Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

‘พิธา’ หน้าเสีย!! โดนศิษย์เก่า-กองเชียร์กรุงเทพฯ โห่ไล่ รีบแจง!! "ผมไม่เกี่ยว" หลังมี สส.ก้าวไกล หนุนยกเลิกแปรอักษร

(19 พ.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร โพสต์คลิปเมื่อวันที่ 18 พ.ย. เป็นเหตุการณ์ ขณะที่มีคนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงโห่และลุกขึ้นมาชูเสื้อซึ่งเขียนว่า "อย่าเสือ... เรื่องแปรอักษรของพวก..ู..." ใส่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ในงานการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย พบ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ณ สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ

พร้อมระบุข้อความว่า ทุกคนคะ พิธาถูกโห่ไล่ค่ะ เหตุการณ์เกิดช่วงพักครึ่งแรก ลุงที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ลุกขึ้นมาชี้ที่พิธาและโห่ไล่ กองเชียร์ที่นั่งอยู่ก็ร่วมกันโห่ค่ะ สักพักพี่อีกคนเดินมาจากฝั่งเทพศิรินทร์ชูเสื้อที่เขียนว่า "อย่าเสือ...!! เรื่องแปรอักษรของพวก...ู..." มาชูต่อหน้าพิธา ได้รับเสียงเชียร์เป็นอย่างมาก ส่วนพิธาหน้าเสีย และบอกว่าผมไม่เกี่ยว!!

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ สส.พรรคก้าวไกล เคยแถลงเกี่ยวกับกิจกรรม ‘จตุรมิตรสามัคคี’ ว่า มีกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนเทพศิรินทร์และโรงเรียนสวนกุหลาบ ออกมาเรียกร้องว่า มีการบังคับนักเรียนลงชื่อและเข้าร่วมทำกิจกรรม ละเมิดสิทธิเด็กโดยให้นักเรียนอยู่อย่างแออัด ให้แปรอักษรติดต่อนานหลายชั่วโมงโดยไม่มีเปลี่ยนตัว รวมถึงไม่อนุญาตให้นักเรียนไปเข้าห้องน้ำหรือไปรับประทานอาหาร สถานที่เสี่ยงไม่ปลอดภัย เพราะมีโอกาสที่ส่วนต่อเติมจะทรุดตัวลงหากต่อเติมไม่ดี หรือรองรับน้ำหนักของเด็กมากเกินไป ดังนั้นคณะทำงานการศึกษาก้าวไกลจึงห่วงใยต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของเด็กนักเรียน พร้อมโพสต์รูปภาพติดแฮชแท็ก #เลิกบังคับแปรอักษร

‘อี้ แทนคุณ’ บี้!! สส.ก้าวไกล เชียงใหม่ สารภาพผิดต่อสังคม หลังถูกแฉ ‘​ปลอมลายเซ็น-อมเงิน-ยื่นเอกสารเท็จให้ กกต.’

เมื่อวันที่ (19 พ.ย. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​กล่าว​ถึง​กรณี​ ตนได้รับทราบข้อมูล​จากแหล่งข่าวกล่าวว่า มีสส.ก้าวไกล จังหวัด​เชียงใหม่​ ปลอมลายเซ็นผู้​อื่นและแจ้งยอดเงินไม่ตรงกับที่จ่าย มีบางรายไม่ได้รับเงินสักบาท แต่ถูก​สวมสิทธิ​เซ็นชื่อรับเงิน ซ้ำร้ายนำส่งเอกสารปลอมยอดเงินเท็จและการหลอกนำบัตรประชาชน​ของผู้เสียหายไปประกอบเอกสารเท็จยื่นบัญชี​รายรับ-รายจ่ายการลงสมัคร สส.ให้ กกต. โดยไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง​ 

เมื่อตนได้รับหลักฐาน ​คือ ใบแจ้งความ​ที่ไปพบพนักงานสอบสวนและทราบว่า สส.คนดังกล่าวไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยภายหลังสมาชิกพรรคก้าวไกลและถูกปลอมลายเซ็นและนำสำเนาบัตรประชาชนไปแอบอ้างในการรับเงินค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียงโดยได้มีการรับเงินเป็นจำนวน 13,490 บาท แต่กลับไม่ได้​รับเงินเลยสักบาท และผู้เสียหาย อีก 2 รายได้รับเงินมาเพียง 9,000 บาท ถูกทำเอกสารปลอมว่ารับเงินจำนวน 18,020 บาท โดยมีการนำบัตรประชาชนของผู้เสียหาย​ทั้ง 3 รายไปปลอมลายเซ็นแอบอ้างทำเอกสารเท็จยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ( กกต.) ประจำจังหวัดเชียงใหม่ 

หลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายได้รับความสนใจและสนับสนุนจากคนที่เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลที่เริ่มตาสว่างเห็นถึงพฤติกรรมของนักการเมืองพรรคนี้โดยตนและพวก ได้ร่วมกันนำกระดาษที่มีข้อความตำหนิ สส. คนดังกล่าวที่ป้ายพรรคก้าวไกลเชียงใหม่ เช่น ต้องการความยุติธรรม ซื่อตรง โปร่งใส เป็นธรรม ปกปักรักษาสร้างหรือยึดถือคุณธรรม คัมภีร์ไหนนี่หรือประชาธิปไตย เช้า 17 พ.ย. สส.เขต 8 ย่องเงียบรับทราบข้อกล่าวกับ กกต. ต้องการให้ สส. หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นต้น 

โดยตนได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากคนที่รักพรรคก้าวไกล​ด้วยหัวใจ แต่กลับถูกทรยศซ้ำ ๆ และกล่าวหาใส่ร้ายพวกตนหลายเรื่องจนพวกตนทนไม่ไหวและได้รวบรวม​หลักฐาน​และความกล้าหาญ​ปรึกษา​หารือกันเพื่อแจ้งความ​ดำเนินคดี​กับ สส.คนดังกล่าว​ โดยความมุ่งหมายคือต้องการเปิดโปงพฤติกรรมของ สส.คนดังกล่าวที่ยังมีรายละเอียดอีกเยอะมากที่พวกตนมีข้อมูลเพราะพวกตนคือคนใกล้ชิดจริง ๆ

โดยอยากให้ สส. คนนี้ยอมรับความจริง ออกมาสารภาพ​ต่อสังคมและลาออกก่อนจะถูกเปิดโปงจนไม่มีที่ยืน เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดินพวกตนพร้อมพลีชีพเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป

‘เพจดัง’ แฉ คนสนิท สส.จันทบุรี ก้าวไกล รับหาเด็กชงเหล้า หวั่นใจ!! เด็กอัปเกรดนอกรอบ เข้าข่ายขายบริการทางเพศ

(22 พ.ย. 66) เฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ข้อความระบุว่า "#ทุกคนคะ มีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาว่า ผู้ช่วย สส.พี่เล็ก สส. ก้าวไกลจันทบุรี เขต 3 รับงานเอนเตอร์เทนและจัดหาเด็กชงเหล้า ปาร์ตี้ ชาย / หญิง ส่งแถวภาคตะวันออก พี่ต้นเขาสนิทกับ สส.เล็ก มากนะคะ ไม่ทราบพี่เล็กและพรรคก้าวไกลมีความเห็นอย่างไรคะ"

ภายหลัง เฟซบุ๊ก ‘ญาณธิชา บัวเผื่อน - Yanathicha Buapuean’ ของ น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า "สวัสดีพี่น้องประชาชนทุกท่านค่ะ ขออธิบายประเด็นที่เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรนำมาโพสต์ดังนี้ค่ะ จากที่มีข่าวว่า น้องผู้ช่วย สส. ของเล็ก ทำงานเอนเตอร์เทน

1. จากรูปที่เพจเอามาโพสต์ว่าบุคคลดังกล่าวยืนข้างดิฉัน และกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ช่วย สส. ข้อเท็จจริง คือ บุคคลดังกล่าว ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ไม่ได้รับเงินเดือนจากสภาผู้แทนราษฎร แต่เขาเป็นคนที่ทำงานกับดิฉันในพื้นที่เป็นอาสาสมัครที่เขามาทำงานร่วมกัน น้องรู้จักและสนิทกับเล็กและครอบครัว ให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอมา

2. น้องทำงานเอนเตอร์เทน รับงานชงเหล้าจริง และรับจัดหาเด็กชงเหล้าจริง แต่ไม่ได้รับงานเอนวี หรือ จัดหางานเอนวี (หากกล่าวหากันเกินความจริงไปมาก ดิฉันมีหลักฐานว่าคุณเข้าหาคุณต้น มีการพูดโน้มน้าว หลอกล่อเพื่อให้เป็นไปตามที่คุณต้องการอย่างไร)

สุดท้าย ดิฉันขอให้หยุดพฤติกรรมการพยายามจะเค้นหาเหตุโจมตีพรรคก้าวไกลเช่นนี้ได้แล้ว หากจะตรวจสอบผู้แทนราษฎรเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศนี้จริง ๆ ดิฉันคิดว่าคงจะมีประโยชน์กว่านี้มาก #สสเล็ก #ก้าวไกล #จันทบุรีเขต3"

ภายหลัง เพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ตอบโต้ว่า "#ทุกคนคะ พี่เล็ก สส. จันทบุรี พรรคก้าวไกลชี้แจงแล้วค่ะ พี่เล็กแจ้งว่า พี่ต้น เป็นแค่ทีมทำงานช่วย สส. แต่ไม่ได้เป็นผู้ช่วย สส. ที่รับเงินจากภาษีประชาชนค่ะ

พี่เล็กแจ้งว่า พี่ต้นทำงาน เอนเตอร์เทนและจัดหาเด็กชงเหล้าจริงค่ะ แต่ไม่ได้รับงานเอนวี (น่าจะหมายถึงเอากัน)

พี่เล็กบอกว่าขอให้หยุดและอย่าพยายามโจมตีพรรคก้าวไกล เพราะมันไม่ได้ประโยชน์ค่ะ

หนูขอตอบว่า ค่า หนูอยากให้พี่เล็กช่วยยืนยันว่า เด็กที่พี่ต้นส่ง ไม่มีใครอัปเกรดนอกรอบ หรือเพิ่มค่าตัวมากกว่าชงเหล้าได้มั๊ยคะ ชาวบ้านจะได้สบายใจค่า"

อนึ่ง คำว่างานเอ็นวี เป็นงานผสมระหว่างงานเอนเตอร์เทน (Entertain) และงานวีไอพี (VIP) ซึ่งหมายถึงงานขายบริการทางเพศ เป็นลักษณะงานให้ความบันเทิงแก่ลูกค้าก่อนขึ้นงาน หรือมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้ากระทั่งสำเร็จความใคร่จึงจบงาน แตกต่างจากงานเอ็นตามปกติที่เพียงแค่ดูแลลูกค้า​ ชงเหล้า ดูหนัง​ กินข้าว และพาเที่ยวเพียงอย่างเดียว

‘สส.ก้าวไกล จันทบุรี’ รับ!! แต่งตั้งสามีเป็นผู้ช่วย สส. จริง หลัง ‘เพจดัง’ แฉ!! ผู้ช่วย สส. ถึงเนื้อถึงตัวเด็กเอ็นฯ เกินงาม

(23 พ.ย. 66) น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี​ เขต 3 พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกรณีเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร แฉว่า ผู้ช่วย สส.ญาณธิชา หรือ เล็กก้าวไกล รับงานเอนเตอร์เทน และจัดหาเด็กชงเหล้าปาร์ตี้ชาย-หญิง ส่งแถวภาคตะวันออกว่า ขออนุญาตชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกรอบค่ะ

‘เรื่องการแต่งตั้งสามี เป็นผู้ช่วย สส. เล็กแต่งตั้งสามี เป็นผู้ช่วย สส. จริงค่ะ’ ให้เขาช่วยขับรถไปประชุมสภา ขับรถไปลงพื้นที่ทำงานด้านสื่อ ถ่ายรูป (รูปทุกรูปที่นำมาลงในเพจ เป็นรูปที่เขาถ่าย) ทำกราฟฟิก ทำคลิป ต่าง ๆ ลงในเพจ รวมถึงการประสานงานในพื้นที่ด้วย มีหน้าที่ชัดเจนค่ะ

ดิฉันยืนยันว่าไม่มีเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศและธุรกิจสีเทาอย่างที่เพจพยายามจะโยงแน่นอนค่ะ

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า “ทุกคนคะ หนูไม่ได้ต่อต้านงานเอนเตอร์เทนหรืองานชงเหล้า เพื่อนหนูก็ทำ แต่มันก็สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และการล่วงละเมิดทางเพศนะคะ”

“หนูควรตกใจเรื่องไหนก่อนดีคะ พี่เล็ก (ญาณธิชา บัวเผื่อน) แต่งตั้ง สามีพี่ เป็น ผู้ช่วย สส.
ผช.สส. (สามี) ถึงเนื้อถึงตัวเด็กเอน เกินไปมั๊ย หรือ พี่เล็กใจกว้างร้องเพลงไป ผช.สส. ก็นัวเด็กเอนไป
ถ้ามี สส.และผู้ช่วย สส. ไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจเทา ๆ เหมาะสมหรือคะ”

‘กองเชียร์เพื่อไทย’ อึ้ง!! สส.ก้าวไกลตั้ง ‘เมีย-ผัว-พ่อ’ เป็นผู้ช่วย สส. ย้อน!! คราวคนอื่นทำโดนด่ายับ แต่พอเป็นก้าวไกล บอก “เข้าใจได้”

(24 พ.ย. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘ปีใหม่ ปีใหม่’ ซึ่งเป็นแฟนคลับพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความตอบโต้พรรคก้าวไกล กรณีแต่งตั้งคนในครอบครัวเป็นผู้ช่วย สส. ระบุว่า

ตอนหมอชลน่านแต่งตั้งภรรยาเป็นที่ปรึกษา รมว. สาธารณสุข วิจารณ์กันกระจุยกระจาย ไม่ต่างอะไรจาก ‘สภาผัวเมีย’ ที่เคยด่า สว. และ รัฐบาลประยุทธ์

พอทราบประวัติการทำงานว่า พญ.นวลสกุล เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้ริเริ่มวางรากฐานระบบเครือข่ายพยาบาลประชาสัมพันธ์ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2534

การได้รับการแต่งตั้งจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นคณะที่ปรึกษา รมว.สธ. ด้านการสื่อสารสาธารณสุข แบบไม่มีเงินเดือน และ ไม่ใช่ ข้าราชการการเมือง เรื่องจึงสงบไป

แต่พอ สส.เท่าภิภพ แต่งตั้งพ่อตัวเองเป็นที่ปรึกษา สส. ก้าวไกลจันทบุรีแต่งตั้งสามีตัวเองเป็นที่ปรึกษา และ ล่าสุด สส. จิรัฎฐ์ (ฉายา สส. วนพวงหรีด) ให้ภรรยาลาออกจากงานประจำมาทำหน้าที่ที่ปรึกษาตัวเองกินเงินเดือนจากภาษี 15,000 บาท ด้วยเหตุผลต้องการคนที่ไว้วางใจได้ FC พากันอุทาน "เข้าใจได้"

ลองย้อนอ่านด้านบน ก็เกิดคำถามตามมา แล้วคนอย่างหมอชลน่าน คนอย่าง สว. คนอย่างรัฐบาลประยุทธ์ เขาคิดและต้องการความไว้วางใจได้แบบ สส. ก้าวไกล บ้างไม่ได้เหรอคะ?

วัน ๆ มีแต่เรื่องจุกจิกหยุมหยิม จ้องแต่จะหาเรื่องกัน เอาชนะกัน แล้วเราจะพัฒนาประเทศได้ยังไง?

'โรม' รับ!! 'ก้าวไกล' ไม่เพอร์เฟกต์ หลังเร่งสร้างมาตรฐานใหม่การเมือง แต่ยืนยัน!! เรื่องไหนใครทำผิด แล้วผิดจริง พรรคไม่เคยปกป้อง

(24 พ.ย. 66) ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี​ เขต 3 พรรคก้าวไกล แต่งตั้งสามี เป็นผู้ช่วย สส. รับงานเอนเตอร์เทน และจัดหาเด็กชงเหล้าปาร์ตี้ชาย-หญิง ส่งแถวภาคตะวันออก ว่า ตนยังไม่ได้คุยกับ น.ส.ญาณธิชา ในเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้ปิดสมัยประชุม เข้าใจว่าคงจะโฟกัสกับงานพื้นที่ แต่แน่นอนว่าเมื่อมันมีประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมในการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว

"ตนยืนยันว่า ในส่วนของพรรคก้าวไกลเราไม่อยู่เฉย ที่ผ่านมาตนคิดว่าเราพิสูจน์มาพอสมควรว่า ถ้าเป็นประเด็นที่มันมีปัญหาจริง ๆ เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ให้มันถูก เรายอมรับคำว่าเราอาจจะไม่ได้เพอร์เฟกต์ เราพยายามสร้างมาตรฐานใหม่กับการเมือง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ยอมรับว่า เราก็อาจจะเจอกับปัญหากับความท้าทายที่เกิดขึ้นในพรรคของเรา แต่สิ่งหนึ่งที่เราพยายามสร้างมาตรฐานมาโดยตลอดก็คือ ใครก็ตามถ้าทำผิด แล้วมันผิดจริง เราไม่เคยปกป้อง" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ถ้าเกิดว่าผิดพลาด ไม่ถูกต้อง เราก็พร้อมที่จะแก้ไขพร้อมที่จะทำให้มันดีขึ้น ตั้งแต่มีเรื่องของเมาแล้วขับ ประเด็นทางเพศ เรายอมรับครับพรรคเราใหญ่ขึ้น เราอาจจะเจอกับจุดที่มีปัญหาอยู่บ้าง สิ่งที่เกิดขึ้นสังคมก็เห็นว่า เราตัดสินใจกันอย่างไร ยืนยันว่า เราไม่เคยอยู่เคียงข้างปกป้องผู้กระทำความผิด ถ้าเขาผิดจริง แต่เราอาจจะขอเวลานิดนึงในการตรวจสอบ และตนคิดว่าถ้าอย่างเรื่องการตั้งคู่สมรสมา จริง ๆ ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะต้องเปิดกันทั้งหมดว่า สส.ในสภาฯ ว่า มีใครบ้างที่ตั้งคู่สมรสมาเหมือนกัน ที่เราจะได้ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบนักการเมือง คาดว่าน่าจะมีหลายคนเอาคนในบ้านมาตั้งในตำแหน่งสำคัญ ๆ

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องของสังคมที่คาดหวังต่อเรา ซึ่งเราก็ต้องน้อมรับ ก็เป็นกระจกที่สะท้อนมาต่อเรา สิ่งที่เราต้องทำก็คือปรับปรุงตัวเองให้มันดีขึ้น เราก็ยืนยันว่าในวิกฤตมันก็มีทั้งโอกาส พรรคจะเข้มแข็ง พรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองพรรค จะเติบโตอย่างแข็งแรงได้หรือไม่ บางครั้งมันก็ต้องเจอกับความท้าทายในเรื่องของวิกฤต ทุกวิกฤตที่เราทำ เราก็พยายามสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ แล้วเราก็หวังว่า จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างถาวร และจะเห็นว่าหลาย ๆ พรรคมันก็มีปัญหาในเรื่องตัวบุคคล แต่ว่าความน่าเจ็บปวดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนคนธรรมดา หรือแม้กระทั่งตนเอง เมื่อเจอกับการกระทำความผิดในหลาย ๆ ครั้ง เราพบว่ามันมีความช่วยเหลือกันมันมีความพยายามในการปกป้องกัน ทำจนถึงขนาดกระบวนการยุติธรรมในหลาย ๆ ครั้ง ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ก้าวไกลพยายามไม่เป็นแบบนั้น คือการปกป้องกัน คือการช่วยเหลือกัน ที่ผ่านมาเรามีบทเรียน และเราจะใช้วิกฤตคัดคนให้เข้มขึ้น

"ส่วนเคสของ สส.จันทบุรี ขอเวลาให้พรรคได้มีการพูดคุยกัน ได้มีการตรวจสอบกัน เดี๋ยวเราก็คงจะได้มีการพูดคุยชี้แจงต่อสังคมต่อไปในอนาคต" นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวยอมรับว่า ไม่ปฏิเสธว่ามีเรื่องพวกนี้เข้ามา ตอนนั้นก็โดนโจมตีเรื่อย ๆ คือต้องยอมรับว่า เราอยู่ในการเมืองยุคใหม่ที่ฝ่ายค้านโดนตรวจสอบมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีที่นักการเมืองทุก ๆ คน ก็ควรจะได้รับการตรวจสอบ เพราะว่ารับเงินภาษีจากประชาชนเป็นเงินเดือนทั้งสิ้น ดังนั้น การตรวจสอบที่เกิดขึ้นเราก็ต้องรับไป

ในส่วนที่เราพยายามทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล ก็เป็นส่วนที่เราเองเรียกร้องต่อสังคมให้ช่วยกันเป็นพลังในการตรวจสอบ เข้าใจว่าสังคม สื่อมวลชนให้ความสำคัญกับเคส ส.ส.จันทบุรี แต่ตนก็พยายามเรียกร้องว่า เราก็ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบซึ่งเป็นประโยชน์ของสาธารณะอย่างเรื่องของตั๋ว ไม่ว่าจะเป็น ‘ตั๋ว สร.1’ หรือกรณี ‘สว.ทรงเอ’ ที่มีส่วนไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นักการเมืองระดับนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตนเชื่อว่าถ้าเป็นประเทศอื่นโดนข้อกล่าวหาขนาดนี้ ในทางการเมืองคุณไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือไม่ หรือจะเป็น สว.ไปเรื่อย ๆ ใช้เอกสิทธิ์ความคุ้มกันต่อไป คือตรงนี้ตนต้องการพลังสนับสนุนจากสังคมให้ช่วยกันในการตรวจสอบ เราจะได้เอานักการเมืองที่ไม่ดีออกจากระบบการเมืองทั้งหมด คือสิ่งที่เราก็ต้องช่วยกัน ดังนั้น เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด พยายามทำให้มาตรฐานของพรรคก้าวไกล ซึ่งแน่นอนเรายอมรับว่าเราไม่เพอร์เฟกต์ยังมีปัญหา แต่เราพยายามทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่หลาย ๆ เรื่อง ที่เราพูดออกมา ซึ่งมันเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ดี

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีการอายัดทรัพย์สิน นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้เบื้องต้นตนกำลังรอว่า ทรัพย์สินที่จะไปยึดกันจะมีการช่วยกันหรือไม่ วันนี้เป็นสัญญาณที่ดีที่รักษาการเลขาธิการ ป.ป.ส.ซึ่งตนยอมรับว่าค่อนข้างเอาจริงเอาจัง แต่ว่าขอดูในรายละเอียดด้วย ถ้าสมมุติว่ามีการยึดอายัดทรัพย์สินไป ที่ตนกังวลคือ ออฟฟิศสำนักงานตึกที่อยู่ตรงอารีย์จะมีการยึดอายัดหรือไม่ ก็เป็นบทพิสูจน์ไปยัง ป.ป.ส.ต่อไป

ส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ซ.) ตนเคยยื่นเรื่องนี้ไปว่า มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ซึ่ง ป.ป.ชก็ตอบกลับมาง่ายๆ ว่า ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ก็รอว่า ป.ป.ช.ทำงานให้คุ้มค่ากับภาษีประชาชน เช่นเดียวกับที่เคยยื่นเรื่องของความผิดวินัยที่มีการช่วยกันในการถอนหมายจับ ซึ่งปรากฏว่าเข้าใจว่ามีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งต้องรอดูว่าทางศาลจะมีท่าทีอย่างไรต่อไป ตนไม่แน่ใจกระบวนการว่าสุดท้ายจะใช้เวลาแค่ไหน แต่ก็หวังว่าความยุติธรรมจะปรากฏในสังคมไทย

‘โฆษกอนาคตไกล’ ตอก!! ‘เจี๊ยบ’ ปมชื่อ-สีพรรคฯ ชี้!! ไม่เข้าใจ กม. แถมกินปลาน้อย สักแต่โพสต์เอามัน

(28 พ.ย. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 26 พ.ย. พรรคอนาคตไกล จัดประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ 1 เพื่อประชุมจัดตั้งและเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดแรก ต่อมา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่าน X หรือทวิตเตอร์ โดยระบุว่า ทั้งตั้งชื่อเหมือนรวม 2 พรรคอนาคตใหม่กับก้าวไกลไว้ด้วยกัน รวมทั้งยังเลือกใช้สีส้ม ไม่ทราบหวังผลอะไร?

ล่าสุด นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นางอมรัตน์ น่าจะกินปลาน้อยไปหน่อยและขาดความเข้าใจในกฎหมายพรรคการเมือง ควรอ่านเสียบ้าง ไม่ใช่โพสต์เอามัน เสียบรรยากาศในวันเพ็ญ เดือน 12 ประเพณีลอยกระทง ต้องสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยที่ติดตามพรรคอนาคตไกลที่เพิ่งเปิดตัวและประชุมใหญ่ไปแล้ว ดังนี้ 

1.ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่ได้นำชื่อพรรคก้าวไกลและพรรคอนาคตใหม่มารวมกัน เพราะพรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไปแล้ว ดูแล้วอาจไม่เป็นมงคล กฎหมายห้ามเหมือนหรือคล้ายคลึงชื่อพรรคที่ยุบไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี และชื่อพรรคก้าวไกล ของนางอมรัตน์ อาจเป็นพรรคก้าวสั้น เพราะมีกระแสร้อนแรงเพราะนโยบายแก้ ม.112 มีตัวแปรสูงเข้าข่ายถูกยุบพรรค ดังนั้น ชื่อพรรคอนาคตไกล ไม่เชื่อมโยง เอาทั้งสองพรรคตามที่เจี๊ยบ ก้าวไกล ยกขึ้นกล่าวอ้าง มโน คิดไปเองฝ่ายเดียว เป็นการคาดคะเน ไร้สมมติฐานและหลักฐานอ้างอิง ประกอบกับชื่อ ‘พรรคอนาคตไกล’ เป็นชื่อใหม่ ไม่ซ้ำกับพรรคการเมืองใด โดยไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคก้าวไกลได้ผูกขาดรายชื่อไม่ว่าตัวสะกดใด เมื่อฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบกับนายทะเบียนพรรคการเมือง กกต.ไม่มีรายชื่อนี้ อยู่ในสารบบ และไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ สามารถจดทะเบียนโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ และด้วยความชอบธรรม

โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวต่อว่า 2.สำหรับเสื้อแขนยาวพรรคอนาคตไกล แตกต่างจากพรรคก้าวไกล  มีความแตกต่างหลายจุด มีความโดดเด่นกว่าก้าวไกลแน่นอน ทั้งคอเสื้อ แขนเสื้อ ขอบชายเสื้อและชื่อพรรคภาษาอังกฤษ โลโก้พรรค ประชาชนสามารถแยกแยะได้ว่า พรรคอนาคตไกลมีความโดดเด่นและจำได้ง่ายกว่า ทั้งไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ประกอบกับไม่มีกฎหมายใดบัญญัติให้เฉพาะพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ใช้สีพรรคสีเสื้อต้องไม่เหมือนกัน การใช้สีส้มไม่ได้ผูกขาดเฉพาะพรรคก้าวไกล พรรคอนาคตไกล สามารถใช้สีส้ม สีแดง หรือสีอื่นๆ ได้ คุณเจี๊ยบ อมรัตน์ฯ หัดใจกว้างหน่อย อย่าใช้ฐานอคติที่ลำเอียง ประชาชนจะสับสน ไม่มีประเด็นใดที่หวังผลทางการเมือง รัฐบาลนี้ กำลังบริหารราชการแผ่นดินอยู่ ยังไม่ถึงวันเลือกตั้ง ไม่ต้องกลัวพรรคอนาคตไกล แต่จะมาแทนที่พรรคก้าวไกลให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ พรรคอนาคตไกลจึงสื่อสารมายังพี่น้องประชาชน ผู้รักความยุติธรรม ความเสมอภาคและ รักประชาธิปไตย ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคตไกล บนหลักพื้นฐานที่ว่า "อนาคตไกล อนาคตประเทศไทย ก้าวไกลไปกว่าเดิม"

ศาล รธน. ลงมติเอกฉันท์ ‘พรบ.คอมฯ’ ไม่ขัด รธน. ส่งผล ‘ไอซ์ รักชนก’ ต้องต่อสู้คดี 112 ในศาลอาญา

(29 พ.ย.66) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาในคดีที่ศาลอาญา ส่งคำโต้แย้งของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า คำโต้แย้งของจำเลยและเอกสารประกอบปรากฏว่า น.ส.รักชนก แสดงเหตุผลประกอบคำโต้แย้งเฉพาะพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง และคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง กำหนดประเด็นที่ต้องพิจารณาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) (2) และ (3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 วรรคหนึ่ง 

สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683/2565 เป็นคดีที่ น.ส.รักชนก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่มคลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตย ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และข้อหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จากกรณีโพสต์ข้อความวิจารณ์รัฐบาล ประเด็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 และกรณีรีทวีตภาพถ่ายในการชุมนุม 16 ตุลาไปแยกปทุมวัน ปี 2563 ซึ่งมีข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบัน

โดยความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

'เพจดัง' บี้ 'ก้าวไกล' ส่งข้อมูล ป.ป.ช.สอบจริยธรรม ถอดถอน 'ปูอัด-แจ้' อย่าละเว้นความรับผิดชอบ 'ทิ้งมรดกบาป' ไว้กลางรัฐสภา

(30 พ.ย.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ข้อความดังนี้…

#ทุกคนคะ พวกเราทำดีที่สุดแล้วค่ะ

ถึงแม้ สส.พี่แจ้ และ สส.พี่ปูอัด จะได้พรรคสังกัดใหม่ แต่พวกเราได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นแล้วว่า ไม่มีพรรคการเมืองไหนใหญ่กว่าประชาชน

แม้พรรคก้าวไกลจะพยายามปกปิดข้อมูลและสอบสวนไปอย่างล่าช้า สุดท้ายก็ต้องขับทั้งคู่ออกจากพรรค ‘เป็นความพยายามที่ไม่สูญเปล่า’

พวกเราได้กระชากหน้ากากพรรคคนดีให้สังคมเห็นแล้วว่าเป็นพรรคของปลอม

พวกเราได้พิสูจน์บาร์แล้วว่าบาร์ของพรรคก้าวไกลที่อ้างว่าสูงกว่า ความจริงต่ำเตี้ยมาก

พวกเราได้พิสูจน์ว่า ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ไม่มีจริงจาก กรณี 22 สส. ยกมือโหวตอุ้ม

ทั้งหมดต้องขอบคุณ ทีมงาน พี่อี้ พี่เค พี่กรุง เหล่าสีดา และที่ขาดไม่ได้คือ พี่ๆ ในเพจที่ร่วมผลักดันและเป็นกำลังใจให้หนู

แต่พวกเราไม่สามารถตามขับไล่ สส.ทั้ง 2 คน ไปตลอด พวกเขาไม่มีความละอายใจและนึกถึงจริยธรรมนักการเมือง ซึ่งอาจเป็น DNA ที่ติดตัวมาจากพรรคก้าวไกล

พวกเราขอเรียกร้องให้พรรคก้าวไกล แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการส่งข้อมูลการสอบสวนการคุกคามทางเพศของ สส. ทั้ง 2 ส่งให้ ป.ป.ช. สอบจริยธรรม ยื่นถอดถอนจากการเป็น สส.

พรรคก้าวไกล อย่าปัดภาระ ละทิ้งความรับผิดชอบ ทิ้งมรดกบาป ไว้กลางรัฐสภาเลย

'พุทธะอิสระ' เตือน!! 'ก้าวไกล' หากหยุดพฤติกรรมทรามลิ่วล้อด้อมส้มไม่ได้ ปล่อย 'หมิ่นสถาบันฯ-ย่ำยีคนเห็นต่าง' กม.นิรโทษล้างคดี 112 ก็แค่เพ้อฝัน

(30 พ.ย.66) นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า หลังจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเจรจาความเมืองกับพุทธะอิสระ แล้วก็พูดในเชิงว่า ถ้าการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ใช้คำว่า ยกเข่งก็น่าจะถูกต้อง ยกเว้นคดีทุจริตและความผิดทางชีวิต รวมทั้งหมายรวมไปถึงมาตรา 112 เข้าไปด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกล ก็จะติดคุกเพราะคดีนี้ นับตั้งแต่ผู้ก่อตั้งพรรคไปจนถึงลิ่วล้อบริษัท บริวาร ผู้มีความคิดหรือความเห็นเดียวกัน ล้วนอยู่ในเครือข่ายของพรรคก้าวไกลทั้งหมด

ในเวลานี้พวกเขาค่อนข้างจะเดือดร้อน คดีความผิดมาตรา 112 ที่ตนทำไว้ กำลังบีบคั้น รัดตัว ด้วยเหตุผลว่า กระบวนการดำเนินคดีในข้อหามาตรา 112 เมื่อศาลพิสูจน์ได้ว่า มีหลักฐานการกระทำผิดชัดเจน ส่วนใหญ่จะต้องติดคุกจริงๆ ซึ่งตอนนี้มีเป็นสิบๆ คดี แล้วในการดำเนินคดีนั้นก็มีบุคคลที่เป็นแกนนำ รวมทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล อดีตหัวหน้าพรรครวมอยู่ด้วย หรือดีไม่ดีก็อาจจะมีหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันรวมอยู่ด้วย

สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้พรรคก้าวไกลพยายามจะกระตือรือร้น ทุรนทุราย กระวีกระวาด ร้อนรน ที่จะผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรม ด้วยข้ออ้าง ทำให้เกิดความปรองดอง อันนี้พอเข้าใจได้

แต่ถ้าท่านทั้งหลายได้ติดตามวิธีเจรจา กระบวนการเจรจาความเมือง ในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่พุทธะอิสระค่อยๆ ทยอยปล่อยคลิปออกไป ท่านจะเห็นว่าพุทธะอิสระได้มีคำถามกับหัวหน้าพรรคก้าวไกลกลับไปว่า คุณมั่นใจแค่ไหนกับการที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม แล้วความผิดเดิมๆ มันจะไม่กลับมาเกิดขึ้นซ้ำอีก แล้วสามารถหยุดยั้งความรุนแรง ความจาบจ้วงล่วงเกิน หมิ่นปรามาสสถาบัน รวมทั้งมันจะเกิดบรรยากาศของความปรองดองขึ้นได้อย่างจริงๆ หละหรือ ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็รับปากว่าจะพยายามไปพูดคุย แล้วก็หาทางพูดกันหรือว่าหาวิธีการที่จะหยุดยั้งหรือว่าห้ามปรามบุคคลที่สร้างความร้าวฉาน หรือจาบจ้วงสถาบัน ไม่ทำให้เสียบรรยากาศของความปรองดอง

ด้วยประโยคหรือประเด็นเหล่านี้ พุทธะอิสระก็เลยทดลอง โยนหินถามทางดูว่า หัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณ เขาสามารถคอนโทรล ควบคุมบุคคลหรือว่าลิ่วล้อ บริวารที่อยู่ในอาณัติ หรือผู้ศรัทธาเชื่อมั่นในตัวเขาได้มากน้อยแค่ไหน จึงลองปล่อยคลิปการสนทนาความเมือง ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเจรจา ปล่อยเป็นระยะๆ ซึ่งเวลานี้ก็เข้าสู่ EP ที่ 4-5 แล้ว

สิ่งที่พุทธะอิสระได้รับก็คือ พวกด้อมส้มทั้งหลายก็พากันมารุมด่า รุมประณาม สับจิก หยามเหยียด ดูหมิ่นพุทธะอิสระ แล้วก็ต่อว่าเล็กๆ กับหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งมาให้ค่าอะไรกับไอ้โล้นซ่ากับไอ้ตัวน่ารังเกียจอะไรประมาณนี้ ซึ่งมันก็ทำให้เห็นว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลมโนขึ้นว่า การผลักดันออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมมาตรา 112 เข้าไปด้วย มันจะหยุดยั้งความแตกแยก และสร้างบรรยากาศของความปรองดองขึ้นได้

มันน่าจะเป็นเรื่องไม่จริง มโนขึ้นฝ่ายเดียว เพราะนี้แค่เริ่มต้นพวกลิ่วล้อด้อมส้มของเขาก็แสดงอาการ ปฏิกิริยาหรือพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง จาบจ้วง ล่วงละเมิดบุคคลที่เห็นต่างออกมาอย่างน่ารังเกียจ ประมาณว่า มึงกับกูจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

เหล่านี้จึงเป็นที่มาที่พุทธะอิสระตั้งข้อสงสัยและข้อสังเกตว่า การออกกฎหมายปรองดอง ที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลพยายามจะพูดและโฆษณาไปตามสื่อต่างๆ ว่า มันคือการสร้างความปรองดอง หยุดยั้งความรุนแรงก้าวร้าว ล้วนแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะขนาดแค่เริ่มต้น คุณก็ยังไม่สามารถที่จะไปห้ามปรามบุคคลที่แสดงความก้าวร้าว รุนแรง แล้วก็ยุยงปลุกปั่น ดูถูก ดูหมิ่น เหยียบย่ำผู้เห็นต่าง ในเวลานี้พวกคุณยังห้ามเขาไม่ได้ ซึ่งคนเหล่านั้นทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่ศรัทธาในตัวพวกคุณทั้งนั้น

เพราะงั้นข้อกล่าวอ้างที่คุณว่า ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ออกกฎหมายหยุดยั้งความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 จะสามารถทำให้เกิดความปรองดองในชาติได้ ร่วมไม้ร่วมมือพัฒนาคนในชาติได้

พุทธะอิสระยืนยันได้เลยว่า สิ่งที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ พรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ มโน เพ้อฝัน เขาแค่ฝันแต่เขาไม่ลงมือทำ

ถ้าเขาทำจริงๆ เขาจะต้องหยุดยั้งหรือห้ามปราม หรือส่งเสียงส่งสัญญาณแก่บรรดาผู้ศรัทธาเขาว่า พี่เอย น้องเอย เราต้องการบรรยากาศของความปรองดอง และผลักดันกฎหมายแห่งการปรองดองให้สำเร็จ เพราะฉะนั้นอะไรที่มันจะทำให้เกิดความร้าวฉาน แตกแยก ตำหนิติด่าบุคคลผู้เห็นต่าง มันไม่ควรกระทำ และไม่ควรจะมี เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการปรองดองให้เกิดขึ้น มันต้องเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน เริ่มต้นจากตัวคุณและสมัครพรรคพวกของคุณก่อน

แต่ว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับ ผู้ก่อตั้งพรรคก้าวไกล ผู้บริหารพรรคก้าวไกล สส.พรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ ไม่มีใครสักคนออกมาห้ามปราม หรือส่งสัญญาณเตือนให้เกิดสติว่าเรากำลังก้าวไปสู่ชัยชนะ ความสำเร็จข้างหน้า เพราะฉะนั้นต้องอดออม อดใจ อดกลั้น อดทน ทำไม่ได้ และไม่คิดจะทำ เพราะฉะนั้นพุทธะอิสระจึงเชื่อโดยสุจริตใจว่า ข้ออ้างว่า ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองเป็นเท็จทั้งหมด

การที่พรรคก้าวไกลกระวีกระวาด กระตือรือร้น ดิ้นรน ขวนขวายที่จะผลักดันกฎหมายปรองดอง แท้จริงแล้วไม่ใช่เพื่อการปรองดองของชาติ แต่เพื่อการหลุดพ้นของบุคคลที่ระดับแกนนำ บริษัท บริวาร ลิ่วล้อของตนที่ต้องคดีมาตรา 112 และกฎหมายการชุมนุมต่างหากเล่า

เท่าที่พุทธะอิสระประมวลภาพได้ มันมีอาการแบบนี้ ก็เข้าใจละนะว่า แกนนำกับผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล รวมทั้งอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องคดีมาตรา 112 แล้วก็เห็นว่าสู้ไปก็ไม่มีทางชนะ ก็เลยอยากหาทางลง

แต่วิธีที่จะลงก็ไม่ใช่ด้วยการออกกฎหมาย มันต้องแสดงความสำนึกรับผิดชอบในพฤติกรรมที่ตนเองกระทำในอดีตที่ผ่านมา ด้วยการแสดงความจริงใจ ขอขมา อภัย ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา แต่ถ้าเป็นพระราชา พระมหากษัตริย์ ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้สภาผู้แทน รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนทั้งประเทศ มาร่วมหาทางออกทางลงให้พวกคุณ ซึ่งมันน่าจะไม่ถูกต้อง

วิธีที่ถูกต้องก็อย่างที่บอกว่า คุณก็แสดงความสำนึกผิด แล้วก็ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรนำขึ้นส่งสำนักพระราชวัง เพื่อทูลเกล้าถวายเพื่อทรงทอดพระเนตร และทรงมีพระราชวินิจฉัย พระเมตตา การุณ อย่างไรก็สุดแล้วแต่พระอัธยาศัย อย่างงั้นมันจึงจะถูกต้อง

ไม่ใช่มาหาวิธีเอามวลชนเข้าไปบีบ เอากฎหมายเข้าไปบีบ ซึ่งก็เพื่อหาทางรอดทางลงให้แก่ตัวเองทั้งนั้น ประชาชนทั้งประเทศไม่ได้อะไรเลยกับสิ่งที่พวกคุณทำอยู่ ช่างเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจมาก แล้วก็ไม่จริงใจที่จะยุติปัญหา รวมทั้งไม่สำนึกว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเองผิดพลาด ไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่สำนึกผิด

เมื่อไม่สำนึกผิดแล้วจะมาหาทางลง มันจะมีทางที่ไหนให้คุณลง ทุกคนในประเทศนี้เขาก็มองออก เพราะงั้นจึงอยากบอกหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำทางจิตวิญญาณ ผู้ก่อตั้งพรรคว่า ทางออก ทางรอด ทางลง มันง่ายมากแค่แสดงความสำนึกผิด ขอพระราชทานอภัยโทษด้วยตนเอง รวมทั้งบุคคลที่จาบจ้วง ล่วงเกินทั้งหมด ก็จบแล้ว

ขอย้ำว่าอย่ามาบังคับให้สภาผู้แทนฯ และสว. ผ่านร่างกฎหมาย แล้วก็ใช้บริการของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการของตนเอง เช่นนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวเกินไป เห็นแก่ประโยชน์ตนเป็นใหญ่

แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ยังมีหลักคิดที่ว่า การพูดคุยนั้นเป็นกระบวนหนึ่งในการยุติปัญหาและรวมทั้งสามารถหยุดยั้งความรุนแรง ความร้าวฉานในสังคมได้ ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำ แต่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณคิด เพราะเป็นการเอาเปรียบคนทั้งประเทศ เสียดายภาษีที่ต้องจ่ายไปจ้างคนเห็นแก่ตัวพวกนี้มาเอาเปรียบคนไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top