Monday, 28 April 2025
กระทรวงกลาโหม

'นายกฯ' ลั่น!! ไม่สมควร หักค่าดูดส้วมทหารเกณฑ์ เชื่อ!! 'รมว.กลาโหม' รู้หน้าที่ว่าควรทำยังไงต่อไป

(13 มิ.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเผยแพร่เอกสารการหักค่าใช้จ่ายทหารเกณฑ์ใหม่ สังกัดกองพันทหารเกณฑ์เสนารักษ์ที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ที่มีการระบุค่าดูดส้วม จำนวน 500 บาท โดยนายกฯ ได้เห็นข่าวนี้เเล้วใช่หรือไม่ ว่า เมื่อสักครู่เห็นนิดหนึ่งจากทวิตเตอร์เอ็กซ์ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ตนเข้าใจว่านายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็คงจะมีการตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้ไม่สมควรจะเกิดขึ้น และยอมรับไม่ได้

เมื่อถามว่า เงินของทหารเกณฑ์มีประเด็นที่ถูกหักออกไปเยอะ นายกฯ จะกำชับอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเขารู้หน้าที่อยู่แล้วว่าอะไรควร หรือไม่ควร

‘สุทิน’​ เผย ‘นายกฯ’ กำลังดูข้อกฎหมายเรือดำน้ำ ยัน!! หากแล้วเสร็จ จะเร่งนำเข้า ครม. ให้เร็วที่สุด

(25 มิ.ย. 67) นายสุทิน​ คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อเรือดำน้ำ ที่ขณะนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างการดูข้อกฎหมายและจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เมื่อใด ว่า หากพิจารณาเสร็จ ก็จะพยายามนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด

ส่วนเรื่องความคืบหน้านโยบายให้เหล่าทัพ จัดซื้อยุทโธปกรณ์แบบแพ็กเกจ มีความคืบหน้าอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า จะมีการประชุมภายในสัปดาห์นี้พร้อมจะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา ซึ่งความจริงแล้วได้มีการพูดคุยกันนอกรอบกับผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว โดยทุกคนมีความเห็นพ้องต้องกัน แต่เพื่อให้มีความละเอียด แต่จะทำอย่างไรให้ออกมาเป็นมาตรฐานเดียวกันในทางปฏิบัติ จึงให้มีการไปศึกษาดู เช่น การแก้กฎหมายหรือออกเป็นคำสั่งหรือตั้งคณะทำงานพิเศษ ซึ่งคิดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงของปีงบประมาณ 2569 โดยได้มอบหมายให้พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะทำงาน และปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นคณะทำงานพร้อมจะมีการเชิญเหล่าทัพต่าง ๆ เข้ามาร่วมพูดคุยว่าอะไรทำได้เลย และอะไรต้องแก้

ส่องเมนูสวัสดิการภายใน 'ทบ.' มื้อละ 10 บาท ถูกกว่าทหารเกณฑ์ จัดเต็มด้วย 'ต้ม-ผัด-แกง-ทอด' หมุนเวียน ตบท้ายด้วยของหวาน

(2 ส.ค. 67) ภายหลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในโซเชียลมีเดีย กรณีทหารกองประจำการของหน่วยทหารหน่วยหนึ่งใน กทม. อัดคลิปรีวิวอาหารเช้า ประกอบด้วย 2 เมนู ต้มจืดแตงกวาใส่ไข่ กุนเชียงทอด สภาพเหมือนอาหารบูด มีแต่น้ำ พร้อมฝากถึงผู้บังคับบัญชาเข้ามาดูแล

ต่อมา กองทัพบก โดย พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ออกมายอมรับว่า ผู้บังคับหน่วยดังกล่าวได้ทราบเหตุการณ์แล้ว จึงได้พูดคุยทำความเข้าใจกับกำลังพล รวมถึงยอมรับข้อบกพร่องในการกำกับดูแลการแจกจ่ายอาหารให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ พร้อมทั้งให้ปรับปรุงเมนูอาหาร และวิธีการแจกจ่ายอาหารให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เวรรักษาการณ์ ได้รับอย่างทั่วถึงพร้อมเพียงกัน 

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการหักเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือนของทหารกองประจำการในส่วนราชการ สังกัดกระทรวงกลาโหม เป็นไปด้วยความเรียบร้อยโดยหน่วยที่รับผิดชอบ กำกับดูแล รวมถึงให้การสนับสนุนการฝึกทหารใหม่ สามารถใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน ตรงตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม 

กลุ่มค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องหักจากเงินเดือนพลทหาร คือ การหักค่าประกอบเลี้ยง ประมาณ 2,100 บาทต่อเดือน หรือวันละประมาณ 70 บาท หรือ มื้อละ 23 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนำไปเปรียบเทียบราคาและคุณภาพอาหาร ซึ่งเป็นสวัสดิการภายในกำลังพลในกองบัญชาการกองทัพบก พบว่า ราคาถูกกว่าเท่าตัวของมื้ออาหารทหารกองประจำการ โดยแยกเป็น ทหารชั้นสัญญาบัตร และทหารชั้นประทวน ซึ่ง กินเมนูเดียวกัน ในราคามื้อละ 10 บาท โดยแต่ละมื้อ จะประกอบด้วย ต้ม แกง ผัด ทอด หมุนเวียนกันไป ตบท้ายด้วยของหวาน

สำหรับเมนูในวันนี้ คือ ส้มตำไทย 1 จาน ต้มแซ่บหมู 1 ถ้วย ข้าวสวยพร้อมไก่ทอด 2 ชิ้น ส่วนของหวาน ลอดช่องน้ำกะทิ

ในขณะที่บุคคลทั่วไปที่เข้ามาติดต่อราชการ สามารถเข้ามาใช้บริการ โดยคิดราคาคนละ 40 บาท

โดยสวัสดิการอาหารกลางวันกำลังพล ขายในกองบัญชาการกองทัพบก หัวละ 10 บาท เกิดขึ้นในยุค พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีตผู้บัญชาการทหารบก หวังช่วยเหลือและลดค่าใช้จ่ายของกำลังพล ซึ่งเป็นการนำเงินส่วนตัวของ พล.อ.วิมล มาอุดหนุน ในส่วนต่างราคาอาหาร แต่ต่อมา เนื่องจากวัตถุดิบประกอบอาหารมีราคาเพิ่ม ทำให้กองทัพบกต้องจัดงบประมาณมาอุดหนุนจนถึงปัจจุบันนี้

‘สุชาติ’ ยกย่อง ‘ภูมิธรรม’ มุ่งมั่นทำเพื่อชาติบ้านเมือง ยก!! เป็นคนดี-มีวิสัยทัศน์-เป็นผู้นำ ยินดีนั่งกลาโหม

(10 ก.ย. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุผ่านแฟนเพจ ‘สุชาติ ชมกลิ่น’ เผยความประทับใจที่ได้ร่วมงานกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งนายภูมิธรรมดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ 

โดยระบุว่า “ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ผมได้อยู่ใต้ร่มเงา ‘พี่อ้วน ภูมิธรรม’ ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ ผมมีเพียงความรู้สึกประทับใจในบทบาทการทำงาน ที่พี่ทำไว้เป็นแบบอย่าง เป็นต้นแบบการทุ่มเทกำลังแรงใจ เพื่อชาติเพื่อบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี ความเป็นผู้นำและวิสัยทัศน์ ทำให้พี่อ้วนเป็นเจ้ากระทรวงที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง และผมขอแสดงความยินดีกับการไปดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ครับ…

‘เฮ้ง’ สุชาติ ชมกลิ่น”

ย้ายทหาร 67 จับตา ผบ.ทบ. 'บิ๊กปู' ถอดรหัสเปลี่ยนยกแผง ผบ.พล.ทัพ 1

ได้วิเคราะห์แบบแผ่วผ่าน...เกี่ยวกับการแต่งโยกย้ายนายทหารไว้ช่วง 'ต้นเดือน-กลางเดือน ก.ย.'

ดังนั้น เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้วเมื่อ 20 ก.ย.2567 จำนวน 808 นาย ก็ขอขีดเส้นใต้หมายเหตุเอาไว้พอเป็นสังเขป เพื่อการติดตามสถานการณ์...ดังต่อไปนี้...

>> เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป็นรอยต่อระหว่าง รมว.กลาโหมพลเรือนสองคน คือ สุทิน คลังแสง และ ภูมิธรรม เวชยชัย...เอาเข้าจริงบัญชีโยกย้ายจบตั้งแต่มติกรรมการ 7 เสือกลาโหม ที่ 'บิ๊กทิน' ลงนามเชิงธุรการไว้ตั้งแต่ 3 ก.ย.วันสุดท้ายของการเป็นรัฐมนตรี...

ส่วน 'บิ๊กอ้วน' หรือ 'สหายใหญ่' นั้น เพียงแค่ตรวจทบทวน เคลียร์คัทบางประเด็นเกี่ยวกับข่าวลือ ว่าที่กรณี ผบ.ทร.คนใหม่เท่านั้น...สรุปความว่างานนี้โดยภาพรวมฝ่ายการเมืองคือ รมว. และ รมช.กลาโหม...ไม่ได้รุกล้ำโผหรือข้อเสนอของแต่ละเหล่าทัพที่ต่อสู้ฟาดฟันกันมาแต่ประการใด...

>> ส่องกล้องบัญชีรายชื่อแต่ละจุดของกลาโหมยุคใหม่ตั้งแต่ 1 ต.ค.2567 เป็นต้นไป  

- สำนักงานปลัดกลาโหม - พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ 'บิ๊กหนุ่ย' (ตท.24) นายทหารคอแดง เคยเต็งผบ.ทบ.ถูกโยกข้ามห้วยเป็น รองปลัดกลาโหม รอขึ้นปลัดกลาโหม ปีหน้า (2568) ต่อจากเพื่อนรัก พล.อ.สนิทชนก สังขจันทร์

- กองบัญชาการกองทัพไทย - พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ 'บิ๊กหยอย' (ตท.24) นายทหารคอเขียว เคยเต็งผบ.ทบ.เช่นกัน ถูกโยกไปเป็น รองผบ.ทหารสูงสุด รอขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดปีหน้าสืบต่อจากเพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

- กองทัพบก - พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ 'บิ๊กปู' (ตท.26) จาก เสธ.ทบ.ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ตามข้อเสนออันแข็งแรงแข็งขันของ 'บิ๊กต่อ' พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ที่กล่าวกันว่างานนี้ 'บิ๊กต่อ' น้องเลิฟของ 'ลุงตู่' และ 'บิ๊กแดง' ใจเกินร้อยในการฝ่าเบียดแรงเสียดทานแรงต้านทั้งในและนอกกองทัพ...แต่ถึงที่สุดเดิมพันของ 'บิ๊กต่อ' ก็คงอยู่ที่ความเป็นทหารอาชีพ (หรือไม่) ของ 'บิ๊กปู' ซึ่งครบเครื่องทั้งบู๊-บุ๋น และที่สำคัญจะเกษียณเดือน ก.ย.2570 โน่น!!

- กองทัพเรือ แม้จะมีคลื่นใต้น้ำต่อต้านรุนแรง แถมมีใบปลิว บัตรสนเทห์สารพัด...แต่ก็ไม่อาจหยุด 'บิ๊กดัน' อย่าง 'บิ๊กดุง' พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม  (ตท.23) ผบ.ทร.ที่กำลังเกษียณ ที่ยืนกรานเสนอ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ 'บิ๊กแมว' (ตท.23) ที่ปรึกษาพิเศษ ทร.ขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ได้...การผงาดของ 'บิ๊กแมว' ที่จบนักเรียนนายเรือเมอร์วิค เยอรมนี และไม่ได้อยู่ในไลน์ 5 ฉลามเสือ...ทำให้ต้องเด้งดึ๋งหนึ่งในตัวเต็งสำคัญที่พลาดหวังมาก่อนอย่าง พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข (ตท.25) รองผบ.ทร.ไปเกษียณในตำแหน่งรองผบ.ทหารสูงสุด...

- กองทัพอากาศ ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน (พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล-บิ๊กไก่) ยังอยู่ในตำแหน่งจนถึง ก.ย.2568  

>> ขีดเส้นใต้หมายเหตุส่งท้าย...หากจะโฟกัสไปที่กองกำลังสำคัญที่เป็นหัวใจสำคัญในการดูแลความมั่นคงที่อาจโยงใยกับการเมือง การรัฐประหาร ก็ต้องส่งกล้องไปที่กองทัพภาคที่ 1 ที่มีพื้นที่รับผิดชอบ 26 จังหวัดภาคกลาง คุมกองพลสำคัญ มีการจัดทัพปรับแถวใหม่ ทั้งแม่ทัพและผบ.พล.ใน 4 กองพลสำคัญ ดังนี้...

- มทภ.1 พล.ท.อมฤต บุญสุยา 'บิ๊กใหญ่' ( ตท.27) เกษียณ 2571 ตำแหน่งเดิม มทน.1(แม่ทัพน้อย)
- มทน.1 พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณ 'บิ๊กไก่' (ตท.28) เดิม รองมทภ.1
- ผบ.พล.1 รอ.พล.ต.กิตติ ประพิตรไพศาล (ตท.31) เดิมรอง ผบ.พล.2 รอ.
- ผบ.พล.2 รอ. พล.ต.เบญจพล เตชาติวงศ์ ณ อยุธยา (ตท.32) เดิม รองผบ.พล.2 รอ.
- ผบ.พล.9 พล.ต.อัษฏาวุธ ปันยารชุน เดิมรอง ผบ.พล.9    
-ผบ.พล.11 พล.ต.ยุทธนา มีเจริญ (ตท.30) เดิม รองผบ.พล.11

อันที่จริง 4 รองผบ.พล.ที่ขึ้นเป็น ผบ.พล.ขณะนี้ ยังมีชั้นยศ พ.อ.พิเศษ เท่านั้น แต่ขออนุญาตเพิ่มยศตามตำแหน่งใหม่...

จับตามองบทบาทพวกเขาดี ๆ หากมีความผิดปกติของเหตุบ้านการเมือง !!

‘บิ๊กเล็ก’ เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจอย่างเป็นทางการ ช่องทางใหม่สื่อสารระหว่างกระทรวง-ประชาชน

เมื่อวานนี้ (28 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการเปิดช่องทางการสื่อสารกับประชาชนผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีชื่อว่า ‘สนามไชย2’ พร้อมมีการโพสต์แนะนำเฟซบุ๊กแฟนเพจ ความว่า 

'สนามไชย๒' เป็นช่องทางสื่อสารที่สร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในกิจกรรมต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหม โดยเฉพาะภารกิจที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับมอบหมายจากท่านภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ภายใต้แนวคิดการสื่อสารเพื่อ 'รวมไทยไปด้วยกัน'

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
28 ตุลาคม 2567

#สนามไชย2
#รวมไทยไปด้วยกัน

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รับตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

พลเรือตรี เอตม์ ยุวนางกูร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง รับตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญจาก นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ในโอกาส มาตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของกำลังพล การรับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง ของหน่วย และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มีต่อ กองทัพเรือ ในการดูแลรักษาทรัพยากรของประเทศไทย ณ หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด

หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด มีภารกิจ ในการป้องกันการคุกคามทางทะเล และทางอากาศ คุ้มครองเรือประมงไทย สนับสนุนการปฏิบัติการของเรือและกำลังทางบก ปฏิบัติการจิตวิทยา และประชาสัมพันธ์กับส่วนราชการ และราษฎรในพื้นที่ เพื่อความสัมพันธ์อันดีและง่ายในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกัน 

‘พล.อ.ณัฐพล’ เผย เดินหน้าฟื้นฟูแม่สาย เฟส 2 เล็งเสนอจัดทำแผนระบายน้ำ – พื้นที่รับน้ำ แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

(26 พ.ย. 67) พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม  ( ศปช. ) ให้สัมภาษณ์รายการ สถานีประชาชน ช่อง ThaiPBS ความคืบหน้าการฟื้นฟู อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังประสบสถานการณ์น้ำท่วม โคลนถล่ม ในเฟสแรกมีการส่งมอบพื้นที่ให้ท้องถิ่น 3 แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบลแม่สาย เทศบาลตำบลเวียงพังคำ และเทศบาลตำบลแม่สายมิตรภาพ การฟื้นฟูเฟสที่ 2 เป็นเรื่องของการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ พร้อมกับการวางแผนการแก้ไขปัญหาสำคัญ อย่างการสร้างพนังกั้นน้ำ และการขยายลำคลอง 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การที่ทำงานสำเร็จ ไม่ใช่เฉพาะทหาร แต่เป็นทุกหน่วยงานราชการร่วมกัน ก่อนมีการตั้ง ศปช.ส่วนหน้า ทุกหน่วยงานก็เข้าพื้นที่ที่ได้รับการประสานงานขอความช่วยเหลือ ตามความพร้อมของแต่ละหน่วยงาน เมื่อตั้ง ศปช.ส่วนหน้าแล้วนั้น ก็มาวางแผนว่า จะดำเนินการอย่างไรให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดได้ ตามภารกิจที่น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธาน ศปช. มอบหมายมาให้ ต้องมีการกำกับติดตาม จึงแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 พื้นที่ และกำหนดหัวหน้ารับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ และให้มีการส่งไทม์ไลน์การทำงานตามกรอบสิ้นเดือนตุลาคม ตามที่ประสาน ศปช.กำหนด แต่ละพื้นที่จดำเนินการอย่างไร เมื่อพื้นที่ไหน ไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่เสนอมา ก็จะมีการประชุมกันทุกวัน เพื่อสรุปงานแต่ละวัน เพื่อหาข้อสรุปปัญหาการเสร็จไม่ตามกำหนดที่เสนอมาของแต่ละพื้นที่ ถ้ามีปัญหา ไม่ว่าจะ คน เครื่องมือ ก็จะส่งเพิ่มเติมให้ พร้อมกับการสนับสนุนของ ประธาน ศปช. การทำงานแต่ละพื้นที่ก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด 

วิธีการทำงานของ พล.อ.ณัฐพล ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้ ได้รับการพูดถึงจากประชาชนที่ได้เห็นการทำงานในพื้นที่อยู่ตลอด ทำการสั่งการหน้างาน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมทุกวัน ได้ประโยชน์หลายอย่าง อย่างแรก ได้กำกับติดตามงาน ให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนด ทำให้สามารถประเมินได้ว่าหน้างานที่เห็น จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ไหม  และเห็นปัญหาหน้างานที่แท้จริง ไม่ต้องรอการรายงานขึ้นมา อย่างที่สอง ทำให้สามารถเยี่ยมเยียนผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะถือว่าการให้กำลังใจคนทำงาน ที่ประหยัดที่สุด คือการเยี่ยมเยียน

การทำงานที่ผ่านมา มีการคงกำลังพลในการปฏิบัติงาน 1,700 นาย ศปช.ส่วนหน้ารักษาระดับกำลังพลอย่างน้อย 1,100 นาย ในพื้นที่ ส่วนที่เหลือให้มีการหมุนเวียนสลับกันไปพัก กำลังหลักมาจากหน่วยทหารในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งบ้านกำลังพลก็ประสบเหตุน้ำท่วมเช่นกัน ทำให้ต่างก็มีความกังวลบ้านของตน ก็ต้องใช้วิธีการให้กำลังใจตรวจเยี่ยมในทุกๆวัน และให้หมุนเวียนกลับไปดูแลบ้านของตน และกำชับผู้บังคับบัญชาในแต่ละกองทัพ ให้ดูแลบ้านของกำลังพลที่มาทำงาน จึงทำให้มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานต่อเนื่องจนจบภารกิจ 

ส่วนในการดูแลเฟสที่ 2 หลังจากส่งมอบพื้นที่ในการฟื้นฟูแล้วนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า  หลังจากส่งมอบพื้นที่แล้ว ทางรัฐบาลทำการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาการแก้ปัญหาในปีหน้า ในส่วนของการทำงานก็ยังติดตามการแก้ปัญหาต่อไป ทั้งในเรื่องการฟื้นฟูเฟสที่ 2 การป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในปีต่อไป ไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน เพียงแต่กลับมาร่วมประชุมกับหน่วยงานในส่วนกลางเพื่อเตรียมการในปีหน้า 

ในส่วนการทำงานปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพล ที่เรียกว่าเป็นจิตอาสาเต็มรูปแบบ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ในปัจจุบัน กองทัพมีการปลูกฝังกำลังพล ในเรื่องของการเป็นจิตอาสา ทุกระดับ จนถึงนักศึกษาวิชาทหาร มีการอบรมเรื่องนี้มา เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สามารถช่วยประชาชนได้ ก็พร้อมช่วยเหลือโดยไม่แบ่งแยก 

ในส่วนของกลาโหม ในการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จากตรวจเยี่ยมพื้นที่ทุกวัน ก็มีการสอบถามพูดคุยความเห็นจากประชาชน โดยมีความเห็นว่า ลำน้ำแม่สาย แต่เดิม ลึก 5 เมตร ปัจจุบันเหลือเพียง 1.5 เมตร  จึงเป็นสาเหตุให้มวลน้ำเอ่อล้นเข้าบ้านเรือน เขตชุมชน จงึต้องทำการขุดลอกลำน้ำ ทาง  พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ได้ประสานงานกับทางประเทศเมียนมาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และได้รับการตอบรับสนับสนุนในการขุดลอกลำน้ำครั้งนี้  ต่อมา จะเป็นในเรื่องของการสร้างเขื่อน ด้วยลำน้ำแม่สาย มีช่วงลำน้ำหลายจุด ที่พัดเข้าสู่ฝั่งประเทศไทย ทำให้เกิดการกัดเซาะตลิ่ง รวมทั้งต้องวางแผนในการทำพื้นที่ระบายน้ำ พื้นที่รับน้ำ ด้วยพื้นที่แม่สายเป็นลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้เอื้อต่อการเกิดน้ำท่วม จึงต้องวางแผนจัดทำพื้นที่ระบายน้ำ พื้นที่รับน้ำ 

สำหรับการถอดบทเรียนในเหตุการณ์น้ำท่วมแม่สายนั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกองทัพ หลังจากนี้ทางกองทัพจะจัดหายุทโธปกรณ์อะไรมาเพิ่มเติม ทางกลาโหมมีคน ทางมหาดไทยมีเครื่องมือ อนาคตอาจจะมีการทำความร่วมมือระหว่างกันในการทำงาน  รวมทั้งให้มีการจัดทำบัญชีภาคเอกชนและจิตอาสาที่เข้ามาร่วมภารกิจ เพราะหลายๆทีมมีประสบการณ์ หากมีเหตุการณ์จะได้ประสานงานเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจได้

'พล.อ.ณัฐพล' ประสานตั้งศูนย์ช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้ พร้อมเร่งดูแลผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน

เมื่อวันที่ (28 พ.ย.67) พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย และร่วมประชุมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี 

ในที่ประชุมฯ พล.อ.ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรีมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย โดยสั่งการให้มาติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจากการประเมิน และติดตามการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง 4 จังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ที่ผ่านมานั้น ควรมีศูนย์ประสานงานในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาดำเนินการภายใต้ศูนย์การบริหารปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. ส่วนกลาง และเพื่อให้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิผลมากขึ้น ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นศูนย์ประสานงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน่วยงานแกนกลางที่บูรณาการทั้งหมดในการช่วยเหลือ และมอบหมายให้กองทัพภาคที่ 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นศูนย์กลางการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆเพื่อสนับสนุนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้

"ได้รับคำสั่งให้ ศอ.บต.เป็นศูนย์บูรณาการการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่  จชต. เพื่ออำนวยการในภาพรวมหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและให้ ทภ.4/กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นศูนย์บูรณาการทรัพยากรของ กห. และ กอ.รมน. รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ในการให้การสนับสนุนกำลังพล ยานพาหนะและเครื่องมือ ตามที่ ศอ.บต. ร้องขอ…" พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ ออท.สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน/ไทย 

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กห. ได้กล่าวว่า ในวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้การต้อนรับ นาง Rukhsana Afzaal (รุคซานา อัฟซอล) เอคอัคราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย (ออท.สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน/ไทย) ณ ห้องสุรศักดิ์มนตรี ในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม 

โดยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบปะหารือกันและชื่นชมทั้งสองประเทศ ที่ได้ดำเนินความสัมพันธ์ฉันมิตรมาอย่างยาวนาน โดยกองทัพไทย กับกองทัพปากีสถาน มีประวัติศาสตร์ความร่วมมือที่ใกล้ชิด และเคยเป็นสมาชิกของภาคีองค์การสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Treaty Organization: SEATO) 

รวมทั้ง มีความร่วมมือในหลายมิติ อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือน การฝึกศึกษา การประชุมในระดับต่าง ๆ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และการลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือ ด้านการป้องกันประเทศ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ เมื่อ 5 มี.ค.64 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการผลักดันความร่วมมือระหว่างกัน

โดยออท.สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน/ไทย ได้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้ให้การต้อนรับ รวมทั้งกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองประเทศ จะได้พัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน และจะยินดีเป็นอย่างยิ่งมาก หากปากีสถาน ได้เข้าร่วมการฝึก Cobra Gold กับประเทศไทย

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวว่า การที่จะเข้ามาขอร่วมการฝึกคอบร้าโกลด์ ต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าภาพร่วมคือไทยและสหรัฐฯ และเห็นชอบด้วยกับการที่จะเน้นการฝึกและสังเกตการณ์การฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ (H A D R) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่อการแก้ปัญหาภัยธรรมชาติ ยาเสพติด และปัญหาไซเบอร์

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมยินดีสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ ของง ออท.สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน/ไทย อย่างเต็มความสามารถ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถสานต่อการดำเนินงาน ระหว่างกระทรวงกลาโหม ของทั้งสองประเทศ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ยินดีอย่างยิ่งที่ได้หารือกับ เอกอัครราชทูต ในวันนี้เกี่ยวกับความไม่สงบในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ ไทยต้องการเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ในหลายพื้นที่มีความสงบสุขให้เกิดเสถียรภาพ ซึ่งจุดยืนของประเทศไทย คืออยากเห็นการเจรจาด้วยความอดทนอดกลั้นการหารือ ด้วยวิธีสันติและปรารถนาให้ทุกประเทศได้ส่งเสริมให้มีความสงบสุขพร้อมดูแลประชาชนของทุกฝ่าย ให้เกิดความปลอดภัยทั้งในประเทศและภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top