Tuesday, 20 May 2025
เอกนัฏ_พร้อมพันธุ์

‘เอกนัฏ’ ลุยกวาดล้าง!! โกดังโรงงานเถื่อน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พบ!! ครอบครองวัตถุอันตราย เตรียมขยายผลรวบเจ้าของโรงงาน

(9 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งชุดตรวจการณ์สุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และ กรมควบคุมมลพิษ ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ตรวจค้นพื้นที่ของบริษัท เอวาย แอลพี จำกัด อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา ประกอบธุรกิจให้เช่าโกดัง อาคารโรงงาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบโรงงาน ภายในโกดังจำนวน 9 โกดัง ไม่มีชื่อ ไม่มีใบอนุญาต ลักลอบประกอบกิจการ และครอบครองวัตถุอันตราย 

นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบโรงงานบริษัท ฟู่อี้ อีเล็คทรอนิคส์ แอนด์ พลาสติก รีไซเคิล จำกัด ในบริเวณใกล้เคียงอีก 2 โรงงาน พบขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนคำสั่งระงับการตั้งและประกอบกิจการโดยไม่รับอนุญาต

นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ กรอ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส.ได้อายัดเครื่องจักร และวัตถุดิบที่คาดว่าเป็นวัตถุอันตราย พร้อมดำเนินคดีกับชาวอินเดีย 1 ราย ที่เป็นผู้ดูแลโรงงาน และเจ้าของบริษัท เอวาย แอลพี จำกัด โดยจะมีการขยายผลดำเนินคดีไปยังเจ้าของโรงงานทั้งหมด

‘รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ’ ได้เน้นย้ำ กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยผ่านการขับเคลื่อนนโยบาย ‘สู้ เซฟ สร้าง’ สู้กับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมายทำร้ายประชาชนและสร้างมลพิษ โดยปรับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมทั้งระบบ เพื่อคืนสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชนและชุมชน หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีฯ ฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

‘เอกนัฏ’ สั่งปรับปรุง มอก. 2333 ย้ำ รถแก๊สต้องปลอดภัยกว่าเดิม เพิ่มวาล์วตัดแก๊สอัตโนมัติรถ NGV คาดเริ่มประกาศใช้ใน ก.พ. 68

(13 พ.ย. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี) ได้มีการยื่นหนังสือขอให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ทบทวนมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 เล่ม 1 และ 2-2550 (ระบบการใช้ก๊าซธรรมชาติอัดเป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์ เล่ม 1 ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย เล่ม 2 วิธีทดสอบ) เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) จึงได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 ให้ทันต่อสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สุขของประชาชนที่โดยสารรถที่ใช้ CNG (COMPRESSED NATURAL GAS) เป็นเชื้อเพลิง หรือเรียกกันว่ารถ NGV (NATURAL GAS VEHICLE)

ทาง สมอ. ได้ยกเลิกและปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.2333 เพื่อให้ กรมการขนส่งทางบก นำไปอ้างอิง บังคับใช้ตามกฎหมาย โดยอ้างอิง ISO 15501 ฉบับล่าสุด ซึ่งกำหนดให้รถติดตั้งระบบ CNG ต้องมีวาล์วเปิด-ปิดอัตโนมัติที่หัวถัง ทุกถังเท่านั้น โดยเตรียมนำเสนอคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) หรือ บอร์ด สมอ. เพื่อพิจารณาในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เมื่อมีมติเห็นชอบคาดว่าจะสามารถประกาศใช้งานมาตรฐานดังกล่าวได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568

“การแก้ไขมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เป็นการกำหนดแนวทางให้ผู้ผลิตต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ปลอดภัย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ และนับเป็นอีกก้าวในการสร้างอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของประชาชน ตามนโยบาย "การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส“ เลขาฯ พงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

‘เอกนัฏ’ เร่งช่วย ‘น้ำท่วมใต้’ สั่งด่วน!! กระทรวงอุตฯ รีบส่ง!! ‘ถุงยังชีพ’ ให้ชาวบ้าน พร้อมมาตรการช่วยเหลือ

(30 พ.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงการติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัดติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อม วัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร และประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งดูแลอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยด่วน รัฐมนตรีฯ พร้อมลงไปช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้ด้วยตัวเอง หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม จะดำเนินมาตรการ ‘อุตสาหกรรมรวมใจ ช่วยพี่น้องชาวไทย’ โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานกระจายความช่วยเหลือที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 11 จังหวัดสงขลา เพื่อจัดส่งถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคไปบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่มอบของอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสงขลาแล้ว ได้แก่ ตำบลพังลา ตำบลคลองแงะ ตำบลพะตง จังหวัดสงขลา เพื่อแบ่งปันน้ำใจช่วยผู้ประสบน้ำท่วมภาคใต้

“ขอร่วมส่งกำลังใจให้กับพี่น้องชาวใต้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ขอให้ทุกท่านผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้และกลับมาดำเนินชีวิตในรูปแบบปกติได้โดยเร็ว กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเดินเคียงข้างพี่น้องประชาชนให้ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้” นายเอกนัฏ กล่าวทิ้งท้าย

‘รมต.เอกนัฏ’ ส่ง ‘ทีมสุดซอย’ เก็บหลักฐานตึก สตง. ถล่ม ชี้!! หากพบวัสดุก่อสร้างด้อยมาตรฐาน จะเอาผิดให้ถึงที่สุด

(29 มี.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีการก่อสร้างอาคารที่ถล่ม เป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญกับทุกประเด็นที่อาจเป็นสาเหตุ ทั้งเรื่องการออกแบบวิศวกรรมการก่อสร้าง หรือการใช้เหล็กด้อยคุณภาพ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงที่กระทรวงอุตสาหกรรมไม่อาจปล่อยผ่านได้

ที่ผ่านมาชุดสุดซอยได้ตรวจค้นปิดดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายไปแล้ว 7 ราย มูลค่าของกลางประเมินอยู่ที่ 361 ล้าน มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจปีละเป็นพันล้าน ไม่นับอันตรายที่เกิดขึ้นจากความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

นายเอกนัฏ ระบุว่า เคสหนึ่ง ที่ตนไปปิดตั้งแต่ปีก่อน เป็นบริษัทต่างชาติ ทุนจดทะเบียนมหาศาล อิทธิพลเยอะ อายัดของกลาง เรียกผลิตภัณฑ์ตกคุณภาพคืนมาทั้งหมด และหยุดประกอบกิจการจนถึงวันนี้ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดไม่ให้มีการเปรียบเทียบปรับ มีตัวแทนจากสำนักงานอัยการ และสำนักงานตำรวจ มาร่วมกับทาง สมอ.

ส่วนตึก สตง. ที่ถล่ม ตนก็จะส่งทีมสุดซอยพร้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บหลักฐาน หากพบว่ามีการใช้เหล็กหรือวัตถุก่อสร้างด้อยคุณภาพก็จะดำเนินการจัดการให้ถึงที่สุดเหมือนอย่างที่ผ่านมาแน่นอน

‘เอกนัฏ’ นำทีม!! ร่วมหารือ ‘สหประชาชาติ’ ใช้กฎหมายเข้มข้น!! ยกระดับอุตสาหกรรม

เมื่อวันที่ (18 เม.ย. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมหารือจากคณะทำงานจากสหประชาชาติ(UN) ซึ่งนำโดยมิเกลล่า ฟิลแบรย์-สตอเร่ ผู้แทนเลขาธิการสหประชาชาติในประเทศไทย พาหัวหน้าคณะสหประชาชาติส่วนต่าง ๆ เข้าหารือ เช่น UNIDO สหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน

ในการหารือครั้งนี้ได้มีการหยิบยกหลากหลายประเด็นขึ้นมาหารือ เช่น ปัญหากากอุตสาหกรรม และการลักลอบทำธุรกิจสีเทา ที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น และสะสางระบบให้โปร่งใส รวมถึง การยกร่าง พรบ.กากอุตสาหกรรมฯ ฉบับแรกของประเทศไทยที่เรากำลังเสนอ ซึ่งจะเป็นคำตอบระยะยาวสำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมไทย

‘เอกนัฏ’ สั่งลุยล้างบาง 3 โรงงานรีไซเคิล นอมินี จ.ชลบุรี อายัดวัตถุอันตรายกว่า 550 ตัน พร้อมฟันโทษอาญาอ่วม

(15 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ “ทีมสุดซอย” พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ลงพื้นที่ บริษัท เจี๋ยเซ่ง พลาสติก จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 88/2 หมู่ที่ 5 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ประกอบกิจการผลิตเม็ดพลาสติก บด ย่อย พลาสติก ทำผลิตภัณฑ์จากพลาสติก อัดเศษโลหะ อัดกระดาษ ทำยางแผ่น และบริษัท ติงซิ่ง (ไทย-จีน) เมทัล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ประกอบกิจการ บด ล้าง ร่อน จำพวกเศษพลาสติก เศษโลหะ และติดตั้งเครื่องจักร โดยพบว่ามีการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต 

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโรงงานทั้งสองแห่งเป็นโรงงานของนายทุนจีนถือหุ้นร่วมกับคนไทย โดยพบว่าบริษัท เจี๋ยเซ่งฯ มีใบอนุญาตประกอบกิจการ แต่ประกอบกิจการไม่ถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาต และตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัย จำนวน 300 ตัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดอายัดไว้  รวมทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในการบดย่อยโลหะ ส่วนบริษัท ติงซิ่งฯ พบว่าเป็นโรงงานที่ไม่มีใบอนุญาต และพบการลักลอบประกอบกิจการ มีการครอบครองวัตถุอันตรายที่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ใช้แล้ว รวมกับเศษสิ่งของไม่สามารถระบุชนิดกว่า 250 ตัน และยังพบร่องรอยการนำเศษพลาสติกที่บดย่อยมาถมดินข้างบ่อน้ำภายในโรงงาน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารโลหะหนักในดินและแหล่งน้ำ อาจเป็นอันตรายกับชาวบ้านและชุมชนใกล้เคียงได้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี จึงแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสองบริษัท ใน 3 ข้อหาที่ สภ.เมืองชลบุรี ได้แก่ 1. ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ครอบครองวัตถุอันตราย โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากวัตถุอันตรายที่พบมีมากกว่า 250 ตัน  ซึ่ง 2 บริษัท มีน้ำหนักรวมกว่า 550 ตัน จึงส่งเรื่องให้ DSI เพื่อดำเนินคดีและขยายผลการลักลอบนำเข้าและเครือข่ายนอมินีต่อไป พร้อมเก็บตัวอย่างส่งไปยังศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออก กรอ. เพื่อทำการตรวจพิสูจน์หาส่วนประกอบและสิ่งปนเปื้อนต่อไป 

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่ออีกว่า “ทีมสุดซอย” ได้ลงพื้นที่ต่อไปยัง บริษัท ชัยเมธี จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 69 ม.6 ต.หนองหงษ์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี ประกอบกิจการคัดแยกสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นอันตราย และทำเม็ดพลาสติก พบว่ามีการลักลอบประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำกากตะกรันจากเตาหลอมโลหะ มาบดย่อยและร่อนแยกทองแดงจากกากตะกรัน เพื่อนำทองแดงที่ได้ไปจำหน่ายต่อ ส่วนกากที่เหลือส่งให้บริษัทอื่นไปบดย่อย โดยภายในพื้นที่โรงงานพบกองวัตถุดิบและสิ่งปฏิกูลจากวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว จึงได้เก็บตัวอย่างเพื่อทำการตรวจสอบ 

“รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ได้มีนโยบายให้เร่งรัดจัดการกับโรงงานรีไซเคิลเถื่อนที่ลักลอบประกอบกิจการอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการครอบครองวัตถุอันตรายที่เป็นโลหะหนัก สามารถปนเปื้อนในแหล่งน้ำและดิน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายกับประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังพบการเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายโรงงานที่มีความผิดและได้ดำเนินการเอาผิดไปแล้ว จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันติดตามและขยายผลไปยังบริษัทหรือโรงงานที่คาดว่าจะมีความเกี่ยวพันกัน เพื่อกวาดล้างเอาผิดถึงต้นตอต่อไป” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top