Sunday, 18 May 2025
จีน

ทรัมป์จัดทัพ ‘เบสเซนต์-กรีเออร์’ ลุยเจนีวา ถก ‘เหอ หลี่เฟิง’ ฟื้นสัมพันธ์เศรษฐกิจ ‘สหรัฐ-จีน’ หนแรกในรอบเดือน

(7 พ.ค. 68) สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ The Ingraham Angle ของ Fox News เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ย้ำว่าการพบเจ้าหน้าที่จีนในสวิตเซอร์แลนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้น “ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่” แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการคลี่คลายความตึงเครียด พร้อมระบุว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่ต้องการแยกตัวทางการค้าจากจีน ยกเว้นในบางอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยา และเหล็กกล้า

เบสเซนต์และจามิสัน กรีเออร์ (Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางไปเจนีวาในวันที่ 8 พฤษภาคม เพื่อพบกับคารีน เคลเลอร์-ซัทเทอร์ ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ และเจรจากับเหอ หลี่เฟิง (He Lifeng) รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งดูแลด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามในการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาระหว่างสองมหาอำนาจ

เหอ หลี่เฟิง วัย 70 ปี มีบทบาทโดดเด่นในเวทีระหว่างประเทศมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าเขาจัดการประชุมกับชาวต่างชาติมากถึง 60 ครั้งในรอบปี เพิ่มขึ้นจาก 45 ครั้งก่อนหน้านั้น เขาถูกมองว่าเป็นบุคคลที่สามารถ “ทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นได้” และได้รับคำชื่นชมจากนักธุรกิจต่างชาติที่พบปะกับเขาในกรุงปักกิ่ง

กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ยืนยันว่า จีนตกลงกลับเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐอีกครั้ง โดยอิงจาก “ผลประโยชน์ของจีน ความคาดหวังจากทั่วโลก และความต้องการของอุตสาหกรรมกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ” พร้อมเตือนว่า จีนจะไม่ยอมให้การเจรจาถูกใช้เป็นเครื่องมือกดดันหรือข่มขู่ โดยอ้างสุภาษิตจีนว่า “จงฟังสิ่งที่พูด และเฝ้าดูการกระทำ”

เบสเซนต์กล่าวเพิ่มเติมต่อสภาคองเกรสว่าสหรัฐกำลังเจรจาการค้ากับพันธมิตร 17 ประเทศ โดยการเจรจากับจีนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และอาจมีการประกาศข้อตกลงกับบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าการหารือกับจีนครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างเป็นทางการหรือไม่

สถานการณ์ปัจจุบันระหว่างสหรัฐและจีนยังเปรียบได้กับ “เกมแมวไล่จับหนู” ที่ทั้งสองฝ่ายพยายามรักษาท่าทีของตน ไม่ยอมเป็นฝ่ายถอยก่อนในสงครามภาษีที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจโลกและห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ

‘สี จิ้นผิง’ ชี้ ‘ไต้หวัน’ เป็นส่วนหนึ่งของผลแห่งชัยชนะสงครามโลก ย้ำไม่มีใครหยุดการรวมชาติได้ พร้อมขอบคุณรัสเซียที่หนุนหลัง

(7 พ.ค. 68) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เผยแพร่บทความลงนามผ่านหนังสือพิมพ์ “กาเซตต์” ของรัสเซีย ก่อนเดินทางเยือนมอสโกเพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปี “ชัยชนะแห่งมหาสงครามผู้รักชาติ” โดยระบุว่า การรวมชาติของจีน โดยเฉพาะการฟื้นฟูไต้หวัน คือกระแสธารทางประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

สีจิ้นผิงชี้ว่า ปี 2025 จะตรงกับวาระ 80 ปีแห่งการฟื้นฟูไต้หวัน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จากชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอ้างถึงเอกสารระหว่างประเทศสำคัญอย่างปฏิญญาไคโรและแถลงการณ์พอตส์ดัมที่ยืนยันอธิปไตยเหนือไต้หวันของจีน ซึ่งได้รับการรับรองโดยมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หมายเลข 2758

เขาระบุว่า ไม่ว่าสถานการณ์ภายในไต้หวันจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือมีแรงกดดันจากกองกำลังภายนอกเพียงใด ก็ไม่อาจขัดขวางเป้าหมายสูงสุดของจีนในการรวมชาติได้ พร้อมเน้นว่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และกฎหมายเป็นสิ่งที่ “ไม่อาจโต้แย้งได้”

ผู้นำจีนยังกล่าวชื่นชมรัสเซียที่ยืนหยัดสนับสนุนหลักการจีนเดียวและการต่อต้านการแบ่งแยกไต้หวัน โดยมอสโกยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากจีน และสนับสนุนทุกมาตรการของรัฐบาลจีนในการบรรลุการรวมชาติ ซึ่งจีนให้ความสำคัญและขอบคุณต่อจุดยืนที่ชัดเจนของรัสเซีย

การแถลงของผู้นำจีนในครั้งนี้ตอกย้ำจุดยืนอันแข็งกร้าวของปักกิ่งต่อไต้หวัน และสะท้อนการประสานสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นที่ถือเป็นผลประโยชน์หลักร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ชาวจีนแห่ตั้งรกรากที่โอซาก้า หวังชีวิตใหม่ในดินแดนอาทิตย์อุทัย หลังถูกบีบด้วยหนีภาษีทรัมป์–เศรษฐกิจชะลอ–ระบบการศึกษากดดัน

(8 พ.ค. 68) เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวยืดเยื้อ โดยได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ ทำให้เกิดกระแสการอพยพของชาวจีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมืองโอซาก้าในญี่ปุ่นที่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม

คำแสลง 'จุน' ที่ใช้กันในจีนซึ่งแปลว่า 'หลบหนีออกนอกประเทศ' สะท้อนความรู้สึกของชนชั้นกลางและผู้มีฐานะที่ต้องการหลีกหนีจากความกดดันทางเศรษฐกิจ สังคม และระบบการศึกษา โดยเฉพาะหลังมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดในช่วงโควิด-19

ญี่ปุ่นกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะมีความใกล้ชิดกับจีน ค่าครองชีพต่ำ ค่าเงินเยนอ่อน และระบบการศึกษาที่ผ่อนคลายกว่าจีนอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ระบบสวัสดิการของญี่ปุ่นก็น่าเชื่อถือมากกว่า ทำให้ผู้อพยพรู้สึกมั่นใจในการตั้งรกรากระยะยาว

รายงานระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับประถมในจีนอาจสูงถึง 12 ล้านเยนต่อปี (ราว 2.7 ล้านบาท) ขณะที่ในญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาก ส่งผลให้หลายครอบครัวจีนมองว่าการย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของลูก

ตัวอย่างเช่น ครอบครัวหนึ่งที่ย้ายมาโอซาก้า ลูกสาวคนโตสามารถปรับตัวกับชีวิตในโรงเรียนญี่ปุ่นได้ดี และรู้สึกว่ามีเวลาสำหรับกิจกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ผู้ปกครองกล่าวว่า “ในจีนต้องใช้ความพยายาม 100% เพื่อเข้า ม.ดัง แต่ที่ญี่ปุ่น ลูกผมอาจใช้แค่ 70% แล้วใช้ที่เหลือพัฒนาทักษะชีวิต”

‘ทรัมป์’ เตรียมประกาศ ‘ข้อตกลงการค้าใหม่’ กับประเทศพันธมิตร สัญญาณแรกของการคลี่คลาย ‘สงครามภาษี’ ที่กระทบเศรษฐกิจโลก

(8 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยผ่าน Truth Social ว่าจะมีการแถลงข่าวใหญ่ในเช้าวันพฤหัสบดี (เวลา 23.00 น. ตามเวลาในไทย) เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าฉบับสำคัญกับ “ประเทศใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ” ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการผ่อนคลายภาษีศุลกากรระดับสูงที่เคยสร้างความตึงเครียดในเศรษฐกิจโลก

แม้ทรัมป์จะไม่ได้ระบุชื่อประเทศ แต่ฝ่ายบริหารชี้ว่าอยู่ระหว่างการเจรจากับหลายชาติ รวมถึงสหราชอาณาจักร อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น โดยที่ปรึกษาด้านการค้า ปีเตอร์ นาวาร์โร ชี้ว่าสหราชอาณาจักรอาจเป็นชาติแรกที่ลงนามข้อตกลงกับสหรัฐฯ

แหล่งข่าวจาก Financial Times ระบุว่า ข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรอาจครอบคลุมถึงการยกเว้นสหรัฐฯ จากภาษีบริการดิจิทัล และในทางกลับกัน สหรัฐฯ อาจลดภาษีนำเข้าเหล็ก อลูมิเนียม และรถยนต์จากอังกฤษ ซึ่งจะเป็นก้าวแรกของการคลี่คลายมาตรการกีดกันทางการค้า

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าข้อตกลงที่ทรัมป์จะประกาศอาจยังไม่ใช่ “ข้อตกลงการค้าอย่างเป็นทางการ” แต่เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ ซึ่งไม่อาจให้ประโยชน์ระยะยาวเทียบเท่าข้อตกลงที่ผ่านขั้นตอนทางกฎหมายครบถ้วน

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีนในเจนีวา โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่าการพบปะครั้งนี้จะช่วยลดความตึงเครียด แม้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีข้อตกลงชัดเจน ขณะที่ทรัมป์ยืนยันจะไม่ลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนล่วงหน้า

ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย สหรัฐฯ อาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากยังคงอัตราภาษีที่สูงซึ่งกระทบทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจทั่วโลก

‘สี จิ้นผิง’ ถึงมอสโกร่วมเฉลิมฉลอง ‘วันแห่งชัยชนะ’ ครบรอบ 80 ปี ย้ำสัมพันธ์ ‘จีน-รัสเซีย’ คือแบบอย่างเพื่อนบ้านในศตวรรษใหม่

(8 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแห่งจีน เดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม เพื่อเข้าร่วมพิธีครบรอบ 80 ปี 'วันแห่งชัยชนะ' ของรัสเซีย โดยออกแถลงการณ์ย้ำว่าจีนและรัสเซียได้ค้นพบแนวทางที่ถูกต้องในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใหญ่ที่เป็นเพื่อนบ้าน ผ่านมิตรภาพถาวรและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ลึกซึ้ง

ผู้นำจีนระบุว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียเป็นแบบอย่างของความร่วมมือที่เติบโตอย่างมั่นคงและเป็นอิสระ ซึ่งไม่เพียงนำประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ แต่ยังส่งเสริมเสถียรภาพระดับโลกและระเบียบโลกแบบพหุขั้วที่เท่าเทียม ขณะเดียวกัน ยังเป็นโอกาสรำลึกถึงชัยชนะสงครามต่อต้านฟาสซิสต์และการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติในปี 1945

จีนและรัสเซียยืนยันจะร่วมกันปกป้องหลักการระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง ต่อต้านการเมืองเชิงอำนาจ และส่งเสริมระบบธรรมาภิบาลโลกที่ยุติธรรม โดยสีจิ้นผิงเตรียมหารือเชิงลึกกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความร่วมมือในประเด็นทวิภาคีและระหว่างประเทศที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสนใจร่วมกัน

การเยือนครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมพิธีวันแห่งชัยชนะของรัสเซียในรอบทศวรรษของผู้นำจีน โดยมีพิธีต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ท่าอากาศยานวนูโคโวในกรุงมอสโก พร้อมการคุ้มกันทางอากาศโดยกองทัพรัสเซีย แสดงถึงระดับความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ

‘สีจิ้นผิง-ปูติน’ ลงนามแถลงการณ์ร่วม ยกระดับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ ประกาศต้านนโยบาย ‘ปิดกั้นสองชั้น’ ของสหรัฐฯ ที่บ่อนทำลายเสถียรภาพโลก

(9 พ.ค. 68) จีนและรัสเซียประกาศยกระดับการประสานงานและความร่วมมือ เพื่อตอบโต้นโยบาย 'ปิดกั้นสองชั้น' (Double Containment) ที่สหรัฐฯ กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้น โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามของวอชิงตันในการจำกัดอิทธิพลของทั้งจีนและรัสเซียในเวทีระหว่างประเทศ พร้อมแสดงจุดยืนคัดค้านการยุยงให้ประเทศอื่นมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย

สำหรับการ 'ปิดกั้นสองชั้น' หมายถึงแนวนโยบายที่สหรัฐฯ และพันธมิตรใช้ควบคุมจีนและรัสเซียไปพร้อมกัน ผ่านมาตรการทางการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการทูต เช่น การคว่ำบาตร, การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี, การขยายอิทธิพลนาโต้ในเอเชีย-แปซิฟิก และการสนับสนุนกลุ่มประเทศให้แยกตัวจากจีน-รัสเซีย ทั้งสองประเทศมองว่านี่คือความพยายาม 'ตีวงล้อม' ที่บ่อนทำลายเสถียรภาพโลก

ทั้งนี้ แถลงการณ์ร่วมที่ลงนามโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และวลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า จีนและรัสเซียจะร่วมกันต่อต้านการติดตั้งระบบอาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การขยายนาโต้ไปทางตะวันออก และการสร้าง 'วงขนาดเล็ก' เพื่อจำกัดอิทธิพลของชาติอื่น พร้อมยืนยันว่า ความร่วมมือของทั้งสองประเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในระดับโลก

‘จีน-รัสเซีย’ จับมือหนุนสหประชาชาติ (UN) เป็นแกนกลางกำกับ AI หวังต้านอิทธิพลบางประเทศ…ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือแบ่งขั้วอำนาจโลก

(9 พ.ค. 68) จีนและรัสเซียร่วมแสดงจุดยืนสนับสนุนให้องค์การสหประชาชาติ (UN) รับบทบาทหลักในการกำกับดูแลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเน้นว่ากระบวนการดังกล่าวต้องดำเนินไปอย่างเคารพอธิปไตยของแต่ละประเทศ ยึดถือกฎหมายภายใน และยืนอยู่บนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อส่งเสริมการใช้ AI อย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมในระดับสากล

สองชาติมหาอำนาจระบุว่า AI ควรเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ไม่ใช่อาวุธเชิงภูมิรัฐศาสตร์ของประเทศใด พร้อมคัดค้านการผูกขาดความรู้ การจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี หรือการสร้าง 'กำแพงเทคโนโลยี' ซึ่งจะยิ่งตอกย้ำความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลในเวทีโลก และทำลายโอกาสของประเทศกำลังพัฒนา

จีนและรัสเซียยังคัดค้านการทำให้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือแนวทางที่นำไปสู่การตัดขาดห่วงโซ่อุปทานระดับโลก พร้อมประกาศสนับสนุนซึ่งกันและกันในการจัดการประชุมสำคัญด้าน AI เช่น การประชุม AI โลก ปี 2025 และเวทีระดับสูงว่าด้วยการกำกับดูแล AI เพื่อส่งเสริมการสร้างมาตรฐานที่ทุกประเทศมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

รัสเซียยังชื่นชมจีนที่ผลักดันมติ “ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถ AI” ซึ่งได้รับการรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมัชชาใหญ่ UN และพร้อมเปิดรับข้อเสนอของจีนเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการ AI เพื่อทุกคน โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือผ่านเวทีระหว่างประเทศ อาทิ กลุ่ม BRICS และพันธมิตรความร่วมมือ AI พหุภาคี เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ AI ที่ยั่งยืน ยุติธรรม และเป็นสากล

ปูติน-สี จิ้นผิง ร่วมสวนสนาม ประกบอดีตทหารผ่านศึกสงครามโลก วัย 99 และ 101 ปี

(10 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ผู้อาวุโส 2 ท่านที่นั่งชมสวนสนาม ประกบผู้นำจีน และรัสเซีย คือ แขกพิเศษของ ปธน.ปูติน นั่งติดกับ ปธน.จีน คืออิวาน มาตินุชกิน วัย 101 ปี อดีตทหารโซเวียตในสมรภูมิยูเครน เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง

ที่นั่งติดกับ ปธน.รัสเซีย คือนายเยฟเกนี่ ซนาเมนสกี้ วัย 99 ปี จากเบลารุสที่บุกเบอร์ลิน ในปี 1945

‘จีน - สหรัฐฯ’ เดินหน้าเจรจาการค้า แก้ไขปัญหาภาษี เน้น!! เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ

(12 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘Jaroensook Limbanchongkit Pone’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า …

การเจรจาการค้าระหว่าง #จีน และ #สหรัฐฯ คืบหน้าไปมาก

ทั้งจีนและสหรัฐต่างชื่นชมความคืบหน้าที่เกิดขึ้นระหว่างการเจรจาการค้าที่เจนีวาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมุ่งลดความตึงเครียดที่เกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ

รองนายกรัฐมนตรีจีน เหอ หลี่เฟิง ผู้นำด้านการค้าและเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ พบกับผู้นำของสหรัฐ ได้แก่ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าสหรัฐ เจมีสัน กรีร์ ที่เจนีวาเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ นับเป็นการประชุมระดับสูงครั้งแรกระหว่างทั้งสองฝ่ายนับตั้งแต่สงครามภาษีตอบโต้กันครั้งล่าสุด

“บรรยากาศของการประชุมเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เจาะลึก และสร้างสรรค์ การประชุมมีความคืบหน้าไปมากและมีฉันทามติที่สำคัญ” เขากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเย็นวันอาทิตย์

เขากล่าวว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้าและเศรษฐกิจ ระบุผู้นำของแต่ละฝ่าย และจะดำเนินการปรึกษาหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นการค้าและเศรษฐกิจที่ทั้งสองฝ่ายมีความกังวลร่วมกัน

ทั้งสองฝ่ายจะสรุปรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดและจะออกแถลงการณ์ร่วมที่บรรลุในการประชุมในวันจันทร์นี้ ตามที่นายเหอกล่าว

เมื่อถูกถามว่าจะออกแถลงการณ์ร่วมในวันจันทร์นี้เมื่อใด นายหลี่เฉิงกัง ผู้เจรจาการค้าระหว่างประเทศและรองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน ตอบว่าหากอาหารจานนี้อร่อย เวลาก็ไม่ใช่ปัญหา

นายหลี่กล่าวว่า "ไม่ว่าแถลงการณ์นี้จะออกเมื่อใด จะเป็นข่าวใหญ่และเป็นข่าวดีสำหรับโลก"

นายเหอ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลสวิสที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ และเขายังกล่าวอีกว่า "ความเป็นมืออาชีพและความขยันขันแข็ง" ของเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกันนั้น "น่าประทับใจ"

เขากล่าวว่าในช่วงกว่าสามเดือนที่ผ่านมา สงครามการค้าโลกที่สหรัฐฯ เป็นผู้ก่อขึ้นได้ดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก

ภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำหนดให้กับจีนตั้งแต่ต้นปีรวมแล้วสูงถึง 145 เปอร์เซ็นต์ โดยภาษีศุลกากรรวมของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนบางรายการสูงถึง 245 เปอร์เซ็นต์ จีนตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐฯ ถึง 125 เปอร์เซ็นต์ สถานการณ์นี้ถูกบางคนอธิบายว่าเป็นเหมือนการคว่ำบาตรทางการค้า

“จุดยืนของจีนต่อสงครามการค้าครั้งนี้ชัดเจนและสม่ำเสมอ นั่นคือ จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า เพราะสงครามการค้าไม่ได้ทำให้มีผู้ชนะ แต่ถ้าสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะบังคับให้จีนทำสงครามนี้ จีนจะไม่กลัวและจะสู้จนถึงที่สุด” เขากล่าว โดยย้ำจุดยืนของจีน

เขากล่าวว่าการพบปะครั้งนี้มีประโยชน์และเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่ทั้งสองฝ่ายดำเนินการเพื่อแก้ไขความแตกต่างอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาอย่างเท่าเทียม เพื่อเชื่อมช่องว่างความแตกต่างและกระชับความร่วมมือ

เขาย้ำว่าธรรมชาติของการค้าและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ เป็นประโยชน์ร่วมกันและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย

“สิ่งสำคัญคือการปฏิบัติตามหลักการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และการหาหนทางแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมผ่านการพูดคุยและปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพ มั่นคง และยั่งยืน” เขากล่าว

เขากล่าวว่าฝ่ายจีนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่ผู้นำทั้งสองประเทศบรรลุในการโทรศัพท์หารือเมื่อวันที่ 17 มกราคมอย่างจริงจัง และด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหา

“เรายินดีที่จะมีส่วนร่วมในบทสนทนาอย่างเข้มข้นและการปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียม จัดการความแตกต่างของเรา ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของความร่วมมือ ขยายผลลัพธ์จากการทำงานร่วมกัน และทำให้ผลประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น” เขากล่าว
“เราสามารถส่งเสริมการพัฒนาใหม่ด้วยความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเพิ่มความแน่นอนและเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลกมากขึ้น”

หลี่ เฉิงกัง หัวหน้าผู้เจรจาของจีน อธิบายถึงลักษณะเด่นสามประการของการประชุมครั้งนี้ว่า “การเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน ความเป็นมืออาชีพ และประสิทธิภาพสูง”

ด้าน เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐฯ กล่าวในวันอาทิตย์ว่าการเจรจาครั้งนี้ "มีประสิทธิผล"

"ผมดีใจที่จะรายงานว่าเราได้บรรลุความคืบหน้าที่สำคัญระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนในการเจรจาการค้าที่สำคัญยิ่ง" เขากล่าวกับผู้สื่อข่าว
เบสเซนต์กล่าวว่าเขาได้แจ้งให้ทรัมป์ทราบถึงความคืบหน้าของการเจรจาแล้ว

ปธน.ทรัมป์กล่าวบนโซเชียลมีเดียในวันอาทิตย์ว่า "วันนี้เป็นการประชุมที่ดีมากกับจีนที่สวิตเซอร์แลนด์ มีการหารือกันหลายเรื่องและหลายฝ่ายเห็นด้วย การเจรจารีเซ็ตใหม่ทั้งหมดเป็นไปอย่างเป็นมิตรแต่สร้างสรรค์

"สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าเราสามารถบรรลุข้อตกลงได้เร็วเพียงใด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบางทีความแตกต่างอาจไม่มากเท่าที่คิด" กรีเออร์กล่าวในวันอาทิตย์

แถลงการณ์ร่วม!! การประชุมเศรษฐกิจการค้า 'จีน - สหรัฐฯ' ณ นครเจนีวา ทั้ง 2 ประเทศ ตกลงร่วมดำเนินความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าทวิภาคี

(12 พ.ค. 68) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า จีน และสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการประชุมทางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐฯ ณ นครเจนีวา (Joint Statement on China-U.S. Economic and Trade Meeting in Geneva) ซึ่งระบุว่ารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ("จีน") และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ("สหรัฐฯ") ตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคีต่อทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก และตระหนักถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ยั่งยืนในระยะยาวและเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน

ทั้งสองฝ่ายตกลงจะดำเนินการต่างๆ ภายในวันที่ 14 พ.ค. 2025 ตามการหารือครั้งล่าสุดและความเชื่อที่ว่าการหารืออย่างต่อเนื่องมีศักยภาพจัดการกับข้อวิตกกังวลของแต่ละฝ่ายในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการก้าวไปข้างหน้าด้วยจิตวิญญาณแห่งการเปิดกว้างร่วมกัน การสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือ และความเคารพซึ่งกันและกัน

สหรัฐฯ จะ (1) ปรับการบังคับใช้อัตราภาษีตามมูลค่า (ad valorem rate) เพิ่มเติมกับสินค้าของจีน (รวมถึงสินค้าของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและเขตบริหารพิเศษมาเก๊า) ตามที่กำหนดไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหารหมายเลข 14257 ณ วันที่ 2 เม.ย. 2025 โดยระงับอัตราภาษีดังกล่าว 24 จุด เป็นระยะเวลา 90 วัน ขณะคงอัตราภาษีตามมูลค่าที่เหลือไว้ที่ร้อยละ 10 สำหรับสินค้าเหล่านี้ตามเงื่อนไขของคำสั่งดังกล่าว และ 

(2) ยกเลิกอัตราภาษีตามมูลค่าเพิ่มเติมที่แก้ไขแล้วกับสินค้าดังกล่าว ซึ่งกำหนดโดยคำสั่งฝ่ายบริหารหมายเลข 14259 ณ วันที่ 8 เม.ย. 2025 และคำสั่งฝ่ายบริหารหมายเลข 14266 ณ วันที่ 9 เม.ย. 2025

จีนจะ (1) ปรับการบังคับใช้อัตราภาษีตามมูลค่าเพิ่มเติมกับสินค้าของสหรัฐฯ ตามที่ระบุไว้ในประกาศของคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ 4 ประจำปี 2025 โดยระงับอัตราภาษีดังกล่าว 24 จุด เป็นระยะเวลา 90 วัน แต่ยังคงอัตราภาษีตามมูลค่าเพิ่มเติมที่เหลือไว้ที่ร้อยละ 10 สำหรับสินค้าดังกล่าว และยกเลิกอัตราภาษีตามมูลค่าที่แก้ไขแล้วกับสินค้าดังกล่าว ซึ่งกำหนดโดยประกาศของคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ 5 ประจำปี 2025 และประกาศของคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ 6 ประจำปี 2025 และ 

(2) ปรับใช้มาตรการฝ่ายบริหารที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อระงับหรือยกเลิกมาตรการตอบโต้ที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรที่ดำเนินการกับสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 2025

หลังจากดำเนินการข้างต้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งกลไกการหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไป โดยคณะผู้แทนจากฝ่ายจีนสำหรับการหารือนี้ ได้แก่ เหอลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน และคณะผู้แทนจากฝ่ายสหรัฐฯ ได้แก่ สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ซึ่งการหารือเหล่านี้อาจจัดขึ้นสลับกันในจีนและสหรัฐฯ หรือในประเทศที่สามตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย และทั้งสองฝ่ายอาจจัดการปรึกษาหารือระดับปฏิบัติการในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าที่เกี่ยวข้องหากจำเป็น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top