Monday, 9 June 2025
ค้นหา พบ 48649 ที่เกี่ยวข้อง

จับขบวนการจัดหาบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

บัญชีม้าถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะใช้บัญชีม้าสำหรับรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกลวง บัญชีม้าจะมีอายุไม่เกิน 5 วันจะถูกอายัด แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงต้องจัดหาบัญชีม้าใหม่เข้ามาอยู่ในความควบคุมเพื่อสแกนหน้ารับโอนและโอนเงินต่อไปยังเงินคริปโตเคอเรนซี่

สืบสวนภาค 2 ได้สืบทราบขบวนการจัดหาบัญชีม้าผ่านโซเชี่ยลมีเดีย จึงได้ให้สายลับติดต่อรับจ้างเปิดบัญชีโดยจะได้รับค่าตอบแทนบัญชีละ 4,000 บาท ต่อมาเมื่อ 19 มีนาคม 2568 เมื่อสายลับตอบตกลงได้มีหนึ่งในขบวนการโทรศัพท์ติดต่อสายลับและขับรถมารับที่ย่าน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตามที่นัดหมาย โดยผู้ขับรถได้รับหญิงบัญชีม้าอีกคนหนึ่งมาด้วยแล้วพาตระเวนเปิดบัญชีม้าตามธนาคารต่าง ๆ คนละ 4 บัญชี จากนั้นได้พาเดินทางไปยัง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อส่งบัญชีม้าให้กับคนท้องถิ่นพาข้ามแดนไปยังเมืองปอยเปต กัมพูชา เพื่อสแกนหน้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถคันนี้มาตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.รถได้จอดที่บริเวณศูนย์การค้าอินโดจีน เพื่อรอคนท้องถิ่นมารับพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าแสดงตัวตรวจสอบและจับกุม พบนายเดชฯขอสงวนนามสกุลเป็นผู้ขับรถ พบสายลับและบัญชีม้าชื่อน.ส.พัชรีฯขอสงวนนามสกุล รวมบัญชีม้า 2 คน อยู่ในรถ พบในตัวน.ส.พัชรีฯมีบัญชีธนาคารออมสิน 2 บัญชี กรุงไทย และกสิกรไทย รวม 4 บัญชี เปิดบัญชีเมื่อ 19 มีนาคม 2568 เพื่อนำไปใช้ในขบวนการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ สอบถามให้การยอมรับว่ารับจ้างเปิดบัญชีเหล่านี้ให้ผู้อื่นโดยได้รับค่าตอบแทน โดยนายเดชฯเป็นผู้นำพาไปเปิดและจ่ายเงินค่าเปิดบัญชีให้ จึงจับกุมนายเดชฯในข้อหาเป็นธุระจัดหาบัญชีม้า จับกุมน.ส.พัชรีฯในข้อหาเปิดบัญชีม้าให้ผู้อื่น อันเป็นความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

ขอประชาสัมพันธ์ว่าบัญชีม้าถือเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการจัดหาบัญชีม้ามีความผิดข้อหาเป็นธุระจัดหาฯมีอัตราโทษสูงถึง 5 ปี ปรับ 500,000 บาท ผู้เปิดบัญชีม้ามีอัตราโทษ 3 ปี ปรับ 300,000 บาท ซึ่งที่ผ่านศาลลงโทษจำคุกเกือบทุกราย ขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งการจัดหาบัญชีม้า เป็นผู้เปิดบัญชีม้า หรือนำพาบัญชีม้าข้ามแดน  นอกจากนั้นหากบัญชีม้ามีเงินจากการฉ้อโกงหลอกลวงโอนเข้าบัญชีจะมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชนอีกส่วนหนึ่งด้วย

‘เซเลนสกี’ ยกหูคุย ‘ทรัมป์’ 1 ชั่วโมง การสนทนาเป็นไปด้วยดี เชื่อสันติภาพเกิดขึ้นได้ในปีนี้

(20 มี.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เขาได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนเป็นที่เรียบร้อย โดยการสนทนาดังกล่าวเป็นไปด้วยดีและใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

ทรัมป์ระบุผ่าน Truth Social ว่า “การหารือส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการที่ผมได้สนทนากับประธานาธิบดีปูตินเมื่อวานนี้ เพื่อทำให้ความต้องการของรัสเซียและยูเครนสอดคล้องกัน ซึ่งเรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายดังกล่าว”

ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีได้กล่าวว่า เขาจะสนทนาทางโทรศัพท์กับทรัมป์ เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐฯ จับตาการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง 30 วันระหว่างรัสเซียและยูเครน

“เราเห็นชอบร่วมกันว่ายูเครนกับสหรัฐฯ ควรทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อบรรลุจุดจบที่แท้จริงของสงครามและสันติภาพที่ยั่งยืน” เซเลนสกี กล่าว “เราเชื่อว่าการร่วมมือกับอเมริกา กับประธานาธิบดีทรัมป์ และภายใต้การนำของอเมริกา จะนำพาสันติภาพที่ยั่งยืนที่สามารถเกิดขึ้นได้ในปีนี้”

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเมื่อวานนี้ (19 มี.ค.) โดยปูตินเห็นพ้องที่จะให้มีการหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันต่อเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในยูเครน

เซเลนสกีกล่าวว่า คำพูดของปูตินยังคงไม่เพียงพอ และยูเครนจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าในประเทศ เพื่อให้สหรัฐฯ และพันธมิตรช่วยจับตาการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง

“ผมหวังว่าจะมีการควบคุมในเรื่องนี้ ซึ่งผมเชื่อว่าควรจะมาจากสหรัฐฯ ขณะที่ยูเครนพร้อมปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งถ้ารัสเซียไม่โจมตีโรงไฟฟ้าของเรา เราก็จะไม่โจมตีโรงไฟฟ้าของพวกเขา” เซเลนสกีกล่าว

การสนทนาระหว่างทรัมป์และเซเลนสกีในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะคารมกันในทำเนียบขาว ซึ่งการพูดคุยล่าสุดผู้นำทั้งสองต่างบอกว่าเป็นไปด้วยดี

นอกจากนี้ มีรายงานว่าทรัมป์และเซเลนสกีได้หารือเกี่ยวกับกระบวนการสร้างสันติภาพ และโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าไปเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

หลายฝ่ายเฝ้าจับตามองการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูตินที่เกิดขึ้นนานกว่า 2 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ ในขณะเดียวกัน เซเลนสกีได้ขอให้ทรัมป์สนับสนุนด้านการป้องกันทางอากาศเพิ่มเติม เพื่อปกป้องจากการโจมตีของรัสเซีย โดยทรัมป์กล่าวว่าจะช่วยหาอุปกรณ์ทางทหารที่จำเป็น

อย่างไรก็ดี การสนทนาระหว่างผู้นำทั้งสองในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อยุติความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาค

โฆษกรัฐบาลแจงทริปอุยกูร์ ยันเจ้าหน้าที่จีนไม่ขอตรวจภาพสื่อ แค่ขอให้เบลอภาพตามสิทธิ์ ย้ำไม่มีงามไส้ ตามที่สื่อไทยบางคนกล่าวอ้าง

(20 มี.ค. 68) นายประณต วิเลปสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวจากไทยรัฐ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า งามไส้ ! ทริปอุยกูร์ นักข่าวไทยที่ไปโดนหน่วยความมั่นคงจีนประกบ แถมขอสแกนภาพที่จะส่งกลับไทยด้วย

และยังโพสต์ต่อด้วยว่า ข้อปฏิบัติ การรายงานข่าว ของสื่อไทย 1.เบลอหน้า ชาวอุยกูร์ และครอบครัว 2.เบลอหน้าจนท.จีน หรือหลีกเลี่ยงภาพจนท.จีน

ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งร่วมคณะนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเยือนมณฑลซินเจียง ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจีน ไม่มีการขอตรวจภาพแต่อย่างใด เป็นเพียงการขอความร่วมมือ ให้ “เบลอ” ภาพของบุคคล ตามกฎหมายเหมือนกับกรณีที่สื่อไทย "เบลอภาพ ของชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับประเทศจีนขณะออกอากาศ" เท่านั้น

ตามที่ มี สื่อมวลชน เผยแพร่ข้อความว่า "งามไส้ ทริปอุยกูร์ นักข่าวไทยโดนหน่วยความมั่นคงจีนประกบ แถมขอสแกนภาพที่จะส่งกลับไทยด้วย" นั้น จึงเป็นการพูดเกินข้อเท็จจริง

รัสเซียเปิดแผนผลิตลิเธียม 60,000 ตันภายในปี 2030 หนุนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้า ลดการพึ่งพาต่างชาติ

(20 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติรัสเซียประกาศแผนผลิตลิเธียมคาร์บอเนตอย่างน้อย 60,000 เมตริกตันภายในปี 2030 เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้ากำลังสูงและลดการพึ่งพาการนำเข้า

ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญอื่น ๆ รวมถึงแร่หายาก (Rare Earth) ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เสนอทำข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครนและรัสเซีย เพื่อแข่งขันกับจีนที่ครองตลาดแร่หายากอยู่ในปัจจุบัน

รัสเซียมีแผนเปิดดำเนินการแหล่งลิเธียมสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ Kolmozerskoye, Polmostundrovskoye และ Tastygskoye ภายในปี 2030 เพื่อสนับสนุนการผลิตลิเธียมในประเทศ โดยในปี 2023 รัสเซียผลิตลิเธียมได้เพียง 27 ตัน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองมรกต

“การผลิตลิเธียมในประเทศจะช่วยให้รัสเซียสามารถควบคุมต้นทุนและจัดหาวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติรัสเซีย กล่าว

อย่างที่ทราบกันดีว่า ความต้องการลิเธียมเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการพัฒนาแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้า ส่งผลให้การผลิตลิเธียมในประเทศจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซีย

แผนดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลรัสเซียในการพัฒนา เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งจำเป็นต่อการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems - ESS)

นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากรัสเซียสามารถเพิ่มกำลังผลิตลิเธียมได้ตามแผน จะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในตลาดโลกและลดต้นทุนของแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิวัติพลังงานสะอาด

ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และครองอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม รัสเซียกำลังวางแผนเพิ่มขีดความสามารถในการแปรรูปและกลั่นแร่ลิเธียม เพื่อลดการพึ่งพาจีนและสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลก

แผนการผลิตลิเธียมของรัสเซียนี้มีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันด้านทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญระหว่างมหาอำนาจ โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนอข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครนและรัสเซีย เพื่อสกัดอิทธิพลของจีนในตลาดแร่หายาก

ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียเตรียมออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้เพิ่มเติม รวมถึงการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาแหล่งทรัพยากรลิเธียมของประเทศ

รัฐบาลมาเลเซียจับมือ Ocean Infinity บริษัทสำรวจใต้ทะเล เริ่มค้นหาเครื่องบินที่สาบสูญรอบใหม่ มาเลเซียแอร์ไลน์ ‘MH370’

(20 มี.ค. 68) นายแอนโธนี โลค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย ประกาศว่ารัฐบาลมาเลเซียได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท Ocean Infinity เพื่อเริ่มต้นปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 อีกครั้ง

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หายไปพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ระหว่างเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังปักกิ่ง ถือเป็นหนึ่งในปริศนาการบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปฏิบัติการค้นหาก่อนหน้านี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของเครื่องบินได้

Ocean Infinity บริษัทสำรวจใต้ทะเลจากสหรัฐฯ เคยได้รับมอบหมายให้ค้นหา MH370 ในปี 2018 โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ใต้น้ำ (Autonomous Underwater Vehicles – AUVs) แม้จะมีความก้าวหน้าในการค้นหา แต่ก็ไม่พบซากเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีและข้อมูลที่พัฒนาเพิ่มเติมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจเพิ่มโอกาสในการค้นพบซากเครื่องบินในครั้งนี้

“เราหวังว่าปฏิบัติการค้นหาใหม่จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และนำความจริงมาสู่ครอบครัวของผู้โดยสารและลูกเรือที่รอคอยคำตอบมานานกว่าทศวรรษ” นายแอนโธนี โลค กล่าว

แม้รายละเอียดของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลมาเลเซียและ Ocean Infinity จะยังไม่ได้รับการเปิดเผยทั้งหมด แต่นายโลคระบุว่า เงื่อนไขของสัญญาจะเป็นแบบ "No Find, No Fee" หมายความว่า Ocean Infinity จะได้รับค่าตอบแทนก็ต่อเมื่อสามารถค้นพบซากของ MH370 เท่านั้น

รูปแบบข้อตกลงนี้เคยถูกนำมาใช้แล้วในภารกิจค้นหาเมื่อปี 2018 ซึ่ง Ocean Infinity ได้ทำการสำรวจพื้นที่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้กว่า 112,000 ตารางกิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องบินได้

ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมองว่า การค้นหา MH370 ครั้งใหม่นี้อาจได้รับประโยชน์จาก ข้อมูลดาวเทียมและการวิเคราะห์กระแสน้ำในมหาสมุทรที่ได้รับการปรับปรุง ซึ่งอาจช่วยระบุพื้นที่ค้นหาที่แม่นยำยิ่งขึ้น

“เรายังเชื่อว่า MH370 อยู่ในบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ และเราหวังว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะช่วยให้การค้นหาประสบความสำเร็จ” โอลิเวอร์ พลังก์ (Oliver Plunkett) ซีอีโอของ Ocean Infinity กล่าว

ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้สูญหายจาก MH370 ยังคงเฝ้ารอคำตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และการค้นหาใหม่ในครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายในการไขปริศนาที่ดำเนินมากว่าสิบปี รัฐบาลมาเลเซียและ Ocean Infinity คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติการค้นหาในช่วงปลายปี 2024 นี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top