'หนุ่ม' เดือด!! กางเหตุผลที่ต้องมีนายพล ก็คงเหมือนบริษัทเอกชนที่ต้องมีซีอีโอ และคงไม่ถึงขั้นต้องให้ซีอีโอ ลงไปยืนหน้าเคาท์เตอร์ ถามลูกค้าว่า "รับอะไรดี?"

(29 ม.ค.67) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อกชื่อ ‘fhakram.chavit’ หรือ ‘ฟ้าคราม’ ได้ออกมาโพสต์วิดีโอในหัวข้อ ‘นายพลมีไว้ทำไม’ พร้อมแคปชัน ‘ทวงคือความรู้สึกของ...ทหาร ข้อเท็จจริงสู้ด้วยคลิป’ โดยในวิดีโอได้อธิบายอย่างละเอียด ความว่า…

“หากจะคุยเรื่องทหาร นายพล ขอให้เอาเจตนาและเหตุผลที่ดีมาคุย ไม่ใช่เอาความแค้น ความโกรธเคืองทางการเมืองมาคุยกัน 

>> ถามว่า ‘นายพล’ มีไว้ทําไม?
ก็ต้องตอบแบบกําปั้นทุบดินว่าแล้วบริษัทเอกชนมี ‘CEO’ หรือ ‘MD’ ไว้เพื่ออะไร? ส่วน ‘ระดับผู้พัน’ ก็เช่นกัน ก็ต้องไปถามบริษัทเอกชนว่ามี ‘ผู้จัดการ’ ไว้ทําไม?

>>ทําไมนายพลเยอะ อยู่ในตําแหน่งพันกว่าคน ตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ 700 กว่าคน
ต้องตอบว่าเขาไม่ได้เข้ามารับราชการ 1-2 ปี และสามารถขึ้นมาเป็นนายพลได้เลย เขารับราชการมาตั้งแต่ 30 40 ปีที่แล้ว”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ระบุต่อว่า “คิดตามดี ๆ ในการปรับอัตรานายพลลง ซึ่งเป็นการลดขนาดองค์กร มีการ early retire ทหารทําอยู่แล้วในทุก ๆ ปี การปรับอัตราของผู้พันที่จะเลื่อนขึ้นไปเป็นนายพลให้น้อยลงก็สามารถทําได้ แต่ถ้าคนที่เข้าใจทหารจริง ๆ จะรู้ว่าตําแหน่งหลักไม่ต้องไปแก้เลย เพราะว่ามันสําคัญ

ยศพันเอกหรือนายพล ในเชิงปฏิบัติ ในเชิงบารมีทางการทหารแทบไม่ต่างกันเลย ดังนั้นนายพลเยอะหรือว่าพันเอกเยอะ ไม่ได้ต่างกันมากขนาดนั้น สรุปก็คือขนาดของทหารทั้งหมดลดลงไปมากแล้ว เพราะว่าทหารยุคใหม่กำลังบาลานซ์ทุกอย่างอย่างยอดเยี่ยม เขาแค่ไม่ได้ปรับอัตราตําแหน่งขึ้นไปเป็นนายพลลอยให้ลดลง เพราะยศ-ตำแหน่งนี้ก็ถือเป็นขวัญกําลังใจของคนที่ทํางานราชการมาตลอด 60 ปี จึงต้องให้ขึ้นไปเป็นพลตรีหรือตําแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งจะนำเรื่องนี้มายึดถือว่า ‘นายพลเยอะ’ ไม่ได้ สุดท้ายแล้วต้องดูภาพรวมว่า ‘ลดลง’

>>เวลาเกิดสงครามขึ้นมาจริง ๆ นายพลไม่ได้ลงสนามรบ แต่ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปแทน
ต้องไปถามเจ้าสัวธนินท์ว่า ณ วันนี้จะต้องมาอยู่หน้าเคาท์เตอร์เซเว่นฯ หรือเปล่า ส่วนผบ.ตร. จะต้องไปตั้งด่านเองอยู่หรือเปล่า? เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ จะต้องเดินไปถ่ายเอกสารเอง ไม่ใช้เด็กฝึกงาน ไม่ใช้พนักงาน ไม่ใช้เลขาฯ หรือเปล่า? ตำแหน่งพวกนี้อยู่ในภาคบริหาร ไม่จำเป็นต้องทำเอง และจำไว้ว่าไม่มีสงครามไหน ไม่มีแม่ทัพ หากขาดหัวเรือใหญ่ไป ใครจะกําหนดทิศทางองค์กรหรือทิศทางการสู้รบ

>>ส่วนเรื่องงบประมาณฯ ก็เอาไปจัดการสร้างที่อยู่อาศัยของกําลังพลกันเอง?
ก็มีการเรียกร้องอยากให้ทหารชั้นปฏิบัติการหรือชั้นประทวนมีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่เหรอ? แน่นอนว่าผู้บังคับบัญชาและกองทัพก็อยากให้กําลังพลทุกคนอยู่ดีมีสุขเหมือนกัน ไม่ใช่ต้องทนเงินน้อย ที่อยู่หรือสวัสดิการก็ไม่ดี ต้องกู้ ต้องยืมทุกอย่าง

>>สนามกอล์ฟเอาไว้ปรนเปรอนายพล เป็นแหล่งธุรกิจของทหารตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน
ขอย้ำว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สมัยองคมนตรีลุงตู่ ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ว่าง ๆ ของกองทัพ ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ในฐานะผู้บริหารจะต้องคิดเอาพื้นที่ที่ว่างนั้นไปทําอะไรที่เป็นประโยชน์ ให้กำลังพลได้ใช้สวัสดิการ ให้คนนอกได้ใช้ในราคาย่อมเยา พื้นที่กองทัพมีทั้งโรงพยาบาล สนามกีฬา หอพัก โรงเรียนแพทย์”

นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมอีกว่า “หากไม่ชอบ ไม่พอใจ โกรธเคือง เมื่อมีโอกาสเป็นรัฐบาลก็ค่อยมาหาทางจัดการ สำหรับรัฐบาลลุงตู่ ไม่ได้มานั่งเดือดร้อนเรื่องพวกนี้ เพราะเขารู้ว่าสิ่งพวกนี้เป็นสวัสดิการให้กับกำลังพล คนนอกได้เข้ามาใช้ในราคาถูก และอีกอย่างรัฐบาลลุงตู่เดินหน้าทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แล้ว เช่น ทำอย่างไรให้คนไทยอยู่ดีกินดี หรือเกิดเศรษฐกิจใหม่ เช่น

-รถไฟฟ้าความเร็วสูง (รถไฟฟ้าไทย-จีน) วิ่งจากกรุงเทพฯ ไปหนองคายระยะทาง 500 กิโลเมตร และเชื่อมกับกลุ่ม CLMVT จะแล้วเสร็จในปี 69 

-ภาคการคมนาคม การท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน ระเบียงเศรษฐกิจ EEC รถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา

-พัฒนาท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง-มาบตาพุด เพื่อให้ไทยเป็นฮับและเป็นจุดศูนย์กลางแห่งใหม่ เป็นแหล่งเศรษฐกิจใหม่ของอาเซียนและเอเชีย

-สำหรับ EEC สร้างเสร็จไปแล้วกว่า 50 โครงการ คิดประมาณ 30% ส่วนอีก 50% กําลังดําเนินการ และที่เหลืออีกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ กำลังรอการอนุมัติอยู่ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึก รถไฟฟ้าความเร็วสูง กําลังจะสร้างในปี 2024 คิดว่าจะเสร็จในปี 2027-2028 ใช้เวลาประมาณ 3-4 ปีเอง

และต้องยอมรับนะว่าวันนี้เงินเข้าประเทศกว่า 80-90% มาจาก EEC และยังไม่รวมแลนด์บริดจ์ที่จะทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่ยิ่งใหญ่ของเอเชียและอาเซียน แถมค่ายรถไฟฟ้าของจีนก็เข้ามาลงทุนที่ไทยแล้ว 3 เจ้า ได้แก่ SAIC ฉางอัน GWM นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอวกาศ ดาวเทียม หัวเว่ยเข้ามาลงทุน data base AI ในไทย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในยุค ‘ลุงตู่’ ทำให้เรื่องสนามกอล์ฟกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ยังระบุต่ออีกว่า “ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาหลายปี ไม่มีใครบังคับ ทหารเกณฑ์สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่กองร้อยกับเพื่อน หรือถ้าคิดว่ามันวุ่นวาย ก็สามารถเลือกที่จะไปอยู่บ้านนายได้ ซึ่งทหารที่ไปดูแลผู้บังคับบัญชา ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ก็ได้เงินเดือน ได้อยู่ใกล้กับผู้บังคับบัญชา แต่ถ้ามองว่าไม่สมควรเพราะใช้ภาษีประเทศจ่าย ก็สามารถพูดได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่ามันไม่ได้เพิ่งเกิดในยุคพลเอกประยุทธ์ มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ฉะนั้นจะเอาเรื่องนี้มาโจมตีไม่ได้ และห้ามเหมารวมอาชีพทหารด้วย”

ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ ทิ้งท้ายไว้ว่า “ถึงทหารทั้งประเทศ คุณจะเชื่อได้ยังไงกับคนที่บอกว่าจะทําให้ชีวิตทหารของคุณดีขึ้น ทั้งที่การกระทําของเขาด้อยค่าอาชีพทหารของคุณ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทํา ‘การกระทํา’ เสียงดังกว่า ‘คําพูด’ เสมอ ขอเซฟทหารไทยทั้งประเทศไทยสุดหัวใจ เซฟนายพลนายพันที่ไม่คอร์รัปชัน และเซฟ ‘องคมนตรีลุงตู่’ สุดที่รักสุดหัวใจ”


ที่มา: https://vt.tiktok.com/ZSFev6wYT/