Tuesday, 20 May 2025
เลือกตั้ง

‘ปชป.’ ชู ‘เดลตา เวิกส์ ไทยแลนด์’ แก้ปัญหาน้ำท่วม ลั่น!! ขออาสากลับมาดูแล ปชช. - พลิกฟื้นกรุงเทพฯ

(22 มี.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคฯ ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร นำทีม กทม. ทั้งนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม., น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ กทม.พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรคฯ ร่วมกัน เปิดนโยบาย กทม. พร้อมชม ‘Policy Exhibition’ ที่ลานพระแม่ธรณี พรรคประชาธิปัตย์

โดยนายองอาจ กล่าวว่า นโยบายของกรุงเทพฯ เดินตามนโยบายสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน จากกระบวนการฟัง คิด ทำ และนำมาจัดทำเป็นนโยบาย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ของคน กทม. และเชื่อว่า ประชาชนจะเห็นความตั้งใจจริงของ ปชป.ที่จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อในเชิงโครงสร้าง กทม.ได้รับการแก้ไข พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ยืนยันว่าพรรค ปชป.มีความพร้อมทั้งบุคคลและนโยบาย ขอให้ช่วยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรค ปชป.โดยเลือกทั้งคนทั้งพรรคเพื่อนำนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติ และขอให้เชื่อมั่นว่าพรรค ปชป.พร้อมที่จะกลับมาเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ

ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวถึงนโยบายการสร้างคน ว่า 4 ปีที่ผ่านมาพรรค ปชป.ไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว และ 4 ปี ที่ผ่านมา กทม. ยังคงมีปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในภาวะรอจมน้ำทุกวัน มีความไม่เท่าเทียม รวมทั้งโอกาสเข้าถึงการศึกษา ขนส่งสาธารณะก็ยังมีปัญหา ดังนั้น ครั้งนี้พรรค ปชป.อาสาจะแก้ปัญหาให้กับประชาชน หมดเวลารอฟ้า รอฝน แต่หากจะรอใครสักคนขอให้รอคนของพรรค ปชป.และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5  ไม่ใช่ให้ภาครัฐพูดเองเออเอง และขอประกาศให้พื้นที่ 16 เขตชั้นในเป็นเขตมลพิษต่ำ ซึ่งในพื้นที่ชั้นในมีโรงเรียนมากกว่า 300 แห่ง และ โรงพยาบาลกว่า 40 โรงพยาบาล ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่อลุ่มอล่วย แต่ให้โบนัสกับผู้ที่ช่วยลดฝุ่นพิษ 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมี นโยบาย ‘เดลตา เวิกส์ ไทยแลนด์’ กรุงเทพฯ ต้องไม่จมน้ำ ที่จะมาแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำขัง น้ำหนุน โดยจะผลักดันให้มีการทำโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนครั้งแรกของกรุงเทพฯ บูรณาการระบบป้องกันน้ำท่วม โดยใช้ดาวเทียม ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้ช่วยแค่กรุงเทพฯ แต่จะช่วยในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดด้วย

นายสุชัชวีร์​กล่าวด้วยว่า โครงการเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ไม่มีค่าหน่วยกิต พร้อมเริ่มทำทันทีหากพรรค ปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยให้โอกาสนักเรียน นักศึกษา ได้ฝึกงานตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งจะสามารถผลิตนักศึกษาที่มีงานทำได้ 1 ล้านคนต่อปี เพื่อเงินค่าครองชีให้กับผู้กู้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จากเดือนละ 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และมีอินเตอร์เน็ตฟรี 1 แสนจุดทั่ว กทม. และอินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด จะเกิดขึ้นทันทีทั่วประเทศ

นายสุชัชวีร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ พรรค ปชป.สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ เมื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะให้รัฐบาลซื้อตั๋วรถไฟฟ้าล่วงหน้า และนำส่วนต่างจากการลดราคามาให้กับประชาชน รวมถึงนโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน และนโยบายที่จะให้ประชาชนตรวจสุขภาพฟรี  ดังนั้น ขอโอกาสให้พรรค ปชป.กลับบ้านมาดูแลลูกหลานชาว กทม. ขอให้ช่วยเลือกพรรค ปชป.ทั้งคน ทั้งพรรค ส.ส. 33 เขต

‘เสี่ยหนู’ มั่นใจ ‘ภท.’ มีความรับผิดชอบ ไม่ขายฝัน ทำได้จริง ลั่น!! หากได้เป็นนายกฯ พร้อมดูแลคุณภาพชีวิต ปชช.ทุกด้าน

(22 มี.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการทำงาน หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า การจะเป็นนายกฯ ได้ ต้องอาศัยหลายปัจจัย ชั่วโมงนี้ใกล้เลือกตั้ง ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจในตัวเรา และตัวพรรค ที่ผ่านมาน่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่า พรรคเราพูดแล้วทำ ไม่ขายฝัน ทำได้จริง ตรงนี้เชื่อว่าประชาชนมองเห็น แต่ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ ตนมองว่าเรื่องคุณภาพชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีความสุข

รัฐฯ ต้องดูแลคนไทย เราต้องช่วยอำนวยความสะดวกกับประชาชน เขาบอบช้ำจากวิกฤตเศรษฐกิจ เราต้องพักหนี้ให้เขา ให้เขามีโอกาสฟื้นตัว เมื่อเขาแก่ตัวลง เราต้องมีระบบคัดกรองสุขภาพ ดูแลช่วยเหลือ พอถึงช่วงวัยหนึ่ง ผู้สูงวัยอาจป่วยติดเตียง รัฐฯ ต้องไม่ทอดทิ้ง ให้เป็นภาระของลูกหลาน พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายกรมธรรม์ผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ ได้รับสิทธิ์เป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัคร และไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต ผู้สูงอายุสามารถกู้เงินมาดูแลตัวเองได้ เมื่อเสียชีวิต ทุกคนจะมีมรดกให้ลูกหลาน ทายาทและครอบครัว รายละ 1 แสนบาท ให้คนที่จากไปไม่ต้องกังวล

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน เราต้องทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น การที่ไทยตั้งอยู่ศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน นี่คือโอกาสที่ไทยต้องรักษาไว้ ในเวทีโลกต่างพูดกันว่าใน 20 ปีนี้ อาเซียนจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของโลก นี่คือสิ่งที่ไทยต้องได้ประโยชน์ด้วย เราต้องเร่งพัฒนาตัวเอง วางเป้าหมายให้ชัด แล้วไปให้ถึง จะเป็น ‘เมดิคัล ฮับ’ จะเป็นศูนย์กลางการลงทุน จะเป็นเป้าหมายการท่องเที่ยว เราต้องเอาจริง ตอนนี้ เราเป็นเซ็นเตอร์ด้านการขนส่งได้

พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายแลนด์บริดจ์ เชื่อมอ่าวไทยกับอันดามัน ด้วยทางถนน ทางรถไฟ ทางด่วน ทางท่อ ร่นเวลาการขนส่งจาก 7 วันเหลือเพียง 1 วัน เป็นโครงการที่จะช่วยให้ไทยมีศักยภาพ ในการเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมของภูมิภาค

“การเป็นผู้นำไทย ต้องคิดถึงประชาชน ต้องกล้าคิด กล้าตัดสินใจ และต้องรับผิดชอบ นี่เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง” นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7572175

‘ชพก.’ แท็กทีม ผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่วัดระฆังฯ - วังหลัง ชาวบ้าน ลั่น!! อยากให้ ‘กรณ์’ เป็นนายกฯ ช่วย ปชช.ปลดหนี้

(22 มี.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ประกอบด้วย นายศราพงศ์ อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา, นายณัฐวรรธน์ พัชรพรนุกูล, นายธนาวุฒิ  รัศมีฉาย, พ.ต.อ. ทศพล โชติคุตร์, นายสงกรานต์ พงษ์พันนา, นายวรนัยน์ วาณิชกะ, นายพรชัย มาระเนตร์, นางสาววิเวียน จุลมนต์ ลงพื้นที่เพื่อช่วยนายกฤษณ์ สุริยผล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย และ นางสาวอรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา ว่าที่ผู้สมัครเขตภาษีเจริญ-บางกอกใหญ่ ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่ ท่าน้ำวังหลัง วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างเดินหาเสียง มีชาวบ้านออกมาให้กำลังใจนายกรณ์ และทีมผู้สมัคร กันอย่างคึกคัก พร้อมกับพูดว่า อยากได้นายกรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเชื่อมั่นใจในความเป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถปลดหนี้ ปลดสิน ให้กับประชาชน จะได้หมดทุกข์และมีความสุขกับเขาเสียที

'ธนกร’ เผย งานเปิดตัวทีม ศก.รทสช. มีบิ๊กเนมร่วมทัพ พร้อมดันคนรุ่นใหม่-ผู้เชี่ยวชาญ ผนึกกำลังนำพรรคเดินหน้า

(22 มี.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยถึงการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค รทสช. ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ว่า สำหรับงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มี.ค.นี้ มีบิ๊กเนมเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจแน่นอน แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในด้านเศรษฐกิจมีทีมคณะที่ปรึกษากว่า 20 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในการบริหารประเทศ ฉะนั้น จะมี 2 ส่วน บางคนเมื่อเข้าสู่วงการการเมือง อาจจะไม่อยากอยู่เบื้องหน้า จึงอยู่ช่วยบริหารอยู่เบื้องหลัง และอีกส่วนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่ต้องการมาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ ฉะนั้น พรุ่งนี้อาจจะมีการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ที่มาจากหลายฝ่ายทั้งคนรุ่นใหม่ ผู้มีประสบการณ์ ผสมผสานกัน

บรรยากาศภายในพรรคที่มีผู้สนใจลงสมัคร ส.ส. ขณะนี้เป็นไปด้วยความคึกคักในทุกพื้นที่ โดยมีผู้สมัครจากทั่วประเทศทยอยเดินทางมาสมัครที่พรรค ตอนนี้กระแสความนิยมใน พล.อ.ประยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้มีการขึ้นป้ายหาเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือ ถือว่ากำลังไปได้ดี

‘เสธ.อ้าย’ เข้าพบ ‘จุรินทร์’ พร้อมร่วมทัพประชาธิปัตย์ เผย เชื่อมั่นในการทำงานที่มุ่งทำเพื่อชาติและประชาชน

(23 มี.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ ‘เสธ.อ้าย’ ได้เดินทางมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเข้าพบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ภายหลังการหารือกับนายจุรินทร์ พล.อ.บุญเลิศได้เข้าพบ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานสภา ที่ปรึกษาพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค พร้อมกับได้สมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แบบตลอดชีพ โดยนายจุรินทร์ และนายนิพนธ์ บุญญามนี ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรคเป็นผู้มอบบัตรสมาชิกพรรคให้ด้วยตนเอง

‘รทสช.’ ไม่หวั่น หลังสมาชิกบางคนย้ายซบพรรคอื่น เผย ช่วงนี้พรรคเนื้อหอม มีผู้สนใจแห่ลงสมัครเพียบ

(23 มี.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ แกนนำและคณะทำงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มีผู้ที่สนใจมาสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมากในแต่ละวัน ล่าสุดมีสมาชิกมากกว่า 5 หมื่นรายแล้ว กรณีของนายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล ที่ไปสมัครเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองบางพรรค แล้วระบุว่า เคยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติมาก่อน ทางพรรคได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคจริง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเมื่อใดไม่ทราบ เพราะตามรายชื่อที่ กกต.แจ้งมายังพรรคเพื่อแจ้งบุคคลลาออกจากสมาชิก เมื่อวันที่ 7-10 มีนาคม ที่ผ่านมา ยังไม่ปรากฏชื่อของนายพิศณุพงศ์ แต่อย่างใด

‘เพื่อไทย’ เตรียมจัดปราศรัย กทม.เป็นครั้งแรก 24 มี.ค.นี้ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมเปิดวิสัยทัศน์ประเทศไทย

(23 มี.ค.66) พรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่คลิปเชิญชวนพี่น้องประชาชน ร่วมงานเปิดวิสัยทัศน์ประเทศไทย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’ โดยเนื้อหาภายในคลิป น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม (พท.) และหัวหน้าครอบครัวเ พื่อไทย กล่าวว่า อยากเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ มางานเปิดวิสัยทัศน์ประเทศไทย ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อคนกรุงเทพฯ’
.
คนที่จะแสดงมุมมองเพื่ออนาคตของคนกรุงเทพฯ และประเทศไทยทั้ง 4 ด้าน พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 คน 33 เขต พบกันวันศุกร์ที่ 24 มีนาคมนี้ ที่ Stadium One จุฬาซอย 4 และซอย 6 ถนนบรรทัดทอง เริ่มตั้งแต่เวลา 17.30 น.

ทีมเศรษฐกิจ รทสช.เตรียมดันนโยบายมุ่งเป้า ไม่ขอเล่นเกมหว่านแห ลั่น!! ‘คนละครึ่ง’ ทำต่อแน่

(23 มี.ค. 66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รทสช. ถึงกรณีสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช.ว่า ถ้าเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อก็เป็นไปได้ ตามกติกาของพรรค เพราะตนลงมาตรงนี้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ซึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจของตนนั้น จะไม่เน้นที่การให้แบบเหวี่ยงแห แต่เป็นการมุ่งเป้า และการส่งเสริมการดำเนินการอะไรต่าง ๆ จะได้มีอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นความร่วมมือกับประชาชน และทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว เราใช้หลักที่เราฟันฝ่าอุปสรรคโควิด-19 มาได้อย่างไร เราจะใช้หลักนั้น เพราะเราเชื่อว่าหลักนั้นเป็นความสำเร็จที่ดี ทุกอย่างต้องร่วมมือด้วยกัน

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ หลายพรรคการเมืองออกนโยบายเรื่องตัวเลขมาเกทับกัน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เดี๋ยวรอดูของพรรค รทสช.เราจะมุ่งเป้าสำหรับคนที่จำเป็น มีที่ไหนบ้างในอดีตที่ช่วยเหลือแต่ละกลุ่มอย่างเป็นระบบ เมื่อก่อนเหวี่ยงแหแจกทุกคน แต่ในยามวิกฤต ยามเดือดร้อน เราใช้เงินเหมาะสม คนล่างสุดรับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหมือนเบาะรองรับเมื่อตกตึกสองชั้น ซึ่งเขาพออยู่ได้ มีโอกาสดำรงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง คนที่ระดับสูงกว่านั้นก็เป็นโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องไปช่วยคนตัวเล็กอีกทีหนึ่ง ส่วนช็อปดีมีคืน ก็เป็นคนมีฐานะก็ไปช่วยกันใช้เงิน การแบ่งเป็น 3 ชั้นอย่างนี้ไม่เคยมี

ถามต่อว่า แสดงว่าโครงการคนละครึ่งเหล่านี้ จะมีการทำต่อ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทำต่ออยู๋แล้ว ถือว่าเป็นนโยบายของพรรคเลย ก็มันเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งครั้งนี้จะต่างจากช่วงวิกฤติ แต่เราจะเน้นผู้ที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ผู้ที่ถือแอพพิเคชั่นเป๋าตังค์ รอบหน้าเราเพิ่มเรื่องถุงเงินที่เน้นเอสเอ็มอี เน้นคนตัวเล็ก ซึ่งในถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่งมีผู้มีสิทธิ์ 1 ล้านราย เราอยากให้มีมากขึ้นถึง 5 ล้านราย


ที่มา : https://www.naewna.com/politic/719396

อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ยกระดับชีวิตคนจน และส่งเสริมการกีฬาเพื่อเยาวชน

แม้ว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน จะบอกลาพรรคพลังประชารัฐ ข้ามขั้วไปเปิดตัวกับพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้ว  แต่สำหรับ "อนุชา นาคาศัย" หรือ "เสี่ยแฮงค์" อีกหนึ่งแกนนำสำคัญของกลุ่มสามมิตร กลับลั่นวาจาชัดเจนว่าจะขอไปร่วมหัวจมท้าย กับ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ  

ด้วยความที่รักในความมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน และความจริงใจของ "ลุงตู่" ซึ่งเขาคิดว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้สามารถประคับประคองรัฐนาวาฝ่าข้ามคลื่นลมมาได้จนถึงเวลาประกาศยุบสภา และ "อนุชา" ในบทบาทรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับนายกฯ ลุงตู่ มากที่สุด 

"อนุชา" เคยสะท้อนตัวตนของเขาผ่านสื่อเมื่อไม่นานมานี้ ว่าแม้เขาเป็นคนพูดน้อย แต่เมื่อลงมือทำแล้วมั่นใจได้ว่าทำจริง เวลาเกือบ 4 ปี ของการเป็นรัฐบาล อนุชาเคยสวมหมวก “พ่อบ้าน" ทั้งของพรรค และของรัฐบาล โดยเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง และยังเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต่อเนื่องมาจนกระทั่งยุบสภา

ช่วงที่ "อนุชา" อยู่ในบทบาทเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ต้องฝ่าอุปสรรคความคิดที่หลากหลาย คล้ายมี  “สารพัดก๊ก” ภายในพรรค  แต่เขากลับไม่ได้มองเป็นเรื่องเสียหาย เพียงแค่หยิบส่วนดีของแต่ละฝ่ายนำมาใช้ และต้อง “ไม่เข่นฆ่ากัน” ในช่วงเวลาไล่เรียงกัน เมื่อสภาฯ กำลังจะมีการประชุมการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วาระ 2 และ 3 หลายฝ่ายเป็นห่วงสถานการณ์นอกสภาที่มีการนัดชุมนุม '19 กันยา' เรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญ ที่อาจลุกลามบานปลายไปสู่ความรุนแรง

อนุชา ซึ่งเป็นทั้งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และรมต.ประจำสำนักนายกฯ ร้องขอให้ ส.ส. ของพรรค เข้าประชุมตามปกติ  พร้อมให้ความเห็น ว่าการชุมนุมเป็นเรื่องปกติทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เป็นลูกเป็นหลาน ที่ทั้งรัฐบาลและรัฐสภา ต้องรับฟังข้อเรียกร้องและช่วยกันแก้ปัญหา 

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ร้องขอกลับไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม หรือผู้อยู่เบื้องหลัง ให้พยายามใช้กลไกในการแก้ปัญหา หาทางออกร่วมกัน ดีกว่าการนำการเมืองลงถนนเพื่อกดดัน เรียกร้องในสิ่งที่อยากได้ทั้งหมด 

“แม้ว่าผมจะเคยถูกตัดสิทธิทางการเมือง (เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบในปี 2549 ) แต่ไม่เคยคิดลงถนน เพราะการเมืองบนท้องถนน วันหนึ่งมันก็เหมือนเขาลงได้ เราก็ลงได้ ไม่มีวันจบสิ้น และวันข้างหน้าจะไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า เรารักประชาธิปไตย ดังนั้น นักการเมืองคนใด ที่ใช้เวทีเพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ผมคิดว่าคนๆ นั้นจะต้องพิจารณาตัวเองว่ารักระบอบประชาธิปไตยจริงหรือไม่” 

หากมองลึกลงในบทบาทรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “อนุชา” ช่วยประคับประคองและแบ่งเบาภาระ “งานหลังบ้าน” ของรัฐบาล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งของ “พล.อ.ประยุทธ์” ตั้งแต่งานรูทีน ที่ต้องกำกับดูแลสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค  บมจ.อสมท. - กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนา 

ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี หรือ กตน. ทำให้ในหลายๆ ครั้ง เรามักจะได้เห็นภาพเขานำคณะลงพื้นที่ติดตามการแก้ปัญหา และฟังเสียงสะท้อนจากคนเล็กคนน้อยด้วยตนเอง อย่างที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ที่มีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินของชุมชนชาวเล หรือที่ชุมชนชาวกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ยังต้องแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน

‘พปชร.’ เปิดตัว ‘บิ๊กแอ๊ด’ พร้อมว่าที่ผู้สมัครครบทุกภาค ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ ยกเป็นบุญคุณที่มาช่วยเสริมแกร่งให้พรรค

(23 มี.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงเปิดตัว พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือ ‘บิ๊กแอ๊ด’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กว่า 70 คน ประกอบด้วย

กรุงเทพมหานคร ได้แก่ นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, นายสิทธิโชค คล้องแสงอาทิตย์, นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์, นายมานพ มารุ่งเรือง, น.ส.แพรว กิจสุวรรณ และ นายอนันตชาติ บัวสุวรรณ 

ภาคกลาง
- จังหวัดนนทบุรี ได้แก่ น.ส.สมบูรณ์วรรณ ตรีสิทธุ์ไชย เขต 1, นางจิรวรรณ เรี่ยวแรง เขต 2, นายสมพงษ์ รัตนพรสุวรรณ เขต 3 และ นายทองใบ เสริฐสอน เขต 4
- จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ นายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 และ นายภูมินทร์ มงคลกาย เขต 5
- จังหวัดสระบุรี ได้แก่ นายกฤษดา อินทร์พาเพียร และ นายธนกร กระต่ายจันทร์ เขต 3
- จังหวัดชลบุรี คือ นายยศพนต์ สุธรรม
- จังหวัดชัยนาท คือ นายปัญญา ไทยรัตนกุล เขต 2
- จังหวัดเพชรบุรี คือ นายอรรถพล นุชนิยม
- จังหวัดราชบุรี ได้แก่ นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์ และ นายวรวัฒน์ น้อยโสภา
- จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ นายประมวล เรืองศรี เขต 1 และ นายไพฑูรย์ พุ่มสงวน เขต 2
- จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ นายศุภกิจ กลิ่นหอม เขต 1, นายอุดม เพชรน้อย เขต 2, นายธานินทร์ โลห์ประเสริฐ เขต 3 และ นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ เขต 5

ภาคตะวันออก
- จังหวัดระยอง ได้แก่ นายดนัย วิริยะสหกิจ เขต 1, นายนฤพล พงษ์ประเทศ เขต 2, นายกรี ไพรสี เขต 4 และ น.ส.รฎาศิริ ศิริคช เขต 5
- จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ นายเฉลิมพล ศักดิ์คำ เขต 1 และ นายธนกร เฉลิมเฉลา เขต 2
- จังหวัดนครนายก ได้แก่ น.ส.วนิดา ขนายงาม เขต 1 และ น.ส.ชลธิชา ขนายงาม เขต 2
- จังหวัดฉะเชิงเทรา คือ นายสายัณห์ นิลาช เขต 3
- จังหวัดปราจีนบุรี คือ นายสุรเดช สิทธิเดชกุลถาวร เขต 3

ภาคอีสาน
- จังหวัดนครราชสีมา คือ นายสุธรรม พรสันเทียะ เขต 4
- จังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ นายอนุรัตน์ ศรีสุรินทร์ เขต 1 และ นายอิทธิพล กำลังหาญ เขต 4
- จังหวัดศรีสะเกษ ได้แก่ นายธนินท์ธร ศรีขาว เขต 1, นายธีรปภัสร์ พงษ์วันกิตติคุณ เขต 5 และ นายธนกฤช จิริวิภากร เขต 8
- จังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ นายโกวิทย์ ธรรมานุชิต เขต 3, นายธนบูรณ์ชัย อร่ามเรือง เขต 6 และ น.ส.วิยดา พรหมทอง เขต 7
- จังหวัดขอนแก่น คือ นายสำราญ ศรีภา เขต 6
- จังหวัดหนองคาย คือ นายศักดิ์ บึงลี เขต 2
- จังหวัดอุดรธานี ได้แก่ นายสุรศักดิ์ แสงตา, นายมนตรี พึ่มชัย เขต 7 และ นายอัมพร เทศศรีเมือง เขต 10
- จังหวัดนครพนม คือ นางวิทยาพร หาญทองชัย เขต 4
- จังหวัดมหาสารคาม ได้แก่ นายทองหล่อ พลโคตร และ นายประสาทพร สีกงพลี
- จังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ นายภาณุวัฒน์ ศิริ และ นายใหม่ เสาวงค์
- จังหวัดสกลนคร คือ นายเชิดชัย สิงห์มหันต์ เขต 5

ภาคเหนือ
- จังหวัดเชียงราย ได้แก่ นายศรัณพัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เขต 1, นางวันดี ราชชมภู เขต 2 และ พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด เขต 3
- จังหวัดพะเยา คือ นายอนุรัตน์ ตันบรรจง
- จังหวัดพิษณุโลก คือ นายอัศวิน นิลเต่า
- จังหวัดเพชรบูรณ์ คือ นายอัคร ทองใจสด เจต 6
- จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้แก่ นายเรวัต คล้ายสมบูรณ์ เขต 1, นายสุขโกศล โกศลธรรมสกุล เขต 2 และ นายอัฑฒ์ เชื้อมีศรี เขต 3
- จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ นางเบญจมาศ ไก่แก้ว, นายวิโรจน์ มากมูล, นายอารยะ ชุมดวง เขต 3 และ นายจเร บุญกำเนิด เขต 4

ภาคใต้
- จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ นายสุชาติ จิตรติศักดิ์ เขต 5 และ นายซุ้น ณัฐเดช กังสุกุล เขต 10
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ นายประเทือง มีแต้ม และ นางจิรวรรณ สารสิทธิ์ เขต 4
- จังหวัดสงขลา ได้แก่ นายอาทิตย์ สุวิทย์ เขต 3 และ นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เขต 4
- จังหวัดปัตตานี คือ นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ เขต 1


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top