Monday, 2 June 2025
ค้นหา พบ 48519 ที่เกี่ยวข้อง

NIA เปิดรับ!! ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ยกระดับ!! ความสามารถทางนวัตกรรม ในระดับอุตสาหกรรม

(31 พ.ค. 68) เปิดรับสมัครแล้ว ทุนใน ‘แพลตฟอร์มส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ (Mandatory Innovation Business Platform)’ รอบ 3 ประจำปีงบประมาณ 2568 กับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

1. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก
(High-Value Food and Fruit for Export)
2. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตและการบริหารจัดการพืช และสัตว์เศรษฐกิจหลักของประเทศตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain of Economic Plants and Animals)
3. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า (Circular and Low-Carbon Economy)
4. สาขาธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด (Clean Energy)
5. สาขาธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน AI, Robotic, Immersive & IoT (ARI Tech)
6. สาขาธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) 

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดรับ #ข้อเสนอโครงการ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมทั้ง 6 สาขา ภายใต้ 7 กลไกการสนับสนุน ซึ่งแต่ละสาขามีกลไกการสนับสนุนแตกต่างกันไปตามแต่ละสาขา สามารถดูรายละเอียดได้ในแคปชันแต่ละภาพ ซึ่งทั้ง 7 กลไก มีรายละเอียด ดังนี้

กลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาด และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม

กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (MIND)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อจ้างที่ปรึกษาและปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร

กลไกการสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสำหรับธุรกิจนวัตกรรม (Standard Testing)
ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับการจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร การวิเคราะห์ทดสอบ การทวนสอบและประเมินผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์หรือขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ

กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion)
ทุนสนับสนุนการทดสอบนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 100 กับกลุ่มลูกค้าภาครัฐ และสนับสนุนในสัดส่วนร้อยละ 50 กับกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Matching Interest for Working Capital) ทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (Matching Grant) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

กลไกนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย (Zero Loan Interest)
ทุนอุดหนุน (Grant) ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าดอกเบี้ยคิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี

กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate Co-funding) 
เงินอุดหนุนมูลค่าไม่เกิน 5,000,000 บาท ที่ให้แก่ผู้ประกอบการนวัตกรรมในระยะ seed ถึง series-A เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจให้เติบโต โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับการร่วมลงทุนและการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากแหล่งเงินทุนขึ้นทะเบียนกับ NIA (Listed VC/CVC) เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ 

คุณสมบัติผู้สมัคร:
- เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย
- นิติบุคคลที่สมัครรับทุนต้องมีผู้ถือหุ้นเป็นสัญชาติไทยอย่างน้อยร้อยละ 51
- นิติบุคคลเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในเทคโนโลยีหลัก (Core Technology) ที่ใช้ในโครงการ

ทั้งนี้ สามารถเป็นการขอใช้สิทธิ์ (Licensing) ในทรัพย์สินทางปัญญาได้ (Intellectual Property: IP)
- มีโมเดลธุรกิจ (Business Model) และแผนการดำเนินธุรกิจ (Business Plan) ที่ชัดเจน เพื่อรองรับการขยายผลโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
- นิติบุคคล หรือกรรมการบริหารของนิติบุคคล มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 3 ปี

สมัครได้เลยที่: https://mis.nia.or.th/
ตั้งแต่วันนี้ - 15 กรกฎาคม 2568

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม: https://mandatory.nia.or.th/
Video อธิบายรายละเอียดทุนและเทคนิคการยื่นทุนให้ได้รับการอนุมัติ: https://moocs.nia.or.th/course/thematic

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- อีเมล: [email protected]
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านอาหารและผลไม้ไทยคุณค่าสูงและมูลค่าสูงเพื่อการส่งออก โทร. 099-256-1455 (จิตรภณ)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพืชและสัตว์เศรษฐกิจ โทร. 087-563-2074 (ภัสสร)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านเศรษฐกิจการหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ โทร. 085-911- 4691 (วัลยา)
- ธุรกิจนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด โทร. 061-446-6755 (พิชชารีย์)
- ธุรกิจดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี ด้าน ARI Tech โทร. 088-962-4542 (อรุณี)
- ธุรกิจนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โทร. 093-535-9498 (อภิวัฒน์) และ 097-936-9514 (มนัสกฤตย์)

‘ฮุนได มอเตอร์’ ขึ้นแท่น!! พันธมิตรหลักศึกฟุตบอลอาเซียน ประเดิมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ‘ASEAN Hyundai Cup™’

(31 พ.ค. 68) สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (ASEAN Football Federation หรือ AFF) เคาะชื่อใหม่ศึกลูกหนังทีมชาติสุดยิ่งใหญ่ของภูมิภาค เปลี่ยนเป็น 'ASEAN Hyundai Cup™' อย่างเป็นทางการ หลังจับมือ ฮุนไดมอเตอร์ (Hyundai Motor) ขึ้นแท่นพันธมิตรหลัก ผู้นำระดับโลกด้านสมาร์ทโมบิลิตี้

ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นโดยการดำเนินงานของ SPORTFIVE พันธมิตรเชิงพาณิชย์รายเดียวของ AFF โดย ฮุนไดไม่ได้หยุดแค่การเป็นสปอนเซอร์หลักของ ASEAN Hyundai Cup™ เท่านั้น แต่ยังขยายบทบาทควบอีก 3 รายการสำคัญ ได้แก่ ASEAN Club Championship Shopee Cup™, ASEAN Women’s MSIG Cup™ และ ASEAN U-23 Championship™ โดยทั้งหมดถูกรวมภายใต้แบรนด์ ASEAN United FC เพื่อขับเคลื่อนวงการลูกหนังภูมิภาคร่วมกัน

ฮุนได มอเตอร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 และปัจจุบันดำเนินธุรกิจในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจสู่สมาร์ทโมบิลิตี้โซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์ การเคลื่อนที่ทางอากาศ และยานยนต์ปลอดมลพิษ อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน การสนับสนุนวงการฟุตบอลเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแบรนด์มายาวนานตั้งแต่ปี 1999 ผ่านการเป็นพันธมิตรกับ FIFA ก่อนจะขยายบทบาทสู่ระดับทวีปผ่านการสนับสนุนศึก CONMEBOL Libertadores ในลาตินอเมริกา

Hyundai Cup™ ถือเป็นการจับมือครั้งแรกของฮุนได มอเตอร์ กับเวทีฟุตบอลอาเซียน ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์สำคัญในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งสร้างการเติบโตในตลาดหลัก เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และกระชับสายสัมพันธ์กับกลุ่มแฟนบอลอาเซียนที่ความหลงใหลในเกมลูกหนัง ศึกชิงแชมป์อาเซียนในปี 2024 พิสูจน์ความสำเร็จอีกครั้ง ด้วยสถิติผู้ชมถล่มทลายกว่า 541.5 ล้านคนทั่วโลก และยอดชมรวมทางโซเชียลมีเดียกว่า 12.66 พันล้านครั้ง ตอกย้ำสถานะของรายการนี้ในฐานะเวทีลูกหนังอันดับ 1 แห่งภูมิภาคอย่างแท้จริง

มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ กล่าวว่า “ฟุตบอลไม่ใช่แค่กีฬา แต่มันคือพลังแห่งการรวมใจและขับเคลื่อนชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน กว่า 26 ปีในฐานะพันธมิตรระดับโลก เราเห็นศักยภาพของภูมิภาคอาเซียน ดินแดนที่ฟุตบอลไม่เคยหลับใหล และแฟนบอลยังเปี่ยมไปด้วยแพสชัน การเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของ ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนด์หรือธุรกิจ แต่คือการเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ “Progress for Humanity” ที่มุ่งผลักดันด้านการศึกษา ความเท่าเทียม และการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านพลังของกีฬาฟุตบอล”

ในฐานะศูนย์กลางสำคัญของฮุนไดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก เดินหน้าใช้เวที ASEAN Hyundai Cup™ เปิดตัวแนวคิด ‘Move the Game’ สื่อสารจุดยืนชัดเจนของแบรนด์ในการสนับสนุนผู้สร้างความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งผลักดันอนาคตของการขับเคลื่อนที่ยั่งยืน เพราะสำหรับฮุนได นวัตกรรมไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ แต่คือการสร้างผลกระทบเชิงบวกในสังคมผ่านโครงการต่าง ๆ อย่าง 'Hyundai Kids Mobile Library' รถบัสพลังงานไฟฟ้าที่ดัดแปลงเป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ เพื่อเปิดโลกการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ และเติมเต็มโอกาสในพื้นที่ห่างไกล ฮุนไดจึงไม่ได้เพียงแค่ 'ขับเคลื่อนอนาคต' บนท้องถนน แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความก้าวหน้าให้เกิดขึ้นจริงทั้งในและนอกสนาม

พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน กล่าวเสริมว่า “ในนามของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน (AFF) และสมาคมสมาชิก เราขอต้อนรับฮุนไดผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการเคลื่อนที่และนวัตกรรมอย่างเป็นทางการ ที่ยืนหยัดเคียงข้างวงการฟุตบอลมาโดยตลอด สู่บทบาท พันธมิตรหลักของการแข่งขัน ASEAN Hyundai Cup™ อย่างเป็นทางการ

ความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของฮุนไดที่มีต่อวงการฟุตบอลทั่วโลก สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับพันธกิจของ AFF ในการผลักดันการเติบโตและพัฒนาฟุตบอลในอาเซียน ASEAN Hyundai Cup™ จึงไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์ แต่มันคือสัญลักษณ์แห่งความฝันของนักเตะ แฟนบอล และทุกชาติในภูมิภาคนี้ วันนี้ AFF และฮุนได พร้อมร่วมกันเปิดฉากบทใหม่สุดเร้าใจ—บทที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นต่อไป เสริมสร้างพลังให้ชุมชน และส่งเสียงของอาเซียนให้กึกก้องบนเวทีโลก”

มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “พันธมิตรของฮุนได ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของฟุตบอลอาเซียน โดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ศึก ASEAN Championship กำลังเปลี่ยนผ่านจากรายการระดับภูมิภาค สู่เวทีระดับนานาชาติอย่างเต็มตัว ด้วยฐานแฟนบอลเหนียวแน่น และกระแสตอบรับที่เหนือความคาดหมาย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ ที่สายตาทั่วโลกเริ่มจับจ้องมาที่อาเซียน ภูมิภาคที่กำลังกลายเป็นพลังเศรษฐกิจใหม่ของโลก”

“การเติบโตของทีมชาติอาเซียน เดินหน้าเคียงข้างกับบทบาทใหม่ของภูมิภาคในฐานะศูนย์กลางยานยนต์และการผลิตระดับโลก และ Hyundai Cup™ ก็เป็นฟันเฟืองสำคัญในกลยุทธ์ของฮุนได ที่ต้องการปักหมุดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นหัวใจของยอดขายทั่วโลก พร้อมไปกับการยกระดับแบรนด์ในเวทีฟุตบอลระดับสากล เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับฮุนไดและ AFF เพื่อยกระดับศึก Hyundai Cup™ ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น ครองแชมป์ด้านเรตติ้ง และในขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนวิสัยทัศน์ของฮุนไดในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง”

การประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้มีขึ้นในการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการที่กรุงจาการ์ตา โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า ได้แก่ ได้แก่ พล.ต. เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร. วินสตัน ลี เลขาธิการสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน, มร.ซันนี่ คิม ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิก สำนักงานใหญ่ และ มร. ซีมัส โอไบรอัน ประธานและประธานกรรมการ SPORTFIVE เอเชีย

ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งหมดของการแข่งขันในเครือ ASEAN United FC ได้ที่ https://aseanutdfc.com และทุกช่องทางโซเชียล @aseanutdfc บน Instagram, Facebook, TikTok, YouTube, X และ LinkedIn

เด็กหนุ่มญี่ปุ่น ป.6 ทำโครงงานปิดเทอม สุดเจ๋ง!! นับรถทุกคันที่ไม่หยุดให้ข้ามทางม้าลาย ส่งตำรวจ

(31 พ.ค. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘JapanSalaryman’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

น้องโคตะคุง นักเรียนชั้นป.6 ต้องเดินข้ามทางม้าลายแถวบ้านทุกเย็น เพื่อไปเรียนพิเศษ

แต่ปัญหาคือ…
รถแทบทุกคัน “ไม่เคยหยุด” ให้เขาข้ามเลย
ไม่ว่าจะยกมือ โบกมือ หรือมองตากับคนขับก็แล้ว
ก็ยังไม่มีใครเบรกให้เลยสักคัน วิ่งผ่านหน้าตาเฉย
จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจว่า “จะไม่ปล่อยผ่านอีกต่อไป”
เขายืนเฝ้าทางม้าลายวันละหลายชั่วโมง
และนับอย่างจริงจังเลยว่า “มีรถกี่คันที่ไม่หยุดให้ข้าม”
เป็นการเก็บข้อมูล

น้องทำตารางนับอย่างละเอียด ตั้งแต่ 7:30 เช้า ถึง 19:00 แบ่งช่วงเวลาเป็น 30 นาที ทำต่อเนื่อง 12 วันเต็ม ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน

ผลที่ได้ออกมาว่า…
ช่วงที่รถไม่หยุดมากที่สุด คือเวลา 8:00–8:30 น. (ซึ่งตรงกับ 'ชั่วโมงเร่งด่วน' ของคนทำงาน) ช่วงนั้น เฉลี่ยแล้ว รถ 5 คันกว่า ๆ ถึงจะมีคันนึงหยุด

แต่น้องโคตะไม่ได้แค่นับจำนวนนะครับ เขายังวิเคราะห์ต่ออีกว่า คนขับแบบไหนที่หยุดให้…หรือไม่หยุดเลย?
1.คนที่ "ชอบหยุดให้ข้าม" คือ… คุณลุงหน้าตาใจดี, รถบรรทุกใหญ่ ๆ, หรือพี่ชายที่ดูโหดแต่กลับใจดี
2.คนที่ "มักไม่หยุดเลย" คือ… รถคันเตี้ย ๆ และคนขับที่เป็นคุณป้าหรือคุณยาย

ความรู้จากแม่ของโคตะช่วยเติมเต็มงานนี้อีกชั้น แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าโดนจับข้อหาไม่หยุดให้คนข้าม จะต้องโดนปรับ 9,000 เยนต่อคัน! น้องเลยลอง “คำนวณค่าปรับทั้งหมด” จากข้อมูลที่ตัวเองนับมา ผลคือ… ถ้าตำรวจจับได้ครบ จะเก็บค่าปรับได้ถึง 5,742,000 เยน!! (9,000 เยน × 638 คันที่ไม่หยุด)

พอปิดเทอมจบ หลังจากสรุปข้อมูลทั้งหมด โคตะคุงส่งรายงานให้คุณครู พร้อมทั้ง.. ส่งรายงานนี้ให้กับสถานีตำรวจในพื้นที่ด้วย! ตำรวจอ่านแล้วประทับใจมาก จนตัดสินใจ “ใช้ข้อมูลของโคตะ” มาทำเป็น “ใบปลิวรณรงค์เรื่องความปลอดภัยหน้าทางม้าลาย” ในใบปลิวก็จะมี
– สถิติช่วงเวลาที่รถไม่หยุด
– ลักษณะของคนขับที่มีแนวโน้มจะหยุด / ไม่หยุด
– กราฟแสดงผลตามช่วงเวลาอย่างละเอียด

น้องโคตะพูดถึงผลของโครงงานนี้ว่า…
“ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคันจะหยุด แต่อยากให้มีสักคัน ที่อ่านแล้วเริ่มหยุดให้คนข้าม
แค่นั้นผมก็ดีใจแล้วครับ”

ผมว่าเป็นโครงงานที่เรียบง่าย แต่จริงจังมาก เพราะอาจทำให้ทั้งเมืองต้องหันกลับมาสนใจเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้ามได้เลยนะ ถ้าเป็นผมขับรถแล้วทำผิด แล้วมารู้ทีหลังว่าเด็ก ป.6 ยังใส่ใจกับเรื่องนี้ ก็คงรู้สึกอายเหมือนกันครับ

นักมวยไทยเผยเส้นทางชีวิตจากการพึ่งพาสารเสพติด สู่โอกาสใหม่ในสังเวียนระดับโลก

"สิ่งเสพติดทุกอย่างผมเอาหมดเลยครับ ดีครับที่ผมไม่ตาย ถ้าไม่เลิกทุกอย่างเราตายจริงๆแน่ รู้สึกขอบคุณONEลุมพินีมากๆ ครับ ที่ให้โอกาสทุกคนไม่ใช่แค่ผม ทุกคนที่เคยหลงผิดแทบจะกลับขึ้นมาไม่ได้ แต่รายการเขาให้โอกาสหมดครับ แค่เราต้องมีวินัย ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตัวเอง ในชีวิตนี้ถ้าผมไม่ได้ต่อยรายการนี้ ชาตินี้ผมจะได้จับเงิน7แสนหรือเปล่ายังไม่รู้เลยครับ"

เจ้าของสถิติไร้พ่ายชนะน็อค3ไฟต์รวด ได้โบนัสทั้ง3ไฟต์รวมเป็นเงินล้านกว่าบาท โดยเฉพาะ2ไฟต์ล่าสุดคือโคตรคลั่ง มันเป็นการชนะน็อคแบบโคตรมันส์ชนิดที่ติดตาคนดูทั้งประเทศ!!

โตโยต้า อีเกิลมวยไทย

ถอดรหัส อนาคตการเมือง ‘ภาคใต้’ หลัง!! ‘กล้าธรรม’ ปักธงเขต 8 เมืองคอน

(31 พ.ค. 68) นายเฉลียว คงตุก อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก เนชั่นทีวี เปิดเผยว่า ได้รับสายโทรศัพท์จำนวนมากสอบถามถึง #อนาคตการเมืองในภาคใต้ จะเป็นอย่างไร ยิ่งหลังพรรคกล้าธรรม ชนะการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีธรรมราช ยิ่งมีการสอบถามเข้ามามากยิ่งขึ้น

”ลึก ๆ แล้วผมก็ไม่ทราบจริง ๆ ว่าอนาคตการเมืองภาคใต้จะเป็นอย่างไร และทำไมถึงมีคำถามเข้ามามาก ผมก็ตอบไม่ได้ แต่ตอบแบบกลาง ๆ พอได้ จึงมานั่งคิดและหารือกับพรรคพวกว่า ถ้างั้นเราจัดเสวนาดีกว่าเพื่อถอดรหัส และหาคำตอบเรื่องนี้จากผู้รู้ จากคนวงใน

โครงการจัดเสวนา 'ถอดรหัสเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีฯ บิ๊กโอ ปักธงให้พรรคกล้าธรรมกับอนาคตการเมืองภาคใต้' จึงเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2568 โดยเครือข่ายสื่อมวลชนจับตาสังคม ณ ลานเพลิน หนองนกเพา คาเฟ่ ต.เขาพังไกร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นกระบวนความ

นายเฉลียว กล่าวอีกว่า

การเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช แทน มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล จากพรรคภูมิใจไทย โดยก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ จากพรรคกล้าธรรม ชนะคู่แข่งขาดลอย ชนะพ่อตา 'ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ' จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือว่าพ่ายแพ้อย่างบอบช้ำกับคะแนนที่ได้แค่ 4000 กว่าคะแนน 'Money politic' คือปัจจัยสำคัญที่มีการกล่าวถึงทำให้พรรคกล้าธรรม ปักธงในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้กับการเลือกตั้งครั้งแรกใช่หรือไม่ แม้จะมีความพยายามรณรงค์ 'กินเหยื่อไม่กินเบ็ด' หมายถึงรับเงิน แต่ไม่เลือก แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะการเมืองนครศรีธรรมราช การเมืองในภาคใต้เปลี่ยนไปแล้ว นักเลือกตั้งผ่านหน้าบ้าน เจ้าของบ้านถามว่า “เท่าไหร่”

เมื่อก่อนถ้าพูดถึงการใช้เงินซื้อเสียง ต้องพูดถึงภาคอีสาน ภาคใต้เขาเลือกกันด้วยอุดมการณ์ แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่ใช่ และเริ่มเป็นมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 เรื่อยมา โรคร้อยเอ็ดระบาดหนักเข้าสู่ภาคใต้ในการเลือกตั้งทุกระดับ

คะแนน 39000 กว่าคะแนนของก้องเกียรติ์ น่าสนใจยิ่งว่า มาได้อย่างไร จากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตัวเลขกลม ๆ 120,000 คะแนน ถ้ามาใช้สิทธิ์ 70% ก็น่าจะอยู่ที่ 70,000 คะแนน นั้นก็แปลว่า ก้องเกียรติ์ได้ไปเกินกว่าครึ่ง ทิ้งพ่อตาให้คะแนนเรี่ยดิน ทิ้งห่างพรรคประชาชนที่ได้คะแนนมาแค่ 6000 กว่าคะแนน จากการเลือกตั้งครั้งก่อนคะแนนมีอยู่ 11000 กว่าคะแนน กระแสนิยมของพรรคประชาชนถดถอยขนาดนั้นเหรอ ก็ไม่น่าจะใช่ ปัจจัยที่เป็นกระสุนดินดำ จึงน่าจะเป็นตัวชี้วัดที่มาของคะแนน เพราะพรรคกล้าธรรมก็ไม่ได้ฟรีเว่อร์อะไรนักหนา แม้ตัวผู้สมัครจะโดดเด่นในพื้นที่ก็ตาม

การปักธงแรกของพรรคกล้าธรรม จึงน่าถอดรหัสยิ่งว่า จะเป็นแนวทางในการเป็นธงนำในการเลือกตั้งครั้งต่อไป (ปี 70) หรือไม่ ในสถานการณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์เจ้าถิ่นก็ป่วยติดเตียง พรรคภูมิใจไทยที่ก้าวคืบเข้าไป ก็เป็นมะเร็งร้าย พรรคประชาชาติ แกนนำหลักก็อ่อนล้าหมดเรี่ยวหมดแรง จะเป็นช่องทางให้พรรคกล้าธรรมรุกคืบไปอย่างฮึกเหิมกับความสำเร็จ หรือไม่

น่าสนใจถอดรหัส กับการเสวนา การปักธงเมืองคอนของบิ๊กโอ จะเป็นก้าวที่ฮึกเหิมของพรรคกล้าธรรมในสนามภาคใต้หรือไม่

พบกับนักการเมือง อดีตนักการเมือง นักวิชาการสายการเมือง สื่อมวลชน นายเฉลียว กล่าวถึงวิทยากรที่จะมาร่วมวงเสวนา ประกอบด้วย
 
-นิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย อดีต สส.หลายสมัยของสงขลา
-รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ อดีต สส.นครฯ พรรคพลังประชารัฐ นักวิชาการผู้คร่ำหวอดในแวดวงการเมือง
-อานนท์ มีศรี นักสังเกตการณ์ทางการเมือง
-พุฒิพงศ์ ลุ่ยจิ๋ว ตัวแทนจากพรรคประชาชน
-สส.ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.เขต 4 สงขลา ตัวแทนจากพรรคกล้าธรรม 
-พระครูรัตนสุตากร ดร.
รองเจ้าคณะอำเภอหัวไทร เจ้าอาวาสวัดคลองแดน ต.รามแก้ว อ.หัวไทร
เป็นต้น

วันที่ 14 มิย.เสวนา ณ ลานเพลิน ร้านหนองนกเภาคาเฟ่ (บ้านสวนสจ.ละม้าย เสนขวัญแก้ว) เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป และพบกับครับ เรียนเชิญผู้สนใจทุกท่านครับ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top