Thursday, 9 May 2024
ทหาร

‘นายกฯ’ ถก ‘ผบ.ทสส.’ เร่งแก้ปัญหาชายแดนใต้-ปราบยาเสพติด หนุนลดช่องว่างทหารและประชาชน เป็นที่พึ่งพิงได้ทุกสถานการณ์

(5 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า โดยปกติตนจะพบปะกับ ผบ.ทสส.เป็นประจำอยู่แล้ว โดยวันนี้เป็นเรื่องรับทราบข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แนวทางการทำงานกับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย รวมถึงปัญหายาเสพติดที่จะทะลักเข้ามาจากพม่า ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทางทหารจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปราบปรามยาเสพติดและสกัดการนำเข้าอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงค่อนข้างมาก

“อีกเรื่องที่คุยกันในภาพรวม คือผมอยากให้ทหารมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องที่ดินทำกิน ช่วยดูแลปัญหาน้ำไม่ให้ท่วม ไม่ให้แล้ง รวมทั้งดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคงที่ท่านดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ

10 ประเด็นจาก Pigkaploy ตะลุยชายแดน อาจคลายปมข้อข้องใจ “มีทหารไว้ทำไม?”

หลายท่านที่มีโอกาสได้ติดตามช่อง ‘Pigkaploy’ ของ ‘พลอย’ พลอยไพลิน ตั้งประภาพร นักแสดงอิสระ และยูทูปเปอร์สาวด้านการท่องเที่ยวชาวไทย เมื่อวันที่ 16 ม.ค.67 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับคนที่มักจะมีคำถามถึง การมีอยู่ของ ‘ทหาร’ ในยุคนี้ จำเป็นแค่ไหน? มีไว้ทำไม? และมักจะขยายความถึงเม็ดเงินภาษีที่ต้องเสียไปเพื่อดูแลเหล่าทหารหาญเหล่านี้ในเชิงลบ คงสะอึกกับภาพที่เกิดขึ้นจริงผ่าน EP ที่มีชื่อว่า ‘ลองใช้ชีวิตเป็นทหารชายแดนเหนือ 3 วัน 2 คืน l ไทย-เมียร์มาร์’ เพื่อติดตามภารกิจการปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ว่าจะการปราบปรามการลักลอบข้ามชายแดนอย่างผิดกฎหมายผ่านเส้นทางธรรมชาติ การลักลอบขนยาเสพติด และตัดไม้ทำลายป่า และล่าสัตว์โดยผิดกฎหมาย โดยเธอสวมเครื่องแบบทหารจริง

โดยคลิปดังกล่าวจะเป็นตอนที่ 1 จากซีรีส์ตระเวนชายแดนที่ตอนต่อไปจะเป็นการไปเยือนชายแดนภาคอีสาน-เขาพระวิหาร และ ชายแดนใต้ ยะลา-ปัตตานี

สำหรับในส่วนของสาระสำคัญจากคลิปซีรีส์ชายแดนไทย-เมียร์มานั้น หากให้สรุปแล้ว จะมีประเด็นสำคัญให้พิจารณาตาม ดังนี้…

1. การเดินทางจากฐานปฏิบัติการห้วยเป้า อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปยังแปกแซม อ.เวียงแหง ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ด้วยการนั่งรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อทางทหาร เป็น 3 ชั่วโมงที่ทรหดมากๆ สำหรับคนธรรมดา

2. สภาพที่นอนปกติของเจ้าหน้าที่ทหารประจำฐานทั้ง 16 นายในฐานที่พัก มีแค่อาคารมุงกระเบื้องขนาดเล็ก สำหรับเป็นที่นอน และที่เก็บสัมภาระส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องประจำการอยู่บนฐานตลอด 1 ปีก่อนที่จะมีการผลัดเปลี่ยน อีกทั้งไม่มีไฟฟ้าใช้นอกจากโซลาร์เซลล์

3. การนอน จะไม่สามารถนอนได้อย่างเต็มที่ ต้องระแวดระวัง ผลัดเวรกันตลอด และก็ต้องไม่มีการติดไฟด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมองเห็นจากภายนอกได้ง่าย 

4. การกิน เจ้าหน้าที่จะมีการลงเขาไปนำเสบียงขึ้นมาเพื่อใช้ทำอาหาร 5 วันต่อครั้ง โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำอาหาร ซึ่งทุกคนจะต้องทำอาหารเป็นโดยใช้ฟืน ไม่ได้มีอาหารการกินแบบพร้อมสรรพ

5. น้ำดื่มเป็นน้ำบรรจุขวดที่ขนขึ้นมา เนื่องจากสะดวกใช้งานมากกว่า ในขณะที่น้ำใช้ จำเป็นต้องใช้ปั๊มดูดขึ้นมา แต่ต้องใช้อย่างประหยัด

6. การปฏิบัติหน้าที่ จะเห็นภาพการปฏิบัติการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ทหาร ป้องกันการถูกโจมตี ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์รบเกิดขึ้นเลย แต่จำเป็นจะต้องปฏิบัติเอาไว้เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน หากมีสถานการณ์เกิดขึ้นจริง ก็จะสามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที7. ต่อเนื่องจากข้อที่ 6 จะไม่มีวันหยุด ไม่มีเสาร์อาทิตย์ ทุกคนจะต้องมาเฝ้าเวรทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมงตลอดทั้งปี

8. หากมีการเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการใกล้เคียง (ฐานสุบรรณ) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้แนวตะเข็บชายแดน เพื่อเอาเสบียงไปให้เจ้าหน้าที่ในฐานนั้น ต้องเดินเท้าไปเท่านั้น โดยมี ‘ล่อ’ ช่วยบรรทุกเสบียงที่ราว 80 กิโลกรัมต่อครั้ง และระหว่างทางอาจต้องพบเจอกับฐานของทหารพม่า และทหารว้า ซึ่งไม่ได้ขึ้นตรงกับกองทัพเมียนมาแต่อย่างใดด้วย

9. พลอยได้ลองแต่งเครื่องแบบทหาร ที่มีเกราะหนัก 5 กิโลกรัม และต้องแบกเป้ทหารหนัก 25 กิโล ซึ่งถ้ารวมกับน้ำหนักปืนและหมวกเข้าไปด้วยแล้ว ก็จะมีน้ำหนักรวมราวๆ 40 กิโลกรัมกันเลยทีเดียว 

10. พลอยได้ลองร่วมเดินลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ ตรวจตราคนข้ามประเทศ หรือการกระทำความผิดอื่นทุกวัน เช่น ลักลอบขนยาเสพติด เพราะมีโอกาสจับได้ เนื่องจากผู้ลักลอบอาจคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน รวมถึงในบางครั้งอาจจะพบการรุกล้ำอาณาเขตของฝ่ายพม่า ด้วยการเข้ามาสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ใช่ของชาวบ้าน ซึ่งทหารจำต้องผลักดันกลับไป โดยมีเรื่องน่าตื่นเต้น คือ ในระหว่างการเดินทางคณะของพลอยได้พบกับการลักลอบล่าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย และพบกับทหารว้าด้วย

ในช่วงท้าย พลอย ได้สรุปถึงการร่วมภารกิจ ที่แม้จะเป็นเพียงแค่การจำลองเหตุการณ์ (ของจริงหนักกว่านี้) แต่เธอมองว่ามันอันตรายมากๆ หลังจากนั้นเธอก็ได้นั่งรอบกองไฟร่วมกับพี่ๆ ทหาร พร้อมกับคำถามที่ว่า “ทหารมีไว้ทำไม?” ซึ่งคำตอบที่ได้ก็มีความแตกต่างกันไป (ไม่ได้ระบุชัด) แต่ทุกคนต่างเคารพในความเห็นของกันและกัน

สำหรับใครที่อยากรับชมเรื่องราวเต็มๆ สามารถคลิกชมได้ที่ >> https://www.youtube.com/watch?v=W_HQ8gBie5M แล้วคุณคงจะได้คำตอบเองว่า ‘ทหารมีไว้ทำไม?’

‘หนุ่มตรัง’ แห่สมัครทหารคึกคัก!! หวังคว้าโควตาสอบนายสิบ-นายร้อย บางคนเศร้า ตั้งใจมาสมัครแต่ผิดหวัง เนื่องจากสภาพร่างกายไม่พร้อม

(28 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สโมสรกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง พันเอกพงษ์เทพ แตงพลับ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้ตรวจคัดเลือกทหารที่สมัครทหารออนไลน์ประจำปี 2567 คุณสมบัติเป็นทหารกองเกินที่มีอายุ 18 ถึง 20 ปีบริบูรณ์(เกิดปี พ.ศ. 2547 – 2549) หรือทหารกองเกินที่มีอายุ 22 ถึง 29 ปีบริบูรณ์ (เกิดปี พ.ศ. 2538 – 2545) ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการตรวจเลือกแล้วแต่ไม่ถูกเข้ากองประจำการ และเป็นผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์ดี ไม่พิการทุพพลภาพหรือมีโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหารตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. รับการทหาร พ.ศ.2497

สำหรับการสมัครทหารกองเกินเข้ารับราชการ เป็นทหารกองประจำการ โดยวิธีการร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์ ประจำปี 2567 เพื่อเพิ่มโอกาสในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย และบุคลากรของกองทัพบก การสมัครทหารออนไลน์นั้น เมื่อผ่านการตรวจร่างกายแล้วรับใช้ชาติเป็นทหารกองประจำการ โดยไม่ต้องจับใบดำใบแดง

ทั้งนี้ พันเอก พงษ์เทพ แตงพลับ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ได้บอกกล่าวกับผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาสมัครฯว่าจะได้สิทธิต่างๆตามที่กองทัพกำหนด ผู้ที่สมัครสามารถเลือกได้ว่าจะสังกัด กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ได้รับอัตราเงินเดือนตามที่กำหนด ที่สำคัญคือมีโอกาสในการสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ นักเรียนนายร้อย การสมัครรับราชการทหาร สามารถลดค่าใช้จ่ายและยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งในวันนี้มีผู้ปกครองมาสมัครจำนวนมาก

เป็นผลมาจากการที่สัสดีจังหวัดตรัง สัสดีอำเภอและหน่วยทหารกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ได้ออกรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน เพื่อนำบุตรหลานมาสมัคร ขณะนี้ที่จังหวัดตรังมีผู้มาสมัครทหารออนไลน์และผ่านการคัดเลือกแล้ว เกือบ 300 คน แต่ก็มีบางรายที่ตั้งใจมาสมัคร แต่ไม่ผ่านการตรวจร่างกายเนื่องจากมีโรคประจำตัว ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้รักษาร่างกายให้หายดีก่อนแล้วมาสมัครพร้อมกับใบรับรองแพทย์ ในปีถัดไป การสมัครนั้นจะหมดเขตในวันที่ 28 มกราคม 2567 นี้

'หนุ่ม' เดือด!! กางเหตุผลที่ต้องมีนายพล ก็คงเหมือนบริษัทเอกชนที่ต้องมีซีอีโอ และคงไม่ถึงขั้นต้องให้ซีอีโอ ลงไปยืนหน้าเคาท์เตอร์ ถามลูกค้าว่า "รับอะไรดี?"

(29 ม.ค.67) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ ‘fhakram.chavit’ หรือ ‘ฟ้าคราม’ ได้ออกมาโพสต์วิดีโอในหัวข้อ ‘นายพลมีไว้ทำไม’ พร้อมแคปชัน ‘ทวงคือความรู้สึกของ...ทหาร ข้อเท็จจริงสู้ด้วยคลิป’ โดยในวิดีโอได้อธิบายอย่างละเอียด ความว่า…

“หากจะคุยเรื่องทหาร นายพล ขอให้เอาเจตนาและเหตุผลที่ดีมาคุย ไม่ใช่เอาความแค้น ความโกรธเคืองทางการเมืองมาคุยกัน 

>> ถามว่า ‘นายพล’ มีไว้ทําไม?
ก็ต้องตอบแบบกําปั้นทุบดินว่าแล้วบริษัทเอกชนมี ‘CEO’ หรือ ‘MD’ ไว้เพื่ออะไร? ส่วน ‘ระดับผู้พัน’ ก็เช่นกัน ก็ต้องไปถามบริษัทเอกชนว่ามี ‘ผู้จัดการ’ ไว้ทําไม?

>>ทําไมนายพลเยอะ อยู่ในตําแหน่งพันกว่าคน ตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ 700 กว่าคน
ต้องตอบว่าเขาไม่ได้เข้ามารับราชการ 1-2 ปี และสามารถขึ้นมาเป็นนายพลได้เลย เขารับราชการมาตั้งแต่ 30 40 ปีที่แล้ว”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ระบุต่อว่า “คิดตามดี ๆ ในการปรับอัตรานายพลลง ซึ่งเป็นการลดขนาดองค์กร มีการ early retire ทหารทําอยู่แล้วในทุก ๆ ปี การปรับอัตราของผู้พันที่จะเลื่อนขึ้นไปเป็นนายพลให้น้อยลงก็สามารถทําได้ แต่ถ้าคนที่เข้าใจทหารจริง ๆ จะรู้ว่าตําแหน่งหลักไม่ต้องไปแก้เลย เพราะว่ามันสําคัญ

ยศพันเอกหรือนายพล ในเชิงปฏิบัติ ในเชิงบารมีทางการทหารแทบไม่ต่างกันเลย ดังนั้นนายพลเยอะหรือว่าพันเอกเยอะ ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น สรุปก็คือขนาดของทหารทั้งหมดลดลงไปมากแล้ว เพราะว่าทหารยุคใหม่กำลังบาลานซ์ทุกอย่างอย่างยอดเยี่ยม เขาแค่ไม่ได้ปรับอัตราตําแหน่งขึ้นไปเป็นนายพลลอยให้ลดลง เพราะยศ-ตำแหน่งนี้ก็ถือเป็นขวัญกําลังใจของคนที่ทํางานราชการมาตลอด 60 ปี จึงต้องให้ขึ้นไปเป็นพลตรีหรือตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะนำเรื่องนี้มายึดถือว่า ‘นายพลเยอะ’ ไม่ได้ สุดท้ายแล้วต้องดูภาพรวมว่า ‘ลดลง’

>>เวลาเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ นายพลไม่ได้ลงสนามรบ แต่ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปแทน
ต้องไปถามเจ้าสัวธนินท์ว่า ณ วันนี้จะต้องมาอยู่หน้าเคาท์เตอร์เซเว่นฯ หรือเปล่า ส่วนผบ.ตร. จะต้องไปตั้งด่านเองอยู่หรือเปล่า? เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเดินไปถ่ายเอกสารเอง ไม่ใช้เด็กฝึกงาน ไม่ใช้พนักงาน ไม่ใช้เลขาฯ หรือเปล่า? ตำแหน่งพวกนี้อยู่ในภาคบริหาร ไม่จำเป็นต้องทำเอง และจำไว้ว่าไม่มีสงครามไหน ไม่มีแม่ทัพ หากขาดหัวเรือใหญ่ไป ใครจะกําหนดทิศทางองค์กรหรือทิศทางการสู้รบ

>>ส่วนเรื่องงบประมาณฯ ก็เอาไปจัดการสร้างที่อยู่อาศัยของกําลังพลกันเอง?
ก็มีการเรียกร้องอยากให้ทหารชั้นปฏิบัติการหรือชั้นประทวนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ? แน่นอนว่าผู้บังคับบัญชาและกองทัพก็อยากให้กําลังพลทุกคนอยู่ดีมีสุขเหมือนกัน ไม่ใช่ต้องทนเงินน้อย ที่อยู่หรือสวัสดิการก็ไม่ดี ต้องกู้ ต้องยืมทุกอย่าง

>>สนามกอล์ฟเอาไว้ปรนเปรอนายพล เป็นแหล่งธุรกิจของทหารตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน
ขอย้ำว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สมัยองคมนตรีลุงตู่ ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ว่าง ๆ ของกองทัพ ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ในฐานะผู้บริหารจะต้องคิดเอาพื้นที่ที่ว่างนั้นไปทําอะไรที่เป็นประโยชน์ ให้กำลังพลได้ใช้สวัสดิการ ให้คนนอกได้ใช้ในราคาย่อมเยา พื้นที่กองทัพมีทั้งโรงพยาบาล สนามกีฬา หอพัก โรงเรียนแพทย์”

นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมอีกว่า “หากไม่ชอบ ไม่พอใจ โกรธเคือง เมื่อมีโอกาสเป็นรัฐบาลก็ค่อยมาหาทางจัดการ สำหรับรัฐบาลลุงตู่ ไม่ได้มานั่งเดือดร้อนเรื่องพวกนี้ เพราะเขารู้ว่าสิ่งพวกนี้เป็นสวัสดิการให้กับกำลังพล คนนอกได้เข้ามาใช้ในราคาถูก และอีกอย่างรัฐบาลลุงตู่เดินหน้าทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แล้ว เช่น ทำอย่างไรให้คนไทยอยู่ดีกินดี หรือเกิดเศรษฐกิจใหม่ เช่น

-รถไฟฟ้าความเร็วสูง (รถไฟฟ้าไทย-จีน) วิ่งจากกรุงเทพฯ ไปหนองคายระยะทาง 500 กิโลเมตร และเชื่อมกับกลุ่ม CLMVT จะแล้วเสร็จในปี 69 

-ภาคการคมนาคม การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน ระเบียงเศรษฐกิจ EEC รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา

-พัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง-มาบตาพุด เพื่อให้ไทยเป็นฮับและเป็นจุดศูนย์กลางแห่งใหม่ เป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ของอาเซียนและเอเชีย

-สำหรับ EEC สร้างเสร็จไปแล้วกว่า 50 โครงการ คิดประมาณ 30% ส่วนอีก 50% กําลังดําเนินการ และที่เหลืออีกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ กำลังรอการอนุมัติอยู่ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึก รถไฟฟ้าความเร็วสูง กําลังจะสร้างในปี 2024 คิดว่าจะเสร็จในปี 2027-2028 ใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีเอง

และต้องยอมรับนะว่าวันนี้เงินเข้าประเทศกว่า 80-90% มาจาก EEC และยังไม่รวมแลนด์บริดจ์ที่จะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่ของเอเชียและอาเซียน แถมค่ายรถไฟฟ้าของจีนก็เข้ามาลงทุนที่ไทยแล้ว 3 เจ้า ได้แก่ SAIC ฉางอัน GWM นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอวกาศ ดาวเทียม หัวเว่ยเข้ามาลงทุน data base AI ในไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในยุค ‘ลุงตู่’ ทำให้เรื่องสนามกอล์ฟกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ยังระบุต่ออีกว่า “ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาหลายปี ไม่มีใครบังคับ ทหารเกณฑ์สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กองร้อยกับเพื่อน หรือถ้าคิดว่ามันวุ่นวาย ก็สามารถเลือกที่จะไปอยู่บ้านนายได้ ซึ่งทหารที่ไปดูแลผู้บังคับบัญชา ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ก็ได้เงินเดือน ได้อยู่ใกล้กับผู้บังคับบัญชา แต่ถ้ามองว่าไม่สมควรเพราะใช้ภาษีประเทศจ่าย ก็สามารถพูดได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้เพิ่งเกิดในยุคพลเอกประยุทธ์ มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีไม่ได้ และห้ามเหมารวมอาชีพทหารด้วย”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ทิ้งท้ายไว้ว่า “ถึงทหารทั้งประเทศ คุณจะเชื่อได้ยังไงกับคนที่บอกว่าจะทําให้ชีวิตทหารของคุณดีขึ้น ทั้งที่การกระทําของเขาด้อยค่าอาชีพทหารของคุณ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทํา ‘การกระทํา’ เสียงดังกว่า ‘คําพูด’ เสมอ ขอเซฟทหารไทยทั้งประเทศไทยสุดหัวใจ เซฟนายพลนายพันที่ไม่คอร์รัปชัน และเซฟ ‘องคมนตรีลุงตู่’ สุดที่รักสุดหัวใจ”

‘ชายไทย’ หนีทหาร ไม่ควรเป็น สส. ผู้ทรงเกียรติ เพราะไม่เหลือ ‘เกียรติ’ ให้ ปชช. ‘เชื่อใจ-นับถือ’

นับวันสังคมไทยยิ่งจะเห็น สส. จาก ‘พรรคล้มสถาบัน’ เริ่มลายออกกันแบบรายวัน ภายใต้บาดแผลอันเน่าเหม็นถูกปิดปากจนเผยอออกมาให้สังคมรับรู้ไม่จบไม่สิ้น ขึ้นศาลกันจนหัวบันไดศาลอาญาไม่แห้ง ยังไม่ทันจบคดี 112 ที่ทั้งพรรค ทั้งสมาชิก ต่างลุ้นคำตัดสินกันจนตัวโก่ง ยังมีลิ่วล้อเด็ก ๆ ที่ถูกหลอกใช้ให้มาติดคุกแทนอีกเพียบ ก็มาต่อด้วยกรณี ‘หนีทหาร’ ของ สส. ผู้ทรงเกียรติให้สังคมเอือมระอาต่อ จริงหรือไม่จริงอีกไม่นานก็จะปรากฏชัด

ถามว่าคนเราหากมี ‘สามัญสำนึกของความเป็นคน’ ให้เกียรติสังคม ให้ความเคารพนับถือตัวเอง หากรู้ตัวว่าเป็น ‘คนหนีทหาร’ จนเคยถูกดำเนินคดี จะหน้าด้านแอบปกปิดพฤติกรรม ‘โกงความเป็นชาย’ มาสมัครเป็นผู้แทนของประชาชนหรือ?

สำหรับผมขอตอบว่า..ไม่ 

ยกเว้นชายใจชั่ว ใจคด ใจสกปรก

ขณะที่ชายไทยทั่วประเทศเมื่อมีอายุ 20 ย่าง 21 ปี ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ต้องไปจับใบดำใบแดงเหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าไม่อยากเกณฑ์ทหารก็ต้องเป็นนักศึกษาวิชาทหาร เรียน ร.ด. ให้จบตามหลักสูตร สมควรต้องมี ‘น้ำใจลูกผู้ชาย’ ที่ต้องแสดงออกอย่างเทียมเท่ากับผู้ชายไทยทั้งประเทศ   

การที่ให้ผู้ชายไทยที่เคยหนีทหาร มาเสนอหน้ามาเป็น สส. กินเงินเดือนที่มาจากหยาดเหงื่อภาษีของประชาชนอีก เป็นคนไทยแบบไหนกัน? ไม่อับอายตัวเองสักนิดเลยหรือ? 

ปากก็บอกสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สู้เพื่อความเท่าเทียม แต่สิ่งที่เผยออกมาให้เห็นแต่ละดอกจากนักการเมืองเลว ๆ พรรคนี้ มีแต่สิ่งที่เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบหัวใจของเพื่อนมนุษย์ แสดงความเห็นแก่ตัวต่อคนร่วมชาติเดียวกัน แสดงความย้อนแย้งออกมาอย่างหน้าด้าน ๆ ราวกับว่าประชาชนที่พบเห็นนั้นต่าง ‘กินหญ้าแทนข้าว’ เหมือนเหล่าสาวกโง่ ๆ ของตัวเอง 

นี่ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งมีเลือดเนื้อเชื้อสายและใช้นามสกุลเดียวกันกับผม ถ้าผมมารู้ภายหลังว่าเคยหนีทหารแล้วไปสมัครผู้แทน ไม่ต้องถึงกับได้เป็น สส. หรอก 

ผมจะตบให้หัวคว่ำเลย โทษฐานที่ทำให้นามสกุลของผมมัวหมอง

‘มาครง’ ไม่ขัด!! บรรดาชาติตะวันตกส่งทหารไปยูเครน ฟากประเทศที่ 3 พร้อมหนุน ‘เงินทุน-อาวุธ’ บู๊หมีต่อ

ไม่นานมานี้ ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส แถลงหลังเสร็จสิ้นการหารือของผู้นำยุโรป 20 ประเทศว่าด้วยยูเครน ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่กรุงปารีส โดยสาระสำคัญอยู่ที่ ‘ฝรั่งเศส’ ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ว่า ประเทศตะวันตกอาจส่งทหารไปยูเครน แต่เขาจะยังคงใช้ ‘ยุทธศาสตร์ความคลุมเครือ’ ในประเด็นนี้ต่อไป

มาครงกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุม 20 ผู้นำยุโรปครั้งนี้ ยังเห็นพ้องที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรประเทศต่าง ๆ ที่ช่วยรัสเซียให้เลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่ใช้อยู่

มาครง ยังกล่าวสนับสนุนโครงการจัดซื้อกระสุนหลายแสนนัดจากประเทศที่ 3 ให้แก่ยูเครน ซึ่งริเริ่มโดยสาธารณรัฐเช็ก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ มาครง เคยแสดงท่าทีคัดค้านการจัดซื้อกระสุนให้ยูเครน จากประเทศที่ 3 ที่ไม่ใช่ยุโรป เพราะหวังว่าจะสนับสนุนอุตสาหกรรมอาวุธของยุโรปก่อน

ด้าน นายกรัฐมนตรี มาร์ค รุทเทอ ของเนเธอร์แลนด์ เต็งหนึ่งที่อาจได้ขึ้นเป็นเลขาธิการนาโตคนใหม่ เปิดเผยหลังเข้าร่วมประชุมที่ปารีสดังกล่าวว่า เนเธอร์แลนด์จะให้เงิน 100 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทยราว 4,000 ล้านบาท ช่วยในโครงการจัดซื้อกระสุนให้ยูเครนที่ริเริ่มโดยสาธารณรัฐเช็ก โดยจัดซื้อจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

สำหรับปัญหาขาดแคลนกระสุนกำลังเป็นปัญหาวิกฤตของยูเครน หลังยุโรปกำลังจะล้มเหลวในเป้าหมายส่งกระสุนปืนใหญ่ 1 ล้านนัดให้แก่ยูเครนภายในเดือนมีนาคมนี้ ส่งผลให้ยูเครนกำลังเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิภาคตะวันออกของประเทศ เหล่านายพลของยูเครนที่กำลังทำศึกกับรัสเซีย ต่างบ่นถึงปัญหาขาดแคลนทั้งอาวุธและทหาร

ทหารปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำออกช่วยเหลือชาวบ้านรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง

กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 ค่ายสมันตรัฐบุรินทร์ หมู่ที่ 6 ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล  พ.อ.ชัยวุฒิ   พรมทอง  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5 พร้อมด้วยสนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล เทศบาลตำบลคลองขุด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และภาคเอกชน   ร่วมปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำช่วยเหลือประชาชน ในสถานการณ์ภัยแล้ง ตามนโยบายของกองทัพบก ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ตามโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2567”  

พ.อ.ชัยวุฒิ   พรมทอง  ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 5  กล่าวว่า   กองทัพบกได้ประสานความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่มีศักยภาพ   ร่วมแรงร่วมใจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ในการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้น ใน 7 อำเภอของจังหวัดสตูล  ได้มีความพร้อมในการกระจายกำลังและร่วมสนับสนุนในการช่วยเหลือชาวบ้านทีประสบภัย  สามารถติดต่อหน่วยงานหลักอย่าง ปภ. ท้องถิ่น หรือหน่วยงานใกล้บ้าน  รวมทั้งกำลังทหาร  ที่มีความพร้อมทั้งกำลังพลและรถบรรทุกน้ำ   สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชม.

สำหรับโครงการ “ราษฎร์ รัฐ  ร่วมใจช่วยภัยแล้ง ประจำปี 2567” มีพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุกน้ำ พร้อมกันทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่จังหวัดสตูล จะเห็นได้ว่าระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี  จะประสบกับปัญหาภัยแล้งอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะประชาชนที่พักอาศัยในถิ่นทุรกันดาร พี่น้องกลุ่มเกษตรกร มักจะมีปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภค การจัดกิจกรรมครั้งนี้ กองทัพบกจึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนถึงปัจจุบัน    รวมระยะเวลากว่า 25 ปี   โดยได้ใช้กำลังพล และทรัพยากรที่มีอยู่ บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เสียสละ ทุ่มเท เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ตามนโยบายของโครงการ คือ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยแล้ง” ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่ง   ในการ บําบัดทุกข์  บํารุงสุข ให้กับประชาชนในพื้นที่

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล

อ.เจษฎ์ หวั่น สงครามกลางเมือง คนไทยฆ่ากันเอง เพราะถูก ปลุกปั่น ยุยง ที่จะรุกเร้าไปสู่จุดนั้น

จากรายการ ‘เข้มข่าวใหญ่’ ช่อง PPTV HD 36 ออกอากาศเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 67 รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ระบุว่า ...

พวกบุกขบวนเสด็จ เนี่ยอาจจะเล่นกับความรู้สึกแบบตรงๆกับประชาชนนะ แต่คุณทักษิณเล่นกับความรู้สึกเชิงลึก ชั้นได้รับสิทธิพิเศษจะทําไมอ่ะ ถ้าฉันจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาพรรคหนึ่งเป็นส่วนแยกไปจากพรรคเพื่อไทย คือพรรคไทยรักษาชาติ แล้วฉันจะให้พรรคการเมืองนี้เสนอทูลกระหม่อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้วันหนึ่งบอกว่า ทูลกระหม่อมฯ เป็นที่มาจากการเลือกตั้งเป็นพระบรมวงที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วพระมหากษัตริย์พระองค์ท่านมาจากการเลือกตั้งยังไงเหรอ นี่ไม่ใช่การทําลายเหรอครับ

คุณทักษิณไม่จบไม่จบสิ่งที่ทําทั้งหมดเหล่านี้ และ มันจะยิ่งซึมลึกเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ยอม เข้าไปอยู่ในคุก ไม่รับผิดไม่รับโทษมันทําให้พระบรมราชโองการที่โปรดเกล้ามาเนี่ย ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหนมันยังเหลืออีกหนึ่งปีถูกไหมครับ และอย่าลืมว่าคุณทักษิณบอกว่าจะไม่ยอมติดคุกแม้กระทั่งนาทีเดียว

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นแต่ในพระบรมราชโองการจะต้องไปติดคุกหนึ่งปีนะแต่ พลพรรคทั้งหลายมาใช้กฎหมายไม่ต่างกันกับที่พรรคก้าวไกล ทำนะ ความชั่วร้ายทั้งหลายมันอยู่ในรายละเอียดครับ บาง เทวดาอาจจะอยู่ในหลักการนะเออ แต่นางมารและพญามารเนี่ยมันอยู่ในรายละเอียด อาจารย์คิดว่าคุณทักษิณเป็นภัยคุกคามสถาบันมากกว่า ก้าวไกล ผมว่าใช่ คุณทักษิณไม่ใช่แต่แค่ว่าทําให้คนรู้สึกว่าเอ๊ะ ตกลงสถาบันพระมหากษัตริย์นี่เป็นยังไง คนรู้สึกไปถึงสถาบันชาติด้วย ตกลงชาติบ้านเมืองอยู่กันยังไง เชื่อมั้ยผมไปทานก๋วยเตี๋ยวผมไปซ่อมรถคนบรรดาที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้นบอกผมว่า อาจารย์ผมมานั่งนึกคิดกันละ หนูมานั่งลองดูแล้วนะ เนี่ยหนูก็รวยอย่างเดียวพอจบเออแล้วทํายังไงรู้มั้ย เอาเงินไปซื้อเสียงสิคะ แล้วก็กลายเป็นส.ส.ค่ะ แล้วก็เป็นรัฐมนตรีค่ะแล้วก็ ไต่เต้าไปเป็นนายกฯค่ะ แล้วทุกอย่างนะ ก็จะได้หมดเลย  

ความมั่นคง มีความมั่นคงของชาตินะ แล้วศาสนาด้วย คนคิดกันว่า ยังไง ทําดีได้ดีมีที่ไหน ทําชั่วได้ดีมี ถมไปตกลงทําดี จะไปได้ดีเมื่อไหร่ตกลงทําชั่วแล้วจะไม่ได้ชั่วเลยหรือ หนูก็ว่าหนูก็ทําดีมาตลอดชีวิตทําไมถูกกลั่นแกล้งตลอด

แล้วอย่างนั้นเนี่ยล่ะ มันก็เซาะกร่อน บ่อนทําลายสถาบันชาติ  ถ้าปล่อยได้พักโทษ รอบนี้มาเนี่ย โอ้โห มันก็จะทําให้การเมืองไม่ได้เงียบนะ ไม่ได้นิ่ง แล้วบ้านเมืองเนี่ยลองคิดดูนะครับ ว่าเป็นภัยคุกคาม สังคมมันมีภัยคุกคามอยู่ทั้งหมดเลยผมถึงได้บอกว่า

ณ จุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องทหาร ไม่ใช่เรื่องกองกําลังกับประชาชนนะ มันจะกลายเป็นเรื่องประชาชนกับประชาชน ประชาชนแต่ละหมู่เหล่า และท้ายที่สุด ผมคิดอย่างนี้ ถ้ามันมีเรื่องบางประการ มีสิ่งบางอย่างที่ประชาชนหวงแหนร่วมกัน แล้วมีใครคิดจะทําลายผมว่าต้องลุกมาฆ่ากันตาย ก็ต้องลุกมาฆ่ากันตาย เมื่อไม่รู้จะทํายังไงไม่รู้จะแก้ด้วยอะไร ถ้าใช้เสรีภาพเนี่ย ฆ่ากันตายก็เป็นเสรีภาพนะ แล้วกฎหมายจะอยู่ตรงไหน

นั่นจึงเป็นเหตุ ถ้าถามผมนะ ว่าเอาล่ะ ด้วยน้ำพระราชหฤทัย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯไม่ต้องปิดถนนอะไรกันแล้วเนี่ยครับ มันอาจจะไม่ได้แล้วล่ะ เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะว่าอยากให้พระองค์ท่านเสด็จสัญจรไปมาได้สะดวก อะไรแบบนั้นนะ แต่ไม่อยากให้คนไทยลุกขึ้นมาฆ่าแกงกัน 

การถวายความอารักขา การถวายความปลอดภัยสูงสุด แด่พระบรมวงษ์ชั้นสูงเนี่ย ไม่ได้เป็นไปเพื่อพระองค์ท่านนะ แต่เป็นไปเพื่อไม่ให้บ้านเมืองมันลุกร้อนลุกขึ้นมาฆ่ากัน แม้กระทั่งในประเทศที่เป็นประธานาธิบดีเนี่ย การที่เค้ารักษาประธานาธิบดีเค้า ก็เพราะเค้าไม่อยากให้บ้านเมืองลุกร้อนเป็นไฟลุกขึ้นมาฆ่ากันไม่ใช่แต่เพียงแค่ คนคนนั้นที่ได้รับความคุ้มครอง มันต้องมองให้ลึก มันต้องมองให้ซึ้ง

‘คิม จองอึน’ เป็นปลื้ม การฝึกซ้อมของทหารพลร่ม เน้น ปรับปรุงข้อด้อย เพื่อเตรียมพร้อม ในสงครามที่อาจเกิดขึ้น

(16 มี.ค.67) เอเอฟพี รายงานว่า นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ เดินทางไปควบคุมการฝึกซ้อมพลร่มเพื่อแสดงศักยภาพทางทหารของกองทัพเกาหลีเหนือว่าสามารถยึดครอง 'ภูมิภาคที่เป็นศัตรู' ได้อย่างรวดเร็ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังการซ้อมรบร่วมประจำปีฟรีดอม ชิลด์ ระหว่างกองทัพสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ครั้งล่าสุดสิ้นสุดลงเมื่อ 13 มี.ค. โดยนายคิมเพิ่งเดินทางไปดูการฝึกซ้อมรถถังหลักรุ่นใหม่และการซ้อมยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริงในช่วง 10 วันที่ผ่านมา

เกาหลีเหนือมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการซ้อมรบร่วมทางอากาศของสองชาติพันธมิตรซึ่งผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าเพราะกองทัพอากาศเกาหลีเหนือถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในเหล่าทัพทั้งหมด และการบัญชาการการซ้อมพลร่มมีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบความพร้อมของทหารพลร่มในการระดมพลสำหรับปฏิบัติการใด ๆ ในสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น

นายคิมย้ำถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้การฝึกอบรมที่สมจริงและเป็นวิทยาศาสตร์เพื่อบรรลุประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุดในสมรภูมิรบจริงตาม

สื่อทางการยังระบุด้วยว่านายคิมพึงพอใจอย่างยิ่งกับการฝึกซ้อมของทหารพลร่มที่มีความสามารถในการรบที่สมบูรณ์แบบจากการยึดเป้าหมายของศัตรูในการจำลองสถานการณ์รบทันทีที่ได้รับคำสั่ง

19 มีนาคม พ.ศ. 2502 ‘ในหลวง ร.9’ ทรงพระบรมราโชวาทแก่ ‘ทหารค่ายเสนาณรงค์’ “ประเทศเราอยู่มาได้แต่โบราณ ต้องอาศัยความสามัคคี-ความพร้อมเพรียงของทุกคน”

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน ณ ท่าเรือเทศบาลสงขลาเพื่อประทับเรือยนต์ ‘พัทลุง’ ซึ่งจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง ทอดพระเนตรทะเลสาบสงขลา วิถีชีวิตของชาวบ้านและการแข่งเรือของชาวประมงในทะเลสาบสังขลา ชาวบ้านจัดซุ้มเฉลิมพระเกียรติอย่างสวยงามไว้กลางน้ำเพื่อรับเสด็จ ปัจจุบันเรือพัทลุงได้รับการซ่อมแซมและขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรจอดอยู่ในคลองลำปำ หลังวังเจ้าเมืองพัทลุง

ในวันเดียวกันนี้หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จทอดพระเนตรกิจการของสถานีการยางคอหงส์แล้ว ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังค่ายเสนาณรงค์ ทรงมีพระปฏิสันถารและพระราชดำรัสตอบแก่ทหารและข้าราชการที่มารอรับเสด็จดังนี้

“ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมค่ายเสนาณรงค์ ซึ่งค่ายนี้เป็นค่ายของกองทัพบกที่อยู่ทางใต้ที่สุดของประเทศไทยเรา อาณาเขตกรมผสมที่ 5 ที่จะต้องปกครอง ที่ต้องป้องกัน ที่เป็นอาณาเขตที่สำคัญ ยิ่งเป็นชายแดนข้าพเจ้าก็พอใจที่ท่านได้ฟัง ท่านแสดงความเจตนาอันแน่วแน่ที่จะทำหน้าที่ป้องกันประเทศ โดยที่ท่านได้กล่าวเสียงให้คำปฏิญาณ ขอให้การเปล่งเสียงปฏิญาณนั้นจงเป็นสัญลักษณ์ว่าทุกคนจะทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถในเวลาปกติไม่ทำสงคราม ทหารก็มีหน้าที่หลายอย่าง แต่หน้าที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ก็คือฝึกฝนอดทนและเรียนรู้ความรู้ต่างๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอเพื่อที่จะให้ตนเองดีขึ้นมีความสามารถดีขึ้น และให้หมู่คณะเข้มแข็งขึ้น ต้องไม่ลืมว่าหน้าที่ของทหารมาก่อนอื่น คือต้องรู้จักรักชาติ การเสียสละเพื่อส่วนรวมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ประเทศเราอยู่มาได้แต่โบราณก็ต้องอาศัยความสามัคคีและความพร้อมเพรียงของทุกคน ขอให้ทหารทุกคนมีกำลังใจกำลังกายที่จะประกอบกิจการของตน เพื่อให้เป็นกำแพงป้องกันประเทศชาติในเมื่อมีความจำเป็น ขอให้ค่ายเสนาณรงค์นี้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไปชั่วกาลนาน”

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติพระบรมราชินีนาถ ทรงเยี่ยมเหล่าทหารและข้าราชการที่ค่ายเสนาณรงค์แล้ว จึงเสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังโรงเรียนหาดใหญ่ (ปัจจุบันคือโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย) ประทับ ณ พลับพลา ที่ประทับ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 16.45 น. เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรซึ่งมีทั้งคณะครู นักเรียน ข้าราชการ พ่อค้า และประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จอย่างหนาแน่น

ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักเขาน้อย ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรซุ้มรับเสด็จของอำเภอหาดใหญ่ซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงาม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top