Sunday, 27 April 2025
ค้นหา พบ 47704 ที่เกี่ยวข้อง

‘อนุทิน’ รับสนิทผู้ว่าฯ สตง. กว่า 10 ปี ยันไม่เคยช่วยเหลือกรณีตึกถล่ม ซัดเพจดังสร้างข่าวเท็จ

(6 เม.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมงานครบรอบการก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ที่สำนักงานใหญ่พรรค กรณีเพจ CSI LA เผยแพร่ภาพความสนิทสนมระหว่างตนกับนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการสอบสวนเหตุอาคารสำนักงาน สตง. ถล่ม

นายอนุทินยอมรับว่า ตนสนิทกับนายมณเฑียรจริง และเป็นเพื่อนรักกันมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ร่วมกัน โดยตนเป็นประธานรุ่น ส่วนนายมณเฑียรเป็นเลขารุ่น ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์ในเชิงส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ พร้อมย้ำว่า ข้อมูลที่อ้างว่ามีการช่วยเหลือกันในกรณีอาคารถล่มนั้น “เป็นเรื่องเท็จ และเป็นการกุข่าวโดยไร้หลักฐาน”

“เรื่องความเป็นเพื่อนกัน เราไม่ได้ปฏิเสธ แต่จะบอกว่าเราช่วยเหลือกันในเรื่องไม่ถูกต้อง แบบนั้นมันไม่จริง และไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ” นายอนุทินกล่าว

พร้อมกันนี้ นายอนุทินยังระบุว่า อาคารดังกล่าวไม่ได้มีการลงนามในสัญญาก่อสร้างโดยนายมณเฑียร เพราะเจ้าตัวเพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง. ได้ไม่นาน และได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อช่วงปลายปี 2567 ในขณะที่อาคารก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ

“รูปที่เขาเอาไปโพสต์กัน บางรูปก็เก่ามาก ตั้งแต่สมัยยังไม่มีรอยตีนกาเลยด้วยซ้ำ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะนำเสนอข้อมูล เพราะกรณีนี้มีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครจะไปช่วยใครให้รอดพ้นความผิดได้” นายอนุทินกล่าว

รองนายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า การสอบสวนเหตุอาคารถล่ม เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีใครแทรกแซงหรือชี้นำได้ โดยคณะกรรมการสอบสวนประกอบด้วยตัวแทนจากสภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และจากหลายมหาวิทยาลัย เพื่อความโปร่งใส

“ถึงแม้จะสามารถแทรกแซงได้ ผมก็จะไม่ทำ เพราะมันไม่ถูกต้อง และไม่มีใครควรช่วยคนผิดให้รอดจากความผิดกรณีแบบนี้เด็ดขาด” นายอนุทินกล่าวหนักแน่น

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการดำเนินการทางกฎหมายกับเพจที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “ถ้าไม่จริง จะไปฟ้องทำไม เรื่องมันไม่ใช่ก็ไม่ต้องทำอะไร แค่ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น”

ทั้งนี้ นายอนุทินยังเปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับนายมณเฑียรเมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) ผ่านกลุ่มไลน์ร่วมกัน ยอมรับว่าอีกฝ่ายมีความเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งก็ต้องมาเจอปัญหาใหญ่

ท้ายที่สุด นายอนุทินย้ำว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อผิดพลาดด้านวิศวกรรมและโครงสร้างอาคาร ส่วนประเด็นการทุจริตหรือฮั้วประมูล เป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งกำลังดำเนินการควบคู่กันไป

“นี่คือเรื่องเศร้า และเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าทำไมถึงเกิดขึ้น และไม่มีทางที่ผมจะช่วยใครให้ผิดเป็นถูกได้เด็ดขาด” นายอนุทินกล่าวทิ้งท้าย

กระทรวงอุตฯ พบ บริษัททุนจีน นำเข้ายางรถยนต์เก่า ไม่ผ่าน QC ลบยี่ห้อพิมพ์เพิ่ม Made in Thailand ย้อมเป็นยางรถใหม่ ออกขาย-ส่งออก

(6 เม.ย. 68) กระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบริษัททุนจีนรายใหญ่ที่ตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ในประเทศไทย หลังพบพฤติกรรมต้องสงสัยหลายประการ ทั้งในด้านการผลิต การใช้แรงงาน และการนำเข้าวัตถุดิบ

เบื้องต้นพบว่า บริษัทดังกล่าวนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากประเทศจีน รวมถึงใช้แรงงานฝีมือจากจีนเป็นหลัก โดยไม่จ้างแรงงานท้องถิ่นที่มีทักษะ 

พร้อมกันนี้ ยังตรวจพบว่า บริษัทมีการลักลอบนำเข้ายางรถยนต์เก่าจากจีนที่ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย แล้วทำการ “ลบตรา-โลโก้สินค้า” ออกจากยางเหล่านั้น ก่อนกระจายไปยังร้านยางในเครือข่ายทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค

นอกจากนี้ ยังมีการพบว่า ยางรถยนต์ตกมาตรฐานบางส่วน ถูกนำไปพิมพ์ชื่อสินค้าใหม่ พร้อมติดฉลาก "Made in Thailand" ก่อนส่งออกจำหน่ายในราคาถูกไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์และมาตรฐานของสินค้ายางรถยนต์ไทยอย่างรุนแรง

จากการเข้าตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าของบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบยางที่ผ่านการแปลงสภาพถูกจัดวางรวมกับยางใหม่ อีกทั้งยังมีป้ายติดระบุชัดว่า “Export Only” สะท้อนให้เห็นถึงเจตนานำส่งสินค้าต่ำกว่ามาตรฐานออกนอกประเทศอย่างชัดเจน

ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการรอคำชี้แจงจากทางบริษัท เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรัดกุม และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายหากพบการกระทำความผิดจริง โดยจะนำผลสอบเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาใช้มาตรการต่าง ๆ ต่อไป

ในส่วนของสิทธิพิเศษตามโครงการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่บริษัทได้รับนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเข้าข่ายการละเมิดเงื่อนไขหรือไม่ ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณา

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเร่งดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องผู้บริโภค และรักษาชื่อเสียงของสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำที่ขาดจริยธรรมและละเมิดมาตรฐานสากล

สวีเดนทุ่มงบ 100 ล้านโครนา อัปเกรดบังเกอร์ทั่วประเทศ เน้นความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินระดับชาติ หลังร่วม NATO

(6 เม.ย. 68) สวีเดนจะจัดสรรเงิน 100 ล้านโครนา (ราว 334 ล้านบาท) สำหรับการตรวจสอบ ควบคุม และปรับปรุงที่พักพิงป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ โดยตั้งแต่ปี 2024 หน่วยงานรับมือเหตุฉุกเฉินของสวีเดน (MSB) ได้เพิ่มการตรวจสอบบังเกอร์ของประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 64,000 แห่ง

ตามแถลงการณ์ของ MSB ประเทศสวีเดน ซึ่งได้เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ในเดือนมีนาคม 2024 ยังลงทุนด้านการพัฒนาบริการฉุกเฉิน การเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเติมเต็มเวชภัณฑ์ทางการแพทย์อีกด้วย 

การปรับปรุงบังเกอร์คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปี จนถึงขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ 25 แห่งจากทั้งหมด 80 แห่งแล้ว ซึ่งสามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคน ในปี 2025 

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีสวีเดน อุลฟ์ คริสเตอร์สัน กล่าวว่าประเทศ “ไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสันติภาพ” พร้อมประกาศเพิ่มงบกลาโหมเป็น 2.4% ของ GDP ในปีนี้ และตั้งเป้าเป็น 2.6% ภายในสามปี

สตอกโฮล์มได้เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันประเทศมาตั้งแต่ปี 2014 และตั้งแต่ปี 2022 ก็ได้เปิดใช้โครงการ “การป้องกันโดยรวม” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระดมทรัพยากรทั้งหมดของสังคมในยามวิกฤต

การปรับปรุงศูนย์หลบภัยนิวเคลียร์ของสวีเดนเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้นและความกังวลด้านความปลอดภัยในยุโรป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำนึงถึงความขัดแย้งที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในยูเครน การเป็นสมาชิกนาโตของสวีเดนทำให้ความมุ่งมั่นในการป้องกันประเทศร่วมกันของสวีเดนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และประเทศกำลังดำเนินการเชิงรุกเพื่อให้แน่ใจว่าสวีเดนสามารถเตรียมพร้อมในกรณีฉุกเฉินได้

การเน้นย้ำถึง "การป้องกันประเทศโดยรวม" เป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสวีเดนในการรักษาระดับความพร้อมรบสูง โดยทรัพยากรทางทหารและพลเรือนถูกผนวกรวมเข้ากับการวางแผนความมั่นคงแห่งชาติ 

นอกจากนี้ความคิดริเริ่มนี้ยังเป็นการเตือนถึงความพยายามของยุโรปในวงกว้างที่จะเพิ่มความสามารถในการรับมือภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งทางทหารแบบเดิม

จีนสั่งห้ามส่งออก ‘สินค้าสองทาง’ ให้สหรัฐฯ หวั่นกระทบความมั่นคง พร้อมขึ้นบัญชีดำ 16 หน่วยงานมะกัน

(6 เม.ย. 68) กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกครั้งใหม่ โดยมีมติ ห้ามการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้ทั้งในทางพลเรือนและทางทหาร (สินค้าสองทาง) ไปยัง หน่วยงานของสหรัฐอเมริกา 16 แห่ง พร้อมทั้งระบุว่า ได้เพิ่มชื่อหน่วยงานเหล่านี้ลงในบัญชีควบคุมการส่งออกของจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มาตรการดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ การควบคุมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และการถ่ายโอนเทคโนโลยีที่มีความอ่อนไหว

แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า การดำเนินมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อ “ปกป้องผลประโยชน์ความมั่นคงแห่งชาติของจีน และรักษาความเป็นธรรมทางการค้า” โดยสินค้าสองทาง (Dual-use Goods) ที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดนี้ ครอบคลุมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ซอฟต์แวร์ควบคุมอัตโนมัติ เทคโนโลยีการสื่อสาร และอุปกรณ์ที่สามารถประยุกต์ใช้ในด้านการทหาร

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อของหน่วยงานทั้ง 16 แห่งอย่างละเอียด แต่คาดว่ารวมถึงหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ การวิจัยด้านความมั่นคง และอุตสาหกรรมอาวุธ

นักวิเคราะห์ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้อาจเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อมาตรการจำกัดการส่งออกชิป และเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศที่ยืดเยื้อยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ จีนย้ำว่า ยังคงยึดมั่นในหลักการการค้าที่ยุติธรรมและเปิดกว้าง แต่ก็จะไม่ยอมให้มีการใช้นโยบายทางเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการกดดันหรือแทรกแซงกิจการภายในของประเทศ

‘ดร.เสรี’ เตือน!! ดัน ‘กาสิโน’ อย่าดูถูก!! พลังประชาชนผู้รักชาติ ลั่น!! ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ไม่ต้องพึ่งอบายมุข

(7 เม.ย. 68) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าเสียงคัดค้านอึงมี่ขนาดนี้ จะยอมถอยกันบ้างไหม

พรรคที่เป็นแกนนำและพรรคร่วม ไม่มีพรรคใดหาเสียงไว้ว่าจะมี Entertainment Complex ที่มี Casino แล้วทำไมต้องเร่ง

สส. ทั้งหลาย ท่านเป็น’ผู้แทนราษฎร’ ทำงานเพื่อประชาชน หรือเป็นตัวแทนนายใหญ่ ทำงานเพื่อประโยชน์ของนายใหญ่

องค์กรทางศาสนาหลักของประเทศประกาศไม่เอา Casino ทำจดหมายเปิดผนึกให้รัฐบาล ไม่รู้ว่า ครม. และ สส. จะนำพาหรือไม่

มือ Keyboard ใน Social media แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันชัดเจนว่าไม่ต้องการ Casino  เพราะผลกระทบเชิงลบทางสังคมมีมากมาย

แม้จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ไม่ฟังเสียงข้างน้อยในเรื่องที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ยอมไม่ได้ รัฐบาลก็เสี่ยงนะ

ตอนนี้การลงถนนอาจจะไม่มากพอที่จะทำให้รัฐบาลหวั่นไหว แต่อย่าได้ดูแคลนพลังประชาชนที่ไม่ต้องการให้ประเทศไทยมี Casino

รัฐบาลอ้างว่า Casino จะส่งเสริมการท่องเที่ยว ขอบอกว่าประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยไม่ต้องอาศัยอบายมุข

ไม่ว่าจะอ้างรายได้มากแค่ไหน หลายฝ่ายต่างก็มองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะผลกระทบเชิงลบทางสังคมนั้น มันจะทำลายประเทศไทย

ฟังเสียงประชาชนในภาคส่วนต่างๆแล้ว อย่าดันทุรังเลย ถอยเถอะ ถ้าไม่อยากเสี่ยง อย่ายโสโอหังว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก

ฟังเสียงประชาชนแล้วถอยดีกว่าจะต้องเผชิญกับชะตากรรมที่นักการเมืองทั้งหลายไม่ต้องการ ถ้าหากมันจำเป็น คนที่เขาทำให้รัฐบาลพ้นจากอำนาจได้ เขาก็อาจจะทำนะคะ

อย่าดูถูกพลังประชาชนผู้รักชาติที่เมื่อถึงเวลาที่จำเป็น พวกเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนต่อต้านรัฐบาลทั้งกิจกรรม online และ offline นะคะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top