รัสเซียเปิดแผนผลิตลิเธียม 60,000 ตันภายในปี 2030 หนุนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้า ลดการพึ่งพาต่างชาติ
(20 มี.ค. 68) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติรัสเซียประกาศแผนผลิตลิเธียมคาร์บอเนตอย่างน้อย 60,000 เมตริกตันภายในปี 2030 เพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้ากำลังสูงและลดการพึ่งพาการนำเข้า
ลิเธียมและแร่ธาตุสำคัญอื่น ๆ รวมถึงแร่หายาก (Rare Earth) ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เสนอทำข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครนและรัสเซีย เพื่อแข่งขันกับจีนที่ครองตลาดแร่หายากอยู่ในปัจจุบัน
รัสเซียมีแผนเปิดดำเนินการแหล่งลิเธียมสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ Kolmozerskoye, Polmostundrovskoye และ Tastygskoye ภายในปี 2030 เพื่อสนับสนุนการผลิตลิเธียมในประเทศ โดยในปี 2023 รัสเซียผลิตลิเธียมได้เพียง 27 ตัน ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองมรกต
“การผลิตลิเธียมในประเทศจะช่วยให้รัสเซียสามารถควบคุมต้นทุนและจัดหาวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดได้อย่างยั่งยืน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติรัสเซีย กล่าว
อย่างที่ทราบกันดีว่า ความต้องการลิเธียมเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการพัฒนาแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้า ส่งผลให้การผลิตลิเธียมในประเทศจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของรัสเซีย
แผนดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลรัสเซียในการพัฒนา เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งจำเป็นต่อการผลิต รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems - ESS)
นักวิเคราะห์ชี้ว่า หากรัสเซียสามารถเพิ่มกำลังผลิตลิเธียมได้ตามแผน จะช่วยให้ประเทศสามารถแข่งขันในตลาดโลกและลดต้นทุนของแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการปฏิวัติพลังงานสะอาด
ปัจจุบัน จีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกลิเธียมรายใหญ่ที่สุดของโลก และครองอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม รัสเซียกำลังวางแผนเพิ่มขีดความสามารถในการแปรรูปและกลั่นแร่ลิเธียม เพื่อลดการพึ่งพาจีนและสร้างอำนาจต่อรองในตลาดโลก
แผนการผลิตลิเธียมของรัสเซียนี้มีขึ้นท่ามกลางการแข่งขันด้านทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญระหว่างมหาอำนาจ โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยเสนอข้อตกลงแร่ธาตุกับยูเครนและรัสเซีย เพื่อสกัดอิทธิพลของจีนในตลาดแร่หายาก
ทั้งนี้ รัฐบาลรัสเซียเตรียมออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้เพิ่มเติม รวมถึงการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาแหล่งทรัพยากรลิเธียมของประเทศ