Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

บช.ปส. เปิด “ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร (Poseidon 1) ตามแผนปฏิบัติการตามล่า100เครือข่าย ยึดทรัพย์ 140 ล้าน”

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งเน้นในการเร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติ เนื่องจากปัญหายาเสพติดอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยสังคม  

ล่าสุด วันนี้ 26 ธ.ค.66 เวลา 09.00 น.  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ  พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์  หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศอ.ปส., พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงเปิด“ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร (Poseidon 1) ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” ยึดทรัพย์สินเครือข่ายได้กว่า 140 ล้านบาท 

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 20.00 น. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดย บก.ปส.3, บก.ขส., บก.สกส. และ บก.ปส.1 ได้สืบสวนและจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติขณะกำลังขนยาเสพติดจากรถยนต์กระบะตู้ทึบลงเรือศรีมงคลทรัพย์ ที่บริเวณท่าเรือของบริษัทท่าเรือบางประกงจำกัด ต.บางประกง อ.บางประกง จ.ฉะเชิงเทรา พบยาเสพติดเป็นไอซ์แพ็กอัดแน่นอยู่ในถุงผลไม้อบแห้งใส่ในกล่อง ๆ ละ 24 ถุง รวมจำนวน 52 กล่อง และคีตามีนบรรจุแพ็กอัดแน่นในถุงชาใส่ในกล่อง ๆ ละ 25 ถุง จำนวน 48 กล่อง รวมน้ำหนักทั้งหมดประมาณ 2,200 กก. พร้อมควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งบนเรือและบนท่าเรือ จำนวน 14 คน จากพฤติกรรมที่พบขณะจับกุมและการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว พบผู้ร่วมกระทำความผิดขณะเกิดเหตุ จำนวน 6 คน แบ่งได้ 2 กลุ่ม คือ 1)กลุ่มขับรถยนต์ลำเลียง รวม 3 คน จับกุม 2 คน หลบหนีไป 1 คน  2) กลุ่มการ์ดบนเรือ จำนวน 3 คน จับกุมได้ 2 คน หลบหนีไป 1 คน ในส่วนคนที่เหลืออีก 8 คนในที่เกิดเหตุนั้น จากการสอบสวนแล้วทำหน้าที่เป็นกัปตันเรือ ลูกเรือและช่างซ่อมเรือ มีหลักฐานการรับจ้างทำงานถูกต้อง ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

วันที่ 7 ธ.ค.66 จากการขยายผล พนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดจำนวน 3 คน ได้แก่ นายชานนท์ฯ หัวหน้าทีมขับรถยนต์ลำเลียง, นายศิริทรัพย์ฯ ทีมการ์ดบนเรือ (ต่อมานายศิริทรัพย์ได้เข้ามามอบตัวแล้ว) และผู้สั่งการคือนายชาญชัยฯ หรือกัปตันตุ้ย อดีตกัปตันเรือเรือที่มีชื่อเสียงระดับท็อปของประเทศไทย ที่ผันตัวมาเปิดบริษัทเดินเรือ โดยเป็นผู้บริหารจัดการลำเลียงยาเสพติดทางเรือ ครั้งนี้ได้เช่าเรือศรีมงคลทรัพย์ไปส่งยาเสพติดในน่านน้ำสากลและพบว่าเคยมีการลักลอบลำเลียงมาแล้วถึง 7 ครั้ง ในช่วงเดือน มิ.ย.-ธ.ค.66 โดยอ้างว่ามี “พ่อเลี้ยง” เป็นคนสั่งการใหญ่ที่จะเป็นผู้สั่งการนายชาญชัยฯ และทีมงานทั้งหมดนี้ และออกหมายจับนายอนุรุตฯ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญอีกคนหนึ่ง โดยเป็นลูกน้องของนายชาญชัยฯ ทำหน้าที่ในการประสานงานกับหัวหน้าการ์ดบนเรือ รวมทั้งกับพ่อเลี้ยงและนายชาญชัยฯ

ต่อมาในห้วงวันที่ 9 - 20 ธ.ค.66 บก.ปส.3, บก.ขส.และสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันเปิด “ยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร(Poseidon 1) ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย” เพื่อปิดล้อมตรวจค้นจับกุม รวบรวมพยานหลักฐานและยึดทรัพย์ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 คน มีเป้าหมายจุดปิดล้อมจำนวน 10 จุด ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 คนคือนายอนุรุตฯ และยึดทรัพย์สินของนายชาญชัยฯ กับพวกทั้งหมด มีทั้งที่ดินและกิจการของนายชาญชัยฯ เช่น ร้านอาหารตำทะลวงและกิจการเดินเรือและกิจการอื่น ๆ เงินสด ทองแท่งและทองรูปพรรณ พระเครื่อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวนมาก  รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ทาง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ตรวจสอบเพื่อตรวจยึดทรัพย์สินตามมูลค่ารวมประมาณ 140 ล้านบาท 

ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ระบุว่า ภายหลังการจับกุม ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนขยายผลกันมาอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มเครือข่ายนี้มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากออกไปยังต่างประเทศโดยทางเรือมาแล้วหลายครั้ง ปลายทาง ได้แก่ ประเทศไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย ซึ่งถือเป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการลักลอบลำเลียง โดยเครือข่ายนี้มีลักษณะการทำงานเป็นองค์กรอาชญากรรม มีการแบ่งหน้าที่ในการทำงานซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก  ซึ่งขณะนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดกำลังทำการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งระดับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ในประเทศและต่างประเทศต่อไป

'บิ๊กต่าย' แถลงโชว์ผลงานรับปีใหม่ ตามแผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย ทลายแก๊งทะเลหลวงข้ามชาติ ยึดทรัพย์กว่า 105 ล้านบาท และสกัดจับทีมขนยารายใหญ่เส้นทางเหนือ อีสาน

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นการใช้ทุกมาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติด และยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งเน้นในการเร่งรัดดำเนินการป้องกันปราบปราม ยาเสพติดในทุกมิติ เนื่องจากปัญหายาเสพติดอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและเป็นภัยสังคม  

วันนี้ 4 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส. ,พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน  ตรารุ่งเรือง ,พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และ พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ,พล.ต.ต.อาทร ชิ้นทอง  ผบก.ประจำ บช.ปส. และนายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ป.ป.ส. กทม. ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมแถลงผลงาน บช.ปส.ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย สามารถจับกุมเครือข่ายยาเสพติดและยึดทรัพย์สินรายสำคัญ 4 คดี ผู้ต้องหา 6 คนของกลางยาบ้ากว่า 16 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 27 กก. และยึดทรัพย์สินเครือข่ายได้ประมาณ 105 ล้านบาท

คดีแรก เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.66 ตำรวจ กก.3 บก.สกส. ร่วมกับ บก.ขส.ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดของ นายอนุวัฒน์ กับพวก จะลักลอบลำเลียงยาเสพติด และกำลังจัดหาผู้ลำเลียงจากพื้นที่ชายแดนไทยด้าน จว.เชียงราย ไปส่งมอบ ให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง ตำรวจจึงอำพรางเป็นผู้รับจ้างลำเลียงยาเสพติด เดินทางไปเจรจาเงื่อนไข การรับมอบยาเสพติด ในพื้นที่หมู่บ้าน ม.6 ต.แม่ยาว อ.เมือง จว.เชียงราย ระหว่างทางพบกลุ่มรถจักรยานยนต์หลายคันขับขี่ตามกันในลักษณะ คาราวานเข้าไปในหมู่บ้าน สังเกตตะกร้าหน้ารถพบมีสิ่งของบรรทุกอยู่ทุกคันรถ กระทั่งคนขับรู้ตัวจึงได้เร่งเครื่องหลบหนี และทิ้งสิ่งของที่เอามาด้วยไว้ข้างทาง ตรวจสอบพบยาบ้าประมาณ 503,673 เม็ด จึงได้ตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีและสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป 

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.66 ตำรวจ บก.สกส.พร้อมด้วย กก.2 บก.ปส.2 และ บก.ขส. ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา คือ นายบุญช่วย และ นายสมเกียรติ หลังสืบทราบว่ามีพฤติการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.นครพนม เพื่อไปส่ง ให้กับลูกค้าทางพื้นที่ จว.สระบุรี จึงได้สะกดรอยติดตาม พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองใช้รถยนต์กระบะสำหรับนำทาง เพื่อเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ และมีรถบรรทุกขนาดกลางสีขาว หมายเลขทะเบียน 82-xxxx มหาสารคาม ขับติดตาม กระทั่งสามารถตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา พร้อมของกลางยาบ้า 8,689,000 เม็ด และเฮโรอีน 225 ก้อน น้ำหนักประมาณ 27 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถบรรทุก จากนั้นตำรวจชุดจับกุม ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.2 ได้สืบสวนกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดโดยใช้รถยนต์ ในการ ลักลอบลำเลียง หลังพบเคลื่อนไหวขับขี่จากพื้นที่กรุงเทพฯ ขึ้นไปยังพื้นที่ภาคเหนือในพื้นที่ อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ และจะมี การลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน ไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ตอนใน โดยใช้ รถยนต์ HONDA CITY หมายเลข ทะเบียน 8กฐ-xxxx กทม. และ รถยนต์ HYUNDAI หมายเลขทะเบียน ฮฐ-xxx กทม. ชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยติดตาม กระทั่ง ช่วงเช้าของวันที่ 19 ธ.ค.66 พบรถยนต์ HYUNDAI วิ่งมาจาก อ.แม่สรวย จว.เชียงราย มาจอดป่าข้างทางประมาณ 20 นาที แล้วขับออกไป โดยมีรถยนต์ HONDA CITY ขับตาม ต่อมาช่วง 21.50 น.พบรถยนต์ทั้ง 2 คัน วิ่งบนถนน หมายเลข 1 มุ่งหน้า ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ จึงประสานเจ้าหน้าที่ประจำด่านให้ทำการ ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ก่อนที่รถยนต์ HONDA CITY จะขับเข้าด่านตรวจพบนาย สมณะ เป็นผู้ขับขี่ ส่วนรถ HYUNDAI ได้จอดก่อนถึง จุดตรวจ/จุดสกัด ชุดจับกุมที่ติดตามมาจึงเข้าตรวจสอบ พบนายอดิศักดิ์หรือเอส เป็นผู้ขับขี่ ภายในห้องโดยสารพบยาบ้ารวม 6,500,000 เม็ด  สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน รับสารภาพว่ารับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนหมู่บ้านห้วยส้าน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่า นายอดิศักดิ์หรือเอส เคยมีประวัติถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพติด เพื่อจำหน่าย เมื่อปี 62

คดีที่ 4 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 บก.ปส.4 ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ ได้ที่บริเวณริมถนนหน้าศาลาริมทางบ้านห้วยน้ำเย็น ม.4 ต.ทรายขาว อ.หัวไทร จว.นครศรีธรรมราช ขณะใช้รถยนต์กระบะลำเลียงคีตามีน จำนวนรวม 851 กก. จากจังหวัดระนอง เพื่อนำมาส่งให้ที่ อ.หัวไทร จว.นครศรีธรรมราช จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้ มีนายอานันท์ เป็นผู้สั่งการและอยู่เบื้องหลังเชื่อมโยงกับเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติหลายคดี อาทิ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.66 บก.ปส.3 จับกุมไอซ์ 1.5 ตัน ขณะขนถ่ายลงเรือขนาดเล็กบริเวณท่าเทียบเรือโรงไม้เก่า ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จว.นครศรีธรรมราช 

เมื่อ 28 มิ.ย.66 ป.ป.ส. จับกุมเครือข่ายไอซ์ 960 กก. มาพักไว้ที่บ้านหลังหนึ่งใน จว.ราชบุรี เพื่อเตรียมขนส่งไปยังพื้นที่ภาคใต้ และเมื่อวันที่ 19 ก.ย.66 บก.ปส.3 เข้าจับกุมคนร้ายขณะลำเลียงไอซ์ 1,000 กิโลกรัม มีการยิงปะทะและเป็นเหตุให้ ด.ต.วีระวัฒน์ คำดี ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เสียชีวิตและคนร้ายถูกวิสามัญในที่เกิดเหตุในพื้นที่ อ.เวียงชัย จว.เชียงราย กระทั่ง เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.4 ได้สืบสวนขยายผล สามารถดำเนินการออกหมายจับนายอานันท์ ผู้สั่งการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในคดีนี้รวม 4 ราย ภายใต้แผนปฏิบัติการตามล่า 100 เครือข่าย บก.ปส.4 จึงได้เปิด “ยุทธการเด็ดปีกมาร67/1ทลายแก๊งทะเลหลวงข้ามชาติ” ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้น เพื่อจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับและยึดทรัพย์จำนวน 16 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 2 หมาย คือ นายอานันท์ เป็นผู้สั่งการ และนายสุริยา ทำหน้าที่ทางการเงิน รวมทั้งตรวจยึดทรัพย์สิน 34 รายการ รวมมูลค่า 105 ล้านบาท

พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. ระบุว่า ที่ผ่านมาได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการสกัดกั้น การลักลอบ ลำเลียงยาเสพติด ทั้งตามพื้นที่แนวชายแดนและการลำเลียงเข้ามาสู่พื้นที่ตอนใน และให้ใช้มาตรการทางกฎหมายทุกรูปแบบ เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดโดยเด็ดขาด โดยให้สืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์สิน ผู้สั่งการและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง   ซึ่งนำมาสู่ผลการจับกุมพร้อมยาเสพติดได้จำนวนมากในครั้งนี้ และสำหรับแก็งทะเลหลวงข้ามชาตินั้น มีความเชื่อมโยงกับหลายเครือข่ายที่บช.ปส.ได้จับกุมมาก่อนหน้านี้ ซึ่งชุดสืบสวนจับกุมได้ใช้ความพยายามในการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนสามารถออกหมายจับเครือข่ายผู้สั่งการ และติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีและยึดทรัพย์ได้ดังกล่าว

สำหรับเดือน ธันวาคม 2566 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ 19 คดี ผู้ต้องหา 23 คน ของกลาง ยาบ้า 15,692,673 เม็ด, ไอซ์ 1,001 กก. เฮโรอีน 39.43 กก., โคเคน 11.18 กก. และคีตามีน 1,200 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 414.14 ล้านบาท 

‘นายกฯ’ เรียก ‘รมว.กห.-ผบ.ทบ.’ ถกแก้ปัญหา ‘บำบัดผู้ติดยา’ เล็งเปิด ‘รพ.ค่ายทหาร’ จ่อแถลงแผนงานภายใน 2 สัปดาห์นี้

(5 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทวิตข้อความ ถึงการแก้ปัญหายาเสพติดว่า “ปัญหาการบำบัดผู้ติดยาเสพติด เป็นปัญหาที่กระทบต่อสังคมไทย สส.ในพื้นที่ก็ได้สะท้อนปัญหาที่รับร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนมาเป็นจำนวนมาก 

ผมได้เชิญท่าน รมว.กลาโหม และผบ.ทบ.. เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหา ฝ่ายความมั่นคงยินดีที่จะเปิดค่ายทหาร เพื่อรองรับผู้เสพยาเสพติด โดยคัดกรองนำผู้เสพยาจากหมู่บ้าน คัดแยกผู้ที่ติดยาเสพติดออกจากชุมชน และส่งไปบำบัดยังโรงพยาบาลของค่ายทหารประจำจังหวัดต่อไป ซึ่งจะแถลงข่าวถึงแผนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 2 สัปดาห์นี้ครับ“

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เชิญ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. เข้าพบเพื่อหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ม.ค.ที่อาคารรัฐสภา ระหว่างร่วมประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

มุกดาหาร -ฉก.ทหารพรานมุกดาหาร รวบ 3 ตัวการค้ายาบ้าข้ามโขงได้พร้อมยาบ้า 300,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่กองร้อยเฉพาะกิจทหารพราน 2105 กรมทหารพรานที่ 21 (ร้อย.ฉก.ทพ.2105 กรม ทพ.21) ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร พ.อ.สุริวัชร์ อัครพรเดชาพงษ์ ผบ.กรม ทพ.21แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ขณะลำเลียงยาบ้าข้ามแม่น้ำโขงสามารถตรวจยึดยาบ้าได้จำนวน 300,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 มกราคม ร.อ.คำรณ คุ้มเขต ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2105 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดระหว่างประเทศจะเข้ามารับยาเสพติดบริเวณโรงสูบน้ำไฟฟ้า พื้นที่ บ.นาโพธิ์ ม.6 ต.โพธิ์ไทร อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงได้จัดกำลังเฝ้าตรวจตามเส้นทางที่ได้รับแจ้ง ต่อมาเวลา 23.25 น. ชุดเฝ้าตรวจได้ใช้กล้องตรวจการณ์ วลากลางคืนตรวจพบเรือกีบติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ แล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาจอดที่ท่าน้ำ บ.นาโพธิ์ จากนั้นได้มีการนำกระสอบปุ๋ยบรรจุสิ่งของลงจากลำเรือมาทิ้งไว้ที่บริเวณท่าน้ำและรีบแล่นเรือข้ามแม่น้ำโขงขับกลับไปฝั่ง สปป.ลาว อย่างรวดเร็ว

จากนั้นต่อมาได้มีชายฉกรรจ์ 2 คน เดินลงไปยังบริเวณที่มีการทิ้งกระสอบไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าไปสอบถามทราบว่าชื่อ นายณัฐพลหรือเป้ บุทธิจักร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ และนายชัยฤทธิ์หรือเซียง สมสะอาด อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 196 หมู่ 5 บ.นาโพธิ์ โดยขณะสอบถามชายทั้งสอง มีลักษณะท่าทางมีพิรุธและพูดจาวกวน จึงได้ทำการเปิดกระสอบออกดูพบห่อกระดาษไขประทับอักษร Y-1 จำนวน 150 ห่อ เมื่อเปิดภายในพบว่าเป็นยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด และยังพบเงินสดจำนวน 4,000 บาท เมื่อสอบถามชายทั้ง 2 คน ให้การยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างจากนายณรงค์ชัยหรือมิ้ว พรหมเสนา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 6 บ.นาโพธิ์ ให้มาขนยาบ้าดังกล่าวโดยได้ค่าจ้าง 4,000 บาท  

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลโดยประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนตาล เดินทางไปควบคุมตัวนายณรงค์ชัย ได้ที่กระท่อมนา พื้นที่ บ.นาโพธิ์ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวทั้ง 3 คน พร้อมกับตรวจยึดยาบ้า เงินสด และโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 3 เครื่อง ไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ' รอง ผบ.ตร. -ผบช.ตชด.ลุยแก๊งค์ค้ายา แม่จัน ร่วมแถลงผลการจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ 2,100,000 เม็ด กำชับขยายผลต่อ พบใครเอี่ยวจัดเต็ม

วันนี้ 23 ม.ค.67 เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส. ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบช.ตชด ได้เดินทางไปที่กองร้อย ตชด.ที่ 327 อ.แม่จัน จว. เชียงราย เพื่อรับฟังข้อมูลและรายละเอียด จากกรณีที่มีจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย พร้อมด้วยของกลางยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 2,100,000 เม็ด และรถยนต์เก๋ง 1 คัน 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า ตำรวจชุดปฏิบัติการของ กองร้อย ตชด.ที่ 327 ได้สืบสวนทราบว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติด(ยาบ้า) ล็อตใหญ่โดยจะใช้เส้นทางบ้านท่าข้าวเปลือก แม่จัน-ดอยหลวง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผู้ลักลอบจะหลบเลี่ยงการตรวจของเจ้าหน้าที่ และเข้าสู่เมืองเชียงราย จึงได้ประสานงานและวางแผนร่วมกับ ภ.จว.เชียงราย, บก.ปส.3,กองกำลังฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อบูรณาการในการตั้งจุดตรวจและวางจุดสกัด กระทั่งในวันที่ 22 ม.ค.67 เวลา 22.00 น.ได้มีรถยนต์เก๋งต้องสงสัยตำหนิรูปพรรณตามข้อมูลที่ได้รับจากการสืบสวน ไม่หยุดให้ตรวจและหลบหนีการจับกุม จึงได้ทำการติดตาม สกัดกั้นและสามารถจับกุมได้ที่บริเวณแยกบ้านอาข่าบ้านท่าข้าวเปลือก ผลการตรวจค้นพบกระสอบสีดำ วางกองที่เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง จำนวน 8 ถุงใหญ่ เมื่อเปิดกระสอบพบยาเสพติด(ยาบ้า) จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาที่กองร้อย ตชด.ที่ 327 ทำการตรวจพิสูจน์และนับจำนวน ต่อหน้าผู้ต้องหา ผลการตรวจสอบพบว่าเป็น เมทแอมเฟตตามีน และนับจำนวนได้ 2,100,000 เม็ด จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย   

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐฯ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเนื่องจากเป็นนโยบายเร่งด่วนและสำคัญของรัฐบาลและ ผบ.ตร. โดยได้สั่งการให้ บก.ปส.3 รับตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปสืบสวนสอบสวนและขยายผล ซึ่งในการสืบสวนให้ร่วมกับสืบสวนภูธรจังหวัดเชียงราย เนื่องจากมีข้อมูลเบื้องต้นถึงการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหา ที่ สภ. แม่จัน ได้จับกุมพร้อมยาไอซ์ 300 กว่ากิโลกรัม เมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 ที่ผ่านมา สำหรับการสอบสวนได้กำชับ เน้นย้ำ ให้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด รอบคอบ และให้ พฐ.ตรวจพิสูจน์หาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากรถยนต์ของกลางเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้แน่นหนา รวมทั้งให้นำมาตรการการยึดทรัพย์และกฎหมายการฟอกเงินมาบังคับใช้อย่างเด็ดขาดด้วย

‘รมว.ความมั่นคงสาธารณะจีน’ พบปะ ‘รมว.ยุติธรรมไทย’ เดินหน้ากระชับความร่วมมือปราบปราม ‘ยาเสพติด’

(1 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หวังเสี่ยวหง มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน พบปะกับทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและสมาชิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของไทย ณ กรุงปักกิ่งของจีน

โดย หวังเสี่ยวหง ระบุว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีต่อกัน โดยเขาหวังว่าจีนและไทยจะดำเนินการตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุโดยผู้นำของสองประเทศ กระชับความร่วมมือด้านการควบคุมยาเสพติดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพแนวทางความร่วมมือเกี่ยวกับผู้หลบหนีและการติดตามทรัพย์สินคืน ดำเนินปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายร่วมกัน ปราบปรามอาชญากรรมต่างๆ อย่างสอดคล้องตามกฎหมาย อาทิ การผลิตและการค้ายาเสพติด การฉ้อโกงทางโทรคมนาคมและทางอินเทอร์เน็ต และการพนันออนไลน์ เสริมสร้างความร่วมมือเชิงปฏิบัติด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคง รวมถึงส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน

ด้าน ทวี สอดส่อง แสดงความเต็มใจของไทยในการรักษาการแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดกับจีน พร้อมกระชับความร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายในด้านการควบคุมยาเสพติดและอื่นๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

รองโฆษก ตร. ชี้แจงการเสพยาเสพติด การครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ด ยังคงมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ !!!

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์ 2567) พ.ต.อ.อุเทพ นุ้ยพิน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ถึงประเด็นเรื่อง กฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ผู้เสพ หรือผู้ครอบครองยาเสพติดไม่เกิน 5 เม็ด ไม่มีโทษอีกต่อไปนั้น เป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน 

รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ได้ออกกฎกระทรวง กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ลงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 นั้น กฎกระทรวงดังกล่าวได้ประกาศออกมาตามความในมาตรา 24 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 และ มาตรา 107 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นข้อสันนิษฐานว่า การครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยตามที่กำหนด ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ถือว่าผู้นั้นเป็นป่วย ต้องได้รับการการบำบัดรักษาเพื่อให้หายจากการติดยาเสพติดและกลับเข้าสู่สังคมต่อไป 

การเสพยาเสพติดยังคงมีโทษอยู่ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 104 , 162  มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษาและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 113  ทั้งนี้ บทลงโทษทางกฎหมายยังคงมีอยู่ ซึ่งกฎหมายนี้มีเจตนารมย์ที่จะช่วยเหลือให้เข้ารับบำบัดโดยไม่เอาผิดทางอาญา หรือการลดการเป็นอาชญากรรมของผู้เสพ (decriminalization) “มองผู้เสพ เป็นผู้ป่วย” ใช้กระบวนการทางสาธารณสุขและสุขภาพในการแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติด 

ส่วนการครอบครองยาเสพติดในปริมาณเล็กน้อยไว้พื่อเสพ เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือยาไอซ์      ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม  ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567  ยังคงเป็นความผิดฐาน "ครอบครองเพื่อเสพ" ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา  107 , 164 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผู้ครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ สมัครใจเข้ารับการบำบัดรักษา และดำเนินการเข้ารับการบำบัดจนครบถ้วน ก็จะไม่มีความผิด ตาม ม.113  เช่นกัน โดยการครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพ แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้ 

กรณีที่ 1 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพตามพฤติกรรมอันแท้จริง เช่น มียาบ้า 10 เม็ด แม้จะมีปริมาณเกินกว่าที่กฏกระทรวงกำหนด แต่หากข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆ ยืนยันได้ว่า ยาบ้าจำนวน 10 เม็ดนั้น มีไว้เพื่อเสพจริง ไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด มีผลตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะ เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ  

กรณีที่ 2 การครอบครองยาเสพติดไว้เพื่อเสพปริมาณเล้กน้อยไม่เกินที่กำหนด เช่น ยาบ้า ไม่เกิน 5 เม็ด หรือ ยาไอซ์ ไม่เกิน 100 มิลลิกรัม หรือยาเค มีน้ำหนักสุทธิไม่เกิน 500 มิลลิกรัม  ตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 หากไม่มีพฤติการณ์หรือประวัติในการจำหน่ายยาเสพติด เช่นนี้ มีความผิดฐาน ครอบครองเพื่อเสพ  

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน รองโฆษก ตร. ขอเรียนประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชนได้รับทราบว่า การเสพยาเสพติดทุกชนิดประเภท  การครอบครองยาเสพติดทุกชนิดประเภท ไม่ว่าจำนวนเท่าใดยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย ถูกจับกุม ดำเนินคดีได้

'บิ๊กต่าย' แถลงตำรวจ ปส. ปูพรมเปิดปฏิบัติการ '999 Episode 2' ยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่าย 'โน้ต ศดายุฯ' พร้อมกัน 23 จุด ทั่วประเทศ พร้อมจับทีมนักบินยึดยาบ้า 16 ล้านเม็ด

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมาย เพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งเน้นให้เดินหน้าเชิงรุกปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลการทุกเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับ รวมทั้งสืบสวนขยายผลเพื่อยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้ายาเสพติด รวมทั้งผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ                          

วันนี้ 16 ก.พ.67 เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญนวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร์  เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส. ,พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน  ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1,พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส.และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. และ นายธัญญาวิทย์ พราวพิจักขณากูล นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการพิเศษ สำนักปราบปรามยาเสพติด ร่วมแถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ของ บช.ปส. หลายคดี  

เริ่มที่ช่วงเช้าวันนี้ 16 ก.พ.67 กองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด (บก.ขส.) ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม ยาเสพติด 1,3,4 และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ลงพื้นที่เปิดปฏิบัติการ “999 Episode 2” ขยายผลปิดล้อมตรวจค้นเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินเครือข่าย “นายศดายุ หรือโน้ต” ใน 7 จังหวัดทั่วประเทศ คือ กรุงเทพมหานคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, อยุธยา, สุพรรณบุรี, นครปฐม และ เชียงราย รวม 23 เป้าหมาย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 59 บก.ขส. ได้สืบสวนเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล จนนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการ “999” ปิดล้อมตรวจค้นใน 27 จุดทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 33 คน ตรวจยึดยาบ้า 172,000 เม็ด,ไอซ์ 6 กก., ยาอี 1,450 เม็ด, คีตามีน ชนิดน้ำ 520 ขวด, คีตามีน ชนิดผง 6.4 กก., กัญชา 1 กก., ยาปลุกเซ็กซ์ 50,000 กล่อง ตรวจยึดรถยนต์ 10 คัน, มอเตอร์ไซค์ 2 คัน, บัญชีเงินฝาก 22 เล่ม, ปืน 7 กระบอก, กระสุนปืน 2,000 นัด, โฉนดที่ดิน, พระเครื่อง, ทองรูปพรรณ, พันธบัตรไทย มูลค่า 124 ล้านบาท, พันธบัตรลาว มูลค่า 56 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมด 400 ล้านบาท จากการขยายผลพบว่า นายศดายุ หรือโน้ต เป็นหัวหน้าเครือข่ายค้ายาเสพติดระดับสั่งการ โดยติดต่อสั่งยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบลำเลียง เข้ามาเก็บซุกซ่อนในพื้นที่ต่าง ๆ อาทิ นนทบุรี, โคราช, สมุทรปราการ, นครปฐม, ชลบุรี, หนองคาย, ชุมพร และกรุงเทพมหานคร จะมีเครือข่ายแบ่งการทำงานชัดเจน จนนำมาสู่การออกหมายจับ นายศดายุ พร้อมพวก รวม 9 ราย

กระทั่งวันที่ 13 ก.ย. 59 ตำรวจ บก.ขส. สืบทราบว่า นายศดายุ ได้จัดกิจกรรมเลี้ยงขอบคุณเอเย่นต์ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ในอำเภอเขาใหญ่ จึงร่วมปิดล้อมตรวจค้นจับกุมได้ 4 ราย ส่วนนายศดายุ และพวกรวม 5 คน ขับรถหลบหนี เจ้าหน้าที่ได้ขับรถไล่ติดตามพร้อมสกัดจับแต่เกิดการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถูกวิสามัญเสียชีวิตภายในรถ 1 ราย ส่วนนายศดายุ  กับพวกที่เหลือหลบหนีไปได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 ตำรวจ ภ.1, ภ.6 และ บช.น. ร่วมกันจับกุมตัว นายศดายุ เหลืองประดับใจ ได้บริเวณลานจอดรถ รีสอร์ท ณ บ้านทุ่ง อัมพวา ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จว.สมุทรสงคราม ตามหมายจับของศาลาอาญา ที่ 262/2559 ในข้อหา“สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันแล้ว” ตำรวจ บก.ขส. จึงขยายผลพบว่าระหว่างหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งกลับเข้ามาในประเทศไทย นายศดายุ ยังคงค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องจนถูกจับกุมได้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้มาพบ นายศดายุ จะนำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สิน เช่น ที่ดินเปล่า เพื่อนำมาสร้างโกดังเก็บยาเสพติด, ซุกซ่อนทรัพย์สิน และ เก็บสะสมรถแต่ง สำหรับการเปิดปฏิบัติการ “999 Episode 2” 23 เป้าหมาย สามารถตรวจพบเป้าหมาย 9 ราย ไม่พบ 10 ราย, อายัดเงินในบัญชีธนาคารจำนวน 2,800,000 บาท อายัดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ 51 รายการ อาทิ บ้านพร้อมที่ดิน, โกดัง, รถยนต์ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัดทั้งหมด 150,000,000 ล้านบาท  

นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมเครือข่ายรายสำคัญได้อีก 5 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้รวม 9 ราย ยึดยาบ้า 16 ล้านเม็ด ไอซ์ 4 กก. อายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท

คดีที่ 1 สืบเนื่องจาก ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 ทราบว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด “เครือข่าย ดำเมืองกาญ” ในพื้นที่ จว.กาญจนบุรี จะขึ้นไปรับยาเสพติดทางภาคเหนือมาจำหน่ายในเขต กรุงเทพฯและปริมณฑล กระทั่งวันที่ 30 ม.ค.67 พบความเคลื่อนไหวของรถเป้าหมาย หมายเลขทะเบียน กต 88xx นนทบุรี ขับขี่เข้าไปในพื้นที่ ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จว.เชียงราย และขับลงมาช่วงเที่ยงของวันที่ 31 ม.ค.67 บริเวณถนนพหลโยธิน ตำบลวังมัน อำเภอสามเงา จว.ตาก ก่อนจะสกัดจับไว้ได้ บริเวณสะพานบ้านยางโองน้ำร่วมใจพัฒนา อำเภอบ้านตาก จว.ตาก ตรวจสอบพบ นายนที หรือเจต ยุวะเวส เป็นคนขับ ตรวจสอบรถพบยาบ้ากว่า 8 แสนเม็ด ซุกซ่อนบริเวณท้ายรถ 

คดีที่ 2 กลางดึกของวันที่ 28 ม.ค.67 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ตรวจยึดยาบ้า 1,140,000 เม็ด ได้บริเวณถนนทางดินริมทุ่งนา บ้านโล๊ะ ม.1 ต.สันต้นหมื้อ อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ หลังทำการสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดชาวเขาเผ่าลาหู่ เครือข่ายของ นายจะนะ แอโหลซึ่งมีพฤติการณ์ใช้รถยนต์กระบะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ด้าน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ นำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายเพื่อลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ระหว่างเฝ้าติดตามพบรถต้องสงสัย ขับออกมาจากพื้นที่แนวชายแดน บ้านห้วยน้ำเย็น ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ ใช้เส้นทางถนนชนบทสลับกับถนนทางดินริมทุ่งนา มุ่งหน้าไปทาง ต.แม่อาย - ต.มะลิกา - ต.แม่นาวาง - ต.สันต้นหมื้อ ลักษณะขับเร็วสลับช้าและจอดเป็นระยะๆ กระทั่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าแสดงตัวนำรถเข้าสกัดจับกุม รถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผล 16xx เชียงใหม่ ระหว่างนั้นผู้ต้องหาคือ นายจะนะ ได้อาศัยความมืดทิ้งรถก่อนเปิดประตูวิ่งลงจากรถหลบหนีไปได้ ตรวจค้นรถกระบะพบยาบ้า 1,140,000 เม็ด

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 บก.ปส.4 จับกุม นายสูดี รือมัน ขณะขับรถเข้าด่านตรวจยาเสพติด อ.จะนะ จว.สงขลา เจ้หน้าที่พบวัตถุที่มีลักษณะน่าสงสัย จึงเชิญคนขับนำรถเข้าเครื่อง X-ray เพื่อทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พบยาบ้า 1,620,000 เม็ด บรรทุกอยู่หลังรถในลักษณะตีคอก สอบถามผู้ต้องหา ระบุ รับยาบ้ามาจาก ต้นทาง จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำมาส่งในพื้นที่ปลายทาง จว.นราธิวาส  

คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 27 ม.ค.67 ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกับ บก.ปส.1 และ บก.ขส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีเครือข่ายยาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ ไปส่งลูกค้าในพื้นที่ จว.สระบุรี กระทั่งวันที่ 27 ม.ค.67 สามารถจับกุม นายจายตาล, นายวิน และ นายแลง ลุงเมือง ได้ที่ริมถนนพหลโยธิน หมายเลข 1 ต.ดาวเรือง อ.เมือง จว.สระบุรี พร้อมรถยนต์ TOYOTA รุ่น: HIACE สีขาว 1 คัน ตรวจค้นยาบ้า 12,200,000 เม็ด และ ไอซ์ 5 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ หลังจากนั้นสามารถขยายผลจับกุม นายไซ ทูน ที่หลบหนีได้บริเวณ หอพักทิพย์แมนชั่น ห้องหมายเลข 412 ซ.หมู่บ้านเอื้ออาทร ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จว.นครปฐม ซึ่งทั้ง 4 ผู้ต้องหาเป็นสัญชาติเมียนมา นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินอาทิ รถยนต์ และเงินสด 

คดีที่ 5 เมื่อวันที่ ตำรวจ บก.สกส. และ บก.ขส. รับแจ้งจากสายลับว่า เครือข่ายรายสำคัญจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคกลาง นำไปส่งมอบให้กับลูกค้าทางพื้นที่ภาคใต้ กระทั่งวันที่ 29 ม.ค.67 สามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ นายทรงวุฒิ, นายสุริยา และ นายกิตติพร ได้บริเวณปั้มน้ำมัน ปตท. อ.เขาย้อย จว.เพชรบุรี ตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในรถ  264,000 เม็ด รวมคดีที่ 4 และ 5 สามารถอายัดทรัพย์สินได้มูลค่า 7,520,000 บาท

สำหรับเดือน 1 ตุลาคม 2566 – 14 กุมภาพันธ์ 2567 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ได้จับกุมขบวนการค้ายาเสพติด รายสำคัญ 99 คดี ผู้ต้องหา 170 คน ของกลาง ยาบ้า 132,494,672 เม็ด, ไอซ์ 2,892.26 กก. เฮโรอีน 79.47 กก. ,โคเคน 18.97 กก. และคีตามีน 1,201.22 กก. และตรวจยึดทรัพย์ ไว้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 606 ล้านบาท

โซเชียลแชร์!! คนโพสต์ขายยาเสพติดโจ๋งครึ่ม ไม่กลัวไม่ว่า แถมการันตีส่งถึงมือลูกค้าให้ด้วย

(22 ก.พ. 67) รายงานแจ้งว่าเพจเฟซบุ๊ก ‘ข่าวท้องถิ่นเพชรบูรณ์’ ได้โพสต์ภาพเฟซบุ๊กของชายรายหนึ่งโพสต์ขายยาเสพติดแบบไม่เกรงกลัวใคร แถวยังบอกอีกว่าถึงมือลูกค้าแน่นอน 

โดยข้อความระบุว่า "เล่นแบบนี้เลยเหรอครับ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วย"

ขณะที่ข้อความภาพจากเฟซบุ๊กของชายรายดังกล่าวระบุว่า "หวัดดีวัยรุ่นเพชรบูรณ์ ใครสนใจตัวเล็ก-ตัวใหญ่ ในพื้นที่นัดรับได้ที่อำเภอเมือง งานชนงาน ของถึงมือแน่นอน กำลังแพ็คจัดส่งให้คืนนี้นะครับลูกค้าทุกคน #เสรี ไม่เกิน 5 เม็ด #ของแทร่" 

ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ เริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน, เพชรบูรณ์ของแทร่แน่นอน, อนาคตลูกหลาน, บ้านเมืองมันเกิดอะไรขึ้นกฎหมายมันอ่อนมากเสรีทุกอย่าง เป็นต้น 

นครพนม -แม่ทัพน้อยที่ 2 ลงพื้นที่ลุยอีสาน ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่จังหวัดนครพนม พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพน้อยที่ 2 เป็นผู้แทน พลโท อดุลย์บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 / ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตันและเคมีภัณฑ์ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครพนม  เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบาย แก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี  ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเป็นปัญหาที่ต้องดำเนินการลดความรุนแรงอย่างเร่งด่วนเพื่อประชาชน และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เร่งขับเคลื่อนให้การแก้ไขปัญหาต้องเห็นผลรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งมาตรการที่ต้องเริ่มอย่างเร่งด่วนคือการสกัดกั้นยาเสพคิดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่จะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการสกัดกั้น เพราะจากสถิติการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้าไทยเกือบทั้งหมดมาจากเส้นทางนี้  หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดเร่งด่วนให้ลดลงภายใน 10 เดือน 

โดยมุ่งเป้าไปที่การสกัดกั้นตามแนวชายแดน จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24)  โดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้บัญชาการฯ  ซึ่งจังหวัดนครพนม ได้ประกาศพื้นที่พิเศษ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) กำหนดให้ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน-เมืองนครพนม-ธาตุพนม และอำเภอบ้านแพง เป็นพื้นที่พิเศษเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยเป็นการบูรณาการกำลังทั้งทหาร  ตำรวจภูธรจังหวัด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 (ปปส.ภาค 4)  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดนครพนม  เสริมความเข้มแข็งตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน  หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญจำนวนมาก 

ในการนี้ แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เดินทางเข้าพบนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เพื่อหารือข้อราชการบูรณาการร่วมปรึกษาแนวทางการปฏิบัติให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามภารกิจการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าประเทศในพื้นที่จังหวัดนครพนม ให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดของรัฐบาล การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด สถานการณ์ยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน  ขณะนี้ว่ามีการผลิตเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากปัญหาภายในประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับเคมีภัณฑ์ที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดมีราคาถูกและหาง่าย  ทำให้มีปริมาณยาเสพติดเข้ามาพักคอยตามแนวชายแดนไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มมาตรการสกัดกั้นในพื้นที่ ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกับชุมชนช่วยกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็งเป็นเกราะป้องกันยาเสพติด และที่สำคัญคือ 

การแก้ไขปัญหาผู้มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยยึดหลักการ "เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย", การปิดล้อมตรวจค้น ยุทธการเด็ดปีกผู้ค้ารายย่อย อย่างต่อเนื่อง,การตรวจสถานบริการ ที่เปิดฝ่าฝืนกฎหมาย และปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด  โดยใช้กลไกในการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อจับกุมผู้มีหมายจับที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ การสกัดกั้นดังกล่าวต้องดำเนินมาตรการต่างประเทศในการประสานงานข้อมูลการข่าว นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการร่วมกับชุมชน ในการเฝ้าระวัง ซึ่งจะเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่และชุมชนที่สำคัญคือต้องมีความต่อเนื่อง การสร้างพลังการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ต้องช่วยกันออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน โดยการแก้ไขปัญหายาเสพติด เราดำเนินการปราบปราม สกัดกั้น บำบัด แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา หากครอบครัวและชุมชนช่วยกันความต้องการยาเสพติดจะลดลง เพราะยาเสพติดกลัวครอบครัวที่อบอุ่นและชุมชนที่เข้มแข็ง ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top