Sunday, 26 May 2024
สตูล

สตูล ตม.สตูลช่วยชีวิตชาวปากีสถานหิวโซ หมดเรี่ยวแรงเพราะลักลอบเข้าเมืองเดินเท้าข้ามภูเขาสูง 3 วัน 3 คืน หนีตายจากความกดดันจากประเทศเพื่อนบ้าน

พ.ต.อ.ธนิสร แสงท่านั่ง ผกก.ตม.จว.สตูล ได้สั่งการให้งานสืบสวนปราบปราม ร่วม บูรณาการกับตำรวจหน่วยต่างๆ เช่น กองปราบ ตำรวจน้ำ ตำรวจตระเวนชายแดน นำเรือตรวจการณ์ สตม.1-16 ของ ตม.จว.สตูล ออกตรวจพื้นที่ทางทะเล ไทย-มาเลเซีย และได้กำชับการปฏิบัติทางทะเลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ คำนึงถึงความ ปลอดภัย ไม่ประมาทในชีวิตและทรัพย์สิน โดยได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.วิชาญ นามแสงผา สว.ตม.จว.สตูล และเจ้าหน้าที่หน่วยร่วมบูรณาการออกเรือตรวจการณ์พื้นที่ทางทะเล ได้เดินเรือผ่านท่าเรือตำมะลัง มุ่งหน้าถึงรอยต่อทางทะเล ไทย-มาเลเซีย เมื่อมาถึงบริเวณ เกาะปูยูและเกาะนก ได้เรียกเรือชาวประมงพื้นบ้านเพื่อขอตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด แต่ชาวบ้านได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อสองวัน ก่อน ได้พบกับคนต่างด้าวไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ น่าจะหลงป่า มาหลับนอนในป่าชายเลนริมภูเขาเขตกั้นระหว่าง ชายแดนไทย-มาเลเซีย


ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้ชาวประมงแล่นเรือนำเรือของเจ้าหน้าที่เพื่อไปตรวจสอบ ได้แล่นเรือผ่าน คลองถ่ำ ในพื้นที่ป่าชายเลน  ติดเขตพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ทางทะเล เกือบสุดชายคลอง จากนั้นได้จอดเรือและเดินเท้าไปจนพบ ชายชาวปากีสถาน สวมเสื้อลาย กางเกงขา สั้น ไม่มีรองเท้า ไม่มีสัมภาระ มีเพียงกระเป๋าคาดเอวภายในมีคัมภีร์ไบเบิลจำนวนสองเล่ม พบ ลักษณะหิวโซ เบื้องต้นได้ให้ อาหาร ขนมและน้ำดื่ม จนสามารถสื่อสารได้สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี จึงได้สอบถามจนทราบว่า ชื่อ นายเดเนียล อายุ 23 ปีสัญชาติ ปากีสถาน ได้ลักลอบอาศัย (Overstay) และลักลอบทำงานที่ประเทศมาเลเซีย เป็นเวลา 3 ปีอยาก เดินทางกลับบ้านที่ประเทศปากีสถาน  และหนีความกดดันในพื้นที่ และ กลัวว่าจะได้รับโทษหนักที่ประเทศมาเลเซีย

สตูล นักท่องเที่ยวทะลักฉลองเทศกาลสงกรานต์ ตม.เตือนแรงงานไทยเดินทางกลับงดใช้ช่องทางธรรมชาติ

วันนี้ 12 เมษายน 2566 การเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ผ่านช่องทางชายแดนจังหวัดสตูลซึ่งมี 3 ช่องทาง นักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียและจากทวีปยุโรปแห่เดินทางผ่านชายแดนจังหวัดสตูลกันอย่างคึกคักโดยเฉพาะที่ถ้าเทียบเรือตำมะลังซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดสตูลและเกาะลังกาวีประเทศมาเลเซีย  ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากันไม่ขาดสาย  และเพื่อเป็นการต้อนรับในวันขึ้นปีใหม่ไทยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูลตั้งโต๊ะบริการนักท่องเที่ยวด้วยการนำน้ำดื่มและไอศครีมมาให้บริการฟรีเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยร่วมเฉลิมฉลองในวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่ไทย


สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านด่านชายแดนเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย และชาวยุโรปที่ต้องการจะมาร่วมเฉลิมฉลองและร่วมสนุกสนานในวันสงกรานต์ไทยด้วยการเล่นน้ำดับร้อน และเดินทางไปยังเมืองใหญ่รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะหลีเป๊ะเพื่อพักผ่อน และสัมผัสประเพณีที่งดงามของไทย


พันตำรวจเอกธนิสร   แสงท่านั่ง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสตูล กล่าวว่า ในช่วงนี้นักท่องเที่ยวและแรงงานจะเดินทางผ่านด่านชายแดนกันเป็นจำนวนมาก โดยจังหวัดสตูลมีด่านชายแดนทางเรือ 2 ด่านได้แก่ท่าเทียบเรือตำมะลังและด่านชายแดนเกาะหลีเป๊ะ-ลังกาวีประเทศมาเลเซีย  พร้อมกันนี้ยังมีด่านชายแดนวังประจัน บ้านวังเกรียนรัฐเปอร์ลิส  ประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นทางบก  3 ช่องทางที่นักท่องเที่ยวและแรงงานเดินทางเข้ามา  ในช่วงนี้วันละไม่น้อยกว่า 1,500 คน

 
สำหรับแรงงานไทยในต่างแดนที่จะเดินทางกลับบ้านเพื่อมาฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย   ทางตม.สตูลขอให้เดินทางผ่านช่องทางทั้ง 3 ด่านนี้โดยไม่อนุญาตให้เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ   เพราะทั้ง 3 ช่องทางจะมีทางเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว


นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

อบจ. สตูลดึงคนว่างงาน และ เจ้าของธุรกิจคาฟ่ ฝึกเป็น มือชง 'บาริสต้ามืออาชีพ' ต่อยอดกลับค้าขายเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ดีขึ้นในช่วงสภาพอากาศที่ร้อนจัด และกลุ่มคนมีความฝันอยากเปิดร้าน กลับไปทำเป็นสร้างงานในอนาคต

วันนี้ 2 พฤษภาคม 2566 จากสภาพอากาศในปัจจุบันนี้ในพื้นที่จังหวัดสตูล มีอากาศร้อนจัดทำให้ ร้านขายเครื่องดื่มเย็น ร้านติดแอร์ ร้านขายน้ำ กาแฟ หรือ ร้านคาเฟ่ กลายเป็นจุดสนใจ กลุ่มคนชอบทานเครื่องดื่ม และหลบร้อน แต่สิ่งหนึ่งความสำคัญ มีร้านที่สวยงามแต่ละแห่ง เป็นเพียงตัวเสริมของคนแวะไปเที่ยว ถ่ายรูป เช็คอิน แต่สิ่งหนึ่ง รสชาติของเครื่องดื่มต่างๆ ทั้งร้อนและเย็น โดยเฉพาะคอกาแฟต้องถูกใจ ถึงรสชาติ ที่ถูกปาก จึงสามารถสร้างรายได้และ ร้านอยู่อย่างมั่นคง  

ดังนั้นนายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอาชีพผลิตภัณฑ์ OTOP ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ 'หลักสูตรบาริสต้ามืออาชีพ' ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลชั้น 4 ตำบลคลองขุดอำเภอเมือง จังหวัดสตูล ได้ดึง กลุ่มคนว่างงาน ตกงาน นักศึกษาที่มีความฝันอยากเปิดร้านขายเครื่องดื่มเย็น ๆ และ เจ้าของผู้ประกอบการเปิดร้านคาเฟ่ ร้านกาแฟ ขายเครื่องดื่มเย็นในพื้นที่ของจังหวัดสตูล ที่ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว ในพื้นที่ทั้ง 7 อำเภอ เชิญมาอบรมมาเรียนรู้การคัดสรรเมล็ดพันธุ์กาแฟ แลละการชงปรุงแต่งรสชาติถูกใจกลุ่มคนชอบดื่มของเย็นๆ กาแฟเย็น กาแฟร้อน ความรู้เพิ่มเติม ภายใต้โครงการ จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนากลุ่มอาชีพผลิตภัณฑ์ OTOP ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรบาริสต้ามืออาชีพ “ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลชั้น 4 ตำบลคลองขุดอำเภอเมืองจังหวัดสตูล 

โดยมีนายภัทรพล มะลิสด หรือ พี่หน่อง วิทยากรสอนการชงกาแฟ เครื่องดื่ม ร้อน และ เย็น หรือ  บาริสตามืออาชีพ ที่กำลังสอนกลุ่มผู้เข้าอบรม คนว่างงาน และกลุ่มคนที่สมัครเข้าเรียนอบรมที่จะกลับไปประกอบอาชีพ ขายเครื่องดื่มกาแฟเย็นในการเปิดร้าน สร้างอาชีพในอนาคต ต่อไป 

‘ซุ้มหมู’ ทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองโบราณจากบรรพบุรุษ อายุ 217 ปี สีขาวนวลเนื้อแน่น คุณภาพเน้นๆ ขึ้นแท่นรุกขมรดกของแผ่นดิน

(21 ก.ค. 66) ภายในสวนทุเรียน หมู่ 3 บ้านหัวกาหมิง ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล อิหม่ามผู้นำศาสนาอิสลามพร้อมชาวบ้าน มาร่วมสวดดุอาร์ขอพรให้กับนางสาวอรัญนาถ ฉลาดเลิศ อายุ 53 ปี เจ้าของสวนทุเรียนโบราณอายุ 217 ปี ที่ทำนูหรี ด้วยการใช้ทุเรียนโบราณอายุ 217 ปีจำนวน 50 ลูก (ซึ่งประเพณีงานบุญจัดเลี้ยงอาหารอย่างไม่เป็นทางการ) โดยทางเจ้าของสวนต้องการจะทำบุญเลี้ยงและขอบคุณบรรพบุรุษ ที่มอบต้นทุเรียนโบราณพันธุ์ ‘ซุ้มหมู’ ให้มีผลผลิตในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 10,000 ลูก เช่นเดียวกันกับปีนี้ที่ให้ผลผลิตมากถึง 2 รุ่น

ปัจจุบันทุเรียนโบราณต้นนี้ตั้งเด่นตระหง่านเพียงต้นเดียวสูงขนาด ตึก 8 ชั้น และใหญ่มากถึง 21 คนโอบ ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคทั้งใกล้และไกล สั่งซื้อกันไม่ขาดสาย ด้วยสายพันธุ์ที่มีรสชาติเนื้อครีม หวานกำลังดีไม่มีกลิ่นแรงทำให้หลายคนติดใจ สั่งซื้อในราคากิโลกรัมละ 80 บาทและสั่งต้นพันธุ์ขายในราคาต้นละ 600 บาทเพื่อไปปลูก

นางสาวอรัญนาถ ฉลาดเลิศ เจ้าของสวนทุเรียนโบราณ บอกว่า ปกติทุกปีจะทำนูหรีเพื่อเลี้ยงญาติพี่น้องและทำบุญให้กับบรรพบุรุษที่มอบต้นทุเรียนโบราณนี้มาให้มีผลผลิตดีทุกปี และยืนต้นสง่า งดงามจนเป็นที่รู้จักกล่าวขานไปทั่วประเทศถึงอายุที่ยืนยาว

นางอภิวันท์ ทองแท่น เกษตรอำเภอควนกาหลง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอควนกาหลง บอกว่า ทุเรียนพันธุ์พื้นเมือง ‘ซุ้มหมู’ มีสีขาวนวล แต่เนื้อแน่นหนา ไม่ขม กลิ่นไม่ฉุนแรง ทางเจ้าของสวน มีความตั้งใจจะอนุรักษ์ ดูแลทุเรียนพันธุ์ดังกล่าวเป็นอย่างดี เพื่อให้ลูกหลานและผู้คนที่หลงใหลในการลิ้มรสทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองได้ชิม

ทุเรียนบ้านโบราณพันธุ์ซุ้มหมู ความเป็นมาอดีตจุดนี้เคยเป็นสถานที่อยู่ของหมูป่า และตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ พ.ศ.2349 สมัยรัชกาลที่ 5 ราคาสูงกว่าทุเรียนบ้านทั่วไปเนื่องจากมีความพิเศษตรงที่เนื้อของทุเรียน แม้จะเป็นสีขาวนวล แต่เนื้อแน่นหนา ไม่ขม กลิ่นไม่ฉุนแรงเหมือนทุเรียนบ้านทั่วไปและกรอบนอกนุ่มใน เม็ดเล็ก ลูกมีหลายขนาด ซึ่งเจ้าของต้องรอให้สุกหล่นจากต้นเท่านั้นถึงจะเก็บมากินหรือจำหน่ายได้ เนื่องจากต้นมีความสูงใหญ่มากต้นทุเรียนบ้านโบราณ พันธุ์ซุ้มหมูนี้ยังได้รับประกาศเกียรติบัตรการันตีจากอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นรุกขมรดกของแผ่นดินใต้ร่มพระบารมี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้กำกับดูแลและเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาท โดยใช้การบังคับใช้กฎหมายนำการเจรจา ใช้การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กรมที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมการปกครอง กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถนำเอาพื้นที่ถนนที่ประชาชนใช้ในการสัญจรคืนกลับมาให้กับชุมชนได้ นอกจากนี้ยังได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อแก้ไขการพิพาทเรื่องที่ดินให้ถูกต้อง รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของชาวเลในพื้นที่เช่น การทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่อุทยาน การตรวจสอบรังวัดที่ดินที่ถูกรุกล้ำเพื่อคืนพื้นที่ให้กับชาวบ้าน เป็นต้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (29 ส.ค.66) เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พร้อมด้วย นายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกรรมการสิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ โดยในที่ประชุมวันนี้ได้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเรือประมงพาณิชย์ซึ่งลักลอบทำประมงในเขตอุทยานจำนวน 15 คดี ได้มีการออกหมายเรียกเจ้าของเรือ ไต๋เรือ และลูกเรือทั้งหมดแล้ว และได้ตรวจยึดเรือประมงของกลางรวม 26 ลำ จากทั้งหมด 28 ลำ อีก 2 ลำกำลังเตรียมการส่งมอบให้เรียบร้อย ในส่วนของการดำเนินคดีกับบุกรุกพื้นที่อุทยานนั้น หลังจากที่ได้ดำเนินการรังวัดพื้นที่โดยชัดเจนเรียบร้อยแล้วนั้น จะพิจารณาหากพบมีส่วนพื้นที่ใดที่ล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่อุทยาน ทางกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีทุกจุดต่อไป ในส่วนของโรงแรมที่พักต่างๆ จะมีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรงแรมทั้งหมด และจะติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจนแล้วเสร็จ นอกจากนี้จะยังมีการพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบการกระทำผิดดังกล่าวจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจลำรางสาธารณะ และพบปะชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะหลีเป๊ะนั้น ในวันนี้ได้มีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งหลายส่วนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว อาทิ คดีการลักลอบทำประมงในเขตอุทยาน ได้มีการตรวจยึดมาแล้วใกล้จะครบ 28 ลำ และจะติดตามผุ้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ครบถ้วน ส่วนของการบุกรุกพื้นที่อุทยาน ขณะนี้การรังวัดดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะเห็นภาพชัดเจนว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้ใดบ้าง ซึ่งกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนนี้ทั้งหมด รวมถึงในส่วนของโรงแรมบนพื้นที่ที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงแรม ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดเช่นกัน หลังจากนี้จะเริ่มพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินคดีไม่มียกเว้นให้ถึงที่สุด จากนั้นจะดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และประเทศชาติต่อไป

'ปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ' การันตีปลอดจากสารพิษ ทำขายเองกว่า 16 ปี สร้างรายได้กว่า 2 แสน/เดือน

ที่บ้านควนไสน หมู่ที่ 9 ตำบลควนสตอ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล ที่นี่เป็นบ้านของ ‘ก๊ะบ๊ะ’ หรือ นางสุไวบ๊ะ ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ มีปลาเค็มแดดเดียวจำนวนมากมายหลากหลายชนิดนับ 1,000 กิโลกรัมตากเพื่อรอเวลาในการเก็บไปขายยังตลาดนัดในหมู่บ้าน เหมือนกับปลาเค็มทั่วไป

แต่! ปลาเค็มที่นี่มีความพิเศษคือเป็นปลาเค็มในมุ้ง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘ปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ’ แม่ค้าปลาเค็มที่นี่จะทำปลาเค็มเอง ขายเองมานานกว่า 16 ปี งานนี้การันตีเต็มร้อยว่าเป็นปลาเค็มที่นี่ปลอดจากสารพิษ และเป็นปลาที่ไม่เค็มเกินไป

ที่นี่มีปลาหลากหลายชนิดที่นำมาทำปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาจวด ปลาหลังเขียว ปลาหลังแข็ง นอกจากนี้ยังมีปลาสละ หรือปลาสีเสียดขาว ตัวโตแบบผ่าหลังจำหน่ายด้วย ปลาเนื้อแดดเดียว ปลาเนื้อนิ่ม โดยเฉพาะปลาเนื้อส้ม กล้าพูดเต็มปากเลยว่ามีที่ตนทำเพียงรายเดียวในจังหวัดสตูล ส่วนราคาก็จะแตกต่างกันไป

โดยปลาหลังเขียวขายดีสุดกิโลกรัมละ 70 บาท ปลาหลังแข็งกิโลกรัมละ 80 บาท อันนี้ก็ขายดี นอกจากนี้ปลาจวดกิโลกรัมละ 100-120 บาท ส่วนปลาสีเสียดกิโลกรัมละ 100 บาท และปลาสละ หรือปลาสีเสียดขาว ตัวโตกิโลกรัมละ 200 บาท

ทางร้านจะทำปลาสองอาทิตย์ประมาณ 2,000 กิโลกรัม โดยเป็นปลาของชาวประมงในพื้นที่จังหวัดสตูลที่นำมาส่งให้ถึงที่ ปลาก็จะทำกันเองสองคนสามีเพราะเป็นธุรกิจในครัวเรือน และออกไปขายกันเองที่ตลาดนัดดุสน ตลาดนัดควนโดน และตลาดนัดฉลุง ซึ่งเป็นตลาดในชุมชนหมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีลูกค้าสั่งมาจากต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศมาเลเซียเพื่อนบ้านก็จะหิ้วกลับไปคนละ 50 - 100 กิโลกรัมก็มี

อนาคตวางแผนว่าจะให้บุตรสาวที่กำลังเรียนใกล้จะจบการศึกษามาต่อยอด ทำการค้าผ่านธุรกิจออนไลน์ด้วย เพราะรุ่นตนยอมรับว่าไม่ค่อยถนัด

นางสุไวบ๊ะ ดาแลหมัน อายุ 44 ปี เจ้าของปลาเค็มกางมุ้งก๊ะบ๊ะ บอกว่า จุดเริ่มต้นของอาชีพนี้ด้วยพ่อแม่ยากจนมาก เลี้ยงลูก 6 คน ด้วยปลาเค็ม ทานไปทานมาแพ้ปลาเค็มจนปากเจ่อ จึงเกิดแนวคิดที่จะทำปลาเค็มเอง จึงทดลองทำจาก 20-30 กิโลกรัมแรกๆ ให้เพื่อนบ้านทดลองทานบ้าง หลายคนว่าอร่อยจนมั่นใจจึงยึดเป็นอาชีพ ทำสองคนสามี มาวันนี้สามารถเลี้ยงบุตร 3 คนได้อย่างสบาย และมีที่ดิน 2 ไร่ที่ขยายกิจการ ทำกางมุ้งเพื่อหวังให้คนบริโภคได้ทานอย่างมั่นใจ รายได้ต่อเดือนไม่หักค่าใช้จ่าย 200,000 บาท

มาวันนี้บวกกับได้คู่ชีวิตที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ช่วยกันทำปลาเค็มกางเค็มกางมุ้งบนพื้นที่ 2 ไร่เพื่อป้องกันแมลงวันและแมลงหลากหลายชนิดโดยไม่ต้องพึ่งยา บนพื้นที่นี้ยังมีน้องสามีมาทำด้วยอีกแรง นอกจากนี้ยังทำแบบครบวงจร คือมีบ่อบำบัดน้ำเสีย ไหลสู่แปลงผักบุ้งเป็นปุ๋ย ที่โตเก็บไปให้อาหารปลาดุก และแพะ เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

สำหรับท่านใดที่สนใจปลาเค็มกางมุ้งสูตรต่าง ๆ สามารถโทรติดต่อได้ที่ 065-057-4781 หรือที่เบอร์ 062-359-9674 หรือที่เฟส สุไวบ๊ะ ดาแลหมัน

สตูล ทัพเรือภาคที่ 3 ช่วยชีวิตลูกเรือประมงปลาเรือกระตัก ชาวเมียนมา ถูกสายสมอเรือพันขาข้างซ้ายตัดหวิดขาด

วันนี้ 16 มกราคม 2567 พลเรือโท สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 สั่งการให้หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะหลีเป๊ะ ( นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ ) เข้าช่วยเหลือลูกเรือประมงที่ประสบอุบัติเหตุขณะทอดสมอเรือ ข้อเท้าซ้ายเกือบขาด 

หลังจากที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ ทรภ.3 1696 (สายด่วน ทรภ.๓) ได้รับแจ้งจากนายอรุณ ชูประสิทธิ์ ไต๋เรือ ว่า นายเวร อายุ 56 ปี เป็นชาวเมียนมาลูกเรือประมงอวนครอบปลากะตักชื่อ ณรงค์ชัยวารี 7 ประสบอุบัติเหตุถูกสายสมอเรือพันขาขณะทิ้งสมอได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าซ้ายเกือบขาดอาการสาหัส นรภ.ทร.เกาะหลีเป๊ะ จึงได้จัดกำลังพล และเรือ RIB เดินทางเข้าให้การช่วยเหลือทำการห้ามเลือดด้วยการใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือปิดบริเวณบาดแผล และดามกระดูกข้อเท้าให้อยู่นิ่งป้องกันการฉีกขาดและได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม พร้อมกับนำผู้ป่วยขึ้นฝั่งที่สถานีเรือละงู นำส่งรถกู้ชีพฉุกเฉิน รพ.ละงู ทำการรักษาพยาบาลต่อไป

สตูล เปิดปฏิบัติการตรวจสกัดแรงงานต่างด้าวในประมงผิดกฏหมาย


นายสุขเกษม ศรีงาม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ  บูรณาการการกำลังการตรวจร่วมเรือประมง (ซึ่งประกอบด้วย  จัดหางาน,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน,ตำรวจน้ำ,ตม.สตูล ,ศรชล,ฯลฯ ประมงจังหวัดสตูล  )โดยนำเรือตรวจประมงทะเล 614 พร้อมเรือยาง 14 ตรวจตามแผนงานยุทธศาสตร์จัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์โครงการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวและการค้ามนุษย์ด้านการประมง ที่บริเวณปากร่องน้ำปากบารา  และหลังเขาใหญ่ เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา น่านน้ำติดอำเภอละงู  จังหวัดสตูล  

หลังการข่าวกองทัพเรือพบว่าในห้วงเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมีนาคม   เป็นห้วงที่มีการอพยพของชาวโรฮิงญา  จากรัฐยะไข่ ผ่านมาทางน่านน้ำชายแดนจังหวัดสตูลที่อาจจะมีการพลัดหลงเข้ามาตามเกาะแก่งได้  พร้อมกันนี้การตรวจตราเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนเรือประมงพาณิชย์ให้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย

โดยแผนปฏิบัติการในครั้งนี้ได้สุ่มตรวจเรือประมง 6 ลำ  เป็นเรือพาณิชย์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ขนาด 10 ตันกรอสขึ้นไป  ตรวรความพร้อมของเรือให้เป็นไปตามกฎหมาย  ตรวจใบอนุญาตใช้แรงงาน และแรงงานตรงตามที่ขออนุญาตหรือไม่ โดยมีการตรวจอุปการณ์ในเรือ สัตว์น้ำ อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดกับเรือได้  

นายสุขเกษม ศรีงาม หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวว่า การตรวจในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของชุดสหวิชาชีพ  หลังการข่าวพบว่าช่วงนี้จะมีโรฮิงญาอาจพลัดหลงเข้ามาทางทะเลน่านน้ำจังหวัดสตูลได้จึงมีการออกมาตรวจตราและกลั่นกรองทางทะเล  และการตรวจแรงงานต่างด้าว  ที่ทำงานในเรือประมงว่ามีเอกสารครบถ้วนหรือไม่ รายชื่อและสัตว์น้ำบนเรือตรงตามเอกสารที่รายงานหรือไม่โดยเรือที่ตรวจจะเป็นเรือประมงพาณิชย์โดยเน้นขนาด 10 ตันกรอสขึ้นไป หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ(สตูล)  กล่าวฝากผู้ที่ทำกิจการเรือประมงจะต้องมีเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายและตรงตามที่ระบุไว้สำหรับพื้นที่ทำกิน ตามพิกัดที่ได้ระบุแจ้งไว้กับทางราชการ  ซึ่งเรือประมงขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไปจะมีระบบติดตามเรือประมงหากไม่เป็นไปตามที่ระบุแจ้งระวังโทษ ซึ่งการตรวจแรงงานผิดลำ มีโทษปรับ400,000 ถึง800,000 บาทปรับเจ้าของเรือ ตาม พรก.2558 การประมง ฉบับแก้ไข ฉบับ60 

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

สตูล กอ.รมน.จังหวัด สตูล จัดกิจกรรม บวร/บรม ร่วมใจสร้างชุมชนคุณธรรม ประจำปีงบประมาณ 2567

วันนี้ 24 ม.ค. 67 พ.อ.พิเชษฐ์  ชุติเดโช รอง ผอ.รมน.จังหวัด สตูล (ท.) ปฏิบัติราชการแทน
 ผอ.รมน.จังหวัด สตูล มอบหมายให้ พ.ท.จารุกิตติ์ ทองคง หัวหน้าฝ่ายการข่าว กลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จังหวัด สตูลพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัด สตูล ลงพื้นที่จัดกิจกรรม บวร/บรม ร่วมใจสร้างชุมชนคุณธรรม ประจำปีงบประมาณ 2567 ณ โรงเรียนท่าแพผดุงวิทย์ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และ 6 เข้าร่วมโครงการ จำนวน 105 คน เพื่อสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย, การฝึกอบรมพัฒนาจิตใจ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเป็นอยู่แบบพหุวัฒนธรรม โดยมีกิจกรรมพัฒนาสัมพันธ์จากทีมวิทยากร กอ.รมน.จังหวัด สตูล ซึ่งมี ร.ต.ท.ศักยภาพ พงศาปาน เจ้าหน้าที่สันทนาการชุดวิทยากรขุนด่าน กอ.รมน.จังหวัด สตูล และ ร.ต.วุฒินันท์  สังข์ชาติ รอง หน.ฝ่ายประสานการปฏิบัติ ฯ ให้ความรู้เกี่ยวกับการเสริมสร้างความปรองดองในสังคมไทย, การเสริมสร้างความมั่นคงสถาบันหลักของชาติ, การสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย, โครงการเพชรในตม และการประชาสัมพันธ์สายด่วนความมั่นคง 1374 ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายเจ๊ะหมีน หะแหละ ที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา/ คอเต็บ มิสยิดบัสตานัดดีน อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม ผลการปฏิบัติ ผู้เข้ารับการอบรม บวร/บรม ฯ มีความตระหนักรู้ มีความภาคภูมิใจ เข้าใจถึงบทบาทความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ และการอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรมเป็นอย่างดี
นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top