Saturday, 31 May 2025
ค้นหา พบ 48499 ที่เกี่ยวข้อง

โซเชียลกัมพูชาผุดแคมเปญ ‘หยุดใช้สินค้าไทย’ เชิญชวนกลับมาสนับสนุนสินค้าชาติให้เติบโต

(30 พ.ค. 68) จากกรณีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย และกลายเป็นประเด็นร้อนระหว่างประเทศ

ล่าสุด บนโลกโซเชียลมีเดียฝั่งกัมพูชากำลังเกิดกระแส เผยแพร่ข้อความเชิญชวนให้ “หยุดใช้สินค้าไทย” โดยระบุว่าเป็นการแสดงจุดยืนทางความเชื่อและทัศนคติทางการเมือง พร้อมย้ำว่าจะเลิกใช้สินค้าจากประเทศไทยทันที โดยข้อความต้นทางระบุว่า 

“นี่คือโอกาสสำคัญที่เราทุกคนจะหันกลับมาสนับสนุนสินค้าในประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพ พัฒนาอุตสาหกรรมและหัตถกรรมของชาติ รวมถึงส่งเสริมการเคลื่อนไหวทางชาตินิยมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”

แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดถึงกลุ่มผู้ริเริ่มแคมเปญดังกล่าว แต่ข้อความนี้ได้ถูกแชร์ต่อในหลายแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งผู้สนับสนุนที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และผู้คัดค้านที่มองว่าเป็นการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

CHARLES & KEITH SALE ALERT

สินค้าราคาพิเศษลดแรงสูงสุด 50% และสินค้าราคาปกติลดทันที 10 %
แถมสมาชิกยังได้ลดเพิ่มอีกสูงสุด 10% 💥

📅 ตั้งแต่ 29 พ.ค. – 1 มิ.ย. 68 เท่านั้น!
ใครรอของเข้าตู้ ต้องรีบแล้วว 💼👠👜

‘เอกนัฏ’ ส่ง 'ทีมสุดซอย' ตามรวบ รง. รีไซเคิลเถื่อน ลอบนำเข้าเศษยางสารภาพสิ้นไส้พร้อมของกลางครบถ้วน

‘เอกนัฏ’ ส่ง 'ทีมสุดซอย' ปราบ โรงงานเถื่อนระยอง ลอบนำเข้าเศษยางกัมพูชา ไหวตัวขนของย้ายหนี ตามรวบได้ถึงเมืองชลฯ กรรมการบริษัท สารภาพสิ้นไส้ โบ้ยแฟนหนุ่มชาวจีน ‘ฐิติภัสร์’ ส่งอีกทีมไปแปดริ้ว เหตุ โรงงานใจดีแจกดินเปื้อนกากอุตสาหกรรม ชาวบ้านรับไปถมที่เหม็นแสบจมูก ร้องแจ้งอุตฯ 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ 'ทีมสุดซอย' กระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮง รับเบอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการรีไซเคิลยาง ตั้งอยู่ที่ ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากได้รับเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ว่ามีรถบรรทุกลักลอบขนเศษยางนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ผ่านทางชายแดน จ.สระแก้ว มายังบริษัทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะเข้าตรวจค้น พบเพียงอาคารลักษณะโกดังโล่ง ไม่มีสิ่งของหรือผู้ใดอยู่ในพื้นที่ โดยประชาชนละแวกนั้นให้ข้อมูลว่า บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮงฯ เพิ่งขนย้ายเครื่องจักรและเศษยางออกไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

“ทีมสุดซอย ได้แกะรอยขยายผลจนได้เบาะแสเพิ่มเติมว่า มีการย้ายเครื่องจักรและเศษยางไปไว้ที่ บริษัท โอรานไลต์ จำกัด จังหวัดชลบุรี เมื่อไปตรวจสอบ ก็พบเครื่องจักรและเศษยางกว่า 5 พันตัน โดยกรรมการบริษัทชาวไทยสารภาพว่าบางส่วนเป็นเศษยางที่ลักลอบนำมาจากประเทศกัมพูชา และอ้างว่าแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ประสานงานจัดการทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิดอีกหลายข้อหา เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมกรรมการบริษัทชาวไทยไปแจ้งความดำเนินคดีในทุกข้อหา และหากพบการกระทำความผิดอีกก็จะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป” นายเอกนัฏ ระบุ 

นางสาวฐิติภัสร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบ บริษัท โอรานไลด์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งประกอบกิจการหั่น ตัด บด รียางแผ่นเพื่อส่งออกต่างประเทศ มีนางสาวเบญจมาศ ลีสม เป็นกรรมการบริษัท และพบว่าเพิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตรวจค้นภายในโรงงานพบเครื่องจักรที่คาดว่าขนย้ายมาจากจังหวัดระยอง และพบเศษยางกว่า 5 พันตัน เบื้องต้นบริษัทฯ แจ้งว่าเศษยางบางส่วนนำเข้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง แต่เมื่อสอบถาม นางสาวเบญจมาศ ยอมรับว่าเป็นเศษยางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา โดยแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ติดต่อประสานซื้อขายทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบใบขนสินค้าขาเข้าที่สำแดงพิกัดสินค้าเป็นเศษยางจากประเทศเบลเยียม ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะนำเศษยางรถยนต์และยางรถยนต์ที่ใช้แล้วมาเข้ากระบวนการตัด บดย่อย รีดเป็นแผ่นแปรรูปยาง ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัด และประทับตรายางเครื่องจักรทั้งหมด พร้อมจับกุมตัว นางสาวเบญจมาศ ไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ ด้วยข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน และเป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 

นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยอีกว่า ได้มอบหมายให้ ทีมสุดซอยอีกชุด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ฉะเชิงเทรา ปลัดอำเภอพนมสารคาม เจ้าหน้าที่เทศบาลเขาหินซ้อน  บก.ปทส. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ภาค 13 ลงพื้นที่ บริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการแจกดินปนเปื้อนเศษพลาสติก ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุอันตรายให้กับประชาชนในพื้นที่นำไปถมที่ดิน จนเกิดผลกระทบมีกลิ่นเหม็นแสบจมูกหลังจากถมที่ดินแล้ว 

จากการเข้าตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบกิจการคัดแยกของเสียประเภทเศษเปลือกสายไฟ เศษพลาสติก เศษยาง ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีความผิดในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเดิมมีการปล่อยเช่าที่ดินให้ชาวจีนเพื่อลักลอบเก็บกากอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่าย เมื่อกักตุนไว้จำนวนมาก จึงต้องการระบายออกโดยการแจกจ่ายให้ชาวบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดเครื่องจักร วัตถุดิบ และกากของเสีย พร้อมดำเนินคดีกับบริษัทในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต 

"ผู้ประกอบการที่ครอบครองวัตถุอันตรายถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรมจึงต้องเร่งมือผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจ จับ และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด หากท่านใดมีเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม 'แจ้งอุต' ในระบบ ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ได้ทันที หลังรับแจ้งจะมีการตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ก่อนส่ง ทีมสุดซอย ลงจัดการปัญหาเพื่อปราบปรามและกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมไทยโดยเร็ว" นางสาวฐิติภัสร์กล่าว

นายกฯ เปิดแคมเปญท่องเที่ยว “สวัสดี หนีห่าว” ฟื้นความเชื่อมั่น ตอกย้ำสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี

(30 พ.ค.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ร่วมพิธีเปิดแคมเปญเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน “สวัสดี หนีห่าว” (Sawasdee Nihao) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย. 68 ย้ำชัดไทยพร้อมเดินหน้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวจีน และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทย ในฐานะจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุณภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตร ตอกย้ำความเป็น 'Quality Destination'

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การท่องเที่ยว เป็นหนึ่งในสะพานสำคัญที่เชื่อมโยงไทยและจีนเข้าหากันอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวของทั้ง 2 ประเทศ โดยรัฐบาลไทย จะมุ่งยกระดับมาตรการอำนวยความสะดวก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยว และนำเทคโนโลยีมายกระดับอย่างเข้มข้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงสนับสนุนการจัดทำสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Man-Made Destination ประเภทใหม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

โดยโครงการ “สวัสดี หนีห่าว” ในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเส้นทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันอย่างยั่งยืน เพื่อให้ความมั่นใจว่า ทุกย่างก้าวของนักท่องเที่ยวในไทย ทั้งชาวจีนและชาติอื่น ๆ จะเต็มไปด้วยความสุข ความสบาย และความปลอดภัยอย่างแท้จริง

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ ยั่งยืน และสร้างโอกาสให้กับทุกภาคส่วน โดยให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้าง สู่มาตรฐาน และคุณภาพเหนือปริมาณ 'Value over Volume' ซึ่ง “สวัสดี หนีห่าว” จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระยะยาว สร้างความเชื่อมั่น โอกาสทางธุรกิจ และส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ ยังสะท้อนเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดจีน รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรชาวจีน เพื่อร่วมกันสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวที่มีความหมาย และยั่งยืนต่อไป

สำหรับโครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน “สวัสดี หนีห่าว” (Sawasdee Nihao) ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-1 มิ.ย. 68 มุ่งสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของไทย ในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และเป็นมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยนำตัวแทนบริษัทนำเที่ยว (Travel Agents) จำนวน 400 ราย สื่อมวลชน และ KOLs (Key Opinion Leader) อีก 200 ราย เดินทางสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยว พร้อมจัดเวทีเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยกว่า 500 ราย เพื่อผลักดันการขายสู่ตลาดจีน

ทั้งนี้ คาดว่าจะสร้างการรับรู้กว่า 350 ล้านคน-ครั้ง และการเจรจาธุรกิจกว่า 5,000 นัดหมาย นอกจากนี้ “สวัสดี หนีห่าว” (Sawasdee Nihao)” ยังประกอบด้วย การจัดกิจกรรมหลัก 5 รายการ ได้แก่

1. กิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีน (Table Top Sales) โดยนำผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจากประเทศจีน (Buyers) จำนวนประมาณ 300 บริษัท รวม 400 ราย จากกว่า 25-30 มณฑลศักยภาพ ทั้งจากพื้นที่เมืองหลักและเมืองรองของจีน เข้าร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของไทย (Sellers) รวมจำนวน 500 ราย

2. กิจกรรมเวทีเสวนา (Tourism Forum) ระดับ G2G โดยมี น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, 'ว่านไฉ' อคิร วงษ์เซ็ง Influencer ไทย เพจอาสาพาไปหลง และ Xiao Tai Hou Influencer จีน ร่วมกิจกรรมฯ มุ่งเน้นการสื่อสารเชิงบวก สร้างความมั่นใจและเน้นย้ำบทบาทของไทยในฐานะ 'Quality Destination'

3. กิจกรรม Welcome Reception งานเลี้ยงต้อนรับอย่างเป็นทางการ แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจากประเทศจีน สื่อมวลชน KOLS และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของไทย เพื่อสร้างความประทับใจ และสะท้อนความพร้อมของประเทศไทย ทั้งเน้นย้ำวาระการครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ไทย-จีน

4. กิจกรรมสำรวจเส้นทาง และทดสอบสินค้าท่องเที่ยว (Agent & Media Mega Fam Trip) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ชลบุรี (พัทยา) ระยอง จันทบุรี นครปฐม ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่อื่น ๆ ที่มีศักยภาพในการนำเสนอขายตลาดจีน แก่ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวจีน (Agent Educational Trip: AET) และกลุ่ม KOLs / สื่อมวลชนจีน (Media Educational Trip: MET)

5. Sawasdee Nihao: A Celebration of Thai-China Relations; Celebrities Marketing ปรับภาพลักษณ์ประเทศไทย โดยใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลสูงในตลาดจีน เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาเชิงบวก เพื่อสร้างกระแสใน Mainstream Media สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางของกลุ่มเป้าหมาย

นายสรวงศ์ กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจีน จะมีแนวโน้มลดลง โดยระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-27 พ.ค. 68 ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวน 1,909,862 คน ททท. ยังคงวางแผนมาตรการเชิงรุก เดินหน้าบุกตลาดจีนอย่างเต็มที่ ทั้งการเร่งกระตุ้น Charter Flight ในหลายพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น 52% ในปี 68 โดยพื้นที่ที่มีการเติบโตของ Charter Flight สูงได้แก่ ปักกิ่ง (+26%) เซี่ยงไฮ้ (+117%) และเฉิงตู (+164%)

นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดโครงการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ประเทศไทยในประเทศจีน ให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และร่วมแชร์ประสบการณ์ผ่าน Social Media เพื่อสร้าง User Generated Content ในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 68 เสริมสร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน

พร้อมทั้งเตรียมจัดกิจกรรม Nihao Month อย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ และวันชาติจีนในช่วง Golden Week เดือนต.ค. ทั้งการจัด Mega Fam Trip กิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ทางการท่องเที่ยว และร่วมกับพันธมิตรศูนย์การค้าและร้านอาหารมอบสิทธิพิเศษและโปรโมชันสินค้าและบริการต่าง ๆ รวมถึงการใช้ Celebrity Marketing ศิลปินที่มีชื่อเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน

ตลอดจนการทำงานของ 5 สำนักงาน ททท. ในพื้นที่ตลาดจีน ที่มุ่งจัดกิจกรรมและโครงการเพื่อปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย สร้างกระแสเชิงบวกเสริมความมั่นใจในการเดินทาง ขยายการรับรู้ในพื้นที่รองศักยภาพ กระตุ้นการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ อาทิ Young Traveler, Incentive & Family, Golf, Active Senior ทั้งในส่วนตลาด FIT และ Group Tour รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย Joint Promotion ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจนำเที่ยว สายการบิน โรงแรมที่พัก คาดว่าจะเป็นแรงผลักดันตลาดนักท่องเที่ยวจากจีนสู่เป้าหมายในปี 68


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top