Sunday, 1 June 2025
ค้นหา พบ 48513 ที่เกี่ยวข้อง

1 มิถุนายน พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ พิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรกในรัชสมัย

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ไปประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาด้วยพระองค์เองเป็นครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม และพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นข้อเตือนใจให้แก่บุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของประชาชน โดยมีความตอนหนึ่งว่า..

“...ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้มีความตั้งใจในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองและประชาราษฎร โดยตั้งมั่นในสามัคคีธรรมและพร้อมใจกันร่วมมือในการดำเนินการของรัฐสภาให้เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของเราให้มีวัฒนาถาวรสืบไป”

ต่อมา ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาด้วยพระองค์เอง 33 ครั้ง คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เป็นผู้กระทำพิธีเปิดประชุม 6 ครั้ง และมีจำนวน 4 ครั้ง ที่ผู้แทนพระองค์เป็นผู้ประกอบรัฐพิธีเนื่องจากคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่สามารถมาได้

2 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ร.9 เสด็จฯ ทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่าน ทรงพระราชทานชื่อ 'เขื่อนขุนด่านปราการชล'

พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 มีพระราชดำริ ให้พิจารณาสร้างอ่างเก็บน้ำคลองท่าด่าน ที่บ้านท่าด่าน จ.นครนายก โดยเร่งด่วน เนื่องจากอ่างเก็บน้ำแห่งนี้อยู่ในบริเวณพื้นที่ราบเชิงเขา สามารถเป็นแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์แก่ราษฎรทางตอนล่างได้เป็นจำนวนมาก

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเขื่อนคลองท่าด่านว่า 'เขื่อนขุนด่านปราการชล (KHUN DAN PRAKARNCHON DAM)'

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาวาง โครงการและก่อสร้างเขื่อนขุนด่านปราการชล

จากนั้นคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยอนุมัติการก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2546 ในวงเงิน 10,193 ล้านบาท และอนุมัติแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ พร้อมอนุมัติงบประมาณปี 2540 ถึง 2551 ในวงเงิน 990 ล้านบาท เริ่มดำเนินงานก่อสร้างในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 เสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 และเริ่มเก็บกักน้ำในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548

เขื่อนขุนด่านปราการชล จะเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บกักและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบให้แก่พื้นที่เกษตรกรรวม 185,000 ไร่ ทำให้เกษตรกรได้รับผลประโยชน์กว่า 9,000 ครัวเรือน และเมื่อสามารถไขปัญหาน้ำท่วมสลับกับความแห้งแล้งลงได้แล้วก็จะช่วยลดปัญหาดินเปรี้ยวไปได้ในที่สุด

‘ทักษิณ’ เลิกกั๊กจ้องฮุบ 'มหาดไทย' ยังทำงานไม่เต็มที่ ควรให้ 'เพื่อไทย' เข้าไปทำบ้าง เชื่อ 'ภูมิใจไทย' ไม่ถอนตัวรัฐบาล

(30 พ.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง 3 บก.เครือเนชั่น โดยนายทักษิณ สวมบทบาทเป็น บก.คนที่ 4 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะความเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มักต้องคุมกระทรวงสำคัญๆ ไว้ในมือ ทางพรรคเพื่อไทยควรมีคนของตัวเองไปเป็น รมว.มหาดไทย หรือไม่

นายทักษิณ ระบุว่า การนำนโยบายไปถึงประชาชน กระทรวงหลักคือกระทรวงมหาดไทย วันนี้มันไม่ค่อยถึง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลามันเหลือ 2 ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่

เมื่อถามว่านายทักษิณ ผ่านการเมืองมาเยอะ และรู้จักพรรคเพื่อไทยดี วิเคราะห์ในฐานะ บก.คนที่4 รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจะกล้ายึดหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังไม่ได้ถามหัวหน้าพรรค ถ้าให้วิเคราะห์ก็เป็นเรื่องที่คงต้องพูดกันว่าให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปทำบ้าง จะได้ทำนโยบายถึงเพื่อประชาชนได้สักที เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว อีก 2 ปีจะเลือกตั้งแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 69 เสียง เขาจะยอมหรือไม่ ในเมื่อกระทรวงนั้นคือหัวใจหลักคุมอำนาจบริหารและเอาชนะทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คือมันเป็นเรื่องการทำงานเพื่อประชาชน ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการ

เมื่อถามว่านอกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังต้องมีกระทรวงไหนอีกที่สามารถทำให้รัฐบาลทำงานกระฉับกระเฉง และสามารถชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป นายทักษิณ กล่าวว่า ก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ก็เป็นหัวใจ คมนาคมก็เรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลบอกกับประชาชน มันเสียนิสัย เพราะมันเคยเป็นพรรคใหญ่มาก่อน

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยมาได้ คิดในฐานะนักวิเคราะห์ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยเขาจะกล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ถอนมั้ง เราไม่อยากให้เขาถอนอ่ะ ก็อยู่ด้วยกันมา”

เมื่อถามว่า แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ นายทักษิณ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจของแต่ละพรรคได้

เชียงใหม่-เปิดเส้นทางท่องเที่ยว 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' แสงเทียนแสงธรรม : จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) ที่ บริเวณหน้าหอพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดเส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' แสงเทียนแสงธรรม : จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในนามของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ และท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา กิจกรรมในวันนี้เป็นกิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าและ กิจกรรมสาธิต/กิจกรรมตามประเพณีพื้นถิ่น 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' (เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่) ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าอารยธรรมล้านนา 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' 

โดยการสนับสนุนงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แผนงาน : บูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มีแนวคิดในการบูรณาการจัดกิจกรรมร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าของเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา โดยการนำเอาต้นทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ย่านเมืองเก่า กิจกรรมท่องเที่ยวตามประเพณี วิถีชีวิตชุมชน และอาหารพื้นถิ่น มาร้อยเรียงเรื่องราวและสร้างสรรค์เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เน้นการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของโบราณสถานวัด สถานที่ ในยามค่ำคืน ในพื้นที่เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา โดยมีวัตถุประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เปิดมุมมองและประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว 

โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มกิจกรรมในยามค่ำคืน (ยามแลง) เพื่อให้เกิดการพักค้าง เกิดการ บอกต่อกิจกรรม และเกิดการเดินทางซ้ำของนักท่องเที่ยว โดยการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยว ให้น่าจดจำ มีการกระจายรายได้ด้านการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น และบูรณาการการทำงาน ด้านการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา                             

จัดขึ้นภายใต้กิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า จำนวนทั้งหมด 6 เส้นทาง ภายใต้แนวคิด 6 แสง มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา ดังนี้ เส้นทางที่ 1 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเทียน แสงธรรม”(จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งดำเนินในวันนี้ โดยกิจกรรมเริ่มต้น ณ ลานกิจกรรมหน้าหอพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่น นั่งรถรางใส่ขันดอกอินทขิล การจุดเทียนเสริมสิริมงคล ณ วันศรีสุพรรณ ลอดซุ้มประตูโขงตะแหลว 7 ชั้นกราบพระประธาน วันโลกโมฬี และนั่งรถชมเมืองเชียงใหม่ยามเย็น โดยมีเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน 

สำหรับเส้นทางที่ 2 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเวียงเขลางค์”(จังหวัดลำปาง) เส้นทางที่ 3 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงสี...ปายยามเย็น” (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) เส้นทางที่ 4 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเวียง” (จังหวัดเชียงราย)เส้นทางที่ 5 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงศรัทธา” (จังหวัดพะเยา)และ เส้นทางที่ 6 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงแห่งวิถี” (จังหวัดลำพูน) กิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าและ  กิจกรรมสาธิต กิจกรรมตามประเพณีพื้นถิ่น “มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา” ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา เส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เปิดมุมมองและประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว กระจายรายได้ด้านการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น

(สุรินทร์) แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยัน การเจรจาไทย-กัมพูชา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจ จะไม่มีการใช้กำลังซึ่งกันและกัน

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยัน การเจรจาไทย-กัมพูชา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจ จะไม่มีการใช้กำลังซึ่งกันและกัน อันทำให้เดือดร้อนและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างแน่นอน พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับทหารฝ่ายกัมพูชา ณ หน่วยประสานงานประจำพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่สอง จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ช่วงค่ำวันนี้ว่า 

จากการเจรจาระหว่างทหารฝ่ายไทย นำโดย พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก กับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ ให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมอย่างน้อยฝ่ายละ 200 เมตร เพื่อรอคณะกรรมการปักปันเขตแดนโดยกระทรวงการต่างประเทศจะมีการประชุม JBC ร่วมกัน ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ เร่งแก้ปัญหาการถือแผนที่ไม่ตรงกัน สรุปว่าในปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย มีความเข้าใจกันดี และทั้ง 2 ประเทศจะต้องหาเวลาพูดคุยกัน เพื่อยุติข้อขัดแย้งที่จะนำมาซึ่งการใช้อาวุธต่อกัน ขอให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไปสู่การใช้กำลังที่จะทำให้เดือดร้อนและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างแน่นอน

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top