Friday, 30 May 2025
ค้นหา พบ 48455 ที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโครงการ Money Management & Investment “ค่ายส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ปี 2568 

(28 พ.ค. 68) เวลา 08.30 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดกิจกรรม “Happy Money in Action เส้นทางสร้างสุขทางการเงิน” ตามโครงการ Money Management & Investment “ส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ซึ่งเป็นกิจกรรมการเข้าค่ายส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการเงินและบริหารจัดการหนี้ สำหรับข้าราชการตำรวจและครอบครัว โดยมีข้าราชการตำรวจ และคู่สมรส เข้าร่วมโครงการ จำนวน 27 ครอบครัว และบุคคล 6 คน รวม 60 คน ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2568 ณ The Cop Seminar & Resort อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล เป็นประธานกล่าวเปิดงาน , คุณณฐิกา ปิตะนีละบุตร อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ Money Management & Investment กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดโครงการ และ คุณเศรษฐพล ธรรมจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือส่งเสริมความรู้ทางการเงิน ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมแม่บ้านตำรวจ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ และผู้ร่วมโครงการ ร่วมพิธีเปิดโครงการ 

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตระหนักถึงสภาพปัญหาทางการเงินและหนี้สินของข้าราชการตำรวจ และต้องการส่งเสริมให้มีความรู้ความเข้าใจ มีวินัยทางการเงิน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว สร้างขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดทำโครงการ Money Management & Investment “ส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ขึ้นเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านการเงินและการลงทุน นำไปสู่การสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตข้าราชการตำรวจและครอบครัว และ คุณณฐิกา ปิตะนีละบุตร อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ เป็นที่ปรึกษาโครงการฯ โดยมีแผนงานการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว 3 โครงการหลัก ได้แก่

1. โครงการ Money Management & Investment “ค่ายส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ผ่านหลักสูตร Happy Money in Action เส้นทางสร้างสุขทางการเงิน เพื่อปลูกฝังแนวคิดและทักษะเรื่องการบริหารเงินและจัดการหนี้สิน ต่อยอดความรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริง รับคำปรึกษาจากวิทยากร เพื่อให้สามารถวางแผนการเงินและบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างยั่งยืนแก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว รวมทั้ง ต่อยอดความรู้ด้านการเงิน และการลงทุน แก่บุคคลต้นแบบและต้นกล้าผ่านแคมเปญ 21-Day Challenge กองทุนรวม เสริมสร้างนิสัยการเรียนรู้การลงทุนใน 21 วัน เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวผ่านกองทุนรวม

2. โครงการ Happy Money, Happy Young Old ปูนนี้ (ก็) มีใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเกษียณแก่ข้าราชการตำรวจ เสริมทักษะและฝึกวางแผนการเงินจริง ผ่าน Workshop ผ่านหลักสูตรบริหารเงินหลังเกษียณ ให้สามารถจัดสรรเงินออมก้อนสุดท้ายได้อย่างเหมาะสม นำไปสู่การมีชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุข

3. การส่งเสริมความรู้ผ่าน SET e-Learning ชุดหลักสูตร “การวางแผนการเงินและบริหารจัดการหนี้” 3 หลักสูตร ได้แก่ 1. หลักสูตรเงินทองต้องวางแผน 2. หลักสูตรรู้ก่อนเป็นหนี้จะได้ไม่รู้งี้ทีหลัง และ 3. หลักสูตรเป็นหนี้แล้ว จัดการยังไง โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีแผนจะดำเนินการพัฒนาและเชื่อมต่อระบบ e-Learning เพื่อให้ข้าราชการตำรวจและครอบครัว นักเรียนนายร้อยตำรวจ และนักเรียนนายสิบตำรวจ ได้เข้าถึงองค์ความรู้ที่เหมาะสม สามารถบริหารจัดหนี้ วางแผนการออม และมีเงินไว้ใช้จ่ายเพียงพอในยามเกษียณ

พล.ต.ท.อาชยนฯ กล่าวว่า ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินกิจกรรมที่ 1 คือ โครงการ Money Management & Investment “ค่ายส่งสุขทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” ผ่านหลักสูตร Happy Money in Action เส้นทางสร้างสุขทางการเงิน เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อให้ทุกคนเปิดใจ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง รู้จักวางแผนการใช้จ่าย วางแผนการออมเงิน วางแผนเกษียณอย่างเป็นสุข เก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ มีเงินออมไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับครอบครัว และเพื่อสร้างบุคคลต้นแบบและบุคคลต้นกล้าทางการเงินต่อไป

คุณณฐิกา ปิตะนีละบุตร อุปนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ในฐานะที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวว่า การดำเนินโครงการ Money Management & Investment จากปี 2564 ถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 5 ปี ข้าราชการตำรวจและครอบครัวได้รับความรู้ทางด้านการเงินรวมทั้งสิ้นกว่า 25,000 นาย คิดเป็นร้อยละ 10 ของข้าราชการตำรวจทั้งหมด และได้สร้างต้นแบบและต้นกล้าทางการเงินประเภทบุคคลและครอบครัวจาก 12 กองบัญชาการ รวมทั้งสิ้น 34 คน เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงิน อาทิ ประหยัดค่าใช้จ่าย 171,000 บาท มีเงินออมเพิ่มขึ้น 375,000 บาท และหนี้สินลดลง 781,000 บาท

โดยในปีนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงตระหนักถึงสภาพปัญหาทางการเงินและหนี้สินของข้าราชการตำรวจ และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและครอบครัว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการบริหารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะสนับสนุนการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กระจายอย่างทั่วถึง ให้ทุกกองบัญชาการมีต้นแบบทางการเงิน จึงจัดให้มีโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจและครอบครัว และจัดการอบรมโครงการ Money Management & Investment “ส่งสุข ทางการเงิน เพื่อครอบครัวตำรวจไทย” เพื่อปรับทัศนคติในการใช้ชีวิต ให้ความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนการเงิน การออม การลงทุน และการจัดการหนี้สินอย่างถูกต้อง โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินประกบระยะเวลา 2 เดือน และสร้างครอบครัวต้นแบบและต้นกล้า เพื่อส่งต่อและแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จจากการแก้ไขปัญหาการเงินที่ทำให้เค้าชีวิตมีความสุขมากขึ้น ให้กับเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยกัน

‘ม.เจ้อเจียง’ พัฒนาวัสดุล่องหนชนิดใหม่ หลบเรดาร์ได้หมด ท้าทาย ‘Golden Dome’ ของทรัมป์..ที่อาจเป็นแค่ภาพฝัน

(28 พ.ค. 68) นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน พัฒนา 'วัสดุพรางตัวขั้นสูง' ชนิดใหม่ ที่สามารถหลบหลีกการตรวจจับด้วยอินฟราเรดและคลื่นไมโครเวฟในระยะไกล อีกทั้งยังทนความร้อนได้สูงถึง 700 องศาเซลเซียส ทำให้มีศักยภาพใช้ในภารกิจทั้งด้านทหารและอวกาศ สร้างความสั่นคลอนให้กับ 'Golden Dome' โครงการโล่ป้องกันขีปนาวุธที่ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันอย่างหนัก

ระบบ Golden Dome อาศัยเรดาร์และระบบตรวจจับจากภาคพื้นดินและอวกาศเป็นหัวใจหลัก หากถูกตัดหูตาด้วยเทคโนโลยีล่องหนใหม่ของจีน เช่น โดรนก่อกวนสัญญาณไซเบอร์ หรือหัวรบหลอก ระบบดังกล่าวจะกลายเป็นการสร้างที่เสียเปล่าในสถานการณ์จริง นั่นทำให้จึงถูกมองว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรงที่คู่แข่งอาจใช้โจมตีได้

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากโครงการ Golden Dome เดินหน้าต่อ จะกระตุ้นให้จีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ เร่งพัฒนาอาวุธใหม่ เช่น ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก หรือระบบโจมตีดาวเทียมเพื่อตอบโต้ สถานการณ์อาจบานปลายเป็นการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่ คล้ายช่วงสงครามเย็นในยุคอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน

สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ประเมินว่า Golden Dome อาจใช้เงินภาษีถึง 831,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 30.3 ล้านล้านบาท) แต่กลับมีแนวโน้ม 'ใช้ไม่ได้ผลจริง' ขณะที่จีนพัฒนาแนวทางหลบเลี่ยงการตรวจจับอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายมองว่า ทางออกเดียวของสหรัฐฯ อาจเป็นการ 'ไม่เล่นเกมนี้ตั้งแต่ต้น'

เกมอำนาจก่อนผลัดแผ่นดินจากรัชกาลที่ ๓ | THE STATES TIMES Story EP.167

หากจะกล่าวถึงการขึ้นครองราชย์ของ ‘พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว’ รัชกาลที่ ๓ ก็กล่าวได้ว่าพระองค์ทรงสืบราชสันตติวงศ์อย่างผิดแผกไปจากธรรมเนียมปกติ โดยพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยความเห็นพ้องของที่ ‘ประชุมพระราชวงศ์’ และ ‘เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่’ ที่ต่อมารู้จักกันภายใต้หลักการ ‘มหาชนนิกรสโมสรสมมุติ’

ซึ่งเมื่อถึงคราวผลัดแผ่นดิน หลักการ ‘มหาชนนิกรสโมสรสมมุติ’ ก็ถูกหยิบยกมือใช้ในการเลือกสรรพระมหากษัตริย์พระองค์ถัดไป ซึ่งในเวลานั้นมีชื่อเข้าเกณฑ์ด้วยกันถึง ๕ พระองค์

วันนี้ THE STATES TIMES Story ได้รวมรวบข้อมูลเพื่อมาเล่าให้ไปฟัง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปฟังกันเลย…

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทุ่มงบกว่า 8 แสนบาท มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยยากไร้ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ และมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบทในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

(28 พ.ค.68) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยยากไร้จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 32 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 804,530 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน 

โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี และคณะมูลนิธิเชียงใหม่สามัคคีการกุศล จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี  พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายนพดล ทรงแสง (จิ้ม ชวนชื่น) และนายสวิช เพชรวิเศษศิริ (บี๋) ร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบรถเข็นวีลแชร์ แก่ผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ ฝาง แม่วาง สันทราย ดอยเต่า หางดง สันป่าตอง เวียงแหง แม่อาย รวมจำนวน 14 คัน และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน 

รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวเชียงใหม่ในครั้งนี้ทั้งสิ้น 876,130 บาท (แปดแสนเจ็ดหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสามสิบบาทถ้วน) โดยมีประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ  อีกทั้ง มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ณ มูลนิธิเชียงใหม่สามัคคีการกุศล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

จากเหตุมหาอุทกภัยทางภาคเหนือเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งทีมบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที โดยได้ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้น ทีมสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท รวมงบประมาณการฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมากว่า 9 ล้านบาท

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมาได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด จำนวน 485 ครัวเรือน รวมดำเนินการไปแล้ว 3 ภาค รวม 54 จังหวัด  813 ครัวเรือน รวมงบประมาณกว่า 15.6 ล้านบาท

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุก ๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน 'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต'

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘พระแก้วนพรัตน์เมืองอุบล’ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่ราชธานีแห่งอีสาน (๑) | THE STATES TIMES Story EP.169

‘จังหวัดอุบลราชธานี’ เป็นหนึ่งในจังหวัดของไทยที่มี ‘พระแก้ว’ หรือ พระพุทธรูปที่ทำจากแก้วมงคลมากที่สุดในประเทศไทย โดยตามความเชื่อแล้ว แก้ว 9 ประการ ได้แก่ เพชร มณี มรกต บุษราคัม โกเมน นิลกาฬ มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ 

นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าหากมีครบทั้ง 9 บ้านเมืองนั้นจะเจริญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งอุบลฯ มี ‘พระแก้ว’ ประดิษฐานอยู่ถึง 6 องค์ ทั้งยังเชื่อว่าอีก 3 องค์ก็มีอยู่เพียงแต่ยังค้นหาไม่พบ

วันนี้ THE STATES TIMES Story ได้หยิบยกเรื่องราวของ ‘พระแก้ว’ 3 องค์ ได้แก่ ‘พระแก้วบุษราคัม’ / ‘พระแก้วไพฑูรย์’ / ‘พระแก้วขาวเพชรน้ำค้าง’ มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปฟังกันเลย…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top