Monday, 6 May 2024
น้ำท่วม

'สมศักดิ์' เช็ก 'สุโขทัย' สั่งจังหวัดเฝ้าสถานการณ์ใกล้ชิด หวั่นทะลักพื้นที่ ศก. พร้อมเตรียมเสนอ 'นายกฯ' สร้างที่ระบายน้ำฝั่งขวาแม่น้ำยม ช่วยบรรเทา

(2 ต.ค.66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อสรุปสถานการณ์น้ำท่วมและแนวทางการแก้ปัญหา โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมที่จังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้เฝ้าระวังพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัยเป็นพิเศษ เพราะในพื้นที่ ตำบลปากแคว อำเภอเมือง ได้เกิดดินสไลด์ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาแล้ว ซึ่งต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผู้ว่าฯ สุโขทัย ก็คงหลับไม่ได้ ต้องเฝ้าสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะหากดินสไลด์เพิ่ม จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วนหลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็ต้องมีการเร่งสร้างเขื่อนกันดินสไลด์ในจุดนี้เพิ่ม นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า แม่น้ำยม เป็นแม่น้ำสายเดียว ที่ไม่มีเขื่อนรองรับ จึงทำให้น้ำเกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมา มีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขัง

“ผมไม่กล้าหวังที่จะให้มีการสร้างเขื่อน แม้ว่าพี่น้องประชาชน จะบอกว่ามีแนวโน้มที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่หลายครั้งที่เราพูดคุยเรื่องเขื่อน ก็จะมีปัญหา ผมจึงไม่อยากพูด แต่เปลี่ยนไปพยายามแก้ปัญหาในวิธีอื่นแทน อย่างในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย และภาคเหนือตอนบน จังหวัดแพร่ เราก็พยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ ที่ไม่กระทบกับต้นน้ำแม่น้ำยมก่อน เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะหากย้อนไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 สร้างความเสียหายถึง 1.42 ล้านล้านบาท เป็นความเสียหายจากทรัพย์สินทางราชการ และของพี่น้องประชาชน รวมถึงเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ ซึ่งในตอนนั้น น้ำมีความสูงถึง 13 เมตร โดยจะเห็นได้ว่า เหตุน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ ประชาชนเริ่มเรียกร้องให้ช่วยเหลือแบบยั่งยืน เพราะจังหวัดสุโขทัย เกิดเหตุน้ำท่วมทุกปี โดยเป็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมา เราพยายามแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเต็มที่ โดยฝั่งขวาแม่น้ำยม ขณะนี้ ก็ได้มีการดำเนินการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะนำเรียนท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบและพิจารณาถึงแนวทางการแก้ปัญหานี้ เพราะจะสามารถช่วยการระบายน้ำได้เป็นอย่างดี และนอกจากช่วยน้ำท่วมแล้ว เวลาน้ำแล้ง เรายังสามารถปิดประตู เก็บน้ำไว้ใช้ได้อีก เพราะในอีก 3 ปี มีการคาดการณ์ว่า จะเกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ดังนั้น ถ้าเราวางแผนแก้ปัญหาแบบเป็นระบบ ก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ทั้งหมด

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พบว่า มีพื้นที่ 9 อำเภอได้รับผลกระทบแล้ว และมีประชาชน ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 2,007 ครัวเรือน เป็นพื้นที่กว่า 62,483 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบว่า ที่น่าเป็นห่วงเพิ่มเติมคือ ตำบลปากแคว ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง เกิดคันดินคอสะพานขาด พื้นที่อำเภอศรีสำโรง พนังกั้นน้ำบริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์ เกิดแยกตัว และพื้นที่อำเภอสวรรคโลก น้ำเอ่อล้นตลิ่งคันคลอง และบริเวณคอสะพานหลายจุด ตนจึงฝากเตือนพี่น้องประชาชน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ยังได้ลงพื้นที่จุดเสี่ยงเพิ่มเติม คือ บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ สุโขทัย โดยได้ขึ้นหลังรถกระบะ ถือตลับเมตรปีนขึ้นไปวัดระดับน้ำ พบว่า ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากที่พนังกั้นน้ำสามารถรองรับได้ 2.80 เมตร ความหนาของพนังตัวนี้อยู่ที่ 15 เซนติเมตร แต่น้ำขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 2.40 เมตรแล้ว มวลน้ำก้อนใหม่ที่มาจากอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ก็กำลังจะไหลมาที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งหากพนังกั้นน้ำได้รับความเสียหายแตกร้าว ก็จะส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมือง ที่เป็นแหล่งชุมชน และตลาด รวมถึงเรือนจำสุโขทัยด้วย โดยจุดนี้ นายสมศักดิ์ มีความเป็นห่วงอย่างมาก จึงได้กำชับสั่งผู้ว่าฯ สุโขทัย ให้ดูแลใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด

‘ทส.’ กำชับเฝ้าระวัง ‘บ่อขยะ-ระบบบำบัดน้ำเสีย’ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม พร้อมสั่งเร่งป้องกัน หวั่นเหตุอุทกภัยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

(3 ต.ค. 66) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีข้อสั่งการให้หน่วยงานใน ทส. ติดตามสถานการณ์และช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

โดยให้ คพ. สำรวจสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย และระบบบำบัดน้ำเสีย ในพื้นที่น้ำท่วม หรือในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เพื่อเตรียมการรับมือ พร้อมเฝ้าระวังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากเหตุอุทกภัย โดยเฉพาะน้ำเน่าเสีย และน้ำเสียจากบ่อขยะ

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า คพ.ได้ปรับปรุงรายชื่อสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อติดตามและให้คำแนะนำทางวิชาการ และได้จัดส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการ 76 จังหวัด และผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พร้อมจัดทำวันเพจ แจ้งเตือนภัยสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่เสี่ยงได้รับผลกระทบน้ำท่วม และอยู่ระหว่างการติดตามและเฝ้าระวังพายุลูกใหม่ต่อไป เพื่อแจ้งเตือนเป็นระยะ

อธิบดีคพ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 – 16 ติดตามและรายงานข้อมูลเชิงพื้นที่และรายงานส่งให้ คพ. ทุกวัน

ล่าสุด จากการตรวจสอบ พบว่า มีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ได้แก่

1.) สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ทม.เมืองสวรรคโลก ต.ย่านยาว อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มีข้อแนะนำให้ก่อสร้างคันดินและปรับปรุงการระบายน้ำฝนภายในพื้นที่ รวมถึงปรับปรุงถนนเพิ่มเติม

2.) สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยของ อบต.ดงละคร อ.เมือง จ.นครนายก มีคำแนะนำให้หาพื้นที่ทิ้งขยะชั่วคราว ประสานขอทิ้งร่วมกับ อปท. ใกล้เคียง และดำเนินการดักกั้นขยะมูลฝอยที่ลอยไม่ให้ออกสู่ภายนอก

‘นายกฯ’ ลุยน้ำท่วมยโสธร มอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวบ้าน ยันรัฐบาลพร้อมดูแล พร้อมให้คำมั่นสัญญาเงินดิจิทัลทำแน่

(7 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นางเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้แม้จะไม่ถูกน้ำท่วมแต่ก็ถูกน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรและถนนเข้าหมู่บ้านประมาณ 30-60 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการสัญจรเข้าออกหมู่บ้าน  

โดยนายกรัฐมนตรีได้นั่งรถยกสูงของ ปภ. หมายเลขทะเบียน 53-7093 กรุงเทพมหานครเข้าพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหมู่บ้าน

เมื่อเดินทางมาถึงมีประชาชนรอต้อนรับผูกผ้าขาวม้าให้กำลังใจ โดยมีชาวบ้านบางคนบอกกับนายกฯ ว่าหล่อมาก 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กราบนมัสการ พระครูเมธีธรรมบัณฑิต เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว พร้อมถวายผ้าไตร และจตุปัจจัยไทยธรรม

โดยพระครูฯ ได้มอบพระพุทธบุษยรัตน์จำลอง ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว พระคู่บ้านคู่เมือง จ.ยโสธร พร้อมเหล็กไหลของทางวัด รวมทั้งผูกข้อมือให้พรกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมคณะ

โดยช่วงหนึ่งพระครูได้สอบถามนายกฯ และฝากเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะชาวบ้านรออยู่ขอให้นายกฯ ทำสำเร็จ

ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวยืนยันว่า “ขณะนี้รัฐบาลทำอยู่ ต้องทำครับ เพราะมีคนมาต่อต้าน แต่ก็ไม่กี่คนหรอกครับ แต่เราก็ต้องทำเพราะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพี่น้องประชาชน ต้องทำครับ”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินพบปะกับประชาชนที่มารอ ซึ่งได้นั่งลงพูดคุยกับกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ว่าอยู่อย่างไรในช่วงน้ำท่วม พร้อมแสดงความเป็นห่วง โดยระบุจะหาแนวทางช่วยเหลือด้วยการยกระดับความสูงของถนนที่เข้าหมู่บ้าน เพื่อให้เดือดร้อนน้อยลงในช่วงที่น้ำท่วมสูง นอกจากนี้จะมีการสร้างสะพานเพิ่มในบางจุด ทำให้ชาวบ้านยกมือไหว้  ซึ่งนายกฯ ได้ตอบกับชาวบ้านว่าไม่ต้องขอบคุณตนเองเพราะสิ่งที่ทำเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

และมีคุณยายวัย 70 ปี บอกกับนายกฯ ว่า ดีใจที่จะได้ใช้เงิน ไม่มีโทรศัพท์ ใช้ไม่เป็นทำไวท่านนายกฯนายกรัฐมนตรีจึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรบัตรประชาชนใบเดียวก็พอแล้ว”

ขณะที่บรรดาชาวบ้านโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่านายกฯตัวจริงหล่อ และได้บอกนายกว่า ดีใจหลายๆ นายกฯ ลงมาหา หล่อตัวสูง ก่อนที่จะพูดกระเซ้ากันหลังจับมือนายกฯ ว่า “จับมือได้แต่อย่าบายหรรม” เรียกเสียงฮากระจาย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้สูงอายุอีกกลุ่มสอบถามเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค ขณะที่นายเกรียงซึ่งอยู่ด้วยกับนายกรัฐมนตรี จึงได้สอบถามผู้สูงอายุว่ายังอยากใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่ไหม คุณยายจึงตอบว่า อยากได้ ขณะที่นายกฯย้ำว่าเรื่อง 30 บาทเราจะดูแลให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหน้าที่ต้องดูแลทั้งเรื่องสุขภาพ ดูแลประชาชน ตนไม่อยากให้ลำบาก ตนมาเพราะต้องการลงพื้นที่เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างแท้จริงตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาหาเสียงอยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี พร้อมสอบถามเรื่องปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ซึ่งต้องขอให้ผู้ใหญ่พ่อแม่ดูแลบุตรหลานให้ดีๆ

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนว่าสวัสดีพี่น้องชาวจังหวัดยโสธรที่รัก เป็นขวัญและกำลังใจ อย่างล้นหลามให้เราทำงาน การเดินทางเข้ามาตรงนี้ ลำบาก ขนาดมาหนเดียวยังลำบาก เพราะเจอแต่ภาวะน้ำท่วม และได้รับการรายงานว่า ท่วมแล้วท่วมอีก ท่วมตลอดเป็นเดือน ตนมีความไม่สบายใจ และเห็นใจทุกท่าน การสัญจรไปมาก็ลำบาก จะไปหาหมอก็ลำบาก พืชผลเสียหาย วันนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ร่วมมาด้วย เป็นที่บ่งบอกแล้วว่าเราให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชนชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ทั้งนี้เรื่องการป้องกันน้ำท่วมทำได้หลายมิติ ในระยะยาวต้องมีการบริหารจัดการน้ำตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้เสนอขุดคูคลองเพิ่ม ตรงนี้ถือเป็นแผนระยะยาว แต่ระยะสั้นเรื่องการปล่อยน้ำทางกรมชลประทานรับปากว่าจะไปทบทวนดูแลวิธีกักน้ำปล่อยน้ำ ซึ่งต้องบริหารจัดการกันไป หากเกิดภาวะอุทกภัยหรือน้ำท่วมเกิดขึ้นหน่วยงานทุกหน่วยงานพร้อมไม่ว่าจะเป็นของนายเกรียง  รมช.มหาดไทยที่ดูแลด้านป้องกันสาธารณภัยนายสุทิน กระทรวงกลาโหม

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารราบพัฒนาก็มาดูแลช่วยเหลือบำบัดทุกข์ให้พี่น้องประชาชน แต่เราไม่อยากให้ถึงจุดนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมดูแลสร้างถนนหนทางเข้ามาด้วย โดยสัญญาว่า จะทำถนนและสะพานอีก 2 สะพานที่น้ำท่วม ซึ่งจะต้องจัดการโดยเร็ว และระหว่างที่ตนนั่งรถเข้ามาได้คุยกับเจ้าหน้าที่รัฐหลายท่านบอกว่าที่นี่อำเภอนี้หมู่บ้านนี้มีความผูกพันมาก มีโครงสร้างสถาบันครอบครัวที่แข็งแรง พี่น้องไม่ได้ออกไปทำงานนอกเขตอยากอยู่ในเขตพื้นที่ช่วยเหลือจุนเจือด้วยกัน ดูแลผู้แก่ผู้เฒ่าด้วยกัน ผลดีตรงนี้ไม่มีใครทราบ ตนมาที่นี่ไม่มีใครบ่นเรื่องปัญหายาเสพติด เพราะสถาบันครอบครัวแข็งแรงพี่น้องคนแก่คนเฒ่าดูแลลูกหลานดีมีเวลาพูดคุยกันมีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ครอบครัวตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นสังคมตัวอย่างที่หลายๆ อำเภอหลายๆ จังหวัด ควรที่จะนำไปพัฒนาต่อ วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพูดคุย แม้มาในสภาพที่น้ำท่วมไม่ค่อยน่ายินดีสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากมาในบริบทที่มีรอยยิ้มอย่างจริงจังและวันนี้ก็ยิ้มสุดๆ หน่อย เพราะมาถึงก็เห็นน้ำท่วม ตนมาเพียงวันเดียวยังเศร้าใจ เข้าใจถึงความลำบาก วันนี้ที่มาที่นี่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ซึ่งทุกคนเข้าใจและสัญญาจะกลับมาดูแลพี่น้องประชาชน

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน จำนวน 300 ชุม และยังได้มอบถุงยังชีพของเกษตรอำเภอให้กับเกษตรกรจำนวน 300 ชุดรวมถึงมะปรางซึ่งเป็นอาหารของปศุสัตว์ในช่วงที่น้ำท่วมรวมถึงต้นกล้าพันธุ์พืชเช่นมะละกอพริกและมะเขือให้กับประชาชนด้วย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างเดินทางกลับตามเส้นทางซึ่งมีน้ำท่วมสูงเป็นระยะ นายกรัฐมนตรีได้ลงลุยน้ำและนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่ประสบความเดือดร้อนตามรายทาง พร้อมให้กำลังใจว่า ขอให้สู้อดทนอีกหน่อยรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ

‘นิสสัน’ เปิดแคมเปญ ช่วยลูกค้าประสบภัยน้ำท่วม ถึงสิ้นปี 66 มอบส่วนลดค่าอะไหล่-อุปกรณ์ 30% พร้อมบริการยกรถส่งศูนย์ฟรี

(11 ต.ค.66) ‘นิสสัน ประเทศไทย’ เปิดแคมเปญ ช่วยเหลือลูกค้าประสบภัยรถยนต์เสียหายจาก น้ำท่วม ลดค่าอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง ถึงสิ้นปี 2566

แคมเปญ ‘นิสสันร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม’ จะจัดขึ้นถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยจะมีส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% สำหรับค่าอะไหล่, เคมีภัณฑ์, น้ำมันหล่อลื่น และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์

นอกจากนี้ยังมีบริการยกรถที่ประสบภัยน้ำท่วม ไปยังศูนย์บริการนิสสันที่ใกล้ที่สุดฟรี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ

“แคมเปญช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตอกย้ำความมุ่งมั่นของนิสสันในการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบความช่วยเหลือในช่วงเวลาวิกฤติ และแบ่งเบาภาระของลูกค้าให้สามารถดำเนินชีวิต และใช้รถยนต์นิสสันได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด” อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าว

ทั้งนี้ รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิครอบคลุมรถยนต์นิสสันทุกรุ่น ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแคมเปญ และสำหรับลูกค้านิสสันที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย หรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ปตท. สนับสนุนการบริหารจัดการ ‘ปัญหาน้ำท่วม’ พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ส่งมอบอุปกรณ์ และบริการสำหรับระบบซ่อมบำรุงเชิงพยากรณ์

เมื่อเร็วๆ นี้ นายประสงค์ อินทรหนองไผ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทน ปตท. ส่งมอบอุปกรณ์และบริการสำหรับระบบซ่อมบำรุงเชิงพยากรณ์ และการเฝ้าติดตามสภาพเครื่องจักรจาก บริษัท พี ดิคเตอร์ จำกัด (P-DICTOR) เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่การติดตั้งแล้วเสร็จ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้แก่ นายปวินท์สรรค์ กัลยาณพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานระบบควบคุมน้ำ สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการนำความเชี่ยวชาญในนวัตกรรมด้าน Predictive Maintenance and Machine Monitoring ของกลุ่ม ปตท. มาสนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลการสั่นสะเทือนและทำนายการหยุดทำงานล่วงหน้าของเครื่องสูบน้ำ ณ สถานีสูบน้ำกรุงเกษม เขตบางรัก ที่เป็นจุดสำคัญในการสูบน้ำกรณีเกิดน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน เพื่อช่วยให้สำนักการระบายน้ำฯ สามารถป้องกันและแก้ไขอุปกรณ์ให้มีความพร้อมใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุง ตลอดจนช่วยให้บริหารจัดการปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

‘ดร.หิมาลัย’ พร้อม ‘สส.สัญญา-สุรชาติ’ ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ ปชช. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.นครสวรรค์-พิจิตร

จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก พร้อมมอบให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้น

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 66 น.ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) พร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.เขต 3 นครสวรรค์/ประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน รวมทั้ง นายสุรชาติ ศรีบุศกร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ น.อ.ชัยสม ร่มโพธิ์ทอง พร้อมคณะศิษย์เก่าโรงเรียนนครสวรรค์ ร่วมลงพื้นที่ ณ วัดบางไซ ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่ ต.พิกุล ต.พันลาน และ ต.หนองกระเจา อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จำนวน 574 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

จากนั้น ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ร่วมเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลบางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชานชน ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางเคียน ต.ทำไม้ และ ต.โคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวน 842 ชุด ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

โดยมี นายสุวัฒน์ จันทร์สุข ปลัดจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยโท อุทิศ คงรอด นายอำเภอชุมแสง, สจ.กัลย์ชพร รอดบำรุง, สจ.ไพฑูรย์ อินทร์นาง, นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา, นายสนอง วงษ์ละม้าย นายกอบต.พิกุล, นายงาม แสนมุข นายกอบต.พันลาน, นายสุทัศน์ สิงห์กวาง นายกอบต.ฆะมัง, นายวิรัติ เหมันต์ กำนันตำบลพิกุล, นายจักรพงษ์ เพ่งผล นายกอบต.บางเคียน, นางสาวศิริ ยิ้มสาระ นายกอบต.ท่าไม้, นายสิริชัย ศรีสิทธิการ นายกอบต.โคกหม้อ, นายอำนาจ บุญเกษม กำนันตำบลท่าไม้ พร้อมพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบ

ต่อมา ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางยัง วัดบางลายใต้ ต.บางลาย อ.บังนาราง จ.พิจิตร เพื่อมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร อีกจำนวน 520 ชุด

โดยมี นายธงชัย ขิมมากทอง นายอำเภอบึงนาราง,นายมนัส ชมพูพื้น ปลัดอาวุโสอำเภอบึงนาราง พร้อมด้วย ผู้นำท้องท้องถิ่น นำโดย นายจักรัตน์ จันทโรทัย สจ.เขต 2 อ.บึงนาราง, นายธรรมนูญ เทศอินทร์ ประธานชมรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บึงนาราง, คุณภัทราภรณ์ จันทโรทัย รองนายก อบต.บางลาย, พ.ต.ท มานิตย์ จิตรเอก สว.สภ.บางลาย, นายวิรัตน์ สุขเหม กำนันตำบลบึงนาราง, นายชุติชัย ตังสุวรรณ์ กำนันตำบลท้ายน้ำ, นายสุพจน์ อ่อนเนียม กำนันตำบลโพทะเล พร้อมพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบครั้งนี้

พิษณุโลก สายธารน้ำใจ สู้ภัยน้ำท่วม มทบ.39 ร่วมกับ โรงพยาบาลค่ายฯ และ ปตท.สผ. ช่วยเหลือพี่น้องชาวบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 เวลา 1000 นาฬิกา พลตรี กฤษณะ  ภู่ทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 39 / ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 39 ลงพื้นที่อำเภอบางระกำ โดยมี นายอำเภอบางระกำ และผู้นำท้องที่ - ท้องถิ่น ให้การต้อนรับ และร่วมภารกิจ “สายธารน้ำใจ สู้ภัยน้ำท่วม” นำโดยชุดแพทย์เคลื่อนที่โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ร่วมกับผู้บริหาร บริษัท ปตท. สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพสิ่งของอุปโภคบริโภค – ยารักษาโรคและตรวจสุภาพให้กับพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย จากสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนและที่พื้นที่ทำกิน ในพื้นที่ชุมชนหลังวัดสุนทรประดิษฐ์ ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชน ก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน

มณฑลทหารบกที่39 #ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่39 ปตท.สผ.

'นายกฯ เศรษฐา' เตรียมลงพื้นที่สุโขทัย ติดตามโครงการป้องกันอุทกภัย 27 พ.ย.นี้

(24 พ.ย. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เตรียมเดินทางลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ในวันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เพื่อไปตรวจราชการติดตามโครงการป้องกันอุทกภัย จ.สุโขทัย และร่วมพิธีเผาเทียน ชมการแสดง แสง เสียง ร่วมพิธีลอยพระประทีปพระราชทาน และชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย โดย นางพักตร์พิไล ทวีสิน ภริยานายกรัฐมนตรี, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมคณะตรวจราชการ

โดยเวลาประมาณ 16.15 น. นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานสุโขทัย ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ เมื่อเดินทางถึงท่าอากาศยานสุโขทัย ออกเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย เวลาประมาณ 17.45 น. นายกรัฐมนตรีจะรับฟังบรรยายสรุปการขอรับความช่วยเหลือโครงการป้องกันอุทกภัย จ.สุโขทัย ณ สำนักงานเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี

จากนั้น เวลาประมาณ 19.45 น.นายกรัฐมนตรีและภริยา ร่วมพิธีเผาเทียน ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมืองสุโขทัย จ.สุโขทัย ก่อนเดินทางโดยขบวนรถราง ไปร่วมชมการแสดง แสง เสียง ณ วัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จากนั้นเวลา 21.30 น. นายกรัฐมนตรีและภริยาร่วมพิธีลอยพระประทีปพระราชทาน และชมการแสดงพลุ ตะไล ไฟพะเนียง ณ ตระพังตะกวน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย แล้วเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร โดยนายกรัฐมนตรีและภริยา จะเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 00.00 น. 

‘บิ๊กป้อม’ ส่ง ‘สส.นราธิวาส พปชร.’ รุดช่วยผู้ประสบอุทกภัย ชายแดนใต้ หลังฝนตกหนักทำน้ำท่วมหลายพื้นที่ พร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

(17 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายวานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ติดตามสถานการณ์พายุฝน เข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากมีความห่วงใยในสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 4 จังหวัด คือ จังหวัดยะลา, จังหวัดนราธิวาส, จังหวัดสงขลา และจังหวัดปัตตานี โดยได้ประสานงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค, นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 และ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเฝ้าระวัง และให้ความช่วยเหลือ ผ่านทีมงาน สส.ในพื้นที่พปชร.อย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุด นายสัมพันธ์ และนายอามินทร์ ได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและเข้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปีนี้ พายุฝนตกชุกเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในวันนี้ ก็เตรียมระดมทีมเจ้าหน้าที่ ส่งถุงยังชีพ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชนใน จ.นราธิวาส พร้อมสอบถามปัญหาความเดือดร้อน เพื่อนำไปสู่การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป

แม่ทัพภาค 4 สั่งเร่งระดมกำลังพลช่วยผู้ประสบอุทกภัยนราธิวาส  หลังน้ำป่าไหลหลากมวลมาไม่ทันตั้งตัว รับ!! หนักสุดในรอบ 30 ปี 

(26 ธ.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจากสถานการณ์ ที่ได้เกิดฝนตกหนักและหนักมากในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 23-24 ธันวาคม 2566 ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทางจังหวัดนราธิวาสได้เปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ขึ้น เพื่อร่วมปฏิบัติการบริหารจัดการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นประธานประชุมติดตามการบริหารจัดการอุทกภัย และ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมรายงานผลการปฏิบัติงานจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส

โดยสรุปวันที่ 25 สถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสตามที่ได้เกิดฝนตกหนักเมื่อวันที่ 22-24 ธันวาคม 2566 เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับผลกระทบ เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยได้รับผลกระทบแล้ว 9 อำเภอ 44 ตำบล 196 หมู่บ้าน 9,558 ครัวเรือน 37,901 คน 4 ชุมชน โรงเรียน 11 แห่ง ปศุสัตว์ (แพะ) 2 ตัว

แนวโน้มสถานการณ์ ลุ่มน้ำหลัก 3 ลุ่มน้ำ 1.ลุ่มน้ำโก-ลก ระดับน้ำยังปกติ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2.ลุ่มน้ำบางนรา ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง (เฝ้าระวัง) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3.ลุ่มน้ำสายบุรี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง (เฝ้าระวัง) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเตือนประชาชนไม่ประมาทต่อมวลน้ำ เพราะยังคมมีฟ้าฝนตกอยู่ต่อเนื่องในหลายพื้นที่

ด้านนายจิรัส ศิริวัลลภ นายอำเภอเมือง จ.นราธิวาส ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์อุทกภัยวาตภัย ในพื้นที่ ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งมีราษฎร์เดือดร้อนและบ้านจมน้ำจำนวนมาก โดยประสานหน่วยทหารหน่วยนาวิกโยธิน ทหารหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส นำเรือท้องแบน รถทหารยี่เอ็มซี่ พร้อมกำลังพลอพยพช่วยเหลือชาวบ้าน คนชรา เด็กและคนไข้ติดเตียงให้มาพักพิงที่ ของทางการจัดให้ในที่ศูนย์ซึ่งพบว่ามวลน้ำยังคงกำลังสูง และเชี่ยวกราดให้สิ่งของในบ้าน เสียหายอีกจำนวนมาก ทั้งนี้นายอำเภอเมืองกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำป่าไหลหลากมวลน้ำมาก ประชาชนไม่ได้ตั้งตัวมา เร็วท่วมเต็มพื้นที่ ถือว่าท่วมสูงสุดมากในรอบ 30 ปี

ขณะที่ชาวบ้าน ผู้ประสบภัยน้ำท่วม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำท่วมรอบนี้หนักมาก น้ำมากลางคืนขณะนอนหลับในบ้าน เมื่อน้ำมาช่วยได้เฉพาะคนในครอบครัวขึ้นที่สูง ส่วนอุปกรณ์ในบ้าน รถเครื่อง ตู้เย็น ทีวี และอื่นเสียหายหมด ไม่ทันขนย้ายไปเก็บในที่สูงเสียหายหมดตัว ยากเรียกร้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เข้ามาดูแลเร่งด่วนด้วย

ด้านพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ผอ.รมน.ภาค 4 แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งหน่วยทหารในพื้นที่ทุกหน่วยเร่งดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่โดยด่วนที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ผู้หญิง และคนชราออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด และเน้นย้ำให้การเข้าช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีความระมัดระวังรักษาความปลอดภัยตนเองและทุกคนที่ลงไปจะต้องใส่เสื้อชูชีพ ซึ่งประชาชนที่ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 46 โทร.073-340141-4 ต่อ 43011 #ศูนย์ประชาสัมพันธ์ #กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top