Sunday, 19 May 2024
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่”พ.ศ.2567 ให้แก่ประชาชน และข้าราชการตำรวจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดนิทรรศการของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชน และเพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ในโอกาสเทศกาลสำคัญประจำปี 2567 และเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 14/2567

วันที่ 28 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดนิทรรศการ “ของขวัญปีใหม่” พ.ศ. 2567 โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมพิธีฯ

สำหรับ ในปี พ.ศ.2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ ตามนโยบายรัฐบาล จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 

1. โครงการแอปพลิเคชันป้องกันการหลอกหลวง “Protect U” โดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นในการแจ้งเตือนภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งการเตือนหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้า รวมถึงข้อความที่มีลิงค์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันมิให้หลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงเป็นช่องทางในการอำนวยความสะดวกในการประสานแจ้งขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งความกรณีหลงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ 

โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก www.thaipoliceonline.com, www.เช็คก่อน.com และ www.ฉลาดโอน.com

2. โครงการพัฒนาช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automatic Channel) โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ซึ่งเป็นโครงการในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ
ชาวต่างประเทศในการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรไทย โดยการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้
เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินการ อีกทั้งเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 

3. โครงการ Police Wellness โดยสำนักงานกำลังพล ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการตำรวจ และครอบครัว เพื่อเป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และแบ่งเบาภาระของข้าราชการตำรวจ โดยมอบสวัสดิการด้านส่วนลดในการเข้าใช้บริการที่พักสถานตากอากาศ ประกอบด้วย 1. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ The Cop Seminar & Resort ต.บางละมุง อ.บางละมุงจ.ชลบุรี  2. ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการตำรวจ (ค่ายพระราม 6) Sea Sand Sun ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยคิดอัตราห้องพัก ในอัตราเดียวกับข้าราชการตำรวจ            

ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการเปิดโครงการนิทรรศการของขวัญปีใหม่ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 14/2566 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น เพื่อรับฟังรายงานผลการดำเนินการของคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจด้านต่าง ๆ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง เสริมสมรรถนะทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 8 ม.ค.-9 ก.พ.67 เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะ พัฒนาทรัพยากรบุคคล และทักษะ
การบริหารงานแก่บุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้านบริหาร ตั้งแต่ระดับต้นถึงระดับสูงของหน่วยงาน
วันจันทร์ที่ 8 ม.ค.67 เวลา 08.30 น. ณ ห้องแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมและสวัสดิการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา  ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยมี 
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ และผู้เข้ารับการฝึกอบรม เข้าร่วมพิธีฯ ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิด ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติในการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Thailand’s Future : อนาคตประเทศไทย” และต่อด้วยการบรรยายพิเศษจาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
สำหรับโครงการฝึกอบรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูง สำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ 

มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานเพื่อสนองตอบตามยุทธศาสตร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ซึ่งได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 4 ด้าน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ที่ 4 ในเรื่องของการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย มุ่งสู่ความเป็นเลิศ รวมถึงแผนแม่บทการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Royal Thai Police HRD Blueprint) เพื่อการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรในระดับตำแหน่งที่ทำหน้าที่ด้านการบริหาร ตั้งแต่ระดับต้นไปจนถึงระดับสูง ซึ่งประกอบด้วยภาวะผู้นำ, การวิเคราะห์แก้ไขปัญหา,การจัดการเชิงกลยุทธ์ และศิลปะการจูงใจ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาผู้บริหารให้เป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์ (Visionary Thinker) เพื่อนำองค์กรก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงได้ทันต่อสถานการณ์ มีทักษะการบริหารงาน สามารถขับเคลื่อนนโยบายขององค์กรไปสู่การปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ มีความเป็นผู้บริหารมืออาชีพ (Professional) มีความเชี่ยวชาญ สามารถบริหารงานด้านต่างๆ อาทิ งานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม, งานบริหารงานยุติธรรม และงานบริการอื่นๆ เป็นต้น รวมถึงความเป็น “ครู” ในการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้อื่นได้ และที่สำคัญ คือ การเป็นผู้บริหารที่มีธรรมาภิบาล (Good Governance)

โครงการฝึกอบรมฯ ครั้งนี้ มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมผู้มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพที่จะรับการพัฒนาเป็นนักบริหาร ทั้งสิ้น จำนวน 90 คน ประกอบด้วยข้าราชการตำรวจ จำนวน 50 คน ข้าราชการทหารและข้าราชการประเภทอื่นๆ จำนวน 40 คน ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 ม.ค.-9 ก.พ.67 โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารหรือมีความเชี่ยวชาญในหัวข้อวิชาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จในด้านการบริหารงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งใช้รูปแบบการบรรยายในห้องฝึกบรม หรือใช้รูปแบบออนไลน์ หรือรูปแบบการฝึกอบรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

โดยแบ่งขอบเขตเนื้อหาวิชา เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มหัวข้อวิชาก้าวทันสถานการณ์โลก 
2. กลุ่มหัวข้อวิชาภาวะผู้นำและการบริหารสมัยใหม่
3. กลุ่มวิชายุทธวิธีและการบริหารงานตำรวจในมุมมองใหม่

ทั้งนี้ ในการดำเนินงานโครงการฝึกอบรมฯ ได้มีการจัดกิจกรรมจิตอาสา สร้างความเข้าใจและ
ให้เห็นความสำคัญในการทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชน ชุมชน และสามารถเป็นแกนนำให้ประชาชนในการทำกิจกรรมจิตอาสาต่อไป รวมถึงการแบ่งกลุ่มในการปฏิบัติ (Workshop) และการศึกษาดูงานหน่วยงาน

ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) ส่วนภูมิภาค ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ 
จ.เชียงใหม่ โดยจะมีพิธีปิดโครงการฝึกอบรมฯ ในวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.67 เวลา 13.00 น. ณ ณ ห้องแจ้งยอดสุข ชั้น 3 อาคารศูนย์ฝึกอบรมและสวัสดิการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา

วันจันทร์ที่ 8 ม.ค.67 เวลา 11.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมจิตอาสา ตามโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการตำรวจที่มีจิตอาสา ได้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ รวมถึงการเสียสละเลือดเนื้อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และบรรเทาผลกระทบภาวะโลหิตขาดแคลน

สำหรับกิจกรรมจิตอาสาบริจาคโลหิตครั้งนี้ มีกำลังพลจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ, กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมบริจาคโลหิต จำนวนทั้งสิ้น 350 นาย โดยแบ่งเป็นกำลังพลจิตอาสาในสังกัดกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 120 นาย, กองบังคับการตำรวจจราจร จำนวน 100 นาย และ กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน จำนวน 130 นาย

ซึ่งในโอกาสดังกล่าว ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจเยี่ยมและมอบขวัญกำลังใจแก่กำลังพลจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณในความเสียสละ ถึงแม้ว่าจะมีกำลังพลบางส่วน
ที่ร่างกายไม่พร้อมเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ จึงทำให้ไม่สามารถบริจาคโลหิตในครั้งนี้ได้ แต่มีความตั้งใจที่จะมาเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,  พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ. ศปอส.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์อีกทั้งในช่วงนี้คนร้ายยังสร้าง Page Facebook ตำรวจปลอมขึ้นมาแอบอ้างรับแจ้งความออนไลน์ เพื่อหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ หรือเพื่อหลอกเอาทรัพย์สินเหยื่อซ้ำเติม

ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนถึงข้อสังเกตการแยกแยะ Page Facebook ของตำรวจปลอมและพฤติการณ์ของ Page Facebook ปลอมของตำรวจ ดังนี้

คนร้ายปลอม Page Facebook ตำรวจแอบอ้างรับแจ้งความ คนร้ายสร้าง Page Facebook ปลอมขึ้นมาโดยตั้งชื่อเพจเป็นหน่วยงานตำรวจหรือศูนย์ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และยังได้เผยแพร่โฆษณาผ่านทาง Facebook เพื่อเพิ่มโอกาสให้เหยื่อมองเห็น Page มากขึ้น โดยนำคลิปวิดีโอและเนื้อหาจากเพจตำรวจจริงมาใส่ในโฆษณาเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ เมื่อเหยื่อซึ่งมีประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายพบเห็น Page หรือโฆษณาดังกล่าวเข้า เหยื่อได้ติดต่อ Page ปลอมของคนร้ายไปเพื่อจะแจ้งความ คนร้ายจะให้เหยื่อแจ้งข้อมูลส่วนตัว ส่งหลักฐาน แล้วแอบอ้างว่าจะนำเงินที่เหยื่อถูกโกงไปมาคืนเหยื่อ แต่ต้องโอนเงินเป็นค่าดำเนินการ/ค่าล่อซื้อ/ค่าทนาย ฯลฯ ให้แก่คนร้ายที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สุดท้ายเหยื่อไม่ได้เงินที่ถูกหลอกไปคืน แถมยังเสียเงินเพิ่มจากการถูก Page Facebook ปลอมหลอกซ้ำอีก

ตัวอย่าง Page Facebook ปลอมแอบอ้างเป็นตำรวจรับแจ้งความ

จุดสังเกต
1. ชื่อเพจมักเป็นชื่อหน่วยงานที่ไม่มีอยู่จริง หรือชื่อผิด
2. เพจปลอมไม่มีเครื่องหมายยืนยันตัวตนท้ายชื่อเพจ
3. เพจเหล่านี้มักสร้างมาไม่นาน หรืออาจเป็นเพจที่มีการซื้อต่อมาและเปลี่ยนชื่อในภายหลัง
4. คนร้ายพยายามปลอมยอดผู้ติดตามโดยพิมพ์เลขยอดคนกดถูกใจ/ติดตาม ไว้ที่รายละเอียดของเพจ
5. เพจแท้มีเครื่องหมาย blue tick ( ) จะอยู่หลังชื่อเพจ แต่เพจคนร้ายจะนำ blue tick ( )  มาใส่ไว้ที่หน้าภาพหน่วยงาน

วิธีป้องกัน
1. เพจจริงของทางตำรวจมีเครื่องหมายยืนยันตัวตนท้ายชื่อเพจและมีข้อมูลความโปร่งใสเพจครบถ้วน
2. เพจของทางตำรวจไม่มีการรับเรื่องร้องทุกข์/แจ้งความ/ส่งหลักฐานในการดำเนินคดีผ่านทางเพจ
3. แจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.go.th เท่านั้น
4. หากมีข้อสงสัย/สอบถาม โทรปรึกษาศูนย์ AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับช่องทางรับรู้ข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.go.th

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมดูแลความปลอดภัย การจัดกิจกรรม“วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567” ขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 13  ม.ค. 67 โดยหน่วยงาน
ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพร้อมใจกันจัดงาน เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้เข้าร่วมกิจกรรม เป็นการสร้างโอกาสและการเรียนรู้ โดยคาดว่าจะมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก นั้น
พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย  รัตนพานิช รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยและคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะปัญหาเด็กหาย เด็กพลัดหลงกับบิดา-มารดา หรือผู้ปกครอง และการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ จึงสั่งการให้ตำรวจ
ทุกหน่วยทั่วประเทศดำเนินการ ดังนี้

• กำหนดแผนและมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในห้วงวันเด็กแห่งชาติ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมที่มีเด็ก เยาวชน และผู้ร่วมงานจำนวนมาก
• ขอความร่วมมือ และสร้างการรับรู้ให้กับ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ในการดูแลเด็กและเยาวชนอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กไปเที่ยวลำพัง และควรจัดทำบัตรที่ระบุชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ติดไว้กับ
ตัวเด็ก
• ประสานขอความร่วมมือจากผู้จัดกิจกรรม ให้ระมัดระวังอันตรายจากอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆ ตรวจสอบความพร้อมและความปลอดภัยของวัสดุอุปกรณ์ โดยเฉพาะสถานที่จัดงานที่อยู่ใกล้แม่น้ำ
ลำคลอง หรือมีสระน้ำ บ่อน้ำ อยู่บริเวณใกล้เคียง
• การใช้รถโรงเรียนหรือรถยนต์โดยสารรับจ้างเป็นยานพาหนะในการเดินทางพานักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นหมู่คณะ ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดและให้ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ สอดส่องดูแลอย่าให้เด็กห้อยโหน รวมทั้งระมัดระวังการขึ้นรถลงรถของเด็ก และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนและขับขี่ยานพาหนะ

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล , ตำรวจภูธร
ภาค 1- 9 , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พิจารณา
จัดกิจกรรมวันเด็ก ณ ที่ตั้งของหน่วย โดยร่วมกับ คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ 
ของแต่ละสถานีตามความเหมาะสม

ในวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.67 เวลา 09.09 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์  สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานเปิดกิจกรรมเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ อาคารบ้านพักส่วนกลางตำรวจเฉลิมลาภ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมกิจกรรมฯ ซึ่งภายในงานได้มีการจัดกิจกรรมการแสดงจากบุตรหลานข้าราชการตำรวจ, กิจกรรมสันทนาการต่างๆ เพื่อสร้างความสนุกสนาน และการให้บริการซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน และผู้ปกครอง 
โปรดช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน เฝ้าระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่จะเข้ามาฉวยโอกาสสร้างความเดือดร้อนหากพบเห็นเหตุ บุคคล และวัตถุต้องสงสัย หรือต้องการขอความช่วยเหลือ โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง หรือแจ้งมายังสายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

ตร. เผย สถิติอายัดเงินทัน สูงขึ้น 6 เท่า! อายัดได้รวม 1,789 ล้านบาท หลัง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้

วันนี้ (12 มกราคม 2567) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยการออกกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จากการถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยกฎหมายได้ให้อำนาจธนาคารในการอายัดเงินชั่วคราวเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง ทันทีที่มีผู้เสียหายแจ้งว่าถูกหลอกลวงจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ก่อนที่ผู้เสียหายจะไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีและพนักงานสอบสวนจะแจ้งให้ธนาคารทราบเพื่ออายัดเงินจำนวนดังกล่าวต่อไป ซึ่งปัจจุบันผู้เสียหายสามารถแจ้งเหตุเบื้องต้นเพื่อให้ดำเนินการอายัดบัญชีชั่วคราวได้ที่สายด่วน 1441 นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า สถิติการอายัดเงินที่ผู้เสียหายโอนให้กับกลุ่มมิจฉาชีพสูงขึ้นจากเดิมกว่า 6 เท่า โดยก่อนหน้าที่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 16 มีนาคม 2566) สถิติการขออายัดเงินรวม 1,346 ล้านบาท อายัดเงินได้ทันเพียง 53 ล้านบาท “คิดเป็นร้อยละ 3.9” ของจำนวนเงินที่ขออายัด

ส่วนสถิติหลังจากที่ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 มีผลบังคับใช้ (ระหว่างวันที่ 17 มีนาคม - 31 ธันวาคม 2566) มีสถิติการขออายัดเงินรวม 7,496 ล้านบาท อายัดเงินได้ทัน 1,789 ล้านบาท “คิดเป็นร้อยละ 23.9” ของจำนวนเงินที่ขออายัด ซึ่งสูงกว่าเดิมถึง 6 เท่า

อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนว่า แม้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินที่ผู้เสียหายโอนให้กลุ่มมิจฉาชีพได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีเงินอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถอายัดได้ทัน จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังไม่หลงเชื่อสิ่งที่เห็น หรือได้ยินบนโลกออนไลน์ ตามหลัก “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

สุดท้ายนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ บนเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.go.th หรือสายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

‘เศรษฐา’ จี้!! สืบหาตัว ‘บิ๊กตำรวจ’ คุยโวสนิทผู้ใหญ่ ใน ป.ป.ช. หลังโซเชียลชี้เป้า ‘บิ๊กโจ๊ก-สุภา’ ส่อแวว ถึงเวลาปฏิรูปองค์กร!!

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีการถามไถ่กันให้วุ่นว่า คลิปเสียง ‘ตำรวจใหญ่’ ที่คุยว่าสนิทสนมกับ ‘ผู้ใหญ่’ ใน ป.ป.ช. สามารถกำหนดคดี–ชี้ชะตาคนได้ ที่หลุดว่อนโซเซียลฯ ในเวลานี้ นายตำรวจใหญ่ผู้นี้เป็นใคร และผู้ใหญ่ใน ป.ป.ช.นั้น หมายถึงใคร?

ประการสำคัญ มีคำถามว่า ทำไม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ‘ป.ป.ช.’ องค์กรอิสระที่ต้องทำงานด้วยความโปร่งใส ยึดถือความถูกต้องและยุติธรรมถึงได้ปล่อยให้ ‘คนนอก’ เข้ามาแทรกแซงด้วยความอหังการ มมังการ ประหนึ่งควบคุม ป.ป.ช. ไว้ในอุ้งมือ!!

‘ป.ป.ช.’ เป็นองค์กรอิสระแต่กลับไม่มีอิสระซะงั้น!?

ลองย้อนไปฟังที่นายตำรวจคนนี้พูดดู…

“เออ ไล่ออกปลดออกนะ แต่อาญาน่ะมันติดคุกนะ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอกผม ส่ง ป.ป.ช.เนี่ย ป.ป.ช.ไม่ทำเรื่องคุณหรอก เดี๋ยว ป.ป.ช.ส่งมาให้ผมกลับมาทำเองนะ เออ คุณไม่ต้องกังวล เร็วแน่นอน ทุกเคสที่ผมทำ ไม่มี ป.ป.ช.รับหรอก แต่มีการพูดตรวจสอบทรัพย์สิน ตอนนี้ ‘ท่านXXX’ เขาตั้งเรื่องแล้ว นี่เรียกนายเวรเข้าไปด้วยคนหนึ่ง…”

ความระหว่างบรรทัดที่ออกจากปากเจ้าของเสียงในคลิปพูด จะเห็นได้เลยว่า ตัวเองคุมเกมคดีที่ ป.ป.ช.ได้เองเบ็ดเสร็จ โดยความร่วมมือของคนใน ป.ป.ช.

เรียกว่า “ใหญ่คับ ป.ป.ช.” จริงๆ!!

หลังคลิปนี้เผยแพร่เป็นวงกว้าง จึงสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

คนของทั้ง 2 องค์กร พูดกันมาให้เข้าหูเลยว่า นี่เป็นความเสื่อมที่สุดของทั้งตำรวจ และ ป.ป.ช. เพราะนายตำรวจใหญ่ที่เป็นลุงแก่อำนาจเพียงคนเดียว!! เพราะผู้ใหญ่ใน ป.ป.ช. ที่ว่ากันว่า เป็นถึงกรรมการ ป.ป.ช.ยอมเป็นเครื่องมือให้ความช่วยเหลือ ‘คิดบัญชี’ ชำระแค้นคนนั้น คนนี้ อย่างนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. ไม่น่าเชื่อว่า จะตกต่ำได้ขนาดนี้

เรื่องนี้เป็น ‘หลุมดำ’ จะสร้างวิกฤติศรัทธาให้กับ ป.ป.ช. อย่างแน่นอน และความหนักหนาสาหัสของเรื่องนี้ ก็มีความจำเป็นเพียงพอที่จะต้อง ‘ปฎิรูป ป.ป.ช.’ ยกใหญ่

ไม่ใช่แค่คนใน สตช. และ ป.ป.ช. ที่พูดกัน ฟังว่าเรื่องไปเข้าหู ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงกับเอ่ยปากต่อสื่อว่า “นี่เป็นเรื่องสำคัญ ต้องสืบมาให้รู้แจ้ง ยืนยันให้ได้ว่าเป็นเสียงของนายตำรวจใหญ่จริงหรือไม่ สืบทราบได้หรือเปล่าว่าเป็นใคร? หากเป็นเรื่องที่พอจะมีหลักฐานที่จะนำไปขยายผลต่อได้ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย”

นายกฯ ออกโรงส่งสัญญานมาแบบนี้ ก็ต้องถามไปยัง ‘พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ’ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. หรือ ‘บิ๊กต่อ’ ท่านยังจะไม่ดำเนินการอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ?

คลิปหลุดงานนี้ ภาษาชาวบ้านเขาว่า ‘ชุดใหญ่ไฟไหม้บ้าน’ ขนาดนี้แล้ว ควรต้องทำตามคำของนายกฯ หาตัวนายตำรวจใหญ่ และ บอร์ด ป.ป.ช. ที่ถูกอวดอ้างว่าสนิทสนมเร่งด่วนเลย สอบสวนให้ดูดำรู้แดง แล้วแจ้งต่อสาธารณะให้รู้ อย่างน้อยๆ ก็กู้วิกฤติศรัทธากันเฉพาะหน้ามาก่อน

โดยเฉพาะ ป.ป.ช.ที่ถูกแอบอ้างเสียหายเต็มๆ พล.ต.อ.วัชรพล ต้องอย่าช้า!! ของพรรค์นี้สืบกันไม่ยาก สมัยนี้อย่าประมาทชาวโซเชียลฯ เด็ดขาด นักสืบโซเชียลฯ ทำงานกันเร็ว

หากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แนะนำให้ลองไถฟีดไล่ตามคอมเมนต์ข่าวนี้ดู จะเห็นคำตอบของเจ้าของคลิปเสียงที่ชาวโชเชียลฯ ส่วนใหญ่ชี้เป้าไปที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เจ้าของฉายา ‘โจ๊ก หวานเจี๊ยบ’

ขณะที่คนใหญ่คนโต ป.ป.ช.ที่ถูก ‘บิ๊กโจ๊ก’ เอ่ยอ้างว่าสนิทสนมด้วยนั้น คือ ‘น.ส.สุภา ปิยะจิตติ’ กรรมการ ป.ป.ช.ที่จะพ้นวาระในอีกไม่กี่วันข้างหน้า!!

นักสืบโซเชียลฯ ยังล้วงลับตับแตกถึงความสัมพันธ์ของ ‘บิ๊กโจ๊กและสุภา’ นั้นไม่ธรรมดา อาจจะเพราะบิ๊กโจ๊กเข้าหาผู้ใหญ่เก่ง พูดจาอ่อนน้อม อ่อนหวาน ทำงานคล่องแคล่วว่องไว สุภาจึงไว้วางใจ

บิ๊กโจ๊ก มาเติมเต็มในส่วนที่ สุภา ขาดในเรื่องสืบสวนสอบสวน เวลาผ่านไปจาก ‘รู้จัก’ ก็กลายเป็น ‘มักคุ้น’ รู้ซึ่งกันและกัน แต่ความเป็นบิ๊กโจ๊กที่ทั้งชีวิตเป็นตำรวจจะเก่งเรื่องเก็บกุมความลับของคน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สุภาที่คนใน ป.ป.ช.เรียกขานฉายา ‘ภาไม่ยอม’ เหตุไฉนจึงโอนอ่อนผ่อนตามบิ๊กโจ๊กได้นั้น อาจเพราะจำยอม จำนน เพราะถูกกุมความด้วยเหตุฉะนี้หรือไม่!?

สุภา จะรู้หรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ แต่... รู้กันในหมู่สีกากีว่า ฉายา ‘หวานเจี๊ยบ’ ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่พึงระวังหวานมาก ก็กลายเป็นขมได้!!

ผู้ใหญ่หลายคนที่เคยสัมผัส และให้ความเอ็นดูกับบิ๊กโจ๊ก เคยเจอกันมาแล้ว ทุกวันนี้ยังรักษาอาการ ‘หลังหัก’ ไม่หาย

ไม่ทราบว่า บิ๊กโจ๊กยังพอจะจดจำคนเหล่านี้ได้หรือไม่… พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร., พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ หรือแม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘ลุงป้อม’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บุคคลเหล่านี้ถ้าจะบอกว่าเป็น ‘ผู้มีพระคุณ’ สำหรับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ไม่ผิดนัก!!

โดยเฉพาะ ‘ลุงป้อม’ ใครๆ ก็รู้ เอ็นดูบิ๊กโจ๊กเหมือนหลานในไส้ แต่ก็มีเรื่องงามไส้ของ ‘ป่ารอยต่อฯ’ ที่ว่ากันว่าหลุดมาจากแฟ้มลับในคอมพิวเตอร์ของหลานรัก ไปถูกอภิปรายในสภาฯ

หรือกระทั่ง ‘พี่น้อง 3 ป.’ ของลุงป้อมอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ ‘ลุงตู่’ สมัยนั่งเป็นนายกฯ ก็เคยถูกฟ้องมาแล้ว

เรียกว่า ‘คนเรา รู้หน้าไม่รู้ใจ’ อุตส่าห์หยิบยื่นความรักความเมตตาให้… แต่สิ่งที่ได้คืนไม่ต่างจากเรื่องราวกับชาวนากับงูเห่า เพียงเพราะต้องการทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเอง!!

ว่ากันว่า คอมพิวเตอร์ของบิ๊กโจ๊กนั้นเก็บทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งลับ และไม่ลับ เมื่อไหร่ก็ตามที่มิตรกลับกลายเป็นศัตรู วันดีคืนดี ก็จะมีข้อมูลหลุดออกมาด้อยค่าคนๆ นั้นทันที

แว่วว่าในแวดวงของผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักมักคุ้นกับบิ๊กโจ๊กต่างก็เตือนกันและกันว่า “จงระวัง ถูกเก็บข้อมูลเอาไปบิดเบือนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้”

ไม่แปลก คนที่รู้ซึ้งจะเปลี่ยนฉายาจาก ‘โจ๊กหวานเจี๊ยบ’ กลายเป็นคนที่ยากจะไว้ใจ!!

นี่ไม่ขอยืนยันข้อเท็จจริงว่า จะใช่ หรือ ไม่ใช่… เรื่องจริง หรือ ไม่จริง เพราะเป็นนักสืบชาวโซเชียลฯ ว่ากันมา

ขอย้ำว่า ไม่ยืนยันว่า จริงหรือเท็จ มีแต่เจ้าตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เท่านั้นที่จะรู้ โดยบิ๊กโจ๊กเคยบอกว่า เรื่องครหา ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับตัวเขาเองเป็น ‘นิทาน’ ที่ยิ่งเล่าขาน ก็ยิ่งขยายแต่งเติมออกไปไม่รู้จบ…

ตัวเขาเองยึดคติที่ว่า “ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาชูกำลัง” จึงไม่หวาดหวั่นกับศัตรูที่นาทีนี้ มากมายจริงๆ

จะด้วยเหตุผลใช่ ‘นิทาน’ หรือ ‘เรื่องจริง’ ก็ตาม งานนี้เห็นทีเป็นหน้าที่ของ พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน ป.ป.ช. และ หน้าที่ของ ผบ.ตร. อย่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่ต้องค้นหาความจริง สอบสวน สืบสวนกันเอาเอง

คำถามย่อมเกิดขึ้นมาว่า ระหว่าง บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. สนิทสนมกันจริงหรือไม่?

ถ้ามีความสัมพันธ์แนบแน่น มีคดีไหนบ้างที่บิ๊กโจ๊กทำแล้วส่งให้ ป.ป.ช. และมีคดีไหนที่ ป.ป.ช.รับมาแล้วมี น.ส.สุภาเป็นประธานสอบ พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน ป.ป.ช.ควรต้องรู้ และรู้อยู่แล้วหรือไม่? ก็ต้องขยายผล หาข้อมูลมาคลี่กางดู จะได้พิสูจน์ทราบ

ต้องไม่ลืมว่า องค์กร ป.ป.ช.ตอนนี้อ่อนไหวกับเรื่องนี้มาก เสียงลือเสียงเล่าอ้างต่างๆ พุ่งมาทุกทิศทุกทาง โดยเฉพาะการ ‘เลือกปฏิบัติ’ ต่อคดีที่ ป.ป.ช.กรรมการบางคนรับผิดชอบทำคดี

เพียงเพื่อกำจัดคน ‘คิดบัญชี’ ชำระแค้น สร้างเรื่อง ปั้นคดี ข่มขู่พยาน ใส่ร้ายป้ายสี กลั่นแกล้งให้ต้องได้รับโทษ ต่างๆ เหล่านี้ ไม่ควรมีอยู่ใน ป.ป.ช.

หากเป็นไปตามที่คลิปเสียงหลุดระบุ นั่นหมายความว่า จะมีคดีที่ถูกสร้างขึ้น ใส่ร้ายป้ายสี กลั่นแกล้งกันหรือไม่?

ถามว่าคดีที่ถูกพิจารณาตรวจสอบโดย สุภา ทั้งที่ผ่านมา และกำลังเป็นอยู่ มีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน? ควรหรือไม่ควร ที่จะต้องรื้อฟื้นคดีเหล่านั้นขึ้นมาดูใหม่?

พล.ต.อ.วัชรพล ประธาน ป.ป.ช. มีเผือกร้อนในมือแล้ว สังคมกำลังจับตาดูว่าท่านจะทำอย่างไร?

นี่คือความอัปยศอดสู เป็น ‘หลุมดำ’ ของ ป.ป.ช. หากไม่ทำอะไรให้กระจ่าง ก็เตรียมตัว… ไม่ใช่แค่ ป.ป.ช.จะว้าวุ่น แต่จะทรุดลงไปกองฮวบกับพื้นด้วยวิกฤตศรัทธาในทันที!!

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,  พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. และ 
พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ. ศปอส.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหายจากการหลอกลวงบนโลกออนไลน์อีกทั้งในช่วงนี้คนร้ายยังเริ่มกลับมาแอบอ้างการไฟฟ้าในการหลอกลวงประชาชนผ่านทางออนไลน์

ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนถึงพฤติการณ์ของคนร้าย ดังนี้
คนร้ายแอบอ้าง การไฟฟ้าลงแอพดูดเงิน
คนร้ายโทรติดต่อหาเหยื่อผ่านทางโทรศัพท์อ้างว่า เหยื่อได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าหรือคืนค่าประกันมิเตอร์โดยเหยื่อต้องดำเนินการในแอพของ PEA คนร้ายได้ให้เหยื่อเพิ่มเพื่อนผ่านทางไลน์และส่งลิ้งก์ให้ดาวน์โหลด Application PEA ซึ่งเป็น Application ปลอมที่คนร้ายได้สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมเครื่องมือถือของเหยื่อ เมื่อเหยื่อได้ดาวน์โหลด Application ดังกล่าวลงเครื่อง คนร้ายได้ให้เหยื่อทำตามขั้นตอนตามคำสั่งในแอปฯ

ทั้งการยืนยันใบหน้าให้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมรหัสผ่านธนาคาร จากนั้นโทรศัพท์ของเหยื่อเกิดค้าง เพราะคนร้ายกำลังทำการควบคุมเครื่องเหยื่อจากระยะไกล เมื่อมีข้อความเด้งว่าเงินถูกโอนออกไปจากบัญชี เหยื่อจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก
ตัวอย่างข้อความ SMS ที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงเหยื่อ

PEA ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลหรือส่งลิงก์กับผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของ PEA ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดก็ตาม หากผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับข้อความดังกล่าวอย่าหลงเชื่อ ทั้งนี้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถสังเกตช่องทางที่ถูกต้องของ PEA ดังนี้

1. LINE Official Account ของ PEA คือ @PEAThailand และมีสัญลักษณ์โล่สีเขียว ที่ผ่านการรับรองจาก LINE 
2. Website ต้อง www.pea.co.th
3. แอปพลิเคชัน PEA Smart Plus ต้องดาวน์โหลดผ่านทาง App Store และ Play Store เท่านั้น

สำหรับช่องทางรับรู้ข่าวสารเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.go.th

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติสัญจร พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์แก่ผู้ช่วย ผบ.ตร. 6 ท่าน และใบประกาศเกียรติคุณผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 แก่หน่วยงาน

วันนี้ (22 ม.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมซีบอร์ด 3 โรงแรมฮิลตัน จ.ชลบุรี โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 และผู้บังคับบัญชาในสังกัด ภ.2 ร่วมประชุม นอกจากนี้ มีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุม

ก่อนการประชุม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์แก่ผู้บังคับบัญชาระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. จำนวน 6 นาย ได้แก่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ , พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ , พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี , พล.ต.อ.อิทธิพล อัจริยะประดิษฐ์ , พล.ต.ท.ณพวัฒน์ อารยางกูร รอง จตช. 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มอบใบประกาศเกียรติคุณผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 โดยแบ่งเป็นประเภทความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไปและความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อันดับ 1 ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบช.ภ.4 เป็นผู้รับมอบ และประเภทการจับกุมบุคคลตามหมายจับ อันดับ 1 ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล , อันดับ 2 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 1 พลตำรวจโท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 เป็นผู้รับมอบ , อันดับ 3 ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 เป็นผู้รับมอบ สำหรับรางวัลผู้จับกุม หรือชุดจับกุม คดีที่มีลักษณะการจับกุมที่แสดงถึงไหวพริบปฏิภาณของผู้จับกุม หรือมีลักษณะพิเศษน่าสนใจ จำนวน 16 รางวัล จะได้มอบให้ผู้แทนแต่ละกองบัญชาการ นำรางวัลจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบแก่ผู้ปฏิบัติในการประชุมบริหารของแต่ละหน่วยเพื่อเป็นเกียรติต่อไป

ที่ประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการพิจารณาทบทวนแก้ไขคำสั่ง ตร.ที่ 419/2556 ในการลดขั้นตอนการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนที่ไม่จำเป็น เพื่อยกระดับการทำงาน คุณภาพชีวิต การเจริญเติบโตของพนักงานสอบสวนให้ดียิ่งขึ้น สร้างขวัญกำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชน และพิจารณาการเตรียมความพร้อมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ มีการรายงานข้อมูลสถิติคดีอาญาที่เกิดขึ้นจริงมาใช้วิเคราะห์ เพื่อวางแผนในการบริหารงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม , รายงานร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 , แนวทางการปฏิบัติงานจราจร และการดำเนินการในความผิดที่มีโทษปรับเป็นพินัยตามกฎหมายเกี่ยวกับการจราจร นอกจากนี้ ตำรวจภูธรภาค 2 ได้รายงานการขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน และผลการปฏิบัติงานที่สำคัญด้วย

เริ่มแล้ว !!! การแข่งขันชุดปฏิบัติการพิเศษระดับโลก UAE SWAT Challenge 2024  ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 3-7 กุมภาพันธ์นี้ ผล.ตร. ร่วมส่งกำลังใจเชียร์ทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3 ทีม ที่เข้าร่วมแข่งขัน

เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งกำลังใจให้ทีมชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่เข้าร่วมการแข่งขัน UAE SWAT Challenge 2024  ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2567 โดยวานนี้เป็นการแข่งขันวันแรก

การแข่งขันในปีนี้ ประเทศไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งผู้เข้าร่วมแข่งขันไปเข้าร่วมทั้งประเภทชายและหญิงรวม 3 ทีม จากหน่วยคอมมานโด , อรินทราช 26,นเรศวร 261 , หน่วยปฏิบัติพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 1-9 และถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้จัดส่งทีมปฏิบัติการพิเศษหญิงเข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้

โดยการแข่งขันจะมี 5 สถานการณ์ ได้แก่ ยุทธวิธี (Tactical) , การโจมตี (Assault Event)  , การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ (Officer Rescue) , การโจมตีตึกสูง (Tower Assault) และเครื่องกีดขวาง (Obstacle Course) มีคณะกรรมการกลางจากผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ และในปีนี้มีทีมที่เข้าร่วมจากทั่วโลก 73 ทีม จากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เช่น ทีมประเทศเจ้าภาพ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) , ตำรวจสหรัฐอเมริกา 2 ทีม (NYPD และ San Antoio PD) , สาธารณรัฐประชาชนจีน 2 ทีม ,ฮ่องกง ,ประเทศแถบเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และประเทศในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันฯ โดยในปี 2566 (2023) ที่ผ่านมาตำรวจไทยได้ลำดับที่ 5 ของโลก

ทั้งนี้ จบการแข่งวันที่ 1 Tactical Event ผลการแข่งขันจาก 73 ทีม ทั่วโลก ทีม ROYAL THAI POLICE A ได้อันดับที่ 8 ทำเวลาไป 1.03.36 , ทีม ROYAL THAI POLICE B ได้อันดับที่ 17 ทำเวลาไป 1.10.60 , ทีม ROYAL THAI POLICE C (หญิง) ได้อันดับที่ 39 ทำเวลาไป 1.23.70

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันชุดปฏิบัติการพิเศษระดับโลก จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนช่วยกันลุ้นและส่งแรงใจ เชียร์ชุดปฏิบัติการพิเศษไทยในการแข่งขันครั้งนี้ไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ สามารถติดตามการถ่ายถอดพิธีเปิดและรับชมการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.67 เวลาประมาณ 20:30 น. เป็นต้นไป (หรือเวลาท้องถิ่นที่ดูไบ 17:30 น.) ได้ที่เว็บไซต์ https://uaeswatchallenge.com   

ชมสดพร้อมลุ้นคะแนนและอันดับการแข่งขันแบบ real time ได้ที่ 
https://www.youtube.com/live/dKKe9QJnt8A?si=2U0VruuytXDCh9_P

https://www.facebook.com/swatchallengeuae/
https://twitter.com/swat_challenge

https://www.instagram.com/uaeswatchallenge/

https://www.youtube.com/user/dubaipolicehq

https://www.tiktok.com/@uaeswatchallenge


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top