนางนวล' ระยะที่ 2 ในเร็วๆ นี้

‘โฆษก ก.ต่างประเทศจีน’ แถลง!! กรณีมีการส่งตัวชาวจีนจากประเทศ ‘เมียนมา’ เผย!! กำลังเดินหน้า ความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อปราบ ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

(22 ก.พ. 68) Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้โพสต์คลิป โดยมีใจความว่า ...

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน นายกัว เจียคุณ ได้กล่าวแถลง กรณี การส่งตัวชาวจีน จาก ‘เมียวดี’ ในประเทศ ‘เมียนมา’ ว่าประเทศจีน กำลังร่วมมือกับไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ผ่านความร่วมมือ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยใช้มาตรการที่ครอบคลุม เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและในระยะยาว เพื่อปิดกั้นช่องทาง ใช้ก่ออาชญากรรม ในประเทศที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันปราบปราม แก๊งฉ้อโกงและการพนันออนไลน์ ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในการติดต่อแลกเปลี่ยนกัน ระหว่างประเทศในภูมิภาค

จเรตำรวจแห่งชาติบินด่วนวางแผนร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา

ตามมาตรการเด็ดขาดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ที่ส่งไปยังเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์แตกกระจาย สามารถจับกุมกลุ่มคนร้าย และช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อซึ่งมีหลายเชื้อชาติ ได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติทั่วโลก รวมทั้งประเทศจีน เป็นอย่างมาก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งการให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) เพื่อประชุมวางแผนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา ในการปฏิบัติในครั้งนี้

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เปิดเผยว่า ในการประชุมวางแผนการปฏิบัติ ได้ข้อสรุปทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่

1. ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป โดยมีเป้าหมายเข้าไปกวาดล้าง ตรวจค้น จับกุม ในจุดต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของแก๊ง โดยทางตำรวจไทยขอนำตัวคนไทยกลับมาลงโทษตามกฎหมายที่ประเทศไทย

2. ร่วมกันช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ให้กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างรวดเร็ว 

3. จัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อความรวดเร็วในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ทางตำรวจกัมพูชาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการร่วมปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ซึ่งกลุ่มคนร้ายส่วนใหญ่เป็นคนจีน โดยมีคนไทยร่วมอยู่ด้วย และยังเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่ดี ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศในปีนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรีไทยจับมือนายกกัมพูชาเดินหน้ากวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 

(24 ก.พ. 68) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้รับมอบหมายจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รับผิดชอบในการปราบปราม กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้มอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศพดส.ตร.) ตามสั่งการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปประชุมร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชา เพื่อร่วมมือกันในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเป็นไปตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา ซึ่งในวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางตำรวจกัมพูชาได้มีการระดมกวาดล้าง ตรวจค้น จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวนหลายจุด ซึ่งข้อมูลขณะนี้พบว่ามีจำนวนทั้งหมด 215 คน ในจำนวนนี้มีคนไทย จำนวน 125 คน และชาวต่างชาติจำนวน 90 คน โดยยังมีการดำเนินการปราบปรามจับกุมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำนวนจุดที่กวาดล้าง จำนวนของผู้ที่ถูกจับกุม และผู้ที่รับการช่วยเหลือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการปฏิบัติ และขณะนี้ พ.ต.อ.ปิยวัฒน์ เกียรติก้อง ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานระหว่างตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะนำไปสู่การกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความต้องการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ได้มีการไปหลอกลวงไม่ใช่แต่คนไทยเพียงฝ่ายเดียว ยังมีการไปหลอกลวงคนทั่วโลก ซึ่งการค้นหาและการตรวจค้น จับกุม ยังมีปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจนกว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไป

‘ธนกร’ จี้ ตั้งศูนย์ปราบอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศ พร้อมจัดการเอาผิดขั้นเด็ดขาดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์

‘ธนกร’ หนุน รัฐบาลเอาจริงปราบต่อเนื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จี้ ตั้งศูนย์ปราบอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างปท. เร็วที่สุด ฝาก ฝ่ายมั่นคงซีลชายแดนเข้ม คัดแยก-ป้องกันเครือข่ายทะลักเข้าไทย

(26 ก.พ.68) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวภายหลังที่รัฐบาลร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมา กัมพูชา อินโดนีเซีย ที่สำคัญคือจีน ในการร่วมมือแก้ปัญหาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาแก้ปัญหานั้นได้ผลเป็นรูปธรรมชัดเจน ทำให้สถิติประชาชนถูกหลอกลวงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ตนขอสนับสนุนให้รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง เดินหน้าร่วมกับทุกประเทศ จัดการเอาผิดขั้นเด็ดขาดกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะคีย์แมนคนสำคัญที่อาจเป็นข้าราชการระดับสูง ตำรวจ ทหาร หรือส่วนท้องถิ่นก็ตาม ที่รู้เห็นเป็นใจอำนวยความสะดวกให้แก่พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายค้ามนุษย์ กลุ่มคนพวกนี้จะต้องได้รับโทษหนัก เพื่อไม่ให้กลับมาทำผิดอีก ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนคนไทย โดยที่ผ่านมาก็ทราบดีว่าเรื่องนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย รวมถึงกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างมาก

นอกจากนี้ขอฝากเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทั้งตำรวจทหารและฝ่ายความมั่นคง วางกำลังซีลสกัดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายสัญชาติที่ขณะนี้ถูกปล่อยลอยแพในเมียวดี ประเทศเมียนมากว่า 7,000 คน ไม่ให้ทะลักเข้ามาในประเทศไทยได้ จึงต้องมีการคัดกรองตรวจสอบประวัติให้ละเอียด ว่าใครเป็นเครือข่ายกลุ่มผู้กระทำความผิดและใครเป็นเหยื่อ เพื่อประสานความร่วมมือดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ระหว่างประเทศขึ้นโดยเร็วเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างกันและส่งตัวกลุ่มเครือข่ายทั้งหมดกลับไปยังประเทศต้นทาง

“เป็นเรื่องดีที่ทราบว่าวันศุกร์นี้นายกฯจะไปดูพื้นที่ด้วยตัวเอง ซึ่งบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องมีการจัดการปราบปรามอย่างจริงจังขั้นเด็ดขาด เพื่อไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้กลับมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศได้อีก และเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยให้ปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขอฝากทั้งตำรวจและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทยเร่งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ รู้เท่าทันกลลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อซ้ำอีก” นายธนกร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top