Thursday, 15 May 2025
ค้นหา พบ 48079 ที่เกี่ยวข้อง

‘พีระพันธุ์’ บินถกซื้อไฟฟ้าตรงจาก สปป. ลาว หลังพบบางเขื่อนผลิตไฟกำลังทยอยหมดสัมปทาน

(14 พ.ค. 68) แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำลังเดินไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ตามคำเชิญของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีลาวในวันที่ 14-15 พ.ค. 68

ทั้งนี้ ทางสปป.ลาว ได้มอบหมายให้สะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และดร.คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีพลังงาน และเหมืองแร่เป็นผู้เจรจาหารือ

การเดินทางไปดังกล่าวเป็นไปตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ครั้งนี้ จุดประสงค์หลักเพื่อการเจรจาซื้อไฟฟ้าเข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากมีบางเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่จะทยอยหมดสัมปทาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้จะมีผู้ที่เข้าไปขอสัมปทานเพื่อนำมาขายให้ไทยอีกทอดหนึ่ง

“เมื่อสามารถซื้อไฟจาก สปป. ลาวได้โดยตรงก็จะทำต้นทุนลดลง ซึ่งก็จะมีผลทำให้ช่วยลดค่าไฟฟ้าในประเทศได้ เนื่องจากการรับซื้อไฟแต่เดิมจาก สปป.ลาว จะต้องผ่านโบรกเกอร์ หรือคนกลางก่อนที่จะมาถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จึงทำให้ราคารับซื้อสูง”

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวต่ออีกว่า นายพีระพันธุ์พอจะรับทราบปัญหาดังกล่าวในการรับซื้อไฟที่ผ่านคนกลาง ซึ่งมีผลทำให้ราคารับซื้อสูง จึงพยายามหาทางเจรจาให้ค่าไฟให้ถูกลง

อย่างไรก็ดี หากถามว่าจะสามารถซื้อไฟฟ้าจาก สปป. ลาวได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยไทยมีความพร้อม และไม่มีปัญหาเรื่องการซื้อไฟจำนวนมากหากสามารถทำได้ โดยมองว่าอะไรที่ถูก ไทยจะไม่ผลิตเอง

'ดร.กอบศักดิ์' จับตาศึกการค้า สหรัฐฯ - จีน เชื่อยกนี้ "คงไม่ง่าย และ จีนอาจจะไม่ยอม”

(14 พ.ค. 68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และประธานคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

เริ่มยกสอง - US vs China !!!
หลังจาก Total Reset จากกรุงเจนีวา
ควันหลงก็ตามมา
ทั้งจีนและสหรัฐต่างพยายาม Claim ว่า

การปรับลดภาษีลงมาทั้งสองฝ่าย -115%
เป็นชัยชนะของตนเอง
โดยสหรัฐบอกว่าเป็นความสำเร็จ
สามารถสร้าง Geneva Mechanism สำหรับการพูดคุยของสองฝ่าย
ส่วนจีน ไปไกลถึงบอกว่า เป็นความสำเร็จในการต่อสู้ ยืนหยัด ไม่โอนอ่อน
สามารถรักษาศักดิ์ศรีของจีนไว้ได้

สุดท้ายสหรัฐก็ต้องยอม "Chicken Out" ยอมถอยไปเอง
ไม่ได้อะไรจากจีน
ต่างคน ต่างคิดคนละ 10% เท่ากัน ภายใต้ Reciprocal Tariffs
ต่างจากอีกหลายๆ ประเทศ ที่ต้องมายอมเอาใจสหรัฐ
หลังจากนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของยกสอง
แต่ยกนี้ คงไม่ง่าย
เพราะสหรัฐต้องการ

1. ปรับ Imbalances หรือความไม่สมดุลด้านการค้าที่ยิ่งใหญ่ ดังแสดงในภาพ
ซึ่งจีนเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
พร้อมๆ กับการที่สหรัฐขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นทะลุ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ เช่นกัน
ความไม่สมดุลนี้ สะสมมาหลายปี เป็น Gap ใหญ่มาก จะเปลี่ยนได้ จีนต้องเปลี่ยนใหญ่หลายเรื่อง
2. ย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐ ในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสำคัญๆ
3. เปิดตลาดจีนในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้บริษัทสหรัฐ รวมถึง Google, Facebook, X, YouTube
4. ขอให้จีนบริโภคให้มากขึ้น ออมน้อยลง

ซึ่งแต่ละอย่าง ต้องขอบอกว่า "ไม่ง่าย" และ จีนอาจจะไม่ยอม
มาดูกันครับ ทั้งสองฝ่าย
จะตกลงกันได้ไหมในช่วง 90 วันข้างหน้า
จะกลับมาทะเลาะกันอีกครั้งหรือไม่
แต่รอบนี้ คงไม่ลุกลามเหมือนรอบที่แล้ว
เพราะคงได้บทเรียนกันทั้งสองฝ่ายแล้วว่า

ผลกระทบที่ตามมาต่อธุรกิจ โรงงาน แรงงาน
สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงกับทั้งสองฝ่าย
และ Geneva Mechanism ที่ท่าน รมต Bessent บอก
ก็จะช่วยเป็นกันชน ไม่ทะเลาะกันผ่านสื่อ
ไม่รอว่าใครจะโทรหาก่อน
ช่วยลดความร้อนแรงไปบางส่วน

จีนประกาศลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สั่งระงับในอัตรา 24% เป็นเวลา 90 วัน แต่คงอัตราภาษี 10 % สินค้าบางรายการ ชี้เป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ

(14 พ.ค. 68) จีนประกาศปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เริ่มมีผลตั้งแต่เวลา 12.01 น. ของวันพุธที่ 14 พ.ค. โดยคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนระบุว่าจะมีการระงับอัตราภาษีบางส่วนเป็นเวลา 90 วัน พร้อมคงอัตราภาษีตามมูลค่าไว้ที่ร้อยละ 10 สำหรับสินค้าบางรายการ

การปรับครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงจากประกาศก่อนหน้า ซึ่งกำหนดภาษีเพิ่มเติมที่ร้อยละ 84 และ 125 กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ต่อมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่จีนมองว่าไม่เป็นธรรม

ภายใต้มาตรการล่าสุด จีนจะยกเลิกอัตราภาษีที่เคยปรับเพิ่มตามประกาศฉบับที่ 5 และ 6 ที่ออกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อคลายความตึงเครียดและส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศ

คณะกรรมการภาษีศุลกากรฯ ระบุว่า การปรับลดภาษีในครั้งนี้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภคทั้งในจีนและสหรัฐฯ และมีส่วนช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ รวมถึงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม

‘ฉางอาน’ เข้าพบนายกฯ ลุยตั้งศูนย์ R&D ดันไทยเป็นฐานผลิตรถ EV พวงมาลัยขวา

บริษัทฉางอาน ออโต้โมบิล (CHANGAN) เตรียมเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกนอกประเทศจีนอย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 16 พฤษภาคมนี้ พร้อมวางแผนตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์พวงมาลัยขวา และจัดตั้งสำนักงานภูมิภาคในไทย เพื่อดูแลตลาดเอเชียแปซิฟิก เพิ่มการจ้างงานคนไทยกว่า 2,000 คน

นายจู ฮวาหลง ประธานบริษัท พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อหารือแนวทางขยายการลงทุน โดยมีเลขาธิการบีโอไอร่วมให้ข้อมูลถึงแผนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรไทย ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและผู้ผลิตชิ้นส่วนท้องถิ่น

โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ที่นิคม WHA อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 จ.ระยอง มีกำลังผลิตเริ่มต้น 100,000 คันต่อปี ตั้งเป้าใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 65% ภายในปีนี้ และเพิ่มเป็น 80% ภายในปี 2571 โดยได้รับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอกว่า 10,000 ล้านบาทในเฟสแรก

บีโอไอระบุว่าแผนจัดตั้งศูนย์ R&D ครั้งนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคการผลิต และสร้างโอกาสให้แรงงานทักษะสูงของไทยเติบโตไปกับอุตสาหกรรม EV ระดับภูมิภาค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top