Sunday, 1 June 2025
ค้นหา พบ 48515 ที่เกี่ยวข้อง

พิษณุโลก แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนา สัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 3 รุ่นที่ 6 (พสบ.ทภ.3 รุ่นที่ 6)

(29 พ.ค. 68) เวลา 10.45 นาฬิกา พลโท กิตติพงษ์  แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3  เป็นประธานพิธีเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพภาคที่ 3 รุ่นที่ 6 (พสบ.ทภ.3 รุ่นที่ 6) ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมฯ จำนวน 82 คน  ประกอบด้วย  ข้าราชการทหาร  ตำรวจ จำนวน 20  นาย ข้าราชการพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์กรของรัฐ จำนวน 17 คน และนักธุรกิจภาคเอกชน จำนวน 45 คน ณ ห้องคอนเวนชั่น 1 ชั้น 5 โรงแรมท็อปแลนด์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี ระหว่างทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์อันจัดส่งผลให้เกิดการสนับสนุน ส่งเสริมพลังมวลชนในระดับผู้บริหาร และสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของชาติ และการพัฒนาประเทศ
ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของกองทัพบก พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่าย ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ภัยคุกคาม ด้านความมั่นคงของประเทศ โดยมีเนื้อหาวิชาที่สำคัญ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ภาควิชาการ ประกอบด้วย การบรรยายการสร้างอุดมการณ์ความรักชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ภารกิจ และการดำเนินงานของกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 3 ปัญหาภัยคุกคาม ที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ การเดินตามศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนา ประเทศและความยั่งยืนรวมทั้งการสื่อสารดิจิทัล ภาคปฏิบัติประกอบด้วย การจัดเวทีเสวนา การเสวนาระดมความคิดเห็น การทัศนศึกษา กิจกรรมพัฒนาสัมพันธ์และการดำเนินงานจิตอาสา ทั้งนี้ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้ร่วมเป็นเครือข่ายและสนับสนุนงานด้านความ มั่นคงของชาติ และร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาอย่างสร้างสรรค์ในนามของ 

สมาชิก พสบ.ทภ.3 ต่อไป

ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าวพิษณุโลก

ผู้นำฝ่ายค้าน ชี้ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อเท่านั้น ทางพรรคประชาชนจึงไม่มีประเด็นคัดค้าน

เมื่อวันที่ (28 พ.ค.68) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยมีสาระสำคัญคือ เปลี่ยนชื่อสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ เป็น สำนักงานพระคลังข้างที่ โดยระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ถูกคณะรัฐมนตรีเสนอเข้ามาในวันนี้ (28 พ.ค.2568) เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ 'สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์' ตามกฎหมายปี 2561 เป็น 'สำนักงานพระคลังข้างที่' เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ พรรคประชาชนจึงไม่มีประเด็นอะไรที่จะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ณัฐพงษ์ จะกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า "สุดท้ายขอยืนยันว่าผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนจะทำหน้าที่พิทักษ์ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ Constitutional Monarchy ซึ่งก็คือระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธธรรมนูญ เราจะระวังไม่ให้กฎหมายใดถูกติฉินครหาได้ว่ามีใครพยายามทำให้หลุดพ้นไปจากหลักอันเป็นหัวใจของ Constitutional Monarchy นั่นคือการที่พระมหากษัตริย์ทรง 'ปกเกล้าไม่ปกครอง' อันเป็นการรักษาพระราชสถานะของพระประมุขให้ปราศจากการเมืองอย่างแท้จริง"

‘ฮุน เซน’ ลั่นอาวุธพร้อม...รอสอยเครื่องบินรบไทย มั่นใจระบบป้องกันภัย KS-1C ยิงไกล 70 กม.

(29 พ.ค. 68) ภายหลังจากเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี วานนี้ (28 พ.ค.) ล่าสุด สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ให้สัมภาษณ์สื่อยืนยันว่า กัมพูชามีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมยิงตอบโต้เครื่องบินรบหากถูกคุกคาม โดยระบุว่าสามารถสกัดเป้าหมายได้ในระยะหลายสิบกิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการป้องกันประเทศ

ปัจจุบัน กัมพูชาได้รับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ Kaishan-1C (KS-1C) จากรัฐบาลจีน ซึ่งเป็นระบบพื้นสู่อากาศระยะกลางที่มีระยะยิงไกลสุด 70 กิโลเมตร และเพดานยิงสูงสุด 27 กิโลเมตร โดยเป็นหนึ่งในระบบที่สมเด็จฮุน เซนกล่าวถึงในการยืนยันศักยภาพของประเทศด้านการป้องกันภัยทางอากาศ

คำแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเพจ “กองทัพอากาศไทย” เผยแพร่ภาพการฝึกยุทธวิธีของฝูงบิน 211 จากกองบิน 21 อุบลราชธานี ซึ่งจำลองการรบทางอากาศและการโจมตีเป้าหมายภาคพื้น เพื่อเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงและปกป้องอธิปไตยของชาติหากเกิดเหตุจำเป็น

ตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย 'AI Police' ชลบุรีนำร่องอบรมต่อเนื่อง ครอบคลุมตำรวจทุกสายงาน พัฒนาสื่อประชาสัมพันธ์ยุคใหม่ ใกล้ชิดประชาชน

ตำรวจภูธรภาค 2 สานต่อนโยบาย 'AI Police' ของ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เดินหน้าพัฒนาและขับเคลื่อนศักยภาพตำรวจทุกจังหวัดในสังกัดก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยมี ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดนำร่อง จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อตำรวจยุคใหม่ด้วย AI” ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ขยายผลครอบคลุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสายงานในสังกัด รวมกว่า 150 นาย สร้าง 'ตำรวจ AI' ที่พร้อมใช้เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและการสื่อสารกับประชาชนอย่างทันสมัย โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้กับองค์กร

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 ที่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อตำรวจยุคใหม่ด้วย AI” เป็นครั้งที่ 2 ภายใต้นโยบายสำคัญของ พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ที่มุ่งเน้นให้ตำรวจทุกจังหวัดในสังกัดพัฒนาเทคโนโลยี AI มาใช้ในการปฏิบัติงาน โดยครั้งนี้ได้ขยายขอบเขตการฝึกอบรมให้ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสายงาน ทั้งฝ่ายป้องกันปราบปราม สืบสวน สอบสวน จราจร งานธุรการ-อำนวยการ ตลอดจนงานประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข่าวสาร ตอกย้ำความพร้อมของชลบุรีในฐานะจังหวัดต้นแบบของภาค 2

พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี AI มากยิ่งขึ้น สามารถนำไปใช้ลดขั้นตอน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทุกด้าน และยกระดับการให้บริการประชาชนผ่านโซเชียลมีเดียในรูปแบบที่ทันสมัย ตอบโจทย์การสื่อสารยุคใหม่ พร้อมทั้งเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและใกล้ชิดประชาชนยิ่งขึ้น

พล.ต.ท.ยิ่งยศ ผบช.ภ.2 เน้นย้ำว่า AI คือเครื่องมือที่ตำรวจยุคใหม่ต้องรู้จักใช้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกหน้างาน ไม่ว่าจะเป็นงานสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม งานจราจร งานธุรการ-อำนวยการ รวมถึงงานประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนรับทราบ เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานให้รวดเร็ว ทันสมัย และโปร่งใส พร้อมย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดของงานตำรวจคือ ความจริงใจ ความรับผิดชอบต่อสังคม การยึดหลักกฎหมาย และจริยธรรม ในการสื่อสารและปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่เทคโนโลยีอย่าง AI ยังไม่สามารถทดแทนได้

“เราต้องใช้ AI เป็นเครื่องมือ แต่หัวใจคืองานตำรวจที่รับผิดชอบต่อประชาชน” พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าว

การอบรมต่อเนื่องในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของตำรวจภูธรภาค 2 ในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่อนาคต สร้างตำรวจยุคใหม่ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของประชาชน เปิดกว้างให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของตำรวจอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และสร้างความมั่นใจในบทบาทของตำรวจไทยยุคดิจิทัล พร้อมเตรียมขยายผลความสำเร็จนี้ไปยังทุกจังหวัด ในสังกัดต่อไป

สื่อนอกชี้! เวียดนามคือจุดหมายใหม่ของนักเดินทาง สวยกว่า ถูกกว่า อาหารอร่อย น่าเที่ยวกว่าไทย

(29 พ.ค. 68) สื่อต่างประเทศรายงานว่า เวียดนามกำลังกลายเป็นทางเลือกใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างจากไทย ด้วยธรรมชาติที่หลากหลายและวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนเริ่มยกย่องเวียดนามว่าให้ประสบการณ์ที่เหนือกว่าไทย ทั้งในด้านสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และความคุ้มค่าของค่าใช้จ่าย

เวียดนามมีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกหลายแห่ง เช่น อ่าวฮาลองที่งดงามด้วยเกาะหินปูนและน้ำสีมรกต, เมืองมรดกโลกฮอยอันที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์, และเกาะฟู้โกว๊กกับหาดทรายขาวสวยสงบ รวมถึงเส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์ “Ha Giang Loop” ในภาคเหนือที่โด่งดังในหมู่นักผจญภัย

นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่สูงเมื่อเทียบกับไทย อาหารเวียดนามทั้งสด อร่อย และดีต่อสุขภาพ เช่น เฝอ บั๋นหมี่ และปอเปี๊ยะ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟไข่ กาแฟมะพร้าว หรือกาแฟเกลือ ที่มีรสเข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์

แม้การท่องเที่ยวในเวียดนามจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่จำนวนยังไม่มากเท่าไทย ซึ่งทำให้หลายพื้นที่ยังคงมีความสงบและเสน่ห์เฉพาะตัว เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาทางเลือกใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top