Tuesday, 20 May 2025
เพื่อไทย

'พิชัย' ซัด!! เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ชี้!! นโยบายเพื่อไทยช่วยได้ ไม่สร้างหายนะ

'พิชัย' ชี้ ค่าแรง 600 บาท แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการกระจายรายได้ และ พัฒนาไทยให้หลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง มั่นใจ ทุกนโยบายทำได้จริง รวมถึงการลดราคาน้ำมัน, ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม แนะ ต้องทำหลาย ๆ ด้านไปพร้อม ๆ กัน 

(13 ธ.ค. 65) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น

ทั้งนี้ อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศไทยควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยจะต้องขยายตัวปีละ 5-6% เป็นอย่างน้อยเพื่อพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง และจะเพิ่มการจ้างงาน และการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะอีกด้วย โดยตลอดหลายปีเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้ต่ำมาก ขนาดในปีนี้ที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนขยายตัวได้สูง เช่น ใน 9 เดือนแรก มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% และอินโดนีเซีย 5.39% แต่ไทยกลับขยายตัวได้ต่ำมาก เพียง 3.1% เท่านั้น 

ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆ กัน เช่นในปี 2555 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% เป็นต้น ฉะนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาด ๆ และคนเก่ง ๆ มาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย

'เพื่อไทย' ชู!! กระจายอำนาจท้องถิ่น เลือกผู้ว่าฯ โดยตรง ยัน!! 'กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน' สำคัญ คอยเชื่อมรัฐต่อเนื่อง

(13 ธ.ค. 65) นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลสะเทือนจากการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณแพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธาน พรรคเพื่อไทย ภายใต้สโลแกนใหม่ 'คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน' ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อมาผู้บริหารของพรรคหลายท่านได้ชี้แจงเหตุผลยืนยันความมั่นใจว่าทุกนโยบายเกิดขึ้นได้จริงภายในปี 2570

เลิศศักดิ์ กล่าวว่า “จากความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอดระยะเวลา 8 ปีต่อเนื่องของรัฐบาล คสช. และรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ ประยุทธ์ มีปัญหาทุกด้านทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เกิดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เศรษฐกิจ 8 ปี ที่โตเฉลี่ยเพียงแค่ 1% กว่า ขณะที่ในสิ้นปี 2565 ธนาคารโลกคาดว่าจีดีพีของไทยจะอยู่ที่ 3.1% ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามก็เผชิญกับวิกฤตการณ์โควิดเช่นเดียวกับไทย แต่กลับเติบโตสูงถึง 7.2%”

“นอกจากนี้ ความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้ และความมั่งคั่ง ที่ถ่างกว้างขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ จากที่คนไทยสัดส่วนกว่า 31% อยู่ในภาคการเกษตร และในด้านโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐนั้น ผมมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองเห็นโอกาสจากจุดแข็งของประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่งไม่เป็นรองใครในภูมิภาค ทั้งด้านการเกษตร การเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคม และการท่องเที่ยว โดยพรรคเพื่อไทยมีวิสัยทัศน์มองเห็นอนาคตประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากได้เป็นรัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายที่ได้ประกาศไว้ จึงมั่นใจว่าจีดีพีจะต้องเติบโตปีละไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ทุกปีต่อเนื่องซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ยืนยันว่าค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทในอนาคตนั้นจะเกิดขึ้นได้แนนอน”

เลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกนโยบายสำคัญที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศเป็นคำมั่นสัญญาต่อพี่น้องประชาชน และเป็นนโยบายสำคัญที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ดีที่สุด นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยนั้น ก็คือ เรื่องการกระจายอำนาจ 

โดยรูปแบบการเลือกตั้งผู้ว่าราชการในจังหวัดที่มีความพร้อม จากการที่ระบบบริหารราชการของไทยจากอดีตถึงปัจจุบันพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า ไม่สามารถตอบโจย์การเข้าถึงบริการสาธารณะของพี่น้องประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เกิดการรวมศูนย์อำนาจ และการกระจุกตัวของงบประมาณอยู่ที่การตัดสินใจของราชการส่วนกลางจนเรียกว่ารัฐราชการรวมศูนย์ การบริหารจัดการงบประมาณเกิดความล่าช้า และไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน การทับซ้อนในภารกิจหน้าที่ของราชการส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ขาดความจริงใจในการโอนภารกิจการบริการสาธารณะให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

‘เอกชัย’ ชี้!! 8 ปี การเกษตรไทยไม่พัฒนา เชื่อ!! หากเป็นเพื่อไทย เกษตรไทยก้าวกระโดด

นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่าเพื่อไทยความหวังของเกษตรกร ทุกครั้งที่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะ พวกเราแก้ปัญหาที่ฐานรากทางเศรษฐกิจ สร้างแรงจูงใจ ให้ความรู้ หาตลาด เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน กระจายรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มผลผลิตเกษตรกร ดูแลปัจจัยในการผลิต สนันสนุนทุนในการทำงาน 

ที่ผ่านมา 8 ปีเกษตรกรยากลำบากมาพอแล้ว รายได้ไม่พอรายจ่าย ปัจจัยการผลิต ปุ๋ย น้ำมันแพงหมด เกษตรกรเป็นหนี้สินอยู่ด้วยความยากลำบาก แต่ราคาสินค้าเกษตรไม่เพิ่มขึ้น ซ้ำยังตกต่ำลง ชลประทานไม่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเท่าที่ควร การเกษตรทั้วโลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว คุณภาพ ผลผลิต ราคา ทุกประเทศต่างแข่งขันกันพัฒนา เราหยุดนิ่งไม่ได้ วันนี้ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้อินเดีย ผลผลิตต่อไรต่ำกว่าเวียดนามสองเท่า คุณภาพข้าวหอมผกาลำดวลของกัมพูชาพัฒนาจนได้รับรางวัลอันดับหนึ่งแซงข้าวหอมมะลิไปเรียบร้อย เราเสียแชมป์ ทั้งคุณภาพ ราคา และ ผลผลิตต่อไร เพราะรัฐบาลไม่มีฝีมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ่านมาในรัฐบาลนี้เศรษฐกิจเราโตต่ำที่สุดในภูมิภาคตลอด

‘จุฑาพร’ โว พท. พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า ใช้บัตรปชช.ใบเดียว เข้ารักษาได้ทุกที่ทั่วประเทศ

จุฑาพร ชี้ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล พร้อมยกระดับประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ 30 บาท รักษาทุกโรค ตรวจสุขภาพเชิงรุก เปลี่ยนประเทศด้วยเทคโนโลยี บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกสถานพยาบาล ประชาชนคุณภาพชีวิตดีขึ้น 

จุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต บางรัก สาทร ปทุมวัน และ โฆษกคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คุณแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ ทางด้านการบริการสาธารณสุขสำหรับประชาชน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก ส่งผลโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของประชาชนในแต่ละวัน พรรคเพื่อไทยพร้อมยกระดับโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท รักษาทุกโรค มีบริการสาธารณสุขเชิงรุก อาทิ เช่น การให้บริการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกฟรีในเด็กหญิงอายุ 9 -11 ปี เป็นวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี และมีประสิทธิภาพสูงสุด และฉีดวัคซีนให้ผู้หญิงที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) อีกทั้งยังจะมีการตรวจและรักษาไวรัสตับอักเสบ-ซี ซึ่งโรคดังกล่าวจะเป็นการป้องกันมะเร็งตับที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งในผู้ชาย ซึ่งปัจจุบันวัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันมะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ ยังควรรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชายด้วย เพราะผู้ชาย และเพศทางเลือกเองก็มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส และก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้เหมือนกัน

‘บุญรื่น-จุฑาพัตธน์’ ประสานเสียงไม่ซบ ภท. ลั่น!! ไม่มีวันทรยศพรรค - หักหลังประชาชน

'บุญรื่น - จุฑาพัตธน์' ประสานเสียงไม่ย้ายไป ภท. ลั่นไม่คิดทรยศพท. หักหลัง ปชช. ย้ำเกิดที่เพื่อไทย ขอตายทางการเมืองที่เพื่อไทยเท่านั้น

(13 ธ.ค. 65) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นางบุญรื่น ศรีธเรส ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พร้อมด้วยนางจุฑาพัตธน์ เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทยร่วมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีท็อปนิวส์ นำเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงกรณีเตรียมย้ายพรรคเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา 

นางบุญรื่น กล่าวว่า ท็อปนิวส์นำเสนอข่าวว่าตนจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย สร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ของตนอย่างมาก ขอยืนยันว่าไม่มีความคิดที่ย้ายไปพรรคการเมืองอื่น ตนเป็น ส.ส.ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาถึงเพื่อไทยรวม 23 ปี ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบันไม่เคยสอบตก เป็น ส.ส.รวม 5 สมัย หากรวมการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ 2 ครั้ง รวมแล้วตนชนะการเลือกตั้ง 7 ครั้ง ในความรู้สึกนึกคิดไม่เคยคิดว่าจะไปอยู่พรรคอื่น เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ดี ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของประชาชนถูกยกระดับดีขึ้น เพราะประชาชนคือหัวใจหลักของพรรคเพื่อไทยทั้งนี้ ตนจะไม่ฟ้องร้อง เนื่องจากมองว่าเป็นปกติของการเมืองที่มีการโจมตีกัน ตนเพียงขอชี้แจงให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงเท่านั้น

‘สมคิด’ ชี้!! สภาล่มซ้ำซากส่งผลเสียหลายด้าน แนะ ‘บิ๊กตู่’ ยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชน

(13 ธ.ค. 65) นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า อยากให้ประชาชนจับตาดูการประชุมสภาว่าเดินหน้าได้หรือไม่ ดังที่เคยบอกไว้แล้วว่าประมาณเดือนธ.ค.-ม.ค.66 เป็นต้นไปองค์ประชุมจะล่มบ่อย การทำงานในสภาจะไม่ราบรื่น 

ดังนั้นหากมีกฎหมายของรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณา หากไม่ผ่านรัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไร นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่าในวันที่ 16 ธ.ค. จะมี ส.ส.จำนวนมากลาออกจากตำแหน่ง ทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ดังนั้นจำนวน ส.ส.ก็จะหายไป ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่จะไปอยู่กับพรรคภท. แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้โดยตลอด ถ้าเกิดการลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.จะส่งผลให้จำนวน ส.ส.ในสภาลดลงไปมาก หวั่นกระทบกับภาพรวมของการประชุมสภาอย่างแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายท่านไม่ใส่ใจในการประชุมสภา ยิ่งมีการลาออกจาก ส.ส.ก็จะส่งผลกระทบกับการประชุมสภามากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องไตร่ตรองให้ดีว่าจะขับเคลื่อนสภาไปได้อย่างไร หากไม่รับผิดชอบจะกลายเป็นปัญหาในการทำงานของสภา

‘เพื่อไทย’ จวก ‘ระบบราชการไทย’ เละเทะ เปิดช่องให้ธุรกิจสีเทาทำผิดกฎหมายได้ง่าย

‘เพื่อไทย’ สับระบบราชการเปิดช่องทุจริต ธุรกิจสีเทาบานเป็นดอกเห็ด ชี้สังคมจับตาคดี ‘ตู้ห่าว’ จะรอดหรือไม่ ตอกผู้นำปล่อยกลุ่มทุนจีนหนุนการเมือง ทำตัวเหนือกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีธุรกิจทุนจีนสีเทาของนาย ‘ตู้ห่าว’ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการบุกทลายผับดังย่านเจริญราษฎร์ พบยาเสพติดและบ่อนการพนัน นำไปสู่การขยายผลให้เห็นว่าทุนจีนสีเทามีเครือข่ายที่เติบโต ฝังรากอยู่ในสังคมไทยจนมีมูลค่าเงินหมุนเวียนและทรัพย์สินเกือบหมื่นล้านบาทว่า ขอตั้งคำถามหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ดำเนินการจริงจังมาตลอด 8 ปี ทุนจีนสีเทาคงไม่เติบโตเหมือนในวันนี้ใช่หรือไม่ กรณีของนายตู้ห่าว ไม่ใช่ความผิดส่วนบุคคล แต่เป็นเพราะการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันจึงเติบโต ซึ่งสาเหตุของความล้มเหลวการตรวจสอบการทุจริตและทุนจีนสีเทา ดังนี้

'พิธา' ยัน!! ความสัมพันธ์ 'เพื่อไทย' แน่นแฟ้น ชี้!! ค่าแรงต้องขึ้นต่อเนื่องไม่ใช่แค่ช่วงเลือกตั้ง

(14 ธ.ค. 65) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายค่าแรงวันละ 600 บาท ว่า ตนคิดว่า นโยบายค่าแรงเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีความคิดเห็นตรงกัน เป็นสิ่งที่ตนอยากจะชวนพรรคเพื่อไทยมาทำร่วมกันในระบบประชาธิปไตย ที่มีระบบรัฐสภาซึ่งสามารถเสนอนโยบายของแต่ละพรรคได้ เพื่อให้เกิดผลดีที่สุดกับประชาชน ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ทั้งสองพรรคเห็นผู้ใช้แรงงานเป็นจุดศูนย์กลาง เพราะฉะนั้นในภาพใหญ่เรายืนยันว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด รวมถึงในอนาคตอาจจะมีบางอย่างที่เห็นไม่ตรงกันบ้างในเรื่องของการทำงาน แต่ตนคิดว่าน่าจะหาจุดร่วมกันได้ ที่เห็นตรงกันชัดเจนที่สุดคือสวัสดิการความเป็นอยู่ของประชาชนผู้ใช้แรงงาน

“ผมขอยืนยันว่า เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคเพื่อไทยมาตลอด ตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบัน และหวังว่าในอนาคต เมื่อเราเริ่มแถลงนโบายก็มีหลายเรื่องที่เห็นตรงกัน ถ้าเราเป็นรัฐบาลร่วมกันก็สามารถที่จะแบ่งงานกันทำได้ และทำงานไปในทิศทางเดียวกัน” นายพิธากล่าว

‘เพื่อไทย’ จวก 'ประยุทธ์' อย่าลอยตัวเหนือปัญหา หลังส.ส.ออกเพียบ แนะ!! ต้องเร่งตัดสินใจยุบสภา

วันที่ (15 ธ.ค. 65) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี 31 ส.ส. เตรียมลาออกเพื่อย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ว่า 8 ปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ทำการเมืองย้อนยุค ก่อรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ เขียนกติกาที่ตัวเองได้ประโยชน์ เพื่อการสืบทอดอำนาจ สร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตย และส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

ปรากฏการณ์ ส.ส. ย้ายพรรคครั้งมโหฬาร สะท้อนการปฏิรูปการเมืองเป็นวาทกรรมลวง ปฏิรูปก่อนเลือกตั้งไม่มีอยู่จริง ปฏิรูปหลังเลือกตั้งมีแต่ความว่างเปล่า ในอดีตเคยมีปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปัจจุบันการประมูลซื้อตัว ส.ส. อาจมาในสูตร 30-50-80 หว่านพืชก็ต้องหวังผล ลงทุนก็ต้องหวังกำไร ถ้ามีการประมูลซื้อตัว ส.ส.100 คน คนละ 80 ล้านบาท ต้องใช้เงินจำนวนมากมายมหาศาลขนาดไหน การถอนทุนทางการเมืองในอนาคตก็จะตามมา

'เพื่อไทย' เดือด 'ทิพานัน' ยังไม่หยุดพูดจาล้ำเส้น จ่อ 'แจ้งความ-ร้องกกต.' เหตุใส่ร้าย พท.ด้วยความเท็จ

ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้ดำเนินคดีเอาผิดกับ ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาแล้ว หลังเผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์รัฐบาลไทย www.thaigov.go.th ระบุว่า ‘ทิพานัน ห่วงเพื่อไทยเปิดนโยบาย ซ้ำรอยอดีต คิดใหญ่ โกงเป็น จี้หยุดวาทกรรมเศรษฐกิจไม่ดี ยกผลประกอบธุรกิจตระกูลชินวัตร ตอกกลับขณะที่ภาคธุรกิจ 112 องค์กรจ่อขึ้นเงินเดือน’ โดยใช้ถ้อยคำในลักษณะที่ทำให้ผู้เห็นและอ่านข้อความ มีความเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ดี คิดทำนโยบายเรื่องใหญ่เพื่อหวังจะโกงหรือทุจริต ซึ่งล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้น

พรรคเพื่อไทยจึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลมักกะสัน ให้ดำเนินคดีกับ ทิพานัน ศิริชนะ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กรณีนำเสนอข่าวดังกล่าว ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง จนกว่าคดีจะถึงที่สุด  

นอกจากนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ยังได้ยื่นคำร้องต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  ขอให้ดำเนินการสืบสวนและไต่สวน และดำเนินคดีกับ ทิพานัน ศิริชนะ ตามมาตรา 169 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ 2561 เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 73(5) เป็นความผิดตามมาตรา 159 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ 2561 เนื่องจากการกระทำของ ทิพานัน ศิริชนะ เป็นการเจตนาใส่ร้ายด้วยความเท็จ เพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครและพรรคเพื่อไทย และจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งงดเว้นการลงคะแนนให้กับผู้สมัครและพรรคเพื่อไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top