เคาะ!! โควตาเก้าอี้ ส.ส. เลือกตั้ง ปี 66 (ภาคใต้)
‘เลือกตั้ง 66’ ใกล้เข้ามาแล้ว!!
วันนี้ THE STATES TIMES ชวนมาดูโควตาเก้าอี้ ส.ส. ในภาคใต้ว่าแต่ละจังหวัดมีโควตาเท่าไหร่??

‘เลือกตั้ง 66’ ใกล้เข้ามาแล้ว!!
วันนี้ THE STATES TIMES ชวนมาดูโควตาเก้าอี้ ส.ส. ในภาคใต้ว่าแต่ละจังหวัดมีโควตาเท่าไหร่??
(16 ก.พ.66) เปลวสีเงิน ได้นำเสนอบทความ ในหัวข้อ 'สโลแกนใหม่' เพื่อไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้…
เช้าวาน...
ลุ้นซะปวดกระเพาะปัสสาวะ กลัวสภานัด ‘ด่าฟรี’ ส่งท้ายจะล่ม
แต่ก็ ‘ครบองค์ประชุม’ ไปแบบต้องลุ้นอย่างว่านั่นแหละ!
พิธีกรรม ‘ด่านายกฯ ฟรี’ ก็ดำเนินการไปได้
ท่ามกลางจำนวน ส.ส.ที่เหลือกะร่อย-กะหริบ จนผีกลัวผีสภาหลอก
เหตุที่ ‘ไม่ล่ม’
เพราะงาน ‘ด่านายกฯ ฟรี’ (๑๕-๑๖ ก.พ.๖๖) นี้ ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย เป็นเจ้าภาพ จึงมาเสียบบัตรกันครบ
ส่วนเหตุที่ล่มเป็นประจำ
เพราะฝ่ายรัฐบาลเป็นเจ้าภาพประชุมผ่านร่างกฎหมาย ฝ่ายค้านไม่ช่วยงาน คือมา...แต่ไม่เสียบบัตรเป็นองค์ประชุมบวกกับ ส.ส.ฝ่ายเจ้าภาพ ‘สันหลังยาว’
สภาก็เลย ‘ล่มสร้างสถิติ’!
ผมก็ฟังบ้าง-ไม่ได้ฟังบ้าง เพราะรู้อยู่ ญัตติอภิปรายทั่วไป เป็นญัตติ ‘ตีหัวเข้าบ้าน’ ของฝ่ายค้าน เสริมการหาเสียง แบบมีโทรทัศน์ถ่ายทอดให้ฟรี
เท่าที่ฟัง ฝ่ายค้านก็แผ่นเสียงตกร่องอยู่ ๓-๔ ประเด็นเดิมๆ โดยไม่ลืมตาดูโลกว่า ประเด็นที่พูดกับจริงที่เป็นวันนี้
มันตรงกันมั้ย?
เอาแต่ ‘อคติ-คิดแค้น’ เป็นตัวตั้ง
แล้วก็ด้อยค่านายกฯ ไปเรื่อย หลายเรื่อง รัฐบาลทำจนเห็นทนโท่ตำตา แต่ฝ่ายค้านก็ยังหลับหู-หลับตาพูด ‘สวนทาง’ กับข้อเท็จจริงที่รัฐบาล ‘แก้ไข-พัฒนา’ แม้แต่คนพิการตายังรู้
แต่พวก ‘พิการใจ’ ทั้งไม่รู้ และไม่เห็น น่าสมเพชจัง!
มันก็เลยกลายเป็นว่า ที่ด่าหวังประจานรัฐบาล มันย้อนกลับประจานฝ่ายค้านซะเอง
ทั้งเรื่องที่ว่า ๘ ปี รัฐบาลทำเศรษฐกิจพัง, ประชาชนจะอดตาย, ประเทศล้าหลัง ไม่มีการพัฒนา, การท่องเที่ยว-เทคโนโลยีสื่อสารเฮงซวย และ ฯลฯ
ผมฟังจน ‘หูจำ’ ได้เองว่า ประเด็นที่ยกมาด้อยค่ารัฐบาล ๘ ปี จาก ๒๕๕๗-๒๕๖๖ ฝ่ายค้านก็ด่าเรื่องเหล่านี้ ก๊อปปี้เดิมๆ
เปิดกะโหลก ลืมตา แล้วรูดซิป ให้เรียบร้อย จากนั้น มองประเทศไทยไปรอบๆ ซิครับ
ถ้าจะให้ดี ไปหาภาพเก่าๆ ของประเทศไทย ทั้งเหนือ-ใต้-ออก-ตก-อีสาน-กลาง และกรุงเทพฯ ในด้านการพัฒนา
โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและด้านโทรคมนาคม มาเปรียบเทียบกันดู
จะเห็น ‘ประเทศไทย’ ถอดรูป จากก่อนปี ๕๗ ที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ‘โกงจำนำข้าว’ จนแทบไม่ได้
เผลอๆ บางคนอาจถาม....’นี่ ที่ไหนเนี่ย?’ ด้วยซ้ำ
ค่าที่ว่า กายภาพประเทศไทย ได้รับการพัฒนาแทบทุกด้านจน ‘เช้งวับ’ ยิ่งกว่าไปทำศัลยกรรมหน้ามาจากเกาหลีซะอีก!
จะเอาด้านไหนก่อนล่ะ เอาเฉพาะที่ ‘โลก’ เขาเห็นและเขายอมรับก็แล้วกัน เผื่อ "คนใจบอด" จะเปิดใจรู้บ้าง
ด้านการเงินนะ
ไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นอันดับ ๒ ของอาเซียน อันดับ ๑๖ ของโลก ดูเฉพาะด้านอาเซียนก็แล้วกัน
๑.สิงคโปร์ ๓๘๘,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๒.ไทย ๒๑๖,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๓.อินโดนีเซีย ๑๓๗,๒๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๔.มาเลเซีย ๑๑๔,๖๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๕..ฟิลิปปินส์ ๙๖,๐๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ
๕ อันดับ พอเป็นสังเขป .......
เพื่อไทยเอียงหูมาใกล้ๆ ปากผมหน่อยซิ จะกระซิบอะไรให้ฟัง แล้วอย่าไปบอกใครนะ
‘รัฐบาลประยุทธ์’ กู้ชาติ-กู้เศรษฐกิจ จนไทยเรารวย ถึงขั้น IMF เตรียมขอกู้ ตั้งเพดานไว้ตั้ง ๑๔,๑๔๗ ล้านบาทแน่ะ
เอ้า...ไปดูด้านเศรษฐกิจบ้าง จากผลสำรวจของต่างชาติ
‘เอียน แพสโค’ ประธานบริหาร ‘แกรนท์ ธอนตัน ประเทศไทย’ มีผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในประเทศไทย ครึ่งหลังของปี ๖๕
โดยสำรวจธุรกิจขนาดกลางทั่วโลก พบว่า…
‘ธุรกิจไทย’ เป็นผู้นำของโลกด้านสถานภาพทางธุรกิจและเป็นครั้งแรกในรอบ ๕ ปี ที่สภาพธุรกิจของประเทศไทย
มี ‘ปัจจัยบวก’ แซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งในกลุ่มที่เป็นฐานการลงทุน เช่น เวียดนาม สิงคโปร์
ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจที่เคยไปลงทุนในประเทศเหล่านั้น ย้ายกลับเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
เพราะมีจุดแข็งในเรื่อง ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการลงทุน และการอยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
พูดถึงรถยนต์.....
ไทยเป็นแชมป์อาเซียน ‘ส่งออกรถยนต์’ ทั้งเก๋ง ทั้งกระบะ อันดับ ๑ สูงถึง ๑,๘๘๓,๕๑๕ คัน, อินโดฯ อันดับสอง ๑.๔ ล้านคัน และมาเลย์ อันดับสาม ๗ แสนกว่าคัน และ...อ้อ ส่งออกของไทย ปี ๖๕ นำเงินเข้าประเทศ ๙.๙ ล้านล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์
รู้แล้ว อย่าเฉิ่ม หลับตาอภิปราย ‘รัฐบาลประยุทธ์บริหารไม่เป็น โง่ ทำเศรษฐกิจประเทศพังฉิบหาย’ อีกล่ะ อายเค้า!
แล้วดันคุย นายกฯ ประยุทธ์ ‘ลอกนโยบาย’ เพื่อไทยไปทำ สะเหล่อดกจริงๆ
นโยบายเพื่อไทย ‘เพิ่งคลอด’ มดลูกยังไม่ทันกลับเข้าอู่ด้วยซ้ำ แล้วพูดได้ไงว่า นายกฯ ลอกนโยบายไปทำ
ถ้าลอกปุ๊บวันนี้-ติดปั๊บพรุ่งนี้ นั่นมันไม่ใช่การทำงานด้านบริหาร-พัฒนาประเทศแล้วละ โม้ไปเรื่อย
เอ้า....ดูอีกสถิติ ที่ว่า ๘ ปี มีแต่ล้มเหลวทุกด้านนั่นน่ะ ข่าวจาก ‘กรุงเทพธุรกิจ’ หลายวันก่อน
ไทยติดอันดับ ๑๐ ประเทศที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเอเชีย อันดับ ๓ ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์และอินโดนีเซีย
ตัวชี้วัดที่แข็งแกร่งของไทยคือ.....
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ อยู่ในอันดับที่ ๗
เป็นผลมาจากการเข้าร่วมซัพพลายเชนในภูมิภาคและมีความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่แข็งแกร่งกับประเทศที่ติดอันดับในดัชนีอิทธิพลเอเชีย
๑๐ อันดับประเทศที่ ‘ทรงอิทธิพลที่สุด’ ในเอเชีย
๑.สหรัฐ ๒.จีน ๓.ญี่ปุ่น ๔.อินเดีย ๕.รัสเซีย ๖.ออสเตรเลีย
๗.เกาหลีใต้ ๘.สิงคโปร์ ๙.อินโดนีเซีย และ ๑๐.ไทย
ดูเหมือนว่าภูมิภาคเอเชียจะเป็นที่จับจ้องสนใจของนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก นักลงทุนหลายๆ เจ้าอยากจะย้ายฐานการผลิตมาตั้งในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ที่ดึงดูดนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงที่ถูกว่ายุโรป-สหรัฐฯ จำนวนแรงงานที่มีมากกว่า และที่สำคัญ ไม่มีเรื่องสงครามการค้าในปวดหัวด้วย
และประเทศที่เนื้อหอมเป็นที่ถูกตาต้องใจนักลงทุน ก็คือ ‘ประเทศไทย’ บ้านเรานั่นเอง โดยล่าสุดทาง J.P.Morgan ธนาคารระดับโลก ได้ออกมาบอกว่า ‘ประเทศไทย’ เป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุดในอาเซียนด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ช่องยูทูบ ‘Kim Property Live’ โดยคุณคิม ชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ได้อธิบายไว้อย่างน่าสนใจ ว่า…
การวิจัยของทาง McKinsey ได้ออกมาบอกว่า Asia’s Future is now หรือว่า ‘อนาคตของเอเชียอยู่ตรงนี้แล้ว’ โดยประเมินว่าในปี 2040 เอเชียจะกินสัดส่วน GDP ของโลกอยู่ที่ราว ๆ 50% เลยทีเดียว และจะเป็นคนขับเคลื่อนการบริโภคของโลกมากถึง 40% ทั้งนี้เอเชียจะเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งใหม่ในอนาคต และถ้าหากมองไปถึงด้านองค์กร/บริษัทของเอเชียจะพบว่าสร้างรายได้กว่า 19 ล้านล้านเหรียญฯ ให้กับเศรษฐกิจของโลกในทุก ๆ ปี
บริษัทเล็กใหญ่ของเอเชีย เช่น Alibaba หรือ Toyota ก็มีพวกเทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ต่างจากประเทศโซนยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา และในเอเชียก็มีการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงออกมาใช้แล้วด้วย
ระดับการพัฒนาเทคโนโลยีของเอเชียก็เป็นหนึ่งในระดับที่สูง อย่างเช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มีส่วนแบ่งรวมกันถึง 30% ในการส่งออกอุตสาหกรรมความรู้ และเทคโนโลยีเร่งรัดทั่วโลก หรือเรียกว่า KTI (เช่น ยานยนต์ คอมพิวเตอร์)
ส่วนอุตสาหกรรม EV จะยังคงเติบโตอย่างมหาศาล แบรนด์ในฝั่งเอเชียค่อนข้างแกร่งเลยทีเดียว อย่างเช่น BYD ที่สร้างยอดขายอันดับหนึ่งของโลก รวมถึงแบรนด์จากจีนอีกหลายแบรนด์เลย ส่วนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ จีนก็เป็นผู้นําด้วยเช่นกัน โดยอันดับหนึ่ง คือ CATL. อันดับสองเป็น BYD อันดับสาม LG ของเกาหลีใต้
อีกทั้งอุตสาหกรรมไมโครชิพ ทางจีนก็สร้างได้ค่อนข้างเยอะ รวมถึงทาง TSMC ทางไต้หวัน และก็ยังมีทางญี่ปุ่น หมายความว่าทางเอเชียบ้านเรา เริ่มครอบครองอุตสาหกรรมที่เป็นดิฟเทค แล้วก็เชิงลึกความรู้ข้อมูลในอนาคตอยู่เยอะพอสมควรเลย
เกียรติยศและรางวัลแห่งความสำเร็จ : เกิดจากความร่วมมือของคนไทยทั้งประเทศ ที่รัฐบาลนี้ นำมาสู่ประชาชนชาวไทย คือ ‘การสร้างโอกาสในวิกฤต’
โดย ‘ปีแรก’ ของการระบาด ประเทศไทยถือว่าเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่สามารถฟื้นตัวจากโควิดได้ดี เป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชีย ที่มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับโรคระบาดและด้านสุขภาพได้ดีที่สุด อีกทั้งไทยเป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 4 ประเทศจากทั่วโลก และเป็นประเทศเดียวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการดำเนินโครงการกลไกทบทวนการเตรียมความพร้อม กรณีภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review : UHPR) และถอดบทเรียนความสำเร็จการรับมือวิกฤตโควิด
นอกจากนี้...ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขาธิการของ ‘ศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่’ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases : ACPHEED) ที่ส่งเสริมโอกาสให้ประเทศไทยเป็น ‘ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุข’ (Medical Hub) แห่งหนึ่งในโลก และไปไกลได้กว่านั้น คือ เป็นตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ในอนาคต
การนำพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤตต่าง ๆ ดึงพลังความสามัคคีของคนในชาติ จนสามารถเอาชนะ ‘สงครามโควิด’ ได้อย่างงดงาม จนนานาชาติต่างชื่นชม แน่นอนว่าการท่องเที่ยวในปี 64 หลัง ‘เปิดประเทศ’ อย่างเป็นระบบ นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลกลับเข้าประเทศตามเป้า 10 ล้านคน ตั้งแต่ยังไม่ครบปี
ในขณะที่หลายประเทศยังซบเซา เศรษฐกิจโลกยังถดถอย แต่ก็มั่นใจว่าปีหน้า 2566 จะมีชาวต่างชาติมาเยือนไทย ไม่น้อยกว่า 23.5 ล้านคน มองเห็นสร้างรายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมชาวจีนที่ยังคงปิดประเทศ
รัฐบาลประยุทธ์ 'สร้างชาติ' ชำระหนี้มากที่สุดและลงทุนเพื่ออนาคตมากที่สุด
(22 ก.พ. 66) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏภาพในโซเชียลที่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก ณ ด่านขาเข้าของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งซ้ำรอยกับวันที่ 30 ต.ค.65 นักท่องเที่ยวบางกลุ่มแสดงความคิดเห็นว่านี่คือฝันร้ายในช่วงนั้น การบริการที่เกิดขึ้นอาจส่งผลภาพลักษณ์ที่เสียหายต่อประเทศ จึงขอเสนอแนะมาตรการเพื่อบรรเทาและเพิ่มประสิทธิภาพในการรับนักท่องเที่ยวดังนี้
1.) ยกเครื่องระบบการต้อนรับนักท่องเที่ยวให้อยู่ในรูปแบบ One single Service หรือ One single checkpoint ให้ครบจบในที่เดียว ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเหลือทั้งท่าอากาศยาน ชายแดน หรือในรูปแบบอื่น ๆ อีกทั้งต้องเพิ่มช่องตรวจหนังสือเดินทางที่ด่านขาเข้าของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เป็น 150 ช่องในช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวหนาแน่น โดยวิเคราะห์จากข้อมูลการเข้าประเทศย้อนหลัง และควรระบายผู้โดยสารเฉลี่ย 8,000 คนต่อชั่วโมงให้ได้
อะไรคือ 'พีระมิดการเมือง' มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลต่อการเมืองไทยแค่ไหน
และจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดการยุบสภา ยุบสภาทำไม รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปรับชมกันได้เลย...
วันนี้ได้รับเกียรติจาก 'คุณณัฐนันท์ กัลยาศิริ' (ทนายบอน)
ทนายความหัวหน้าสำนักงาน สำนักงานกฎหมายประชาธรรม
ดำเนินรายการโดย วสันต์ มนต์ประเสริฐ
Content Manager THE STATES TIMES
รับชม TIME TO KNOW ตอนอื่นๆ ได้ที่ : https://www.youtube.com/playlist?list=PL60bae1syuyLeCUW3J3YQWxrNs4ZAeXBp
🎥 ช่องทางรับชม
Facebook: THE STATES TIMES PODCAST
YouTube: THE STATES TIMES PODCAST
TikTok: THE STATES TIMES PODCAST
#THESTATESTIMESPodcast
#THESTATESTIMES
#TIMETOKNOW
#ประเทศไทย
#พีระมิดการเมือง
#ยุบสภา
เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘หรรสาระ By Jeans Aroonrat’ ได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่ำ 3 เดือน มากสุด 1 ปี โดยระบุว่า…
หลังจากที่ผู้นำชาติอภิมหาอำนาจอย่าง ‘โจ ไบเดน’ และ ‘วลาดิมีร์ ปูติน’ ต่างลั่นกลองรบ เปิดฤกษ์สงครามยูเครน ปี 2 กันไปแล้ว ในลักษณะ ‘ไม่เจ๊ง เราไม่เลิก’
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สงครามคือความสูญเสีย แต่ในอีกมิติที่โลกของเราขับเคลื่อนด้วยระบบเศรษฐกิจนั้น เมื่อมีคนเสีย มันก็ย่อมมีคนได้ เพราะทรัพยากร เงินทุน เป็นสิ่งที่ถ่ายเทกันได้ตลอดเวลา และหนึ่งในประเทศที่มีคนมาเทส้มหล่นให้เป็นสวน เป็นไร่ ก็คือ ประเทศไทยของเรานั่นเอง
เพราะตั้งแต่เกิดสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานับปี ‘ประเทศไทย’ กลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ที่เศรษฐีรัสเซียหลายหมื่นคนเลือกที่จะลี้ภัยสงคราม หนีหนาว มาปักหลักอยู่กันยาว ๆ ซึ่งเมืองยอดฮิตที่เศรษฐีรัสเซียเลือกอยู่มากที่สุดก็คือ ภูเก็ต พัทยา และเกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี)
แต่ถ้าแค่พูดลอย ๆ อาจจะไม่เห็นภาพ จึงต้องหยิบหลักฐานมายันกันตรง ๆ จากข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมือง เฉพาะที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 จนถึงมกราคมปีนี้ (2023) มีนักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามามากกว่า 2.3 แสนคน กลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุดของไทยไปแล้ว ณ เวลานี้
Ikar Airline สายการบินเช่าเหมาลำจากรัสเซียสู่ ภูเก็ต กระบี่ และ อู่ตะเภา มีนักท่องเที่ยวรัสเซียใช้บริการเต็มแทบทุกเที่ยวตั้งแต่ไทยเริ่มเปิดประเทศ นอกจากนี้ยังมีสายการบิน Siberia Airlines ที่เปิดเที่ยวบินจากรัสเซียไปภูเก็ตอีกสัปดาห์ละ 3 เที่ยว เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี Aeroflot ที่เป็นสายการบินหลักของรัสเซีย ที่ได้เพิ่มเที่ยวบินจากหลายเมืองในรัสเซียมายังประเทศไทย ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมั่นใจว่า ภายในปีนี้ 2023 จะมีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียเข้ามาบ้านเราไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน
และที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งคือ นักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนไม่ได้มามือเปล่า เพราะพวกเขายังหอบเงินมาลงทุน จอง-เช่า-ซื้อ ที่พัก บ้าน คอนโด หรือ รีสอร์ท กันเป็นจำนวนมาก ทำราคาอสังหาริมทรัพย์ในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของไทยพุ่งเกือบ 3 เท่า จนบางเอเจนซี่ยอมลงทุนจ้างเซลส์ ที่ดูแลลูกค้าต่างชาติเป็นชาวรัสเซียเลยทีเดียว
โซเฟีย มาลีกราวาเรียล นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จากรัสเซียคนหนึ่ง ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าวต่างประเทศว่า ตอนนี้ลูกค้าของเธอที่เป็นชาวรัสเซียส่วนใหญ่ เป็นคนหนุ่ม-สาว วัยกำลังทำงานช่วงอายุประมาณ 30-35 ปี และทุกคนล้วนมีฐานะ กำเงินมาเพื่อเช่าที่พักอยู่ยาว ๆ กันตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 1 ปีขึ้นไป
เหตุผลที่มาอยู่ไทยยาว เพราะหนีช่วงฤดูหนาวในรัสเซียก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลัก ๆ เลยคือ หนีการเกณฑ์ทหารไปรบในสงครามยูเครน และหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ที่ทำให้พวกเขาต้องหนีมาพักผ่อน และมองหาแหล่งลงทุน ทำธุรกิจแห่งใหม่ ที่มั่นคงปลอดภัยกว่าในรัสเซียตอนนี้
ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เคยซบเซาในช่วงยุค Covid-19 กลับมาคึกคักอีกครั้ง จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์รายงานว่า ในปี 2022 ยอดขายคอนโดมิเนียมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภูเก็ต เกือบ 40% เป็นของชาวรัสเซีย และเป็นชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมากที่สุด ซึ่งมากกว่าชาวจีน ที่ตามมาเป็นที่ 2 หลายเท่าตัว
เจ้าของกิจการโรงแรมในหาดป่าตอง เล่าว่าตอนนี้ ลูกค้าโรงแรมมากว่า 90% เป็นหนุ่มสาวรัสเซีย แม้แต่รีสอร์ทระดับหรูหลายแห่งถูกจองเต็มยาวข้ามปีโดยกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย หลายคนนำเงินมาจองซื้อบ้าน ในโครงการที่ยังเพิ่งก่อสร้าง โดยวางแผนล่วงหน้าว่าหากสถานการณ์ที่รัสเซียยังไม่ดีขึ้น อาจต้องมาปักหลักอยู่ยาวในไทย
ว่าแต่…ทำไมเศรษฐีมีเงินชาวรัสเซีย ถึงเลือกที่จะมาอยู่พักใจกันที่ประเทศไทย แทนที่จะไปประเทศอื่น ๆ??
รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก คุมเข้ม 2 ปี สิ้นปี 67 ห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ หวังปลดล็อกไทยเป็นที่รองรับขยะจากประเทศอื่น ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและราคาเศษพลาสติกในประเทศ
เมื่อไม่นานมานี้ (21 ก.พ.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและราคาเศษพลาสติกในประเทศ และเพื่อมิให้ประเทศไทยเป็นที่รองรับเศษขยะจากประเทศอื่น โดยให้กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าว
นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติกมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1.) เมื่อสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ห้ามนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร
2.) การนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่เขตปลอดอากร (ในช่วงปี 2566-2567) โดยจะอนุญาตเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม 14 แห่งที่กำหนด ได้แก่ โรงงานทั้งหมดที่ใช้เศษพลาสติกเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากร นำเข้าไม่เกินความสามารถในการผลิตจริง รวม 372,994 ตันต่อปี สำหรับปีที่ 1 (2566) ให้นำเข้าปริมาณร้อยละ 100 ของความสามารถในการผลิตจริง, ปีที่ 2 (2567) ให้นำเข้าปริมาณไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการผลิตจริงโดยการนำเข้าจะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อมิให้เกิดมลพิษในประเทศ เช่น เศษพลาสติกที่นำเข้าต้องแยกชนิดและไม่ปะปนกัน สามารถนาเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด ต้องใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น เป็นต้น
3.) การนำเข้าเศษพลาสติกในพื้นที่ทั่วไป (ในช่วงปี 2566-2567) ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่ไม่มีเศษพลาสติกในประเทศหรือมีปริมาณไม่เพียงพอ โดยมีหลักเกณฑ์ เช่น ผู้ประกอบกิจการโรงงานต้องแสดงหลักฐานว่ามีความจำเป็นในการนำเข้าและไม่สามารถหาได้ในประเทศ, นำเข้าได้ในปริมาณที่สอดคล้องกับกำลังการผลิต, นำเข้ามาเพื่อเป็นวัตถุดิบเท่านั้น (ไม่รวมถึงการคัดแยกหรือย่อยพลาสติก), สามารถนำเข้าสู่กระบวนการผลิตโดยไม่ต้องทำความสะอาด
(26 ก.พ.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีที่ Resonance Consultancy จัดอันดับกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 30 จาก 100 เมืองที่ดีที่สุดในโลก 2023 หรือ 100 Best Cities in the World 2023 และเป็นอันดับที่ 2 ของ อาเซียนซึ่งเปิดเผยข้อมูลโดยเว็บไซต์ ATLAS & BOOTS
โดยการจัดอันดับในครั้งนี้ Resonance Consultancy ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งประเมินแนวโน้มของตลาด จุดแข็ง และจุดอ่อน ได้จัดอันดับ โดยประเมินจาก 6 หัวข้อ ได้แก่
1. สถานที่ ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัย สถานที่ท่องเที่ยว และพื้นที่ใช้ชีวิตนอกบ้าน
2.ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ความเชื่อมโยงของสนามบิน พิพิธภัณฑ์ อันดับของมหาวิทยาลัย และสถานที่จัดงาน การประชุม
3.ประชากร ได้แก่การมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน และการสำเร็จการศึกษา
4.ความมั่งคั่ง ได้แก่ การมีบริษัทชั้นนำของโลก GDP อัตราการจ้างงาน และความเท่าเทียมของรายได้
5. กิจกรรม ได้แก่ การแสดงทางวัฒนธรรม ประสบการณ์ในการเที่ยวยามค่ำคืน ร้านอาหารที่มีคุณภาพ และสถานที่สำหรับการเลือกซื้อสินค้า
6. การส่งเสริม ได้แก่ การค้นหาบนสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลการรีวิวบนสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ