Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

‘ป.ป.ช.’ เผยทรัพย์สิน ‘พิธา’ รวย 65 ลบ. หนี้ลด 19 ลบ. ไม่พบถือหุ้น iTV แต่มีที่ดินเพิ่มอยู่ ‘ปทุมฯ-เชียงใหม่’

(3 พ.ย. 66) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 จำนวน 90 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา แจ้งสถานภาพโสด พร้อมกับระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 65,530,955 บาท และมีหนี้สิน โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 463,263 บาท

ทรัพย์สินของนายพิธา ประกอบด้วย เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 22 บัญชี มูลค่ารวม 2,789,741 บาท เงินลงทุน 64 รายการ มูลค่ารวม 1,337,777 บาท ในจำนวนนี้ไม่พบหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท โดยแจ้งว่า ให้กู้ยืมแก่ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ที่ดิน 2 แปลงในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 2 ไร่เศษ และในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 1 ไร่ แจ้งว่าได้มาในปี 66 มูลค่ารวม 11,776,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ไม่พบที่ดิน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในเขตวัฒนา กรุงเทพ มูลค่า 15,000,000 บาท ยานพาหนะแจ้งว่า เป็นรถยนต์ Majesty รถจักรยานยนต์ และจักรยานไฟฟ้า รวม 4 คัน มูลค่ารวม 2,140,000 บาท

ส่วนสิทธิและสัมปทานเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 รายการ ได้แก่ ลิขสิทธิ์หนังสือ 4 รายการ นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla และสมาชิกราชกรีฑาสโมสรมูลค่ารวม 3,650,446 บาท ทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ โทรศัพท์มือถือ 3 รายการ เสื้อ 28 ตัว สูท 16 ตัว เนกไท 76 ชิ้น รองเท้า 21 คู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 28 รายการ ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 รายการ กล้อง 2 รายการ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 รายการ

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรายละเอียดทรัพย์สินที่นายพิธา ยื่นไว้กรณีพ้นตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 พบว่า นายพิธามีทรัพย์สินลดลง 19,192,765 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับรายการหนี้สินอื่นที่แจ้งไว้ 19,932,762 บาท ซึ่งไม่ปรากฏในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด

'โฆษกรวมไทยสร้างชาติ' วอน!! ต่อไปหากเลือก สส.ต้องดูภูมิหลังดีๆ อย่าดูที่พรรคอย่างเดียว รับ!! สส.คุกคามทางเพศกระทบภาพรวม

(3 พ.ย.66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงพฤติกรรมของสส.พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงถึงการจัดการภายในพรรคก้าวไกล กรณีที่จะดำเนินการกับสส.ที่คุกคามทางเพศอย่างไร เพราะแต่ละพรรคมีวิธีการบริหารจัดการแตกต่างกันไป แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ในอนาคต เพื่อให้ประชาชนต้องตระหนักถึงการเลือกผู้แทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นสส.ในสภาฯ ไม่ใช่เลือกจากพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูคุณสมบัติ และผลงานของแต่ละบุคคลที่ลงสมัครด้วย

นายอัครเดช กล่าวว่า ในอนาคตตนอยากให้ประชาชนได้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนด้วย ว่ามีภูมิหลังอย่างไร ทั้งวุฒิการศึกษา ประวัติในการทำงาน ความรู้ความสามารถ ประวัติการมีคดีและพฤติกรรมส่วนตัวมีความด่างพร้อยหรือไม่ 

นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชน อาจจะเลือกสส.จากพรรคการเมืองที่สังกัด โดยไม่ได้ดูคุณสมบัติส่วนตัวของคนที่แต่ละพรรคเสนอให้เลือก  ดังนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะเป็นอุทาหรณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องพิจารณา โดยดูหลายองค์ประกอบ มาเป็นส่วนในการตัดสินใจ ไม่ใช่ดูจากพรรคที่สังกัดอย่างเดียว

“พรรคการเมืองต้องให้เกียรติประชาชน ควรส่งคนที่มีคุณสมบัติพร้อมให้ประชาชนเลือกด้วย ไม่ใช่ส่งคนที่ไม่เคยผ่านการทำงานเพื่อส่วนรวมมาเลย หรือมีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงการทำผิดกฎหมายแล้วมาให้พี่น้องประชาชนเลือก เหมือนที่เคยมีบางพรรคการเมืองกล่าวไว้ ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้รับเลือกตั้ง เหตุการณ์ สส.คุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อยากให้พี่น้องประชาชนใช้เป็นอุทาหรณ์ในการเลือกสส.ครั้งต่อไป ต้องดูภูมิหลัง และประวัติของคนที่แต่ละพรรคส่งมาให้เลือกด้วย” นายอัครเดชกล่าว

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์สส.คุกคามทางเพศในครั้งนี้หลีกเลี่ยงผลกระทบที่มีต่อนักการเมืองโดยรวมไม่ได้ แต่ตนอยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่า พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี อยากให้ประชาชนได้จดจำ เพื่อเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าพรรคไหนส่งคนที่มีประวัติไม่ดีมาก็อย่าไปเลือก แต่ละพรรคต้องกรองมาก่อน ประชาชนก็ต้องกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพราะสส.มีความสำคัญเข้าไปใช้อำนาจทางนิติบัญญัติและบริหาร ถ้าเลือกคนไม่ดีเข้ามาก็จะได้ผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่ไม่ดีเข้ามาด้วย ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง

มติพรรคขับ ‘2 สส.ก้าวไกล’ 2 มาตรฐาน การเมืองคอนเนกชัน ที่ดูท่าจะมีอยู่จริง

ต้องยอมรับว่าปมร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อพรรคก้าวไกลอย่างหนัก อย่างรณี การล่วงละเมิดทางเพศ หรือ บ้างจะเรียกว่าคุกคามทางเพศ ดูจะเป็นไฟที่ยากจะมอดลงได้ยาก แม้ที่ประชุมพรรคก้าวไกล จะมีมติลงโทษ สส.ทั้ง 2 คน โดย มติ 120 เสียง ให้ ‘สส.แจ้’ วุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรคก้าวไกล แต่กลับกัน ‘สส.ปูอัด’ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิต สส.กทม. กลับมีสมาชิก 106 เสียงที่มีมติเห็นควรให้ขับออก ซึ่งเท่ากับว่าเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 หรือ 116 เสียง จึงทำให้ ไม่สามารถขับ ‘ปูอัด’ ออกจากพรรคได้ 

กระแส 2 มาตรฐานในสังคม รวมถึงภายในพรรคก้าวไกล จึงเกิดเป็นไฟลามทุ่งให้นักวิชาการ รวมถึงประชาชนให้ความสนใจต่อมาตรฐานดังกล่าวนี้

แน่นอนว่า เมื่อวาน ปฏิกิริยาจาก ‘สส.แจ้’ หลังที่ประชุมมีมติขับออกจากพรรค ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับต่อมติขับออกจากพรรค แต่ดูเหมือนจะมีถ้อยคำให้สังคมต้องเก็บไปคิดอย่าง ‘ไม่มีเพื่อนทางการเมือง’ จึงทำให้เสียงหายไปและถูกขับออกจากพรรคในที่สุด โดยระบุว่า...

“ผมเป็น สส.ภูธรทำงานในพื้นที่หนัก และทำงานในเชิงมลพิษ และค้านเรื่องเหมือง มีเพื่อนทางสิ่งแวดล้อมเยอะ ไม่มีเพื่อนในทางการเมือง ทำให้เสียงหายไป และเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง”

ถึงตอนนี้ ก็ดูเหมือนชะตากรรมของ ‘สส.แจ้’ ก็ไม่รู้ว่าจะลงเอยเช่นไรต่อไป เพราะเจ้าตัวก็ยอมรับว่า การไม่มีคอนเนกชันเรื่องพรรคการเมืองเลยนั้น ทำให้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปพรรคไหนหรือไปต่อในเส้นทางการเมืองอย่างไรต่อไป

สถานการณ์นี้ต่างกับ ‘สส.ปูอัด’ ที่ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 พ.ย.66 เจ้าตัวนอกจากจะยังไม่ถูกขับออกจากพรรคแล้ว ยังออกมาแถลงโต้ถึงหลักฐานที่สะท้อนให้เห็นว่าพฤติการณ์ที่ถูกโจมตี ไม่เข้าข่าย ‘ละเมิด-คุกคาม’ ทางเพศ พร้อมทั้งยังไม่มีการประกาศลาออกจากพรรคแต่อย่างใด ตามกระแสของกลุ่มคนในพรรคก้าวไกลที่แห่กันออกมากดดัน

ว่ากันว่า ‘ปูอัด’ ถูกตั้งคำถามว่า มี ‘แบ็กดี’ โดยเฉพาะกับปูมหลังที่มีการร่วมทำงานด้วยกันมานานในกลุ่ม Resolution รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รวมถึงเคยอยู่กลุ่มนิวเดม ตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ กับ ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล ส่งผลให้ผลการลงมติที่ยังทำให้ ‘ปูอัด’ รอดจากการถูกขับออกจากพรรคหรือไม่? ซึ่ง ‘ไอติม’ เองก็ถูกตั้งคำถามด้วยเช่นกันว่า ‘เพราะเป็นพวกพ้องของไอติม จึงรอดพ้นการถูกอัปเปหิออกจากพรรคหรือเปล่า’ 

แน่นอนว่า แม้ ‘ไอติม’ จะออกมาบอกว่า ตนเองไม่ได้ปกป้องปูอัด แถมยังประกาศกร้าวว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่โหวตขับ ‘ปูอัด’ ให้พ้นพรรค พร้อมทั้งโพสต์จุดยืนและการทำงานของตน ว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้องและข้อเท็จจริงเท่านั้นในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับคนที่รู้จัก หรือเคยร่วมงานกันมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็อดคิดไม่ได้ที่จะต้องกลับมาทบทวนคำพูดของอดีต สส.ก้าวไกล ที่ลี้ภัยไปก่อนหน้าหลายๆ คน รวมถึงอดีตคนอนาคตใหม่บางคนด้วยว่า … พรรคที่มักชูเรื่องความเทียมทางสังคมพรรคนี้ ท่าจะมี ‘มุ้ง’ หรือ ‘ก๊ก’ จริงๆ เสียแล้ว… 

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ ฉะ!! ‘ก้าวไกล’ ยกมาตรฐานสูงลิ่ว พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

(5 พ.ย.66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ระบุว่า…

มาตรฐานสูงลิ่ว

พรรคก้าวไกลยกมาตรฐานไว้สูงลิ่ว แถมกดคนอื่นลงต่ำ แต่พอกรวดเข้าตาตัวเอง กลับมองไม่เห็น เขี่ยไม่ออก

ขว้างงูไม่พ้นคอ

ไล่ออกคนหนึ่งแต่อีกคนให้แก้ตัว สุดท้ายต้องอ้อนวอนให้ลาออก หากจะไล่ซ้ำสองทำได้ไหม

อย่าดรามาสร้างเฟสสีดำ ติดโบว์ขาว ปกป้องสตรี

ก่อนโหวตทำไมไม่คิด ตอนนี้มาขอร้องให้ลาออก ช้าไปแล้ว คนรู้ทันทั้งแผ่นดิน แก้ตัวไม่ขึ้น

ไม่อยากขยี้ แค่ขัดใจคนรุ่นใหม่

เรียกร้องความเป็นธรรมจากคนอื่น แต่ฝ่ายตัวเองสารพัดแก้ตัว

ขอถามหาความเป็นธรรมของผู้ถูกละเมิด อยู่ที่ไหน ความโปร่งใส ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับ มีไหม อยู่ที่ไหน อะไรคือมาตรฐานที่แตกต่างจากคนอื่น

'สส.แจ้-ปราจีนฯ' จัดหนัก!! แฉ 'เด็กก้าวไกล' เอี่ยวรับเงินโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท

เมื่อวานนี้ (5 พ.ย. 66) นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขับออกจากพรรค หลังถูกตรวจสอบพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Wuttiphong Thonglour - วุฒิพงศ์ ทองเหลา’ ระบุว่า "ผมหยุดให้ข่าวใดๆ หลังจากที่แถลงไปในวันแรก แต่ ผช.สส. ของกรรมการพรรคบางท่าน ยังคงไล่ตีผมไม่หยุด หรือต้องให้ผมต้องพูดทั้งหมด?"

จากนั้น นายวุฒิพงศ์ ยังได้โพสต์ข้อความลงในคอมเมนต์ อีกว่า "ตามข้อมูลหลักฐานที่ผมเคยให้พรรคไป ผู้ช่วย สส. ของปราจีนบุรี (จากโควต้าของพรรค) คนนี้ เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะหลายล้านบาท ส่วนเรื่องจะทุจริตหรือไม่ทุจริตก็ไปว่ากันในพรรค ซึ่งผมเดินออกมาแล้ว คงไม่ขอก้าวล่วงกระบวนการ แต่หากพรรคยังปล่อยปะ ให้ช่วย สส. ที่เป็นถึงผู้ช่วยของกรรมการบริหารพรรค ปล่อยข่าวมูลต่างๆ และสร้างความเสียหายกับผมเช่นนี้ ผมอาจจำเป็นต้องชี้แจงจากหลักฐานทั้งหมด ผมต้องการทำ และสร้างการเมืองที่ไม่ทุจริต"

‘อี้’ แนะ สส.แจ้ เปิดหน้าไอ้โม่งทุจริตที่ดินบ่อขยะ ปราจีนฯ เร่งนำหลักฐานยื่น ป.ป.ช. ลากคอคนโกงมารับโทษ

(7 พ.ย. 66) นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกมาเปิดเผยว่า สาเหตุที่ตนถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลด้วยข้อหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ เนื่องจากตนกำลังแฉการทุจริตซื้อที่ดินทำบ่อกำจัดขยะโดยมีผู้ช่วย สส.ที่เป็​นกรรมการวินัยและสส.บัญชีรายชื่อ​พรรคก้าวไกลเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า การออกมาเปิดโปงคดีที่เข้าข่ายการทุจริต​ในพื้นที่​ปราจีนบุรี​นั้น ถือว่าในร้ายมีดีได้ช่วยกู้สัญญาณ​ชีพของนายวุฒิพงศ์ให้เต้นต่อที่นำข้อมูล​อันเป็น​ประโยชน์​ต่อพี่น้อง​ประชาชน​ชาวปราจีนมาเปิดเผยขบวนการไอ้โม่งที่อุ้มไอ้มืดแล้วยังงาบงบเอื้อโรงกำจัด​ขยะ ถือว่า สส.แจ้ ยิงนัดเดียวตายยกรังคือ ได้เปิดโปงคนใกล้ชิด​คู่แค้นที่ทุจริตแบบแทบปลิดชีพก้าวไกลทั้งพรรคให้ดับดิ้นและทำให้ประชาชนตาสว่างว่ามีการทุจริต​กัน

นายแทนคุณ​ กล่าวว่า ตนขอแนะนำ สส.แจ้ ว่าควรเปิดเผยข้อมูล​ให้หมดสาวถึงตัวการใหญ่ลากตัวไอ้โม่งออกมาลงโทษเพราะคดีทุจริตที่ส่งผลกระทบ​ต่อชีวิต​พี่น้อง​ประชาชน​และสิ่งแวดล้อม​นั้นเป็นอาชญากรรม​ประเภทหนึ่งที่คร่าชีวิตผู้คน​ด้วยมลพิษ​และเลวร้ายไม่น้อยกว่าการคุกคามทางเพศ โดยเกี่ยวโยงกับกรรมการวินัยและ กก.บห.คนดังกล่าว​ควรออกมาชี้แจง กรณีผู้ช่วย สส. เกี่ยวข้องกับเรื่องฟ้องปิดปาก 50 ล้านอย่างไร โดยตนอยาก แนะ ‘ส.ส.แจ้’ นำ​หลักฐาน​ร้องต่อ ป.ป.ช. อย่าให้คนโกงลอยนวลต่อไปเพราะเรื่อง​นี้​มีมูล​ความผิดจริงมีหลักฐาน​ กระทบ​ความเชื่อมั่นนักลงทุน​ในพื้นที่ EEC ที่จะเป็น​หัวใจ​สำคัญ​ทางเศรษฐกิจ​ของประเทศ​และการจัดการขยะในรูปแบบต่าง ๆ ได้มีประสิทธิภาพ​ต้องเริ่มจากการกำจัดขยะสังคมที่ทุจริตคอร์รัปชัน​ก่อน

“ส่วนตัวเชื่อว่าก้าวไกลคงมี มติขับ สส.ปู อัดออกจากพรรคแม้กลัวจะถูกแฉรายชื่อ สส.คุกคามเพศรายอื่นอีกหลายรายแม้เจ้าตัวจะออกมาโค้งจนตัวงอหน้ามืดตามต่างชาติแต่ก็ยังไม่ลาออกแบบที่เขาทำกัน สะท้อน DNA ถ้าเจอคนหน้าด้านให้หน้าด้านกว่า อีกประการถือว่าการมีมติอุ้มปูอัดมันจบด้วยตัวมันเองแล้วและการไม่ยอมเปิดเผยชื่อ 22 สส. ออกมาก้าวไกลกลายเป็นส่วนหนึ่ง​ของการสนับสนุน​การคุกคามทางเพศที่เหยียด​ซ้ำผู้ถูกกระทำและตอกย้ำด้วยแชตหลุดให้ปิดปากจากนายเพชร กรุณพล สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคก้าวไกล นอกจากกลัวความจริงแล้วยังกลัวการตอบคำถามประชาชน​และ​สังคมว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงอุ้มคนคุกคามทางเพศ อ้างแค่กลัวกลบทับกฎหมาย​สำคัญ​ ทั้งที่ประชาชนที่มีคุณภาพตาสว่างว่าก้าวไกล คือ ภัยคุกคามความมั่นคงและสังคมอย่างแท้จริง​ พรรคไหนรับไป​อยู่​ด้วยเตรียมล่มสลาย​ทางจริยธรรม​แบบก้าวไกลต่อไป” นายแทนคุณกล่าว

'เพจดัง' รับหลักฐานร้องเรียน อดีต ผอ.โรงเรียนในจันทบุรี พบถูกคนสนิท สส. 'คุกคาม-กลั่นแกล้ง' จนต้องออกจากงาน

(8 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร โพสต์ข้อความว่า

#ทุกคนคะ เมื่อคืนหนูส่งพี่ เค เสื้อแดง ลงพื้นที่นัดพบกับ อดีตผอ.รร. แห่งหนึ่งใน จันทบุรี เพื่อรับหลักฐานร้องเรียน ถูกคนสนิท สส. คุกคามและกลั่นแกล้งจนต้องออกจากงาน

เบื้องต้นรายละเอียดเยอะมากกกกก อาจต้องประสานหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วย ถ้ามีอะไรอัปเดตจะรีบแจ้งค่ะ

‘ศุภชัย’ ข้องใจ!! ขับ ‘รองอ๋อง-2 สส.คุกคาม’ 2 มาตรฐาน เตรียมยื่น กกต. สอบ หากพบผิดมีโทษถึง ‘ยุบพรรค’

(8 พ.ย. 66) นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล ดำเนินการขับ 2 สส.พรรคก้าวไกล นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี กรณีการคุกคามทางเพศ ออกจากพรรค ซึ่งมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย การดำเนินการเปิดเผยทุกกระบวนการ แตกต่างจากกรณีการขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากพรรคก้าวไกล เพราะไม่มีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน

“ผมจึงได้ยื่นเรื่องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ตรวจสอบการพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ของนายปดิพัทธ์ โดยขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบว่าพรรคก้าวไกลได้ดำเนินกระบวนการทางวินัยกับนายปดิพัทธ์ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และตามกฎหมายถูกต้อง ครบถ้วนหรือไม่ โดยส่งแถลงการณ์พรรคก้าวไกล ลงวันที่ 28 ก.ย. 2566 เป็นเอกสารประกอบ” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากคำแถลงการณ์พรรคก้าวไกล คณะกรรมการบริหารชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลได้ประชุมร่วมกัน โดยให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมีข้อความในแถลงการณ์ว่าให้นายปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกลโดยมิได้มีการแถลงว่ามีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 119 วงเล็บใด มีการดำเนินการทางวินัยสมาชิกตามข้อบังคับพรรค ก้าวไกลอย่างไร

นายศุภชัย กล่าวว่า ได้มีการริเริ่มกระบวนพิจารณาทางวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 122 และมีการแสวงหา ข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานประกอบขึ้นเป็นสํานวนคํากล่าวโทษ ตามข้อ 123 หรือไม่ และได้ เรียก นายปดิพัทธ์ มาให้ถ้อยคําหรือโต้ยังคํากล่าวโทษตามข้อ 124 หรือไม่ มีการสรุปข้อเท็จจริง การพิจารณาและเหตุผลในการวินิจฉัยประกอบการทําคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินัยสมาชิกพรรค ตามข้อ 129 ถึงข้อ 131 หรือไม่ อีกทั้งยังไม่ปรากฏมติของพรรคก้าวไกลด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคก้าวไกลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (9)

“หากยังมิได้ดำเนินการดังกล่าวตามข้อบังคับ การดำเนินการของพรรคก้าวไกล ยังไม่ถูกต้องครบถ้วน นายปดิพัทธ์ ยังคงสภาพเป็นสมาชิกพรรค ก้าวไกล ไม่อาจไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่นได้และจากแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ชี้แจงในทำนองว่า นายปดิพัทธ์ ลาออก โดยที่พรรคไม่ได้มีมติขับออกจากพรรคเพราะทำผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้สมาชิกภาพความเป็น สส.ของนายปดิพัทธ์ สิ้นสุดลงในทันที” นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกล มิได้มีการดําเนินการตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลและกฎหมาย การกระทําดังกล่าวเป็นการสมคบคิดหรือ แสดงเจตนาลวง ระหว่างพรรคก้าวไกลกับนายปดิพัทธ์ อันเข้าข่ายกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัย ว่าเพียงแค่อาจเป็นปฏิปักษ์ ก็ต้องห้ามแล้วหาจําต้องมีเจตนา ประสงค์ต่อผล หรือต้องรอให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงขึ้นจริงเสียก่อนไม่

“หากนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบแล้ว พรรคก้าวไกลมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อบังคับพรรคก้าวไกล และกฎหมาย และเป็นการสมคบคิดหรือแสดงเจตนาลวง โดยหวังผลเพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้รับตําแหน่งผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ นายปดิพัทธ์ ยังคงดํารงตําแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป อันเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายซึ่งเป็นการกระทําอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกรณีเป็นความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ขอท่านได้โปรดยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ สั่งยุบพรรคก้าวไกลต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

‘แทนคุณ-เค สามถุยส์’ บุกสภาพา ‘อดีต ผอ.รร.’ ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก ‘ผู้ช่วย สส.ก้าวไกล’ บีบให้เซ็นใบอนุโมทนาทิพย์ เฉียด 1.2 ลบ.

(9 พ.ย.66) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ รักษาการประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายนิยม นพรัตน์ หรือ ‘เค สามถุยส์’ นำผู้อำนวยการ (ผอ.) โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.จันทบุรี มายื่นหนังสือผ่านตัวแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม สืบเนื่องจากโดนผู้ช่วย สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คนหนึ่งของ จ.จันทบุรี โดยผู้ช่วยคนดังกล่าวมีอักษรย่อ จ. คุกคาม

นายแทนคุณกล่าวว่า วันนี้พา ผอ.โรงเรียนมาร้องเรียน เพราะถูกผู้ช่วย สส.ของพรรค ก.ก. โดยขอให้ ผอ.คนนี้ช่วยออกใบอนุโมทนา 2 ใบ โดยใบแรกจำนวน 8 แสนบาท และใบสองจำนวน 3.7 แสนบาท แต่ผอ.ไม่ยอมออกให้ เนื่องจากไม่มีอำนาจและไม่มีจำนวนเงินดังกล่าวเข้าโรงเรียนแต่อย่างใด ภายหลังเหตุการณ์นี้ ผอ.ได้รับความเดือดร้อนโดนใส่ร้ายป้ายสีกระทบเรื่องส่วนตัว อีกทั้งผู้ช่วย สส.รายนี้ยังบุกเข้ามาโวยวาย ผอ. ว่าทุจริตคดโกง

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า เรื่องของผู้ช่วย สส. คนนี้จะเชื่อมโยงไปถึง สส.จันทบุรี คนนั้นหรือไม่ เพราะเห็นเขาโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องต่างๆ และพวกเราไม่ใช่มุ่งอาฆาตมาดร้าย ไม่ใช่คนที่คิดจองเวร หรือมีความแค้นส่วนตัว แต่เมื่อได้รับเรื่องนี้มาเราก็ดำเนินการ ซึ่งยังมีอีกหลายเรื่องที่คล้ายๆแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วย สส. ผู้ชำนาญการ หลายพื้นที่ รวมทั้งตัว สส. เองด้วยที่มีอีกหลายเรื่อง แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เรียกว่าเป็น 10 เคสไม่ใช่ธรรมดา ถ้าพูดทุกวันถึงสิ้นปีคงไม่หมด

“ตอนนี้บอกได้เลยว่าตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมาประเทศไทยไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไม่เคยมีการเมืองครั้งไหนที่จะเรียกว่าเมาเสรี ฟรีกาม คุกคามประชาชน รุนแรงและเลวร้ายเท่ากับการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล” นายแทนคุณกล่าว

ขณะที่ เค สามถุยส์ กล่าวว่า ผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวเป็นเพศหญิง และเป็นหลานเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจันทบุรี แต่มีพฤติกรรมเข้าไปอยู่ในกุฏิวัด ซึ่งกุฏิดังกล่าวสร้างจากเงินผู้มีจิตศรัทธาในศาสนา เพื่อใช้รับรองพระสงฆ์ แต่ผู้ช่วย สส. กลับยึดครองไว้เอง ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เจ้าอาวาสวัดเสียหายไปด้วย หากไม่รู้เรื่องด้วย

ด้าน ผอ. กล่าวทั้งน้ำตาว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา ตนไม่ยอมเซ็นใบอนุโมทนาให้ ต่อมาในวันที่ 28-29 มีนาคม ผู้ช่วย สส. ไปหว่านล้อมชุมชนเพื่อให้มากดดัน ทำให้ตนได้รับความเดือดร้อน ชีวิตวุ่นวาย ลามไปถึงลูกสาวด้วย สุดท้ายทนไม่ได้จึงลาออกจากการเป็นผอ. แต่ก็เปลี่ยนใจขอทบทวนไม่ลาออก เนื่องจากมีเวลา 30 วัน ในการทบทวน แต่ก็ถูกคำสั่งให้ออก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ทบทวนการเซ็นคำสั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายแทนคุณ ได้เผยแพร่ภาพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยเป็นภาพ สส.จันทบุรี เขต 2 พรรค ก.ก. คือ น.ส.ปรัชญาวรรณ ไชยสืบ พร้อมทีมผู้ช่วยดำเนินงานของผู้แทนราษฎร 

'ภูมิธรรม' ปูด 'ศิริกัญญา' สมัยช่วงจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ขอ 'เพื่อไทย' ให้ทำ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' พร้อมปรับลดเพดานเงินลง

(12 พ.ย.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน รัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนก็เพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิดหรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล

ทั้งนี้ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งใจทำตามสัญญา ซึ่งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ เราได้มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติ ว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ ส่วนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลายเพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น เรายืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ

“ส่วนที่คุณศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้ สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล คุณศิริกัญญาเองก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง แสดงให้เห็นว่าคุณศิริกัญญา ก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ผมจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ผมถามว่าพวกคุณเห็น ด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ“ นายภูมิธรรม กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top