Thursday, 29 May 2025
ค้นหา พบ 48420 ที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เผยดีล F1 คืบหน้ามาก ลุ้นผลไทยได้จัดแข่ง?.. ภายใน 2-3 เดือน

(26 พ.ค. 68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยว่า การเจรจากับผู้บริหาร Formula One Group (F1) เกี่ยวกับการจัดแข่งรถ F1 รูปแบบ City Circuit ในประเทศไทย มีความคืบหน้าในทิศทางที่ดี คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า

การหารือเกิดขึ้นระหว่างการเยือนราชรัฐโมนาโก เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯ ได้พบประธาน F1 และเข้าเฝ้าเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 พร้อมทั้งย้ำว่าการเดินทางครั้งนี้เน้นเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ใช่การท่องเที่ยว โดยก่อนหน้านี้ยังได้หารือเรื่องการค้าและ FTA ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

นายกฯ ระบุว่า การดึง F1 มาไทยถือเป็นโอกาสที่ดี โดยไทยมีศักยภาพจัดแข่งในรูปแบบถนนในเมือง (City Circuit) ซึ่งได้รับความสนใจจากทางผู้บริหาร F1 และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับประเทศในเวทีโลก

แรงดึงดูดของบ้าน...มากกว่ากรีนการ์ดอเมริกัน คนไทยในสหรัฐฯ เลือกกลับ ถ้าเทียบกับชาติอื่นในเอเชีย

(26 พ.ค. 68) ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ลงคลิปวิดีโอทางช่อง YouTube ของตนเอง โดยแชร์สาระน่ารู้ในเรื่อง..อะไรทําให้คนไทยแตกต่างจากคนเอเชียชาติอื่น เวลาที่พวกเราไปเรียนที่อเมริกา? 

ความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างนักศึกษาไทยและนักศึกษาเอเชียชาติอื่นในสหรัฐอเมริกาคือเป้าหมายหลังสำเร็จการศึกษา โดยนักศึกษาไทยส่วนใหญ่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินทางกลับมาทำงานและใช้ชีวิตในประเทศไทย สวนทางกับนักศึกษาจากชาติเอเชียอื่นจำนวนมากที่มองหาโอกาสในการตั้งถิ่นฐานถาวรในสหรัฐฯ อ้างอิงข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์ตรงที่ศึกษาในสหรัฐฯ ช่วงปี 1990 ถึง 2004 ยืนยันเรื่องดังกล่าว และยังคงเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนจนถึงปัจจุบัน

สถิติล่าสุดในปี 2022 ชี้ว่า จากจำนวนนักศึกษาไทยประมาณ 5,000 คนในสหรัฐฯ มีเพียงราว 15% เท่านั้นที่เลือกทำงานต่อหลังเรียนจบ ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับชาติอื่น ในช่วงทศวรรษ 1990 นักศึกษาจีนเกือบ 90% เลือกที่จะไม่กลับประเทศ ขณะที่นักศึกษาอินเดีย โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีอัตราการอยู่ต่อสูงถึง 87% และผู้ที่จบปริญญาเอก STEM ระหว่างปี 2000-2015 (ข้อมูลปี 2017) เช่นเดียวกับนักศึกษาจากเกาหลีใต้และไต้หวันจำนวนไม่น้อยที่มุ่งหวังจะอยู่อาศัยในอเมริกาอย่างถาวร

ปัจจัยหลักที่ดึงดูดให้นักศึกษาไทยกลับบ้านเกิดคือความผูกพันกับครอบครัว ความคุ้นเคยกับสังคมและวัฒนธรรมไทย รวมถึงความรักในประเทศชาติ ทำให้ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีโครงการพิเศษเพื่อดึงดูดคนกลับเหมือนที่รัฐบาลจีนริเริ่มโครงการ “เต่าทะเล” (Sea Turtles) ตั้งแต่ปี 2010 เพื่อเชิญชวนคนเก่งกลับไปพัฒนาประเทศ เสน่ห์ของประเทศไทย ทั้งวัฒนธรรม อาหาร และความสัมพันธ์ในครอบครัว ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญ

แม้จำนวนนักศึกษาไทยในสหรัฐฯ จะลดลงจากประมาณ 11,600 คนในปี 2000 เหลือราว 5,000 คนในปี 2022 แต่แนวโน้มการกลับประเทศยังคงสูงอยู่เสมอ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยจำนวนมากมองว่าการไปศึกษาต่อต่างประเทศคือการเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์เพื่อนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิด มากกว่าจะเป็นบันไดสู่การย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่คนไทยเลือก “กลับบ้าน” ในขณะที่คนชาติอื่นอาจเลือก “จากบ้าน” ไปหาโอกาสที่ดีกว่าในต่างแดน

27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 วันเกิด ‘พุทธทาสภิกขุ’ ปราชญ์แห่งไชยา ผู้ได้รับยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก

พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ) หรือ พุทธทาสภิกขุ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2449 ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เดิมชื่อ “เงื่อม พานิช” ท่านเป็นพระผู้ผลิตสื่อธรรมะในยุคที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนา

ท่านได้ร่วมกับ “ธรรมทาส พานิช” ผู้เป็นน้องชาย ก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรมที่วัดร้างตระพังจิก ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมโดย “พุทธทาสภิกขุ” ท่านให้ชื่อว่า สวนโมกขพลาราม เพราะบริเวณที่ตั้งมีต้นโมกและต้นพลาขึ้นอยู่มาก มีความหมายว่า “สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์” ต่อมาในปี 2486 “สวนโมกขพลาราม” ได้ย้ายมาอยู่ที่วัดธารน้ำไหล บริเวณเขาพุทธทอง ริมทางหลวงหมายเลข 41 อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ท่านมีความปรารถนาให้ “สวนโมกขพลาราม” หรือ สวนโมกข์ เป็นสถานที่แสวงหาความสงบและศึกษาธรรม โดยภายในมี “โรงมหรสพทางวิญญาณ” ซึ่งเป็นอาคารที่รวบรวมภาพศิลปะ คำสอนในศาสนานิกายต่าง ๆ ภาพพุทธประวัติ รอบบริเวณวัดเป็นสวนป่าร่มรื่นเต็มไปด้วยปริศนาธรรม ปราศจากโบสถ์และศาลาอย่างวัดทั่วไป เหมาะสำหรับเป็นที่ฝึกอบรมจิตใจและศึกษาพุทธศาสนา ทั้งยังมีการฝึกสอนสมาธิสำหรับคนไทยและชาวต่างชาติด้วย

“พระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินฺทปญฺโญ)” หรือ “พุทธทาสภิกขุ” มรณภาพเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2536 ที่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาในวันที่ 20 ตุลาคม 2548 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้ประกาศยกย่องให้ “พุทธทาสภิกขุ” เป็นบุคคลสำคัญของโลก

ทรัมป์จวกปูติน ‘บ้า’ ปมถล่มยูเครนครั้งใหญ่ เตือนรุกรานยูเครนมาก จะพารัสเซียล่มสลาย

(26 พ.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียอย่างรุนแรงผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยระบุว่าปูติน “บ้าไปแล้ว” และเตือนว่าหากยังคงพยายามยึดครองยูเครนทั้งหมด จะนำไปสู่ “จุดจบของรัสเซีย”

ทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีเมืองต่างๆ ในยูเครน พร้อมระบุว่าเป็นการสังหารผู้บริสุทธิ์โดยไม่จำเป็น และกำลังพิจารณาคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม

นอกจากปูติน ทรัมป์ยังวิจารณ์ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน โดยกล่าวว่าท่าทีแข็งกร้าวของเซเลนสกี “สร้างปัญหา” และ “ควรหยุดพูดแบบนั้นได้แล้ว” พร้อมชี้ว่าความขัดแย้งนี้เป็นผลจาก “ความไร้ความสามารถ”

ทรัมป์ย้ำว่าสงครามยูเครนจะไม่เกิดขึ้นหากเขายังเป็นประธานาธิบดี โดยโยนความรับผิดชอบไปที่ปูติน เซเลนสกี และอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมยืนยันว่าเขาเพียงต้องการ “ช่วยดับไฟสงครามที่ใหญ่และน่าเกลียดนี้”

2 นักศึกษาฟีโบ้ มจธ. โชว์นวัตกรรมสร้างอาชีพ “ปิ้ง ปิ้ง หุ่นยนต์ปิ้งหมู” ช่วยแม่ค้าไม่ต้องเปลืองแรง

“ปิ้ง ปิ้ง หุ่นยนต์ปิ้งหมู” เป็นผลงานการออกแบบและพัฒนาโดย นายวริทธิ์ธร คงหนู หรือ เด่น และ นายชวภณ วชิรานิรมิตหรือ ไออุ่น นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่ได้แรงบันดาลใจจากร้านขายหมูปิ้ง 

“พวกเราเดินผ่านร้านหมูปิ้งแถวมหาวิทยาลัยทุกวัน ก็เห็นแม่ค้าต้องยืนปิ้ง ยืนพลิกหมูอยู่ตลอดเวลา บางวันมีออเดอร์เยอะก็ต้องคอยพลิกไม้หลายรอบกว่าจะสุก ลูกค้าต้องยืนรอ เลยคิดว่า ถ้ามีหุ่นยนต์มาช่วยปิ้งแทนได้ ก็น่าจะช่วยให้แม่ค้าไม่ต้องเสียแรงมาก แถมยังมีเวลาทำอย่างอื่น เช่น รับลูกค้า เตรียมของ หรือพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น” วริทธิ์ธร หรือ เด่น กล่าวถึงแรงบันดาลใจ

วริทธิ์ธร กล่าวว่า เริ่มต้นก็มาดูขั้นตอนการปิ้งหมูเป็นอย่างไร ถ้าเราทำเป็นระบบออโตเมชันเราต้องทำอะไรบ้าง ปกติการปิ้งทำกันอย่างไร มีการหยิบ จับ เคลื่อนย้าย หรือการพลิกหมู การตรวจดูว่าหมูสุกหรือยัง แล้วเราก็มาแบ่งส่วนที่จะพัฒนาว่า จะพัฒนาอะไรก่อน ซึ่งตัวหุ่นยนต์ Demo 1 เราเริ่มจากการพัฒนาในส่วนของการพลิกหมูให้ได้บนเตา แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตัวระบบควบคุม การออกแบบตัวจับและโครงสร้างของเตา ตลอดจนการคำนึงถึงข้อจำกัดต่างๆ

กลไกการทำงานของหุ่นยนต์ 'ปิ้ง ปิ้ง' คือการนำแขนกลที่สามารถทำงานร่วมกับคน (Co-operation Robot) มาพัฒนาให้ช่วยพลิกหมูปิ้ง โดยหุ่นยนต์จะค่อย ๆ พลิกหมูทีละไม้ ส่วนคนจะเป็นผู้ตรวจดูว่าหมูไม้ไหนสุกแล้วจึงหยิบออก ส่วนไม้ที่ยังไม่สุก หุ่นจะทำหน้าที่พลิกต่อไปโดย Demo 1 หุ่นยนต์สามารถพลิกหมูได้ครั้งละ 8 ไม้ และพลิกได้แค่ด้านเดียว เพราะเตายังมีขนาดเล็ก ขณะเดียวกัน หมูแต่ละไม้มีขนาดและวิธีเสียบที่ต่างกัน จึงสุกไม่พร้อมกันทั้งหมด ทีมจึงออกแบบให้หุ่นพลิกหมูอย่างเป็นจังหวะไม้ต่อไม้ และเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับหุ่นยนต์ เพื่อแบ่งเบาภาระและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

สำหรับแนวทางการพัฒนาในอนาคต ชวภณ หรือ ไออุ่น กล่าวว่า หากพัฒนาต่อ Demo 2 ก็อยากจะพัฒนาให้หุ่นรู้ว่าจะต้องพลิกหมูไม้ไหน และสามารถดูความสุกของหมูได้ รู้ว่าหมูไม้ไหนสุก ไม้ไหนยังไม่สุก โดยตอนนี้กำลังศึกษาว่าจะให้หุ่นดูความสุกของหมูได้อย่างไร เพราะการทําหมูปิ้ง จุดที่สุกก่อนจะอยู่ด้านล่างด้านที่โดนความร้อน ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้จากด้านบน รวมถึงเพิ่มระบบที่ให้หุ่นยนต์นำหมูที่สุกแล้วออกไปวางบนถาด และหยิบหมูสดไม้ใหม่ออกมาปิ้งบนเตาได้ รวมทั้งจะเพิ่มความเร็วในการพลิกหมู และระบบควบคุมความร้อนของเตาให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

วริทธิ์ธร กล่าวเสริมว่า“การได้ลงมือพัฒนา ปิ้ง ปิ้ง เป็นเหมือนโจทย์ที่ทำให้เราได้ทดลองทำโครงการหรือโปรเจกต์ร่วมกับอาจารย์ และทำให้เราได้ต่อยอดความรู้จากสิ่งที่เรียนมา ได้ทดลองกับอุปกรณ์หลายอย่าง ได้เรียนรู้ว่าเราจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ได้ประสบการณ์การทำงาน ได้คิด วิเคราะห์ และเพิ่มทักษะมากขึ้น”

“ปิ้ง ปิ้ง หุ่นยนต์ปิ้งหมู” คือหนึ่งในผลงานของนักศึกษาฟีโบ้ที่จัดแสดงในงานครบรอบ 30 ปีของสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (ฟีโบ้) ภายใต้ธีม 'Robotics ไทยแทร่' ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดย ผศ. ดร.สุภชัย วงศ์บุณย์ยง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม อธิบายว่า ธีมไทยแทร่ต้องการสร้างบรรยากาศสนุกสนานแบบงานวัด เพื่อให้นักศึกษาได้ออกแบบหุ่นยนต์ที่สะท้อนวัฒนธรรมไทยอย่างมีชีวิตชีวา และอาหารปิ้งย่างซึ่งเป็นของคุ้นเคยบนถนนเมืองไทยจนกลายเป็นโจทย์หลักให้ทีมพัฒนาหุ่นยนต์ชุดนี้ โดยใช้พื้นฐานความรู้ด้านหุ่นยนต์และอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการของฟีโบ้นำไปพัฒนาต่อยอด จนเกิดเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่เพียงแต่โชว์ไอเดียสนุก ๆ ในงานนิทรรศการ แต่ยังเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่มีพลังให้นักศึกษาได้ฝึกตั้งแต่การออกแบบฟังก์ชัน เลือกเทคโนโลยี ประเมินต้นทุน ไปจนถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากการใช้งานจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินกว่าการเรียนในห้องหรือการทำโปรเจกต์บนกระดาษ 

ผศ. ดร.สุภชัย เน้นว่า “เทคโนโลยีไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานจริง และคุ้มค่าในการลงทุน แม้หุ่นยนต์ปิ้งหมูเวอร์ชันต้นแบบจะยังไม่พร้อมสำหรับร้านค้าทั่วไป แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์และ AI ในธุรกิจอาหาร โดยอาจต่อยอดได้ทั้งในร้านอาหารระดับพรีเมียม หรือใช้สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในกิจกรรมการตลาด ซึ่งต่อเนื่องจากผลงานด้านเทคโนโลยีอาหารของฟีโบ้ที่ผ่านมา เช่น หุ่นยนต์ลวกก๋วยเตี๋ยว หุ่นยนต์ตักไอศกรีม และหุ่นยนต์ชงน้ำ ที่เคยสร้างการเปลี่ยนแปลงจากระบบแรงงานคนสู่ระบบอัตโนมัติในชีวิตประจำวัน”

นอกจาก ปิ้ง ปิ้ง ยังมีผลงานของนักศึกษาทุกชั้นปีทั้ง ป.ตรี โท เอก ที่นำมาจัดแสดงมากมาย และได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเข้ามาติดต่อเพื่อนำไปต่อยอดหรือร่วมกับนักศึกษาในการพัฒนาต่อไป อาทิ กรอบรูป ราชรถ หุ่นยนต์สายมู (เตลู) ลงยันต์ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำบทบาทของฟีโบ้ ที่ไม่เพียงเป็นสถาบันผลิตวิศวกรหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ แต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์และการลงมือทำจริง นักศึกษาไม่ได้เรียนแค่ทฤษฎีหรือวิธีสร้างหุ่นยนต์ แต่เรียนรู้จากโจทย์จริงของสังคม ผ่านการฝึกคิด ฝึกแก้ปัญหา และพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การใช้งาน พร้อมติดอาวุธทั้ง Upskill, Reskill และ Newskill ที่จำเป็นต่อโลกยุคใหม่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top