Friday, 6 June 2025
ยาเสพติด

ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ กก.สส.ตม.3 รวบ 2 หนุ่มเมียนมาซุกยาบ้า-ครอบครองกระสุนปืน พบของกลางยาบ้ากว่า 300 เม็ด

ตม.จว.สมุทรสาคร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ กก.สส.ตม.3 จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน ดังนี้

1. นายโซ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า), มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด 
2. นายปาย (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต 

นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จว.สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมห้องพักใน ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร

ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งเบาะแส/ร้องเรียน ว่าพบคนต่างด้าวมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาบ้าในพื้นที่ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร จึงได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีคนต่างด้าวซึ่งพักอาศัยอยู่ในห้องพักบริเวณ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาบ้า จึงได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาครเข้าตรวจค้นห้องพักดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบ นายโซ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี สัญชาติเมียนมา การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด พบเครื่องกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 1 นัด ที่บริเวณขอบประตูห้องน้ำ ยาบ้า จำนวน 349 เม็ดซุกซ่อนอยู่ในอแดปเตอร์ กล่องพลาสติก และบริเวณโช๊ครถจักรยานยนต์ และยังตรวจพบถุงซิปใส และถุงซิปสีน้ำเงิน จำนวนกว่า 150 ถุง (ใช้สำหรับแบ่งจำหน่ายยาบ้า) จากการสอบถามนายโซ รับว่ากระสุนปืนและยาบ้าเป็นของตนเองจริง นอกจากนี้ยังพบนายปาย (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแสดง พร้อมยาบ้าจำนวน 3 เม็ด จึงได้นำตัวนายปายไปตรวจปัสสาวะ หาสารเสพติด ผลการตรวจพบเมทแอมเฟตามีน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้จับกุมนายโซ และนายปาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.โคกขาม จว.สมุทรสาคร ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว   

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดกั้นไม่เลิก ! สัปดาห์เดียวยึดยาบ้า กว่า 19 ล้านเม็ด และเปิดปฏิบัติการโค่น 'เครือข่าย K2' ยึดทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ                          

วันนี้ 30 พ.ค.67 เวลา 10.00 น.  พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ  วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญของ บช.ปส. ในห้วงของวันที่ 14 – 22 พ.ค.67 ดังนี้ 

1. บก.ปส.3 คดียาบ้า 7,750,000 เม็ด 
ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจนทราบว่าจะมีการลำเลียง ยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย เข้าสู้พื้นที่ตอนในโดยใช้รถบรรทุกสิบล้อในการขนยาเสพติด และมีรถยนต์อีกหลายคันคอยขับคุ้มกัน จึงได้วางกำลังสกัดกั้นจน กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลา 13.30 น. พบรถยนต์เป้าหมายขับนำทางกันมาตามเส้นทางจนถึงพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก จากนั้นรถบรรทุกสิบล้อ ได้ขับไปจอดอยู่ที่ลานค้าพืชผลทางการเกษตรแห่งหนึ่ง ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ และขอตรวจค้น เบื้องต้นกระบะท้ายรถบรรทุกมีแผ่นยางพาราจำนวนมากวางปิดทับไว้ด้านบนเพื่ออำพราง ด้านล่างพบกระสอบต้องสงสัย ภายในมียาบ้าจำนวน 7,750,000 เม็ด ทั้งนี้จับกุมคนขับรถสิบล้อ 1 คน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งได้เจ้าสกัดจับรถนำและรถคุ้มกันอีก 4 คัน บริเวณจุดตรวจยาเสพติดท่างาม สภ.วัดโบสถ์ ต.วัดโบสถ์ อ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก ได้ผู้ต้องหา 5 คน  รวมทั้งหมด 6 คน จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดี ยาบ้า 6,000,000 เม็ด 
จากการสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดของ ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 พบว่าจะมีการนำยาเสพติด จำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย เข้ามาพื้นที่ชั้นใน กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 เวลาประมาณ 02.00 น. พบรถกระบะตู้ทึบ และมีรถยนต์เป้าหมายขับนำทางกันมา และพบรถยนต์ในเครือข่ายแล่นจากชายแดนแม่ฟ้าหลวง มุ่งหน้าเข้า อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ตำรวจจึงนำกำลังติดตามบนถนนพหลโยธิน ก่อนจะสกัดจับกุมรถที่ซุกซ่อน ยาเสพติดพร้อมผู้ต้องหา 1 ราย ได้บริเวณหน้าตลาดบ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย พบท้ายกระบะตู้ทึบ มีกระสอบพลาสติกสีรุ้งจำนวนมากภายในบรรจุยาบ้ารวมทั้งหมด 6,000,000 เม็ด จากนั้นสามารถติดตาม จับผู้ต้องหาทำหน้าที่ขับรถสำรวจเส้นทางได้อีก 1 ราย ที่ลานจอดรถ โรงแรมนันทชัย อินน์ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จว.เชียงราย ก่อนนำตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

คดี ยาบ้า 2,000,000 เม็ด 
ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ขยายผลและติดตามความเคลื่อนไหวเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญซึ่งจะมีการลอบนำยาจากพื้นที่ชายแดน บ้านหนองเต่า ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อยังพื้นที่ตอนในของประเทศ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 เวลา 23.30 น. ของตำรวจพบรถกระบะเป้าหมายลักษณะติดโครงเหล็ก และพบว่ามีการบรรทุกสิ่งของ มีน้ำหนักมาเต็มท้ายกระบะ ชุดจับกุมจึงประสานตำรวจในพื้นที่เพื่อนตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณสถานีตำรวจชุมชนตำบลม่อนปิ่น กระทั่งรถคันดังกล่าวกลับขับฝ่าจุดตรวจออกไป ตำรวจจึงนำกำลังไล่ล่าติดตาม จนสามารถสกัดจับผู้ต้องหาได้  1 ราย ได้บริเวณริมถนนโชตนา ต.แม่สาว อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ ตรวจค้นพบยาบ้า 2,000,000 เม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนกลุ่มงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดี ยาบ้า 900,000 เม็ด 
เมื่อเวลา 00.30 น. ของ วันที่ 14 พ.ค.67 ตำรวจ กก.๒ บก.ปส.๓ ทำการสืบสวนขยายผลและจับกุมเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่แนวชายแดน อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ ขณะพบรถยนต์เป้าหมาย 3 คัน ขับผ่านตู้ยามบ้านห้วยส้าน อ.พร้าว จว.เชียงใหม่ และวิ่งมาตามเส้นทางเดียวกันในลักษณะขับนำ ขับตาม ชุดจับกุมที่ติดตามจึงสกัดกั้นเพื่อหยุดรถกลุ่มเครือข่าย พบผู้ต้องหา 3 ราย บริเวณด่านตรวจยาเสพติดพิทักษ์ธรรม หมู่ 6 ต.โหล่งขอด อ.พร้าว จว.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า 900,000 เม็ด บรรจุในกระสอบวางซ้อนทับกันอยู่บริเวณห้องโดยสารตอนหลังของรถกระบะ  

เปิดแผนปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “เครือข่าย K 2”

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๒๗ ก.ค.๖๕ ที่ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค๑ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ร่วมกันทำการจับกุมนายนเรนทร์ และนายทศพล บุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี ในคดีที่มีการจับกุมตรวจยึดยาบ้า 320,000 เม็ด เมื่อ 18 ก.ค.65 ซึ่งจากการขยายผล นายนเรนทร์ ให้การว่ามีนายจักรี หรือไอซ์ หรือ สอ.ลำลูกกา ว่าจ้างให้ตนขนยาเสพติด ไปให้กับลูกค้า สำหรับนายจักรี เป็นผู้สั่งการลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อกระจายสู่ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี นอกจากนี้ ยังอยู่ในเครือข่ายของ นายอาร์ต ต่ำเอี่ยว และหนูเฉิน หรือนายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา ที่มีหมายจับคดียาเสพติด ซึ่ง ป.ป.ส. ได้ตั้งเงินรางวัลนำจับนายจักรี สูงถึง 100,000 บาท ซึ่งจากข้อมูลหมายจับพบว่า นายจักรี หรือไอซ์ มีหมายจับจำนวน 7 หมาย เป็นคดียาเสพติด 6 หมาย คดีทำร้ายร่างกาย 1 หมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาร์ จึงได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายนี้จนทราบว่ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีกลุ่มที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนโดยการถือครองทรัพย์สิน และฟอกเงิน ให้กับ นายจักรี จนนำมาสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “เครือข่าย K2” ระหว่างวันที่ 15 - 19 พ.ค.67 เพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน ที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการค้ายาเสพติด ในพื้นที่ จว.นครนายก, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา และ กทม. รวม 5 จุดตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 1 คน ยึดอายัดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 31 รายการ อาทิ อาวุธปืน 1 กระบอก, กระเป๋า Chanel 1 ใบ, นาฬิกาหรู 5 เรือน, แหวน ๘ วง, พระเลี่ยมทองฝังเพชร ๑ องค์, โทรศัพท์ ไอโฟน 2 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคาร 12 เล่ม และ รถยนต์ Honda Civic 1 คัน รวมมูลค่า 10,280,000 บาท 

คดีนำเข้ายาเสพติดเข้าสู่ ราชอาณาจักรไทย 
ตำรวจ บก.ปส.3 ได้ดำเนินการสืบสวนเกี่ยวกับการลักลอบนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อย่างต่อเนื่องและเข้มงวด ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดพื้นที่ท่าอากาศยาน  Airport Interdiction Task force : AITF ประกอบด้วย บช.ปส., สำนักงาน ป.ป.ส., กรมศุลกากร, และ ศรภ. กระทั่งวันที่ 17 พ.ค.67 ตรวจพบผู้โดยสารหญิงสัญชาติเปรู ชื่อ น.ส.มาร์เซลา ขณะเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ได้บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นบุคคลตามที่ได้รับแจ้งว่าจะทำการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งระหว่างนำกระเป๋าสัมภาระเข้าเครื่อง X-Ray ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด แต่พบความผิดปกติในร่างกาย ตำรวจจึงนำเข้าเครื่อง X-Ray ร่างกาย เบื้องต้นพบสิ่งแปลกปลอมภายในร่างกายในลักษณะเป็นก้อนรูปวงรีจำนวนมากในลำไส้ จึงให้กินยาถ่าย เพื่อขับถ่ายสิ่งแปลกปลอมออกมาจากร่างกาย จำนวน 192 ก้อน น้ำหนักรวม 1,155 กก. เมื่อตรวจสอบพบเป็นโคเคน ถูกห่อหุ้มพลาสติกใสพันทับด้วยกระดาษคาร์บอนและพันทับด้วยพลาสติกใสอีกชั้น

2.บก.สกส.
คดียาบ้า 2,000,000 เม็ด 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 23.40 น. เจ้าพนักงานตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.บช.ปส. และ บช.ภ.5 จับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ สืบเนื่องจากวันที่ 3 พ.ค.2567 ได้จับกุม ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 1,250,000 เม็ด ในพื้นที่ ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จว.สุโขทัย จากการสืบสวนขยายผล พบว่าเครือข่ายรับยาเสพติดมาจากพื้นที่ อ.แม่จัน จว.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล และยังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายมีการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ดังกล่าวลงมาส่งในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล อย่างต่อเนื่อง จึงเฝ้าติดตามกระทั่งวันที่ 21 พ.ค.67 พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่าย 2 คัน ในเส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.แม่จัน จว.เชียงราย - จว.พะเยา - จว.ลำปาง - จว.สุโขทัย - จว.อุตรดิตถ์ จนสามารถจับกุม นายสิทธิชัย คนขับรถตู้โดยสาร HYUNDAI สีดำ หมายเลขทะเบียน 4ขผ 82x

ตำรวจ ปส. รวบคาด่าน เครือข่ายยาเสพติดหัวใส หลังลอบขนยาบ้า 12 ล้านเม็ด ซุกในกล่องเลี้ยงผึ้ง

สืบเนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เกี่ยวกับกลุ่มเครือข่ายของ นายชาญณรงค์ พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงวันที่ 12-13 มิ.ย.67 โดยการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ อ.ปาย จว.เชียงใหม่ เขามายังพื้นที่ กทม. ด้วยการใช้เส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้าน เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของตำรวจ จนเวลา 01.58 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจพบรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ซึ่งเป็นรถที่นายชาญณรงค์ ขับผ่านเส้นทางที่กำลังซุ่มอยู่ จึงติดตาม และพบว่ามีการขับรถยนต์ที่แปลกไปจากปกติ คือการจอดหยุดพักหลายครั้ง ลักษณะเหมือนขับรอใคร  จากนั้นตำรวจพบรถอีกคันคือ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม ในเส้นทางเดียวกับรถของนายชาญณรงค์ จึงแบ่งกำลังติดตาม ต่อมา เวลาประมาณ 07.00 น. พบว่ารถทะเบียนนครปฐม ขับแซงขึ้นไปอยู่ด้านหน้า ส่วนรถของนายชาญณรงค์ ก็มีการลดความเร็วลงเพื่อจะตรวจสอบว่ามีรถตำรวจติดตามมาหรือไม่  กระทั่งใกล้ถึง ด่านตรวจวังดิน หมู่ 3 ต.ป่าไผ่ อ.ลี้ จว.ลำพูน รถยนต์ที่นายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่มาได้ทำการเร่งความเร็ว ก่อนจะแซงหน้ารถยนต์  ผต 2508 นครปฐม เพื่อจะนำทางเข้าด้านตรวจ ระหว่างนั้นตำรวจ ปส. ได้ประสานงานกับตำรวจด่านตรวจวังดิน เพื่อทำการหยุดรถยนต์ทั้ง 2 คัน จากการสกัดจับกุมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ผต 2508 นครปฐม โดยมีนายศราวุธ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า จำนวน 12,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนมากับกล่องเลี้ยงผึ้งสีขาว ซึ่งถูกดัดแปลงเพื่อบรรจุยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรถหมายเลขทะเบียน ยจ 5143 เชียงใหม่ ที่มีนายชาญณรงค์ เป็นผู้ขับขี่ทำหน้าที่ขับนำทาง เพื่อตรวจสอบด่านตรวจ และคอยเฝ้าระวังการติดตามจากตำรวจ เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชนอันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” วันที่13มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวชัย ผบช.ปส. ได้เดินทางไปร่วมตรวจดูของกลางและซักถามผู้ต้องหาด้วยตนเอง เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นการขยายจากกลุ่มเครือข่ายผู้ค้าในจังหวัดสิงห์บุรี ที่ว่าจ้างกลุ่มนักบินมาลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่อ.ปาย จ.เชียงใหม่ เพื่อนำลงไปส่งกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพฯและภาคกลาง ขณะนี้ผู้ตัวผู้สั่งการแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจับกุมจะได้ขยายผลรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป

‘สมศักดิ์’ ย้ำ!! ครอบครอง ‘ยาบ้า 1 เม็ด’ ก็จับ แต่มีสิทธิ์ขอบำบัดได้ หากพิสูจน์ว่าเป็นผู้ติดยาจริง

(18 มิ.ย. 67) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการครอบครองยาบ้า 1 เม็ด ว่า เมื่อวานนี้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หากมียาบ้าในครอบครอง 1 เม็ดก็จับ แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะขอบำบัดได้ โดยต้องพิสูจน์ว่าตนเองเป็นผู้ติดยา ซึ่งการพิสูจน์เป็นหน้าที่ของตำรวจ โดยมติคณะรัฐมนตรีได้ขอให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ครอบคลุมในประเด็นที่ว่าถ้ามีผู้เสพต้องรู้ว่าเอายาบ้ามาจากไหน 1 ผู้เสพต้องมี 1 ผู้ขาย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้ครบวงจร ตนเชื่อว่ายาบ้าจะลดน้อยลงทันที ถ้าไม่มีผู้ขาย ผู้เสพก็ลดลง ซึ่งปัจจุบันผู้เสพที่เข้าบำบัดในโรงพยาบาล สีเหลืองสีแดง ประมาณ 110,000 คน ก็จะลดลงทันที แต่ขอให้มีกระบวนการยึดทรัพย์ ถ้าไม่มีก็แก้ไม่หาย หากเราแก้แต่ปลายน้ำ ก็ขอให้ต้นน้ำช่วยกันด้วย แม้จะจับรายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศไม่ได้ ก็ขอให้จับผู้เสพและผู้ขาย 

ส่วนการยึดทรัพย์คนที่ชี้เบาะแสก็จะมีส่วนแบ่ง 5% ขณะที่คนที่ทำคดีตั้งแต่ต้นจนถึงชั้นอัยการที่ส่งฟ้อง จะได้ส่วนแบ่ง 25% ซึ่งกฎหมายฉบับใหม่จะดำเนินคดีได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก็น่าจะยึดทรัพย์ได้ทั้งหมด

ส่วนการเปิดรับฟังความคิดเห็นกรณีการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติด มีประชาชนเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหนนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงแรกคนไม่เห็นด้วยกับตนที่จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจำนวนมาก แต่ตอนนี้ความเห็นเริ่มใกล้เคียงกันแล้ว ซึ่งจะครบกำหนดการรับฟังในวันที่ 25 มิถุนายนนี้

เมื่อถามว่าจะนำผลรับฟังความคิดเห็นนี้มาตัดสินเลย หรือ จะต้องฟังผลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด จะมีการประชุมกันอีกครั้ง นำข้อมูลมาคุยกันให้ตกผลึก ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ยังสามารถปรับปรุงได้ ถ้าหากมีคำแนะนำจากประชาชนในลักษณะของการทำประชาพิจารณ์

นครพนม-ฉก.ทพ.21 โชว์ฝีมือตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 109 มัด ประมาณ 218,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  บ้านปากห้วยม่วง ต.นาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม  พ.อ. อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม ทพ.21/ผบ.ฉก.ทพ.21, พ.ต.อ.สุนันท์  สร้อยสุด  ผกก.สภ.บ้านแพง, น.ท.ไพโรจน์  แก้วพลอย  หัวหน้าสถานีเรือบ้านแพง, ร.ท.วันชาติ  เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านแพง  หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่จากขบวนการค้ายาบ้าข้ามชาติ ใช้การขนมาแบบกองทัพมด จำนวน 109 มัด ประมาณ  218,000 เม็ด โดยตรวจยึดได้ในพื้นที่บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง บ.แพงใต้ ม.11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

โดยเมื่อ วันที่ 20 มิ.ย.67 เวลา ประมาณ 00.45 น. พ.อ. อินทราวุธ ทองคำ ผบ.กรม ทพ.21/ผบ.ฉก.ทพ.21 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไม่ทราบจำนวน จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติล็อตใหญ่จากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บริเวณพื้นที่บ้านแพงใต้ หมู่ที่ 11 ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อลำเลียงขนส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในให้กับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศ                    

จึงสั่งการให้ ร.ท.วันชาติ  เหมือนปืน ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 ฉก.ทพ.21 วางแผนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทำการลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจตามภาพข่าวที่ได้รับแจ้งตรวจพบการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และตรวจยึดของกลาง ยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) หน่วยจึงจัดกำลังพลชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ตามพื้นที่เพ่งเล็งจุดเสี่ยงตามภาพข่าว กำลังพลที่ทำการเฝ้าตรวจได้ตรวจการณ์ด้วยกล้องตรวจการณ์กลางคืน สังเกตุเห็นราษฎรชาย จำนวน 3 คน แบกสิ่งของต้องสงสัยเดินมาในเส้นทางตามภูมิประเทศ ห่างจากจุดที่ กำลังพลของหน่วยทำการเฝ้าตรวจอยู่ ประมาณ 200 เมตร จึงได้ทำการคืบคลานเข้าไปยังพื้นที่ใกล้กับเส้นทางที่ราษฎรชายต้องสงสัยเดินอยู่  ครั้นเมื่อเข้าไปได้ระยะประมาณ 100 เมตร ราษฎรชายทั้ง 3 คนได้สังเกตเห็น 

จึงได้ทิ้งสิ่งของที่แบกมา แล้วทำการวิ่งกระโดดลงแม่น้ำโขง ว่ายหลบหนีไปกับความมืด หน่วยจึงเข้าตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัย จำนวน 2 กระสอบ พบว่าสิ่งของที่บรรจุอยู่ภายในเป็น ยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาบ้า) ห่อหุ้มด้วยกระดาษไขพันทับด้วยเทปกาวพิมพ์อักษร  Y1 อยู่ในถุงพลาสติกสีดำ ใส่ไว้ในถุงกระสอบอีกชั้นหนึ่ง หน่วยจึงได้ทำการตรวจยึดของกลางมายัง บก.ร้อย.ฉก.ทพ.2101 เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจนับของกลางอย่างละเอียด จำนวน 109 มัด ประมาณ  218,000 เม็ด  จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมแถลงผลการตรวจยึดในครั้งนี้ และถ่ายภาพการตรวจยึดพร้อมทั้งได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ตำรวจภาค 4 ชู 'ร้อยเอ็ดโมเดล' สร้างชุมชนเข้มแข็ง ปูพรมเด็ดปีกนักค้า 73 ราย ผู้เสพ 1,632 ราย ขยายผลยึดทรัพย์ 188 รายการ กว่า 7.7 ล้านบาท

ตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดทั่วประเทศ โดยให้จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติดและอาชญากรรม พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้ระดมสรรพกำลัง ทั้งตำรวจในจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียง กวาดล้างจับกุมยาเสพติด และบูรณาการกับหน่วยงานจังหวัดร้อยเอ็ด ดำเนินมาตรการป้องกันและบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด รวมทั้งเปิดปฏิบัติการเด็ดปีกค้ารายย่อยทั้ง 12 จังหวัด ในพื้นที่ตำรวจภาค 4 มาอย่างต่อเนื่อง  ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 19.30 น. ชุดปราบปรามยาเสพติดของ ภ.จว.ร้อยเอ็ด นำโดย พ.ต.ท.สมนึก ปัญญา สว.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ได้ร่วมกันจับกุมขบวนการค้ายาบ้า รวม 7 คน ผู้ต้องหา ขบวนการค้ายาบ้า คือ นายศักดิ์ศรี, นายวิรัตน์, นายพชร, นายสุรชาติ, นายนัฐพล, นายประทีป และนายสามารถ พร้อมของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด อาวุธปืน 2 กระบอก รถยนต์กระบะ 3 คัน  

โดยตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดขนลำเลียงยาบ้าล็อตใหญ่ จากจังหวัดมุกดาหาร เพื่อไปส่งลูกค้าที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงนำกำลังเฝ้าสกัดจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 19.30 น. พบรถกระบะยี่ห้อ Isuzu สีขาว ทะเบียน 7 กข 45XX ขับขี่ผ่านมาบนถนนเส้นตัดใหม่ มุกดาหาร – กาฬสินธุ์ ต.คำนาดี อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด มีพิรุธน่าสงสัยจึงเข้าทำการตรวจค้นผลการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 350 มัด จำนวน 700,000 เม็ด เม็ด และปืนพกสั้น 2 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ในรถ มีนายสุรชาติ เป็นผู้ขับขี่ และนายพชร นั่งไปด้วย จากนั้นได้ขยายผลไปจับกุมนายศักดิ์ศรี และนายวิรัช ซึ่งใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน กฉ 81xx ทำหน้าที่เป็นรถนำทาง และได้ติดตามไปตรวจค้นบ้านพัก ใน อ.เมือง จ.มุกดาหาร พบยาบ้าอีกจำนวน 580,000 เม็ด และจับกุมนายนัฐพล , นายประทีป และนายสามารถ ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดรับว่าเป็นยาบ้าที่เตรียมขนไปส่งลูกค้า จึงยึดเป็นของกลาง (รวมยาบ้า 1,280,000 เม็ด) จากนั้นจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.โพนทอง ดำเนินคดี

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยทำเป็น “ร้อยเอ็ดโมเดล” ให้เป็นพื้นที่ไม่มียาเสพติด ตั้งแต่ 4 มิ.ย.67 ดำเนินการปราบปรามนักค้า 73 ราย ดำเนินการกับผู้เสพ 1,632 ราย ขยายผลจากผู้เสพนำไปสู่การดำเนินการกับนักค้าเพิ่มเติมอีก 131 ราย ยึดทรัพย์ 188 รายการ รวมมูลค่ากว่า 7.7 ล้านบาท ใช้มาตรการสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดผ่านเข้า-ออกพื้นที่ แล้วกวาดล้างจับกุมในพื้นที่ให้สิ้นซาก 

ด้านการป้องกันยาเสพติดได้ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืน(CBTx) จัดตั้งชุด ชรบ. เพื่อสร้างชุมชนเข้มแข็ง และส่งครูตำรวจ DARE ให้ความรู้เด็กและเยาวชนในการป้องกันยาเสพติด สำหรับใน อ.ธวัชบุรี มีครูตำรวจ DARE ให้ความรู้ครบทั้ง 46 โรงเรียน และได้ร่วมกับหน่วยบูรณาการในพื้นที่ ค้นหาผู้เสพยาเสพติดและผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู  นอกจากนี้ตำรวจภาค 4 ได้ปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้ารายย่อยทั้ง 12 จังหวัดในภาคอีสานเหนือ ซึ่งอยู่ใน 25 จังหวัดเป้าหมาย ตามนโยบายรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง สามารถกวาดล้างจับกุมนักค้ารายย่อย 7,665 ราย ยึดยาบ้ากว่า 46 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,429 กก. เฮโรอีน 260 กก. ยึดทรัพย์มูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท และจะปราบปรามอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยาเสพติดหมดไปจากพื้นที่ ผบช.ภ.4 กล่าวในที่สุด

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจเยี่ยม สภ.แม่จัน และด่านกิ่วทัพยั้ง ให้กำลังใจพร้อมกำชับการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง

วันนี้ (28 มิ.ย.67) เวลา 09.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยมี พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน และข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน ให้การต้อนรับ โดย ผบ.ตร.ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่หลบหนี และเร่งรัดการติดตามจับกุม

จากนั้น ผบ.ตร.พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ซึ่งเป็นด่านสกัดกั้นยาเสพติดจากชายแดนในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เพื่อตรวจเยี่ยม และกำชับในการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดอย่างเข้มแข็ง

ผบ.ตร. ได้ขอบคุณและชมเชยข้าราชการตำรวจ สภ.แม่จัน และเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจกิ่วทัพยั้ง ทุกนาย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคมเป็นอย่างดี ปฏิบัติตนเป็นตำรวจของพระราชาในสายตาของประชาชน และขอให้รักษามาตรฐานไว้เพื่อเป็นตำรวจที่ดีของประชาชน พร้อมมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข , ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ พร้อมกำชับให้ติดตาม ให้คำแนะนำ เร่งรัดคดียาเสพติดในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจังในทุกระดับ และให้ข้าราชการตำรวจทุกนายร่วมกันสร้างความสามัคคี

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 เป็นประธานแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.เชียงราย

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 2 คนพร้อมของกลางยาบ้า 1,500,000 เม็ด ลักลอบส่งผ่านระบบไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ (Logistic) ในพื้นที่ จ.เชียงราย

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลา 11.40 น. ณ ลานแถลงข่าวใต้อาคาร บก.สส.ภ.5  พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ประธานการแถลงข่าว พร้อมด้วย พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35, พ.อ.ไมตรี ศรีสันเทียะ เสธ.กกล.ผาเมือง และนายดนุชา ไชยวงศ์ ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย สำนักงาน ปปส.ภาค 5 ร่วมแถลงผลการจับกมุยาเสพติดรายสำคัญ ของ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย กรณีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด ซุกซ่อนมากับกล่องสินค้า จำนวน 10 กล่อง จะนำส่งผ่านระบบไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์เอกชนสถานที่จับกุม ศูนย์รับส่งพัสดุบริษัท ขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง สาขาป่าซาง ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย 

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอสรุปผลการจับกุมยาเสพติดของตำรวจภูธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.66  –  27 มิ.ย.67 ดังนี้ จับกุมคดียาเสพติดจำนวน  18,497 คดี คดีรายสำคัญ 148 คดี ตรวจยึดของกลางยาเสพติด ยาบ้า 157,411,919 เม็ด ไอซ์ 961.44 กิโลกรัม เฮโรอีน 255.55 กิโลกรัม เคตามีน 30.03 กิโลกรัม ฝิ่น  202.67 กิโลกรัม ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่าทรัพย์สินประมาณ 405 ล้านบาท

'ผู้ช่วยสำราญ' แถลงผลงาน ตำรวจ ปส. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สกัดจับและปฏิบัติการปิดล้อมทลายเครือข่าย ได้ผู้ต้องหา 22 คน พร้อมยึดทรัพย์กว่า 160 ล้านบาท

​ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ

วันนี้ 4 ก.ค.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ บช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญของ บช.ปส. ในห้วงของวันที่ 9 – 30 มิ.ย.67 ดังนี้
ผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ

คดีที่ 1 บก.สกส.
​สืบเนื่องจากการจับกุมคดียาเสพติด 4 คดี ผู้ต้องหา 14 คน พร้อมของกลางยาบ้า 17,040,000 และ ไอซ์ 200 กิโลกรัม ตำรวจ สกส.บช.ปส. ได้ตรวจสอบพบจุดที่รับยาเสพติดและผู้ร่วมขบวนการอยู่ในพื้นที่ จว.พะเยา และ จว.เชียงราย จึงขยายผลตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สิน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น DID ATTACK 67 จำนวน 4 เครือข่าย 10 จุดตรวจค้น เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.67 ซึ่งตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ กก.ปพ.บช.ปส. และตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด รายสำคัญ 4 เครือข่าย จำนวน 10 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ จว.พะเยา และจว.เชียงราย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน คือ น.ส.โสรยา บุคคลตามหมายจับ 3 หมายจับ, นายวันรพ บุคคลตามหมายจับ 1 หมายจับ และ นายจักรกฤษ บุคคลตามหมายจับ 1 หมายจับ ในข้อหาสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแร้งเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สามารถตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่าย 150 รายการ อาทิ อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 2 คูหา, บ้านพร้อมที่ดิน 3 หลัง, ที่ดิน จำนวน 24 แปลง, รถยนต์ จำนวน 6 คัน, รถแทรกเตอร์ 1 คัน, รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน, บัญชีธนาคาร จำนวน 10 บัญชี, ทองคำรูปพรรณ จำนวน 3 เส้น, อาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก, กระสุนปืน จำนวน 96 นัด และ อื่น ๆ รวมมูลค่ายึดทรัพย์กว่า 115,587,000 บาท

คดีที่ 2 บก.ปส.3 ผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด ระหว่างวันที่ 21 - 28 มิถุนายน 2567
​1. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ล้างบางองค์กรยานรก” สืบเนื่องหลังจับกุมคดียาเสพติด 5 คดี ผู้ต้องหา 19 คน พร้อมยาบ้า 21,850,000 เม็ด ไอซ์ 300 กิโลกรัม ในพื้นที่ จว.เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก สุพรรณบุรี และปทุมธานี ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 จึงขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการและยึดทรัพย์สิน จนนำไปสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่าย จำนวน 20 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ ภ.5, ภ.9 และ กทม. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 4 คน ของกลางยาบ้า 4,279 เม็ด, ไอซ์ 50 กรัม ยึดอายัดทรัพย์สินเป็น สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 5 รายการ, รถยนต์จำนวน 3 คัน, ทองรูปพรรณ 12 รายการ, อาวุธปืน 9 กระบอก และทรัพย์สินอื่น ๆ  รวมมูลค่าทรัพย์สิน 23,687,900  บาท
 
​2. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ลาดตระเวนออนไลน์และโลจิสติกส์” ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ลักลอบจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และสถานบันเทิง รวมทั้งที่ลักลอบส่งยาเสพติดผ่านบริษัทขนส่งและพัสดุภัณฑ์ ไปยังต่างประเทศ ซึ่งสามารถรวบรวมหลักฐานออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 3 เครือข่าย ได้แก่ เครือข่ายเขางู จว.ราชบุรี ซึ่งจำหน่ายยาเสพติดผ่านสื่อออนไลน์, เครือข่าย “จำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท” (Candy Fun) ทางสื่อโซเชียล และสถานบันเทิง และเครือข่าย “ลักลอบส่งยาเสพติดทางพัสดุไปต่างประเทศ” จนนำไปสู่ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติด ในพื้นที่ กทม. จำนวน 4 จุดตรวจค้น และพื้นที่ อำเภอเมือง จว.ราชบุรี จำนวน 4 จุดตรวจค้น รวม 8 จุดตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 ราย ของกลางยาบ้า 100 เม็ด รวมทั้งยึดอายัดทรัพย์สินเป็น รถยนต์ 2 คัน, เงินสกุลอังกฤษ, หุ้นทอง และเงินสดจำนวนหนึ่ง มูลค่าทรัพย์สินรวม 1,788,000  บาท
 
​3. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ทลายเครือข่ายนักบินชายแดน” ตามที่รัฐบาลได้กำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน พื้นที่ นบ.ยส.35 เพื่อลดปัญหาการนำเข้ายาเสพติดรุนแรงในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน และตาก 18 อำเภอ นั้น ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “ทลายเครือข่ายนักบินชายแดน” เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.67 ในพื้นที่ อ.แม่แตง, อ.เวียงแหง, อ.เชียงดาว, อ.พร้าว ของ จว.เชียงใหม่ รวม 14 จุดตรวจค้น ออกหมายจับ 12 หมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สิน 3 รายการ คือ สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดินจำนวน 2 รายการ, รถยนต์กระบะจำนวน 1 คันมูลค่าประมาณ  1,400,000  บาท
 
​4. ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น “แก้ปัญหายาเสพติด และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ จว.น่าน”
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข ลดผลกระทบจากภัยทุกรูปแบบโดยเฉพาะยาเสพติด อาชญากรรม และความปลอดภัยในทุกด้าน โดยมีพื้นที่นำร่องในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้สืบสวนขยายผลหลังจับกุม ผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 8 ล้านเม็ดเมื่อวันที่ 24 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ล่าสุดลงพื้นที่ออกหมายจับ 10 หมายจับ จำนวน 9 คน รวม 9 จุดตรวจค้น ในพื้นที่ จว.น่าน ประกอบด้วย อ.แม่จริม, อ.เมือง, อ.ปัว, อ.เวียงสา จับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน ของกลางยาบ้า 9 เม็ด และยึดอายัดทรัพย์ จำนวน 850,000  บาท
 
2. ปส.2
คดีที่ 3
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.67 เวลาประมาณ 18.00 น. ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 ทำการขยายผลหลังจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ได้ที่ อ.คง จว.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 มี.ค.67 ซึ่งพบว่าเครือข่ายนี้ยังคงเคลื่อนไหวและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จนวันที่ 9 มิ.ย.67 ประมาณ 01.30 น. ชุดจับกุมทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.ธาตุพนม จว.นครพนม กระทั่งพบรถยนต์เป้าหมายในขบวนการลำเลียงยาเสพติด เคลื่อนตัวจาก อ.เรณูนคร จว.นครพนม มุ่งหน้า อ.นาแก จว.นครพนม ตามถนนทางหลวงหมายเลข 223 จึงสะกดรอยติดตามเมื่อมาถึงบริเวณ สามแยกไฟแดงบ้านโนนหอม ต.โนนหอม อ.เมือง จว.สกลนคร และรถจอดติดสัญญาณไฟจราจร ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อตรวจสอบพบนายสุธิพร อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับขี่รถกระบะตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน ผค 38xx ราชบุรี ภายในรถพบกระสอบ 15 กระสอบ ภายในมียาบ้า รวม 6,202,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในตู้บรรทุกสินค้า 

คดีที่ 4  
​สืบเนื่องจาก ตำรวจ กก.2 บก.ปส.2 ได้จับกุมนายนัฐพงศ์ รวมพวก 3 คน พร้อมยาบ้า 12 ล้านเม็ด ได้ที่ริมถนนมิตรภาพใกล้หน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา เมื่อ 24 ม.ค.67 ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 26 มิ.ย.67 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.2 ตรวจพบรถเป้าหมายเฝ้าระวังได้ขับขี่เข้าไปในพื้นที่ จว.หนองคาย โดยใช้เส้นทางรอง จึงจัดกำลังเฝ้าติดตามผ่านพื้นที่ จว.สกลนคร – กาฬสินธุ์ - ร้อยเอ็ด – สุรินทร์ เข้าเขตพื้นที่ ต.นางรอง อ.นางรอง จว.บุรีรัมย์ พบรถกระบะ และรถยนต์ ต้องสงสัยจอดในลักษณะผิดปกติบริเวณหน้าร้านข้าวต้ม ชุดจับกุมจึงนำกำลังเข้าสกัดไว้ทันทีพบนายวิทวัส อายุ 32 ปี ขับขี่รถกระบะ หมายเลขทะเบียน บห 58xx สกลนคร ตรวจสอบภายในรถพบยาบ้า จำนวน 2,700,000 เม็ด ส่วนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน กฉ 7605 สกลนคร มีนายพงษ์พิชญ์ อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับขี่ มีนายพงษ์ศักดิ์ อายุ 44 ปี โดยสารมาด้วย ทำหน้าที่ขับรถสำรวจและนำเส้นทางรถลำเลียงยาเสพติด

คดีที่ 5
​จากการขยายผลการจับกุมนายนัฐพงศ์ รวมพวก 3 คน พร้อมยาบ้า 12 ล้านเม็ด เมื่อ 24 ม.ค.67 ที่ผ่านมา   กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 ตำรวจได้ตรวจพบรถเป้าหมายขณะเคลื่อนตัวออกจาก อ.สว่างแดนดิน จว.สกลนคร จึงนำกำลังติดตาม โดยกลุ่มเครือข่ายพยายามขับรถตามเส้นทางรอง เพื่อหลบหนีการตรวจสอบป้ายทะเบียน จนสามารถจับกุมตัว นายธาดาพงษ์ หรือกอล์ฟ อายุ 32 ปี ขณะขับขี่รถกระบะ หมายเลขทะเบียน ฆช 4193 กรุงเทพมหานคร ได้ที่บริเวณไร่มันสำปะหลัง ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จว.นครราชสีมา ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้ารวมจำนวน 1,500,000 เม็ด                

คดีที่ 6
​สืบเนื่องจากการจับกุม น.ส.ณัฐภัค กับพวก 4 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 50 กก., เคตามีน 50 กก. ใน อ.บำเหน็จณรงค์ จว.ชัยภูมิ เมื่อ 10 พ.ค.67 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ทำการขยายผลและพบว่าเครือข่ายยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง จนวันที่ 19 มิ.ย.67 ตรวจพบรถเฝ้าระวังเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จว.หนองคาย กำลังตำรวจจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและคัดกรองรถ ที่ผ่านพื้นที่ จว.อุดรธานี - ขอนแก่น จนมาถึง ถนนมิตรภาพ กม.193 (ขาเข้ากรุงเทพฯ) ในพื้นที่ ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา และสามารถสกัดจับรถกระบะ ISUZU DMAX หมายเลขทะเบียน ผผ 4908 อุบลราชธานี พร้อมคนขับคือนายปฏิวัติ อายุ 26 ปี และผู้โดยสารคือ นายอดิศักดิ์ อายุ 27 ปี ตรวจค้นในรถพบไอซ์ จำนวน 400 กก. ซุกซ่อนในห้องโดยสาร

3. บก.ปส.1
คดีที่ 7 จับกุมเครือข่าย “ต้า ท่าขี้เหล็ก” ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย 
สืบเนื่องจากตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 สืบสวนพบกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดออนไลน์ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจะขึ้นไปลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือมาจำหน่าย และส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก กระทั่งวันที่ 29 มิ.ย.67 พบรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน 1ฒก 81xx กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเฝ้าระวังกำลังขับลงมาจาก จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา-ลำปาง-แพร่-พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ พอมาถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ตำรวจได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้นพบนายวันชัย หรือเปา เป็นคนขับ และทำการตรวจค้นรถด้วยการใช้เครื่องเอกซเรย์ พบวัตถุต้องสงสัยอยู่ใต้พื้นกระบะ จึงทำการรื้อถอนโครงสร้างพบเป็นไอซ์ ลักษณะ  เป็นก้อนรวมจำนวน 89 กก. ซุกซ่อนไว้ในช่องลับที่ทำการดัดแปลง ด้าน นายวันชัย ยอมรับว่าเตรียมนำรถที่มียาเสพติด ไปจอดทิ้งไว้โดยจะมีนายอาทิตย์ มารับช่วงต่อ บริเวณตลาดพระปิ่น 3 อ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ตำรวจจึงวางแผนนำไปจอดตามนัดหมาย กระทั่งพบรถต้องสงสัยเป็นกระบะ หมายเลขทะเบียน 3ขร 69xx กทม. ลักษณะขับวนเข้า-ออก ลานจอดรถหลายรอบ ตำรวจจึงนำกำลังติดตามไปยังบริเวณลานจอดปั๊มน้ำมันเชลล์ อ.บางบัวทอง จว.นนทบุรี 

จึงแสดงตัว ขอตรวจค้น ทราบชื่อคือนายเปา หรือนายอาทิตย์ รับสารภาพว่าจะมารับรถยนต์ที่ซุกซ่อนยาเสพติด เพื่อจะนำยาไปพักไว้ที่บ้านเลขที่ 119/110 หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 19 หมู่ 3 ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จว.นนทบุรี ตามสั่งการ ตำรวจจึงขยายผลนำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านดังกล่าวพบยาเสพติดเพิ่มเติมเป็น ไอซ์ 35 กิโลกรัม, เฮโรอีน 5.6 กิโลกรัม และ คีตามีน 28 กิโลกรัม สอบสวน นายวันชัย ระบุว่าตนเองได้รับคำสั่งจากนายต้าให้ลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือ มาส่งให้กับนายอาทิตย์ ทำมาแล้วจำนวน 5-6 ครั้ง ขณะที่ นายอาทิตย์ หรือเปา ระบุว่าได้รับคำสั่งจากนายต้า ให้นำรถที่บรรทุกยาเสพติดนำมาเก็บเข้าโกดัง เมื่อเสร็จแล้วก็นำรถไปคืนให้นายวันชัย เพื่อนำรถไปลำเลียงยาเสพติดในรอบต่อไป ทั้งนี้ สามารถตรวจยึดเงินสด และเงินในบัญชีหมุนเวียน จำนวน 5,000,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ตำรวจอยู่ระหว่างออกหมายจับผู้สั่งการ ผู้ร่วมขบวนการที่นำยาเสพติดกระจายในพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่งออกไปยังต่างประเทศ 
 
​สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญได้ 1,076 คดี / ผู้ต้องหา 1,436 คน ของกลางเป็นยาบ้า 327,433,971 เม็ด, ไอซ์ 7,326 กก., เฮโรอีน 406 กก., คีตามีน 2,109 กก. และ ยาอี 2,005 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบมูลค่าประมาณ 3,616 ล้านบาท 

 

เชียงใหม่-กิจกรรมโครงการกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41

เมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567 กองบิน 41 จัดกิจกรรมโครงการกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41 โดยมี นาวาอากาศเอก จตุรงค์ รักสุภาพ เสนาธิการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย ผู้บังคับกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ข้าราชการกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 และทหารกองประจำการ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ ห้องประชุมกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41
     
กิจกรรมกองพันสีขาว สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด กองบิน 41 จัดขึ้นโดยมุ่งเน้นตามหลักยุทธศาสตร์การป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดกองทัพอากาศ ซึ่งภายในกิจกรรมจัดให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโทษ, พิษภัย และผลกระทบจากยาเสพติด ให้กับทหารกองประจำการกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 41 โดยเรียนเชิญ คุณทิพากร ชีวสกุลยอง หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมคณะฯ มาบรรยายให้ความรู้ในครั้งนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top