Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

ตำรวจบึงกาฬ ภาค 4 ยึดเฮโรอีนซุกซ่อนในท่อสเตนเลส

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ให้กวาดล้างยาเสพติดทุกประเภท และจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยให้หมดสิ้นไป

ตำรวจภาค 4 นำโดย พ.ต.ท.ณัฐพล โอฆะพนม สว.กก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ ได้สืบสวนทราบว่า จะมีการลักลอบส่งยาเสพติด ในพื้นที่ บ้านท่าอินแปลง ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงบูรณาการกำลังกับ สภ.บึงกาฬ, ร้อย ตชด.244 และ กกล.สุรศักดิ์มนตรี วางแผนและสืบสวนจับกุม ต่อมาวันที่ 20 มี.ค.67 เวลาประมาณ 12.00 น. พบว่ามีผู้นำท่อสแตนเลส ลักษณะเหมือนโครงเปลสำหรับเด็ก ไปวางไว้ที่บริเวณ ริมถนน ถนนสาย 212  บ.ท่าอินแปลง ต.โคกก่อง อ.เมือง จ.บึงกาฬ จากการยกตรวจสอบพบมีน้ำหนักที่ผิดปกติ จึงใช้อุปกรณ์เปิดตรวจสอบ พบว่าภายในช่องว่างของท่อ ถูกบรรจุด้วยเฮโรอีน เชื่อว่าเป็นยาเสพติดที่จะมีการลักลอบส่งตามข่าวที่สืบสวนมา จึงนำกำลังซุ่มอยู่บริเวณโดยรอบ กระทั่งพบรถเก๋งนิสสัน สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 12xx สกลนคร เข้ามาจอด จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาได้พากันมายกท่อสเตนเลสดังกล่าวเพื่อจะนำขึ้นรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน คือ นายรุ่งเพชร กำนันแห่งหนึ่ง ในภาคอีสาน, นางเพ็ชรัตน์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายรุ่งเพชร และ 3.นายวชิระ พร้อมด้วยของกลาง คือ เฮโรอีนน้ำหนักประมาณ 9.2 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท่อสเตนเลส ลักษณะเหมือนโครงเปลสำหรับเด็ก สอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องหารับว่า มีผู้จ้างให้มารับของดังกล่าวเป็นเงิน 5 หมื่นบาท จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดี และสืบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ตำรวจภาค 4 เด็ดปีกผู้ค้าต่อเนื่อง สืบจังหวัดร้อยเอ็ด สกัดจับแก๊งค้ายาบ้า ยึดคารถ 1.6 แสนเม็ด

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ให้ทุกท้องที่กวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพื้นที่อีสานเหนือ

โดยก่อนการจับกุม พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ได้สืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบขนยาบ้าผ่าน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อไปส่งที่ลูกค้าที่ จ.มหาสารคาม จึงวางแผนจับกุมและนำกำลังเฝ้าระวังตามเส้นทาง ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค.67  เวลาประมาณ 22.30 น. พ.ต.ท.สมนึก ปัญญารมย์ สว.กก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.พนมไพร เข้าจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ได้บริเวณถนนบ้านกุดน้ำใส ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ขณะร่วมกันลำเลียงยาบ้าไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จำนวน 2 ราย คือ นายณัฐพล ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง พร้อมรถกระบะ สีขาวหมายเลขทะเบียน ขง 74xx อุบลราชธานี  และ นายนัฐกรณ์ ทำหน้าที่ขับรถกระบะ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ขก 55xx กทม. ที่มีการซุกซ่อนยาเสพติด จากการตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าถูกวางอยู่เบาะด้านหลังคนขับจำนวน 80 มัด รวม 160,000 เม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.พนมไพร ดำเนินคดี

เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่า ยาเสพติดดังกล่าวจะนำไปส่งลูกค้าใน จ.มหาสารคาม และมีผู้ร่วมขนยาเสพติดครั้งนี้อีก 2 คน ได้หลบหนีไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม นอกจากนี้ตำรวจชุดจับกุมได้ขยายผลไปตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ร่วมขบวนการ รวมทั้งสิ้น 6 รายการ ได้แก่ รถยนต์ จำนวน 4 คัน รถ จยย. 2 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

นครบาลโชว์ผลงาน ทลายเครือข่ายยานรก ลาดหลุมแก้ว ยึดยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.น.8, พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง รอง ผบก.ฯ และหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนนครบาล 8 ร่วมแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายยาเสพติด

กรณี จับกุมผู้ต้องหาชาย 6 ราย ย่านพุทธมณฑลสาย 1 และขยายผลจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ซุกซ่อนยาเสพติด ในพื้นที่อำเภอ ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้าจำนวน 5,600,000 เม็ด คีตามีนจำนวน 200 กิโลกรัม และรถยนต์ 4 คัน

ตำรวจภาค 4 รวบขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะส่งพัสดุ ก่อนส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 ที่ ภ.จว.หนองคาย :  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย, นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย, นายคุ้มชน ธารีเกษ จนท.ประสานงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี, ผู้แทนจาก ป.ป.ส. และหน่วยร่วมบูรณาการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะกำลังส่งพัสดุไปให้ ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ ก่อนจะส่งไปประเทศที่สาม โดยซุกซ่อนในกล่องพัสดุเครื่องสำอางค์

ตำรวจภาค 4 โดยชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ที่ส่งยาเสพติดไปยังสาธารณรัฐเกาหลี พบว่ามีต้นทางมาจาก จ.หนองคาย เกี่ยวเนื่องกับกรุงเทพฯ  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย ได้อำนวยการสั่งการให้ชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย และ สภ.ท่าบ่อ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ อาทิเช่น ป.ป.ส.ภาค 4, ฝ่ายปกครอง, ผู้จัดการร้านแฟลชโฮม สาขาท่าบ่อ เพื่อสืบสวนหาข่าว และวางแผนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติดังกล่าว

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ได้สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดน จะมีการส่งยาเสพติดทางพัสดุไปให้ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ เพื่อจะส่งต่อไปยังประเทศที่สาม จึงเฝ้าติดตามจับกุม  ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย.67  เวลาประมาณ 12.40 น. ตำรวจชุดจับกุมได้  พบว่า นายสมพงษ์ อายุ 70 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) กำลังติดต่อขอส่งพัสดุที่ร้านแฟลชโฮม อ.ท่าบ่อ โดยระบุปลายทางพัสดุที่กรุงเทพฯ ตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน จึงแสดงตัวและขอตรวจสอบพัสดุ พบว่า เป็นเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดสีเหลือง จำนวน 111 กล่อง และเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดกล่องสีเขียว จำนวน 102 กล่อง น้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ 22 กิโลกรัม ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ยาเสพติดโทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า รับจ้างมาจากบุคคลที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ในราคา 4,000 บาท ให้ส่งพัสดุไปกรุงเทพฯ ตามที่อยู่ที่ผู้จ้างให้ไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผล ดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดตามแนวชายแดนและในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตำรวจภาค 4 ได้กวาดล้างจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้สืบสวนขยายผลกวาดล้างจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุกคน และนับจากนี้ จะเพิ่มความเด็ดขาดในการกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในภาคอีสานเหนือ โดยผู้ค้ายาเสพติด จะต้องไม่มีที่ยืนอีกต่อไป  พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด สกัดจับ “ทีมนักบินตายแทน” ยึดยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด, ไอซ์ 500 กก., และ คีตามีน 200 กก. คาดเตรียมกระจายของช่วงสงกรานต์

ตามนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เน้นใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อทำลายเครือข่ายยาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. มุ่งปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ และขยายผลเครือข่ายที่จับกุมได้ทุกระดับอย่างจริงจังทุกพื้นที่รวมทั้งการขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติด ทั้งของผู้ค้า ผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนเครือข่ายทั้งหมดมาตรวจสอบ

วันนี้ 5 เม.ย.67 เวลา 10.00 น.  พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมเกียรติ วัฒนพรมงคล, พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ฯ, พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2, พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผบก.ขส. และพล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผบก.สกส. ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในห้วง 11 – 28 มี.ค. 67 จำนวน 11 เครือข่าย ผู้ต้องหารวม 29 คน ตรวจยึดยาบ้ากว่า 19 ล้านเม็ด, ไอซ์ 500 กก., และ คีตามีน 200 กก. พร้อมของกลางรถที่ใช้ก่อเหตุ 23 คัน 

คดีแรก ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 สืบสวนขยายผลจนทราบว่า “เครือข่ายสองพี่น้อง ลาดกระบัง” จะเดินทาง ขึ้นไปรับของทางภาคเหนือมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถกระบะลำเลียง กระทั่งวันที่ 28 มี.ค.67 พบความเคลื่อนไหว รถเป้าหมาย 2 คัน ขับตามกันมา ผ่าน จว.เชียงราย-เชียงใหม่-ลำพูน-ลำปาง-ตาก-กำแพงเพชร -นครสวรรค์ จนมาถึงด่านตรวจพยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ตำรวจได้เรียกรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคลแบบตู้ทึบ หมายเลขทะเบียน 1ฒณ 73xx กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบ แต่คนขับได้ขับหลบหนี ตำรวจจึงโยน Stop Stick เพื่อเจาะทำลายยางรถยนต์ และสกัดกั้นการหลบหนีของยานพาหนะ ทำให้ยางหน้ารถทั้งสองข้างและยางหลังขวาแตก แต่ยังขับหลบหนีไปได้กว่า 1 กิโลเมตร ก่อนจะควบคุมรถได้บริเวณริมถนนพหลโยธินขาออก ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ส่วนคนขับขี่ได้วิ่งไปขึ้นรถกระบะของเครือข่ายที่จอดรออยู่ฝั่งตรงข้าม มุ่งหน้าไปทางจังหวัดชัยนาท เบื้องต้นพบยาบ้า 5 กระสอบ อยู่บริเวณท้ายกระบะรวมทั้งสิ้น 1,000,000 เม็ด ระหว่างนั้นตำรวจได้จัดกำลังกันติดตามจับกุมตัวนายวิษณุ หรือณุ พร้อมรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน บษ 85xx ฉะเชิงเทรา อีกคัน  ซึ่งเป็นรถนำทาง  ได้บริเวณริมถนนสายเอเชีย ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ จว.ชัยนาท แต่ไม่พบตัวคนขับรถตู้ทึบ และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ซึ่งนายวิษณุ รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถนำสำรวจเส้นทางจริง จากนั้นได้ขยายผลไปตรวจสอบยังที่พักห้องเลขที่ 4/5 ชั้นที่ 4 อ่อนนุชเพลส แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร พบนายมานะชัย คนขับรถกระบะตู้ทึบสารภาพว่าเป็นคนขับรถบรรทุกยาเสพติดจริง โดยรับมาจาก อ.แม่สรวย จว.เชียงราย เพื่อนำไปส่งที่ อ.ทุ่งสง จว.นครศรีธรรมราช  
  
คดีที่ 2 ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 สืบสวนพบว่ามีเครือข่าย อัญชนา มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ตอนใน ต่อมา เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 67 เวลาประมาณ 15.00 น. พบเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน จว.นครพนม โดยใช้รถยนต์ หมายเลขทะเบียน ขย 3213 ขอนแก่น ลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. รถเป้าหมายได้ขับมาจอดบริเวณสี่แยกไฟแดงหน้า ธ.กรุงเทพ สาขาสว่างแดนดิน ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จว.สกลนคร ชุดจับกุมจึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบ นายพายุ เป็นผู้ขับขี่ และ นางสาวอัญชนา โดยสารข้างคนขับ จากการตรวจค้นรถพบยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด อยู่ภายในห้องโดยสารของรถยนต์ 

คดีที่ 3 ตำรวจ บก.ปส.2 จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายลำเลียงยาเสพติด อ.ศรีสงคราม จว.นครพนม พร้อมยาเสพติดจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง 3 คดี จึงได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่านายสุรพงษ์ หรือโต้ พร้อมพวก 2 คน จะลำเลียงยาเสพติดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณชายแดนริมแม่น้ำโขง ด้าน จว.นครพนม เข้ามาพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กระทั่งวันที่ 21 มี.ค.67 พบรถเป้าหมายจอดอยู่ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท.สาขาศรีนคร อ.ธาตุพนม จว.นครพนม และขับออกมาติดตามกันเป็นรูปขบวน มุ่งหน้าไป จว.กาฬสินธุ์ - จว.มหาสารคาม - จว.บุรีรัมย์ - จว.นครราชสีมา กระทั่ง รถยนต์ หมายเลขทะเบียน กต-93xx ระยอง ได้ขับขี่มาถึงบริเวณถนนเจนจบทิศ ต.เทพาลัย อ.คง จว.นครราชสีมา ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น พบนายวีระพงศ์ หรือแม็ก เป็นผู้ขับขี่ และพบนายสุรพงษ์ หรือโต้ นั่งด้านหน้าคู่คนขับและ ยาบ้า 7 กระสอบ จำนวน 3,000,000 เม็ด บรรทุกอยู่ในห้องโดยสารและบริเวณกระโปรงด้านหลังของรถยนต์ ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดสามารถสกัดจับรถนำ หมายเลขทะเบียน 4ขฉ-57xx กรุงเทพมหานคร ได้บริเวณลานจอดรถยนต์หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาดอนหวาย ต.โตนด อ.โนนสูง จว.นครราชสีมา พบนายสมโภชน์ หรืออู๊ด เป็นผู้ขับขี่ สอบสวนผู้ต้องหาสารภาพ ร่วมกันขนยาบ้าทั้งหมดมาจากจังหวัดนครพนม เพื่อจะนำไปส่งให้ลูกค้าที่บริเวณ จว.สระบุรี จริง โดยแบ่งหน้าที่กันทำคดีที่ 4 ตำรวจ บก.ปส.2 ได้ทำการขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 12 ล้านเม็ด เมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 จนทราบตัวบุคคลและรถยนต์ของเครือข่ายที่ใช้ในการลำเลียงที่ต้องเฝ้าระวัง ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มี.ค.67 พบรถต้องสงสัยใช้เส้นทางจาก จว.บึงกาฬ – จว.สุพรรณบุรี จนวันที่ 25 มี.ค.67 พบรถเป้าหมายมีเคลื่อนไหวอีกครั้ง จึงจัดกำลังเฝ้าติดตาม พบรถเป้าหมายออกจาก อ.บุ่งคล้า จว.บึงกาฬ มุ่งหน้ามาทางถนนมิตรภาพ ถึงบริเวณสี่แยกท่าพระ อ.เมือง จว.ขอนแก่น กระทั่งตำรวจชุดจับกุมสามารถเข้าสกัดจับกุม นายศรีพรม ผู้ขับขี่รถยนต์ Toyota Fortuner สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กน  3796 กรุงเทพมหานคร ได้บริเวณสี่แยกสัญญาณไฟจราจร บ้านเกิ้ง ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จว.ขอนแก่น ตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าถูกบรรจุอยู่ในถุงดำขนาดใหญ่ รวมจำนวน 4,000,000 เม็ด คดีที่ 5 เมื่อวันที่ ๑๘ มี.ค.67 เวลาประมาณ ๑๘.00 น. ตำรวจ กก.๒ บก.ปส.๓ สืบสวนพบว่าจะมีเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนายปรัชญา กับพวก ใช้รถยนต์นำยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ นำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่าย ในพื้นที่ภาคกลาง กระทั่งเวลาประมาณ ๑๙.๓๐ น. พบรถยนต์เป้าหมายขับเข้าไปพื้นที่ ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ และจอดที่หอพักแห่งหนึ่งใน ต.ป่าแดด ต่อมาเวลา ๑๐.๐0 น. ของวันที่ 19 มี.ค.67  เครือข่ายได้ขับรถยนต์ไปรับ หญิงสาว ที่สนามบินเชียงใหม่ ก่อนจะไปเช่ารถยนต์ 1 คัน และขับตามกันเพื่อเข้าพักที่รีสอร์ตใน ต.ป่าแดด ต่อมาช่วงเช้ามืดของวันที่ ๒๒ มี.ค.67 พบว่ารถที่เช่ามาถูกขับออกจากรีสอร์ต และมีรถอีกคันขับตามไป มุ่งหน้า จว.ลำพูน จากนั้นรถเช่าได้เลี้ยวกลับรถ บริเวณหน้าวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ต.เชียงทอง อ.เมืองตาก จว.ตาก มุ่งหน้ากลับ จว.เชียงใหม่ ชุดจับกุมจึงประสานด่านตรวจแม่พริก (ขาขึ้น) ให้ทำการสกัดจับกุมพบนายสุทธิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถเช่า ขณะเดียวกันรถเป้าหมายพบว่าจอดบริเวณร้านค้าริมถนนพหลโยธิน ต.เพชรชมกู อ.โกสัมพีนคร จว.กำแพงเพชร ก่อนที่คนขับจะลงจากรถ ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าควบคุมตัวแต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าละเมาะข้างทาง ตำรวจจึงระดมกำลังติดตามจนจับกุม นายปรัชญาฯ ได้ที่บริเวณริมแม่น้ำปิง ห่างจากริมถนนพหลโยธิน ประมาณ ๓ กม. ขณะเดียวกันชุดจับกุมอีกชุดได้ควบคุมตัว น.ส.อินธิชาฯ ซึ่งโดยสารมากับ นายปรัชญาฯ พร้อมตรวจค้นรถพบยาบ้ารวม 334,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนบริเวณช่องยางอะไหล่ และใต้เบาะหลังผู้โดยสาร ที่ถูกดัดแปลง  เป็นช่องลับ สอบสวน นายปรัชญา สารภาพว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดบริเวณช่องใส่ยางอะไหล่และใต้เบาะหลังผู้โดยสาร  
  
 คดีที่ 6 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการสืบสวนเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนายหวือ และนายเปา ชาวเขากลุ่มชาติพันธุ์ม้ง มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่ อ.ภูซางจว.พะเยา ไปส่งให้กลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ ต่อมาสืบทราบว่าช่วงปลายเดือน มี.ค.67 พบว่าเครือข่ายนี้ จะลำเลียงยาเสพติดไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ จว.สุพรรณบุรี และพบว่าลูกค้าของเครือข่าย คือนายนัธธี และนางสาวโชติกา จึงได้ทำการสืบสวนและเฝ้าติดตาม กระทั่งพบว่า ในวันที่ 26 มี.ค.67 นางสาวโชติกา ได้ขับรถปิคอัพนำเส้นทาง นายนัธธี ซึ่งขับรถเอนกประสงค์สีดำ ลักษณะบรรทุกส่งของมีน้ำหนัก ก่อนจะเข้าที่พักบริเวณ หมู่บ้านลาดตะโก ต.ดอนมะสังข์ อ.เมืองสุพรรณบุรี จว.สุพรรณบุรี ชุดจับกุมจึงเข้าสกัดจับรถยนต์ทั้งสองคันพร้อมตรวจค้น พบยาบ้า 7,000,000 เม็ด ระหว่างที่ควบคุมตัวผู้ต้องหา ได้มีนายอัครพล  หรือนิว ทราบชื่อภายหลังได้โทรศัพท์เข้ามา แจ้งให้นำยาบ้าไปส่งมอบให้กับกลุ่มเครือข่าย โดยนัดหมายบริเวณลานจอดรถยนต์ถนนทางเข้าสนามกอล์ฟไพน์เอิรส์ท กอล์ฟคลับ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จว.ปทุมธานี ในวันที่ 27 มี.ค.67 เวลาประมาณ 02.00 น. ตำรวจจึงมขยายผลและสามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเพิ่มเติม ได้แก่ นายณัฐรณ, นายอมรเชษฐ์, นายธีรวัฒน์ และ นายพีรพัฒน์ ขณะมารับยาเสพติดจำนวนดังกล่าว  คดีที่ 7 เมื่อวันที่ 11มี.ค.67 ตำรวจ บก.ปส.4 จากการสืบสวนเครือข่ายนักค้ายาเสพติด ทราบว่าจะมีการลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปส่งพื้นที่ภาคใต้ ชุดจับกุมจึงออกตรวจสอบตามเส้นทางก่อนถึงด่านตรวจยานพาหนะชุมพร กระทั่งมาถึงบริเวณริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ เยื้องร้านเจ๊แก้ว อาหารอีสาน ต.สลุย อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร พบรถบรรทุกพ่วงตัวแม่ และมีลูกพ่วง ที่กำลังเฝ้าระวัง หมายเลขทะเบียน 83-0xxx นครศรีธรรมราช จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ พบนายอนุวัฒน์ เป็นผู้ขับขี่ แสดงอาการมีพิรุธ  ตำรวจจึงนำรถยนต์บรรทุกเข้าด่านตรวจยานพาหนะชุมพร เพื่อทำการเอกซเรย์พบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะเป็นแท่ง ๆ อยู่ภายในหัวเก๋งและวางอยู่ด้านบนหัวเก๋ง จึงตรวจค้นโดยละเอียด พบเป็นยาบ้า 200,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณหลังเบาะฝั่งผู้โดยสาร และยาบ้า 400,000 เม็ด รวม 600,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่หลังคาหัวเก๋ง สอบปากคำนายอนุวัฒน์ สารภาพว่า ถูกว่าจ้างให้ลำเลียงยาบ้าจาก อ.ลาดหลุมแก้ว จว.ปทุมธานี เพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.ทุ่งสง จว.นครศรีธรรมราช  

คดีที่ 8 เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 ตำรวจ บก.ปส.4 บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังร่วมกันตั้งด่านตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร มีรถยนต์บรรทุก ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน 71 3xxx เพชรบุรี ซึ่งเป็นรถที่เฝ้าระวังขับผ่านมา ตำรวจจึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจสอบมี นายวันชัย เป็นผู้ขับขี่ จึงขอให้นำรถเข้าไปภายในบริเวณที่ทำการด่านตรวจฯ เพื่อทำการเอกซเรย์ พบสิ่งของที่มีลักษณะเป็นก้อน จึงตรวจค้นโดยละเอียด พบยาบ้ารวม 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณหลังกระบะท้ายรถยนต์บรรทุกคัน สอบถาม นายวันชัย สารภาพว่าถูกจ้างให้ขนยาบ้าจากพื้นที่เขตป

สตม.รวบหนุ่มแดนโสมส่งยาเสพติดออกนอกประเทศ overstay 11 ปี

กก.4 บก.สส.สตม. จับกุมนายลี (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม โรงแรมย่านสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ กก.4 บก.สส.สตม. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานตำรวจสากลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประจำกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าได้รับแจ้งจากสายลับมีชายชาวเกาหลีใต้ ก่อเหตุลักโทรทัศน์ในคอนโดมิเนียมที่ชายชาวเกาหลีใต้นั้นเช่าพักอาศัยแล้วนำไปขาย เมื่อเจ้าของห้องทราบเรื่อง ชายชาวเกาหลีใต้นั้นได้ปีนกำแพงหลบหนี โดยผู้เสียหายได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.พระโขนง จึงได้ทำการสืบสวนพบว่าชายชาวเกาหลีใต้ราย ดังกล่าวคือ นายลี ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้วเป็นเวลา 4,004 วัน และเข้าพักอาศัยอยู่ที่ โรงแรมย่านสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบ โดยได้รับแจ้งจากพนักงานของโรงแรมว่ามีชายชาวเกาหลีใต้เข้ามาพักแต่ไม่ได้ใช้ชื่อนายลี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าชายชาวเกาหลีใต้คนดังกล่าวคือนายลี จึงเข้าตรวจสอบและจับกุมนายลีดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายลี เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของทางการเกาหลีใต้ในความผิดฐาน "ขนส่งยาเสพติดข้ามชาติ" โดยได้ขนส่งยาเสพติดจำนวน 500 กรัม เข้าสู้ประเทศเกาหลีใต้ ผ่านทางกล่องพัสดุ และยังเป็นภัยความมั่นคงต่อสาธารณรัฐเกาหลีใต้ และเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) อีกด้วย
 

'พล.ต.ท.สำราญฯ' ลงพื้นที่ชายแดนใต้ แถลงผลการจับกุมยาเสพติด 4 เครือข่าย และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการ กำชับมาตรการดูแลประชาชน ในช่วงเทศกาลรายอ และเทศกาลสงกรานต์

วันนี้ (12 เม.ย.67) เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./ผบ.ศปก.ตร.สน. และ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.(1) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้ร่วมแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จำนวน 4 เครือข่าย ผู้ต้องหา 10 คน ตรวจยึดยาเสพติด ไอช์ จำนวน 681 กก., ยาบ้า จำนวน 930,000 เม็ด, อาวุธปืน 2 กระบอก และตรวจยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมูลค่าประมาณ 3,900,000 บาท พร้อมทั้งได้ประชุมกำชับการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ให้มีความพร้อมอำนวยความสะดวกด้านจราจร สามารถดูแลประชาชนในห้วงเทศกาลรายอ และเทศกาลสงกรานต์

ต่อมาช่วงบ่าย พล.ต.ท.สำราญ ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยฐาน มว.ฉก.นปพ.นธ.21 อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และฐาน มว.ฉก.นปพ.ปน.32 อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อรับฟังปัญหาของหน่วยและร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ไข ตลอดจนการวางมาตรการการปฏิบัติในการป้องกันหน่วย การป้องกันการโจมตี รวมถึงการปฎิบัติการเชิงรุกและรับ เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งได้มอบสิ่งของเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจกำลังพลประจำฐานปฏิบัติการ โดยเชื่อมั่นว่ากำลังพลในพื้นที่มีพร้อมที่จะดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชนในพื้นที่ในห้วงเทศกาลดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เกือบรอด! หนีหมายจับ 19 ปี สืบนครบาล ตามรวบ ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย หนีกบดาน 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. , พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยเฉพาะปราบปราบผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่บ่อนทำลายประชาชนในสังคมและประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์  รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฎิบัติการที่ 2 ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.สุนิสา จงจิตร สหาวุธ อายุ 43 ปี ที่อยู่ 6 ม.9 ต.ตระค้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 814/2547 ลง 15 พ.ย.2547

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ พรบ.ยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน-ครอบครอง เพื่อจำหน่าย) ”

โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้าน ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่สืบนครบาล สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กำลังหลบหนีหมายจับคดียาเสพติด ผู้ต้องหากับกลุ่มเพื่อนได้ถูกตำรวจ สน.วัดพระยาไกร ทำการล่อซื้อยาเสพติด และได้ถูกจับกุม เมื่อปี พ.ศ. 2546 ซึ่งในชั้นศาลผู้ต้องหากับพวก ได้ทำการประกันตัวในชั้นศาล และได้หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านหรือลูกจ้างตามที่ต่างๆ ที่ไม่มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเป็นเวลายาวนานกว่า 19 ปี ก่อนที่จะจนมุมถูกสืบนครบาลรวบก่อนหมายจับหมดอายุความเพียง 5 เดือน จากนั้นได้นำส่งไปยังที่ทำการศาลอาญากรุงเทพใต้ ในเวลาเปิดทำการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้ทำการหลบหนีจริง เพราะไม่ต้องการติดคุก โดยระหว่างหลบหนีทำอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้าย หรือลูกจ้างที่ต่างๆ ที่ไม่ตรวจสอบประวัติ ก่อนที่สุดท้ายจะหลบหนีไปอยู่ที่กาญจนบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าคดีนี้ผู้ต้องหามีประวัติคดีจำหน่ายยาเสพติดโดยอาศัยโอกาส หลบหนีคดีจากเจ้าหน้าที่ถึง 19 ปี การแจ้งข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่างๆของเพื่อนสืบนครบาลเราจะทำให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงาน สูงสุด ซึ่งหากผู้ใดมีเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”

ตำรวจภาค 4 รวบ 2 เครือข่ายยาเสพติด ขณะขนยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด

ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ให้ปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน และเพิ่มความเด็ดขาดในการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา และนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ให้ปฏิบัติการเชิงรุก ปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่และสืบสวนขยายผลทุกคดี เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดทุกราย พล.ต.ท.สรายุทธ  สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 เร่งรัดปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ตามนโยบายดังกล่าว

ล่าสุดตำรวจภาค 4 ได้จับกุม 2 เครือข่ายยาเสพติด ขณะกำลังลำเลียงยาเสพติดไปส่งลูกค้า ยึดยาบ้าได้จำนวน 1,042,000 เม็ด                    

คดีแรก เวลา 15.00 น. ของวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมชุดปราบปรามยาเสพติด ได้สืบสวนทราบว่าจะมีเครือข่ายยาเสพติดขนยาเสพติดไปส่งลูกค้าในจังหวัดร้อยเอ็ดจึงติดตามจับกุม พบรถกระบะ 2 คัน ตรงตามข้อมูลที่ได้รับจากการสืบสวน จึงขับรถไล่ติดตาม ซึ่งผู้ขับขี่รถกระบะดังกล่าวพยายามหลบหนี และนำยาเสพติดไปทิ้งข้างทาง แต่ตำรวจชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมด 5 คน  พบรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บว 46xx สกลนคร ใช้เป็นรถนำเพื่อตรวจสอบเส้นทาง มี นายธรรมสรณ์ เป็นผู้ขับขี่ และนายกิตติวัฒน์ โดยสารข้างคนขับ ส่วนรถอีกคันคือ กระบะวีโก้สีดำ หมายเลขทะเบียน ผพ 4xx อุดรธานี เป็นรถที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดมีนายสุรศักดิ์ เป็นผู้ขับขี่ โดยสารมากับนายฉลอง และนายวิโรจน์ สอบถามผู้ต้องหาทั้งหมด รับสารภาพว่าร่วมกันรับจ้างขนยาบ้า โดยมีผู้สั่งการจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ให้ไปรับยาบ้าที่เขต อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ก่อนจะไปส่งให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด และอีกส่วนหนึ่งให้นำไปส่งลูกค้าที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี จากนั้นตำรวจคุมตัวทั้ง 5 คน ไปชี้จุดทิ้งกระสอบต้องสงสัย 2 กระสอบ บริเวณป่าละเมาะข้างสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. บริเวณบ้านหนองไฮ หมู่ 6 ต.โพธิ์ทอง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ตรวจสอบภายในพบยาบ้า 350 มัด รวม 700,000 เม็ด จึงควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนิน และขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป 

คดีที่ 2 เมื่อเวลา 15.30 น. ของวันที่  26 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านฝาง        ภ.จว.ขอนแก่น ได้ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบบริเวณถนนหลังวัดป่าศิริธรรม พื้นที่หมู่บ้านหนองบัว หมู่ที่ 8 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ระหว่างนั้นมีรถกระบะต้องสงสัยขับผ่านมาจึงได้เรียกให้หยุดรถ เพื่อขอทำการตรวจสอบ พบนายจินดา หรือ เขียว อายุ 41 ปี เป็นชาวบ้านในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นผู้ขับขี่ ตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าจำนวน 2,000 เม็ด จากนั้นจึงสอบถามผู้ต้องหา รับว่ายังคงมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ในที่พักอีกจำนวนมาก จึงคุมตัวมาตรวจค้นที่ ห้องเช่าเลขที่ 160 ม.3 บ้านหัวนา ต.จระเข้ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ก็พบยาบ้าอีกจำนวน 340,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 342,000 เม็ด ผู้ต้องหายอมรับว่ายาบ้าเป็นของตนจริง จึงได้จับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฎหมาย และขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายทั้งหมดต่อไป

ตำรวจภาค 4 ทลาย 29 เครือข่าย รวบนักค้ายาเสพติดอีสานเหนือกว่า 22 ราย

ที่ ภ.จว.หนองคาย : เมื่อวันที่ 30 เม.ย.67 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์,  ผบก.ภ.จว.หนองคาย, นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย, นายภิญโญ โฆสิต ผอ.ปปส.ภาค 4 และหน่วยร่วมบูรณาการในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ "ขุดรากนักค้ารายย่อยและเครือข่าย" ซึ่งเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.67 ถึงวันที่ 30 เม.ย.67 โดยใช้กำลังตำรวจภาค 4 ทั้ง 12 ภ.จว.ในสังกัด และ บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยหน่วยงานฝ่ายปกครอง ทหาร และ ป.ป.ส. ในพื้นที่  

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ตำรวจภาค 4 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดทั่วอีสานเหนือทั้ง 12 จังหวัด รวม 29 เครือข่าย จำนวน 101 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 88 คน เป็นนักค้ารายย่อย 22 ราย ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 2,817,878 เม็ด, เฮโรอีน 22,329 กรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน ทองรูปพรรณ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคารและอื่นๆ รวมประมาณ 300 รายการ มูลค่าประมาณ 75,703,558 บาท

สำหรับผลการปฏิบัติที่น่าสนใจมีดังนี้ ภ.จว.อุดรธานี ยึดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ จยย. รวม 12 รายการ มูลค่า 27,820,000 บาท, ภ.จว.หนองบัวลำภู ยึดเงินสด รถยนต์ จยย. ทองรูปพรรณ รวมมูลค่า 11,533,530 บาท, ภ.จว.ร้อยเอ็ด ยึดรถยนต์ 10 คัน จยย. 2 คัน รวมมูลค่า 4,120,000 บาท, บก.สส.ภ.4 ยึดรถยนต์ 5 คัน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมมูลค่า 4,575,000 บาท เป็นต้น 

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ตำรวจภาค 4 ได้เปิดปฏิบัติการ เพื่อกวาดล้างจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยและเครือข่ายในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยได้เปิดปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในเดือนล่าสุด เม.ย.67  มีการจับกุมนักค้ารายย่อย 1,704 คดี  นักค้ารายสำคัญ 13 คดี และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึง 28 เม.ย.67 ตำรวจภาค 4 จับกุมนักค้ารายย่อย 10,926 คดี นักค้ารายสำคัญ จำนวน 111 คดี  โดยมีการจับกุมคดียาเสพติดทุกข้อหา รวมทั้งสิ้น 30,268 คดี ซึ่งตนได้กำชับทุกหน่วยให้ถือเป็นนโยบายต่อเนื่องในการเดินหน้าตรวจค้น กวาดล้างจับกุมนักค้ารายย่อยและเครือข่ายทั้งหมด เพื่อตัดช่องทางการจำหน่ายยาเสพติดให้กับประชาชนต่อไป พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top