Friday, 21 June 2024
บิ๊กตู่

คนซื้อบ้านได้เฮ!! รัฐลดค่าธรรมเนียม 'โอน-จำนอง' ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีผลแล้ว ถึง 31 ธ.ค.66 นี้

'ทิพานัน' เผยข่าวดี รัฐบาล 'พล.อ.ประยุทธ์' ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง บ้านพร้อมที่ดิน-คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีผลแล้ว ถึง 31 ธ.ค.66 นี้ รองรับเศรษฐกิจฟื้นตัว มุ่งสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ฟื้นธุรกิจอสังหาฯ-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

(5 มค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงผลักดันให้ลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศเรื่องที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ.2565 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และมาตรา 103 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2521

'อนุสรณ์' หยัน!! 8 ปี 'ชาติ-ประชาชน' เสียโอกาสไปแค่ไหน ยังกระเสือกกระสนอยากเป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปี

(6 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมจะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ว่า ในขณะที่บรรดาลูกหาบโหมประโคมข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติคนแห่มาสมัคร มีความพร้อมมาก กลับสวนทางกับพล.อ.ประยุทธ์ที่ลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่งตั้งคนในพรรคใหม่ของตัวเองมาทำงานในรัฐบาลได้โดยไม่แคร์ใคร แต่ยุบสภาไม่ได้ ความกลัวทำให้เสื่อม พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบทุกอย่าง แต่กลับปากกล้า ขาสั่น ไม่กล้ายุบสภา ไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ต้องรอเลือกตั้ง เพียงเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พร้อม การมาเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเป็นเหมือนไฟต์บังคับ ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เชื่อว่าจะมีคนกลับคำให้การ ส.ส.ที่ตกลงว่าจะยอมให้ดูด ถ้าไม่มีความชัดเจนคงไม่มา งานหนักของพล.อ.ประยุทธ์อีกเรื่อง คือจะแย่งเสียง ส.ว.250 คน มาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ได้เท่าไหร่ ถ้าหาเสียงส.ว.มาได้น้อย เชื่อว่าอนาคตที่จะเป็นนายกฯ อีก 2 ปีที่เหลือจะมืดมน เชื่อว่าจะมีส.ว.จำนวนไม่น้อยที่เมื่อเห็นผลการเลือกตั้งของประชาชนออกมา จะไม่กล้าโหวตสวนมติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

‘เพื่อไทย’ บี้!! ‘บิ๊กตู่’ ไขก๊อกตัดขาดพรรคเดิม เหน็บอีเวนต์เปิดตัว ไม่การันตีคะแนนนิยม

‘เพื่อไทย’ ซัดจัดอีเวนต์ใหญ่ เปิดตัว ‘บิ๊กตู่’ เหน็บเหยียบเรือสองแคม เป็นสมาชิก รทสช. แต่นั่งนายกฯ ในนาม พปชร. บี้ไขก๊อกตัดขาดพรรคเดิม

(9 ม.ค. 66) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เย็นวันนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า การจัดอีเวนต์ใหญ่โตเพียงแค่ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าพรรค ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้คะแนนนิยมดีขึ้น ตรงกันข้ามจะเกิดคำถามตามมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการตามครรลองครองธรรมของการเมืองที่ควรจะเป็นหรือไม่ หรือสร้างสิ่งแปลกประหลาดขึ้นมาใหม่ให้ผู้คนติฉินนินทาเหมือนการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มาเป็นเลขาธิการนายกฯ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ผ่านขั้นตอนตามปกติคงเข้ามาเป็นเพียงสมาชิกพรรค ที่มีเลขาฯ ตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคตัวเอง จนไม่รู้ใครเป็นหัวหน้าใคร มีระบบพรรคการเมืองที่ไหนที่ให้สมาชิกพรรคคนหนึ่งมีบทบาทเหนือกว่าหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารทุกคน

‘ธนาธร’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี พร้อมเหน็บ อย่าหนีเวทีดีเบตเหมือนปี 62

‘ธนาธร’ ให้กำลังใจว่าที่ผู้สมัครส.ส.ก้าวไกล เชื่อ ได้ส.ส. เขตมากกว่า อนาคตใหม่ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช.เป็นเรื่องดี ช่วยปปช.ตัดสินใจง่าย เหน็บอย่าหนีดิเบตเหมือนปี 62  อยากเห็น ‘ประยุทธ์-พิธา’ ประชันวิสัยทัศน์กัน

(9 ม.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้กำลังว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. โดยระบุว่าตนติดตามการทำงานของพรรคก้าวไกลมาตลอด ทั้งการทำหน้าที่ของส.ส. ในสภา และกิจกรรมเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่าในยุคของอนาคตใหม่อย่างเห็นได้ชัด จากการที่พรรคก้าวไกลได้ทำงานพิสูจน์ตัวเองตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ว่าเป็นปากเสียงให้กับประชาชนได้จริง และมีอุดมการณ์แน่วแน่มั่นคงไม่ทอดทิ้งประชาชน

‘จุรินทร์’ ยินดี ‘บิ๊กตู่’ เปิดตัวกับ รทสช. ส่วนจะได้เป็นนายกฯ อีกหรือไม่ ผลงานจะเป็นตัววัด

วันนี้เวลา 09.20น. (10 ม.ค. 66) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงประเด็นบิ๊กตู่เปิดตัวที่พรรครวมไทยสร้างชาติวานนี้ว่า เป็นสิ่งที่ดีจะได้มีความชัดเจน ในส่วนจะเป็นคู่แข่งหรือไม่ ตนไม่อยากจะพูดถึงขนาดนั้น แต่ว่าที่จริงทุกพรรคการเมืองก็ต้องแข่งกันโดยปริยายอยู่แล้ว เวลามีการเลือกตั้ง ในส่วน ส.ส.ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ซบรวมไทยสร้างชาติ ส่วนนี้พรรคได้รับทราบมาก่อนแล้ว ความจริงก็ไม่อยากจะพูดซํ้า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

ในส่วนบรรยากาศงานเมื่อวานนี้ มองว่าพลเอกประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ ตนยังตอบไม่ได้ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับที่ทําวันนี้ แล้วก็จะส่งผลในอนาคต ตนคิดว่าอนาคตก็จะให้คําตอบ

ด้านนโยบายที่บอกว่าจะมีการเปิดตัวภายในเดือนนี้ จุรินทร์กล่าวว่าเรื่องนโยบายได้กรอบชัดเจน แล้วก็ประชาสัมพันธ์อยู่ คือสร้างเงินสร้างคนสร้างชาติ โดยการสร้างเงินหมายถึงการเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับคนไทย และก็ให้กับประเทศไทย ด้วยการสร้างเงินให้กับคนไทยและให้กับประเทศ

‘ชัยวุฒิ’ ยันอยู่ต่อกับ ‘บิ๊กป้อม’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่เคยชวนย้ายค่าย

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกรรมการบริหารพรรคพปชร.ว่า ประชุมกรรมการบริหารพรรคกับคนที่จะทำงานกับพรรคต่อ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยวุฒิ ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังทำงานกันอยู่ และเตรียมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สนิทกับทุกคน เพราะทำงานทั้งกับนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชวนไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี

'ทิพานัน' เผย ทิศทาง MSMEs ไทยปี 65 ไปได้สวย!! ชี้!! ไม่มี รบ.ไหน ทำได้เหมือน ‘รบ.ประยุทธ์’

(12 ม.ค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าปีที่แล้ว รัฐบาลได้ประสบความสำเร็จในการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง (Micro, Small and Medium-sized Enterprises: MSME) มี 3.21 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 99.55 ของจำนวนวิสาหกิจทั้งหมดของไทยที่ประสบความสำเร็จ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.67 

ทั้งนี้ วิสาหกิจรายย่อยในปัจจุบัน แบ่งเป็นรายย่อย (Micro-sized Enterprises) 2,742,416 รายคิดเป็นร้อยละ 85.74, ขนาดย่อม (Small-sized Enterprises) จำนวน 412,962 รายคิดเป็นร้อยละ 12.91, และขนาดกลาง (Medium-sized Enterprises) จำนวน 43,106 รายคิดเป็นร้อยละ 1.35 

โดยมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางมีจำนวน 5.60 ล้านล้านบาท และคาดขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 คิดเป็นมูลค่า GDP ของวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางปี 2565 จำนวน 6.02 ล้านล้านบาท

นอกจากมูลค่า GDP ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในปี 2565 กลุ่ม MSMEs วิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางยังมีจำนวนการจ้างงานสูงถึง 12.60 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.75 ของการจ้างงานทั้งประเทศ รัฐบาลจึงเดินหน้าส่งเสริม MSMEs อย่างเต็มที่เพราะเป็นเครื่องจักรสำคัญในด้านเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เช่น จัดทำฐานข้อมูล Big Data การสนับสนุนแหล่งทุนในรูปแบบต่าง ๆ การสนับสนุนเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อรายใหญ่กับผู้ขายรายย่อย และที่สำคัญคือ ความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมเอเปค 2022

'บิ๊กตู่' มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 แก่ 15 ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ พร้อมมอบหมาย ดีป้า ผลักดันบัญชีบริการดิจิทัล ส่งเสริมการเข้าถึงระบบบริการที่มีคุณภาพแก่หน่วยงานภาครัฐ

เมื่อวันที่ (9 ม.ค. 66)ที่ผ่านมา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประจำปี 2565 แก่ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 15 เมือง โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมในพิธีฯ โดยพร้อมเพรียง ณ อาคารภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล 

จากนั้น พลเอก ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดี และมอบนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมุดหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะตั้งแต่เริ่มต้น โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมและการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งผู้นำเมือง เจ้าหน้าที่ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เพื่อให้ความต้องการของทุกภาคส่วนได้รับการพิจารณาและถูกระบุอยู่ในเป้าหมายของการพัฒนาเมือง มองโอกาสจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงมุ่งจัดสรรและแบ่งปันทรัพยากร ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร งบประมาณการลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในทุกมิติ

“นอกจากนี้ รัฐบาลต้องกำหนดนโยบายที่เท่าทันกับสถานการณ์ พร้อมสร้างมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกและเป็นแรงจูงใจ อาทิ การมอบสิทธิประโยชน์ด้านภาษี หรือการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของประเทศได้อย่างเท่าเทียม เกิดการลงทุนในภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสังคมที่ดี และเพิ่มโอกาสในชีวิตให้กับประชาชน” พลเอก ประยุทธ์ กล่าว

ขณะที่ นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน ส่งผลให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ จำนวน 15 เมืองใน 14 จังหวัด ครอบคลุมการให้บริการประชาชนกว่า 16 ล้านคน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร เป็นประธาน โดยมีการประเมินว่า 15 เมืองอัจฉริยะประเทศไทยจะช่วยให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท 

‘เต้น’ เย้ย ‘บิ๊กตู่’ ย้ายอยู่พรรคใหม่แต่ดูไม่มีอนาคต แซะ!! แค่โกยคนที่แตกจากพรรคอื่นมาไว้รวมกัน

(12 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์เปิดตัวเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติว่า ตนนึกว่าพล.อ.ประยุทธ์จะแสดงแสนยานุภาพทางการเมืองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจหลังจากยึดครองอำนาจต่อเนื่องมา 8 ปี แต่พบว่าไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่เป็นเหล้าเก่าในขวดแตก รวมเอาคนที่แตกออกจากพรรคต่าง ๆ ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กมาอยู่ด้วยกัน และไม่พบว่ามีบุคคลที่เป็นที่รู้จักหรือเป็นที่ยอมรับกันในสังคม เป็นคนใหม่ทางการเมืองปรากฏตัวร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใด จึงมองไม่เห็นอนาคต เห็นแต่อดีต เพราะเต็มไปด้วยอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี ตนจึงเชื่อว่าจะส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นอดีตนายกฯ ในไม่ช้า

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ดังนั้นการตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเต็มตัวของพล.อ.ประยุทธ์ แท้จริงไม่ใช่เป้าหมายแค่การเป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปีตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่มี ส.ว.กลุ่มหนึ่งได้เคลื่อนไหวสับไพ่รอหรือไม่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ได้ศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ระบุว่ามีปัญหาที่น่าสนใจในบทบัญญัติในมาตรา 158 ว่าด้วยวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี โดย ส.ว. กลุ่มนี้ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ควรจะพิจารณาแก้ไข ตนได้ตั้งข้อสังเกตว่าการกำหนดบทบัญญัตินี้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่เคยมีปฏิกิริยา ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ ไม่เคยมีท่าทีที่แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด ส.ว. 250 คนยกมือตามสั่งมาตลอด แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ครบ 8 ปีจริง กลับมีมติเห็นตรงกันว่ามาตรานี้มีปัญหา หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะอาศัยเสียง ส.ว. 250 คนเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ ได้ ต้องใช้เสียงในสภาและเสียง ส.ว.แก้ไขมาตรานี้แน่นอน

ถ้อยแถลง ‘บิ๊กตู่’ จาก ‘Voice of the South Summit’ ผนึกมหามิตร ‘คุณภาพชีวิตดี-รักษ์โลก’ ส่งต่อคนรุ่นหลัง

นายกฯ กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุม Voice of the South Summit ผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และเสริมสร้างความยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน 

(12 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุม Voice of the South Summit ภายใต้หัวข้อหลัก ‘เสียงของประเทศกำลังพัฒนา สู่การพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง (Voice of South: For Human-centric Development)’ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามคำเชิญของนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีนเรนทร โมที ของอินเดีย สำหรับหัวข้อ ‘การพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง’ ซึ่งจัดขึ้นอย่างเหมาะสมกับบริบทในปัจจุบันที่ประชาชนประสบกับโรคระบาดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ วิกฤตด้านอาหารและพลังงาน จนก่อให้เกิดวิกฤติค่าครองชีพครั้งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกลุ่มเปราะบาง 

ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับความท้าทาย ประเทศกำลังพัฒนาจะต้องร่วมแรงร่วมใจ โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 แนวคิด ให้อินเดียในฐานะประธาน G20 เป็นกระบอกเสียงให้ผลักดันระบบเศรษฐกิจโลกไปสู่ยุคโลกาภิวัตน์ที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางมีความยั่งยืน และครอบคลุมยิ่งขึ้น ประกอบด้วย

1.) ต้องแสวงหาแนวทางการพัฒนาแบบองค์รวมที่ช่วยให้สามารถรับมือกับวิกฤตโลก 3 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลภาวะ เพื่อผลักดันให้การเติบโตหลังวิกฤตโควิด-19 มุ่งสู่ความสมดุลมากยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยแนวคิดพื้นฐาน BCG ของไทยและแนวคิดวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของอินเดียล้วนมีเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล ตลอดจนการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้นและยึดหลักธรรมาภิบาล 

นอกจากนี้ ไทยเรียกร้องให้ประเทศกำลังพัฒนาสานต่อผลสำเร็จจากการประชุม COP 27 ซึ่งถือเป็นการประชุม COP ที่ประเทศกำลังพัฒนามีบทบาทนำ และย้ำความจำเป็นในการระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการลงทุนเพื่อพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำในราคาที่เหมาะสม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top